ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 941 ความลับ (1)
“ถ้าเจ้าเอาชนะเผ่าเวท และรักษาความสงบได้หมื่นปี ข้าจะสู้กับเจ้า” หนี่ว์วานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมา
อัคคีเทพหงส์เพลิงบนตัวลู่เซิ่งหายเกลี้ยงไปในพริบตาราวกับถูกน้ำราดดับ ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ในเมื่อผู้วิเศษไม่มีความตั้งใจ ก็ถือว่าข้าเสียมารยาทไปเองก็แล้วกัน” เขายังคงยิ้มจางๆ เหมือนกับความฮึกเหิมบ้าคลั่งเมื่อก่อนหน้าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
แต่หนี่ว์วาเข้าใจดีว่า เมื่อครู่ลู่เซิ่งต้องการสู้กับนางจริงๆ
เป็นคนบ้าโดยแท้
เปลือกนอกสงบนิ่ง แต่ภายในกระหายสงครามอย่างบ้าคลั่ง แต่พอดูจากการแสดงออกเมื่อครู่ นางกลับรู้สึกประหลาดใจ
เป็นเพราะว่าคนบ้าเช่นนี้มักเดินมาไม่ถึงจุดนี้ คนเช่นนี้มักตายไประหว่างทางเพราะทำศึกมากเกินไปจนเกิดอาการบาดเจ็บภายในมากมาย
ดังนั้นเขาจะต้องมีที่พึ่งบางอย่างอยู่แน่นอน
แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางไม่ใช่ผู้วิเศษมรรคาฟ้าที่ควบคุมทุกสิ่ง คำนวณได้ทุกอย่างเหมือนกับหงจวิน
“หวังว่าเจ้าจะทำอย่างที่พูดได้” หนี่ว์วาเอ่ยประโยคสุดท้าย แล้วยกนิ้วข้างหนึ่ง ปลายนิ้วปรากฏแสงสีแดงพุ่งไปหาลู่เซิ่ง
แสงสีแดงสลายไป ด้านในคือยันต์หยกสีแดงแผ่นหนึ่ง
ลู่เซิ่งยื่นมือไปจับยันต์ เงยหน้ามองขึ้นไปกลับไม่เห็นเงาร่างของหนี่ว์วาแล้ว
“เผ่าเวท…ข้าไม่คิดจะเสียเวลาอยู่นี่เป็นหมื่นปีหรอก...” เขาบีบยันต์จนแหลกละเอียด ยันต์ผู้วิเศษแบบนี้ไม่มีทางเก็บได้นาน หลังจากส่งข้อมูลเสร็จ ก็จะหายไปเอง
ลู่เซิ่งขบคิดจะเรียกระดมเทพปีศาจใต้สังกัดตนที่ยังเหลือรอดอยู่
ทันใดนั้นทะเลเมฆบนท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน
ควันดำหลายสายระเหยขึ้นมาจากด้านล่าง ทะลุชั้นเมฆขาว แพร่เชื้อและกัดกร่อนเมฆขาวรอบๆ อย่างรวดเร็วเหมือนกับหนอนสีดำนับไม่ถ้วน
ซากอุทยานปีศาจที่อยู่ใกล้ถูกสีดำคืบคลานเข้าไปอย่างช้าๆ
ลู่เซิ่งกวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา สองตาเรืองแสงสีแดง มองทะลุชั้นเมฆและควันดำไปยังแผ่นดินด้านล่าง ควันดำนับไม่ถ้วนกำลังรองรับทัพใหญ่เผ่าเวทยาวเหยียด กำลังมุ่งหน้าเหาะไปอุทยานสวรรค์ด้วยความเร็วสูง
ก่อนหน้านี้เพื่อรุมเขา อุทยานปีศาจได้เรียกทัพปีศาจที่เรียกได้ทั้งหมดมาเป็นการชั่วคราว
เวลานี้การป้องกันปรากฏรูโหว่ กอปรกับสาเหตุต่างๆ ทัพรักษาการณ์พังทลาย ในที่สุดเผ่าเวทก็เจาะแนวป้องกันขึ้นมายังอุทยานสวรรค์ได้อย่างแท้จริง
ลู่เซิ่งเผยสีหน้าเย็นชา ก่อนหน้านี้เขาทดสอบระดับพลังของตัวเองในตอนนี้ได้แล้ว คือแข็งแกร่งกว่าจอมอริยะมาก แต่สู้ผู้วิเศษไม่ได้
สามารถสู้กับของวิเศษก่อนกำเนิดสองชิ้นในมือจอมอริยะได้ แต่นี่ก็เป็นขีดจำกัดแล้ว นอกเสียจากว่าเขา…
“ฆ่า!”
เสียงคำรามป่าเถื่อนรบกวนความคิดของเขา
มือยักษ์สีดำข้างหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากกลางทะเลเมฆที่ถูกควันดำย้อม แล้วตะปบใส่อาณาเขตกลุ่มใหญ่ที่ลู่เซิ่งอยู่
แขนข้างนั้นยาวหมื่นหมี่ กว้างหลายร้อยหมี่ ตัวเต็มไปด้วยขนสีดำ มีหกนิ้ว เพลิงสีดำลุกไหม้บนปลายนิ้ว
“มู่จุย” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเย็น
“ขอรับ!”
มนุษย์ต้นไม้สีดำขนาดยักษ์ยืนขึ้นท่ามกลางซากอุทยานปีศาจ มันสูงหมื่นลี้ สิ่งที่โตบนกิ่งไม่ใช่ใบไม้ หากเป็นหนวดสีม่วงอมดำนับไม่ถ้วน
บนลำต้นของมนุษย์ต้นไม้มีดวงตาสีทองพันดวง เบิกตาขึ้นมองไปยังมือยักษ์สีดำ
“แสงเทพไร้ลักษณ์!”
ฟ้าวๆๆๆ!
ชั่วพริบตานั้นมีแสงสีทองนับไม่ถ้วนยิงลงมาเหมือนกับฝนแสง ราวกับมีฝนสีทองตกลงมาจากท้องฟ้า
มู่จุยมองอิทธิฤทธิ์ของตนเองอย่างชื่นชม เขาเมื่อก่อนหน้านี้ปล่อยอิทธิฤทธิ์ได้อย่างมากไม่กี่วินาทีก็ไม่เหลือพลังและอ่อนล้าอย่างสมบูรณ์แล้ว
ทว่านาทีนี้ เขารู้สึกได้ว่าด้านในมีพลังที่ใช้ไม่มีวันหมด อิทธิฤทธิ์ทะลักอย่างบ้าคลั่ง
แสงเทพไร้ลักษณ์นี้ ขอแค่สิ่งใดสัมผัสก็จะถูกหลอมละลายย่อยสลายในพริบตา ราวกับไม่เคยปรากฏบนโลกนี้มาก่อน
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น
เทพปีศาจสิบกว่าตนที่ก่อนหน้านี้รอดมาได้ พากันออกมาจากซากปรักหักพัง เดิมทีบนตัวพวกเขามีบาดแผลเล็กน้อย เวลานี้กำลังสมานตัวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้ ผิวที่สมานตัวไม่เหลือไว้แม้แต่รอยแผล
ไม่รอให้ลู่เซิ่งออกคำสั่ง พวกเขาก็ปล่อยอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปหาทะเลเมฆสีดำ
หนามพิษนับไม่ถ้วนที่ลุกไหม้ด้วยไฟสีขาว แถบแสงที่เหมือนกับรุ้งกินน้ำ ก้อนน้ำกรดขนาดยักษ์สีแดงเข้มหลายกลุ่มที่ระเบิดอย่างต่อเนื่อง
อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ถูกใช้อย่างเต็มที่
มือดำที่เพิ่งโผล่มาไม่ทันแตะถูกอะไร ก็โดนอิทธิฤทธิ์กลุ่มใหญ่ทำลายแหลกเละ
ไม่เพียงนี้เท่านั้น ทะเลเมฆสีดำทั้งหมดถึงขั้นถูกกระแทกเป็นรูขนาดยักษ์กว้างหลายหมื่นลี้
ผู้บัญชาการเผ่าเวทที่อยู่ด้านล่างประจัญหน้ากับเทพปีศาจของลู่เซิ่งพอดี
ผู้นำของเผ่าเวท คือจู๋จิ่วอิน ชายชราผู้ถือไม้เท้า
ดวงตาสีเหลืองฝ้าฟางของเขาช้อนขึ้นมองลู่เซิ่งเป็นอันดับแรก
“ฆ่า!”
จู๋จิ่วอินไม่ได้พูดอะไร ทราบว่าเวลานี้เป็นเวลาที่อ่อนแอที่สุดของปีศาจ จึงออกคำสั่งบุกทันที
ลู่เซิ่งเพิ่งเคยเจอคู่ต่อสู้ที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เป็นครั้งแรก หนำซ้ำพลังของอีกฝ่ายยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนอกจากผู้วิเศษที่เขาเคยเจอมาอีกด้วย
“สังหาร!” เขาเองก็ไม่พูดให้มากความ ถ่ายทอดคำสั่งลงมือทันที
ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องฆ่าฟันของทัพใหญ่นับไม่ถ้วนก็ผสมปนเป ปะทะกันอย่างดุเดือดเหมือนคลื่นเสียง
เหล่าทัพปีศาจที่เหลือรอดทราบว่าหากเวลานี้ยังไม่เสี่ยงชีวิต ก็เหลือแค่ทางตายสถานเดียว
เทพปีศาจหลายตัวที่อาการบาดเจ็บ ฟื้นฟูเรียบร้อยแล้วโผล่ออกมาด้านหลังลู่เซิ่งทีละตนๆ ยังมีเทพปีศาจไม่น้อยบินมาจากอาณาเขตอื่น นั่นคือเทพปีศาจจากที่อื่นที่เขาฝังกาฝากไว้แล้ว
พวกเขาส่วนใหญ่เฝ้าอยู่ที่ฐานทัพด้านนอก เวลานี้พากันนำทัพกลับมา ในเวลาแค่สิบกว่าอึดใจ ทางฝั่งอุทยานปีศาจก็มีเทพปีศาจเพิ่มมาสามสิบกว่าตน บวกกับพวกที่เหลือรอดอยู่ก่อนหน้า จึงมีเกือบห้าสิบตนที่ลงมือ
แม้ไม่มีทัพใหญ่คอยช่วยเหลือ แต่เทพปีศาจที่ถูกฝังกาฝากมาก่อนเหล่านี้ ต่างก็เหี้ยมหาญไม่กลัวตาย ขอแค่หัวไม่หลุด ก็ไม่ส่งผลต่อพลังต่อสู้
และหากหัวหลุดเมื่อไร ค่อยเก็บขึ้นมากดไว้ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็จะกลายเป็นวีรชนคนหนึ่งภายใต้การประกอบของหนวดนับไม่ถ้วน
ร่างกายของพวกเขาเหมือนกับเป็นอมตะ
แต่ลู่เซิ่งทราบว่านี่ไม่ใช่ร่างอมตะของจริง ร่างอมตะของพวกเขาขึ้นอยู่กับว่าพลังเทพนอกรีตที่ฝังอยู่บนร่างพวกเขาจะถูกใช้หมดหรือไม่
แต่ของอย่างพลังเทพนอกรีตไร้รูปร่างหน้าตา พลังกัดกร่อนแข็งแกร่งสุดขีด ใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด จอมเวทของเผ่าเวทกลุ่มใหญ่เพิ่งปะทะกับเหล่าเทพปีศาจ ก็เสียท่าทันที
พลังเทพนอกรีตนับไม่ถ้วนมองเมินสภาวะโจมตีอันร้ายกาจที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา ทะลุทุกสิ่งอย่างเหมือนเงาลวงตา มุดเข้าปากและจมูกของพวกเขาทันที
จอมเวทกลุ่มใหญ่หลายสิบคนถูกฝังกาฝาก พลังเทพนอกรีตควบคุมให้พวกเขาทรยศ หันไปสังหารเผ่าพันธุ์เดิมของตน
“บัดซบ!” จู๋จิ่วอินกำลังจะอัญเชิญบรรพชนเวทไปรุมโจมตี พอเห็นเช่นนี้ก็ตกใจ
แม้พวกเขาจะมั่นใจว่าสู้เทพปีศาจหงส์เพลิงสีขาวตนนั้นได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้พวกเขาจัดการอีกฝ่ายได้ รอถึงเวลานั้น เผ่าพันธุ์ของตนคงตายหมดสิ้นแล้ว
บทสรุปแบบนั้นไม่มีความหมายแม้แต่น้อย
“ถอย!” พวกเขาจะต้องทำความเข้าใจโดยเร็วที่สุดว่า พลังประหลาดชนิดนั้นคืออะไรกันแน่ ก่อนหน้านั้นจะเปิดศึกอีกไม่ได้
จู๋จิ่วอินตัดสินใจสั่งถอยทัพทันที
“พี่ใหญ่ ไม่แน่ว่าเมื่อกำจัดหงส์เพลิงสีขาวตนนั้น จะขจัดการควบคุมได้!” โกวหมางเสนอเสียงขรึม
“ไม่ได้ พวกเราเดิมพันไม่ไหว!” จู๋จิ่วอินหน้าเคร่งเครียด เดิมทีคิดจะมาข่มขู่สักเล็กน้อย ดูว่าจะหาประโยชน์อะไรได้หรือไม่ นึกไม่ถึงว่าพบหน้าก็เสียจอมเวทไปหลายสิบคนทันที
ใจเขากำลังปวดร้าว
“พาคนเจ็บมา พวกเราไป!” เขาออกคำสั่งทันที
“ข้าเอง!” ตี้เจียงแค่นเสียงเย็นชา พร้อมโบกปีกทั้งสองข้าง
ฉับพลันนั้นสมรภูมิทั้งหมดพลันหยุดนิ่ง มิติถูกเขาหยุดเอาไว้
“เปลี่ยน!” ตี้เจียงตวาด พวกจอมเวทฝังกาฝากที่เพิ่งจะสู้อยู่ในเผ่าพันธุ์ตัวเอง ถูกส่งข้ามมิติไปยังที่ใดไม่รู้
เหล่าเทพปีศาจแห่งอุทยานปีศาจยังคิดจะลงมือ สัตว์ประหลาดที่มีใบหน้ามนุษย์แปดข้าง มีร่างกายเป็นเสือ และมีหางแปดเส้น ลอยขึ้นจากในเมฆดำ
“พายุคลั่ง!”
แสงสีดำกลุ่มหนึ่งกะพริบ ฟ้าดินพลันม้วนเอาลมดำนับไม่ถ้วนขึ้นมา
ลมดำสะกดทัพใหญ่ของเผ่าปีศาจเอาไว้ ขณะเดียวกันก็อำพรางให้เผ่าเวทเริ่มล่าถอยด้วยความเร็วสูงด้วย
ลมดำนี้มีพลังทำลายล้างไม่นับว่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน เพียงสัมผัสก็กัดกร่อนและแช่แข็งร่างของเผ่าปีศาจทันที
ลู่เซิ่งสั่งความคิด เขาไม่ค่อยรู้จักสิบสองบรรพชนเวทดี หากเร่งปะทะแบบนี้ โอกาสชนะถือว่าไม่มากนัก
“ทัพปีศาจทั้งหมดฟังคำสั่ง ล่าถอย!” เขากล่าว
ปัจจุบันเขาควบคุมเทพปีศาจเกือบทั้งหมด ส่วนพวกเทพปีศาจก็ควบคุมทัพปีศาจของอุทยานสวรรค์ไว้ทั้งหมด ทัพปีศาจนับพันๆ ล้านจึงตกอยู่ใต้การควบคุมของเขาโดยปริยาย
กล่าวได้ว่า อุทยานปีศาจในตอนนี้ นอกจากตงหวง ตี้ซวิน และซีเหอแล้ว สถานที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพเดิม เพียงแต่ระดับสูงสุดเปลี่ยนคนเท่านั้น
พร้อมกับที่เผ่าเวทล่าถอย ควันดำจำนวนมากก็สลายไปด้านล่างตามลมดำ ก้อนเมฆกลับมาเป็นสีขาวบริสุทธิ์อีกครั้ง
บนกำแพงเมฆที่ถูกเพิ่มความแข็งแกร่งเหนืออุทยานปีศาจเต็มไปด้วยศพทัพปีศาจที่หลงเหลือ ส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายในการต่อสู้กับเผ่าเวทเมื่อครู่
กองทัพปีศาจที่ต่อสู้กับลู่เซิ่งโดนอัคคีเทพหงส์เพลิงที่น่ากลัวและร้อนแรงเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
กุ่ยเชอส่ายศีรษะยักษ์น่าเกลียดทั้งเก้าหน้า เหาะเหินเข้ามา
“นายท่าน ตอนนี้ทำอย่างไรดี”
“คงสภาพเดิมไว้ ดวงอาทิตย์โคจรตามวิธีเดิมต่อไป ค่ายกลที่นั่นให้รักษาสภาพเดิม ไม่ต้องไปแตะต้อง ส่วนที่เหลือให้เริ่มสร้างอุทยานปีศาจใหม่” ลู่เซิ่งกำชับ
ดูตามตำนานเทพนิยาย ตอนนี้เขานับว่าชิงบัลลังก์สำเร็จแล้ว แม้ไม่อาจตัดรากถอนโคน แต่อย่างน้อยก็มั่นคงแล้ว
“แล้วเผ่าเวทล่ะ…” มู่จุยกลายเป็นร่างมนุษย์ ทิ้งตัวลงข้างลู่เซิ่ง แล้วเอ่ยถาม
“ไม่ต้องสนใจ ตอนนี้พวกมันเอาตัวเองไม่รอดด้วยซ้ำ” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างไม่นำพา ถ้าหากพลังเทพนอกรีตถูกทำลายง่ายขนาดนี้ อย่างนั้นเทพนอกรีตผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเทพอกรีตก็ไม่จำเป็นต้องอยู่แล้ว
พึงทราบว่าพลังชนิดนี้แทบก้าวข้ามพลังทั้งหมดนอกจากพลังอาวรณ์ที่เขาเคยเห็นมา มีแต่พลังเทพนอกรีตเท่านั้นถึงจะสู้กับพลังเทพนอกรีตได้ เรื่องนี้ลู่เซิ่งได้ทดสอบมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแล้ว
นี่เป็นพลังงานกาฝากประหลาดที่เกิดขึ้นเพื่อรับมือสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ
“พวกเราต้องสร้างอุทยานปีศาจขึ้นใหม่ เพื่อให้กลายเป็นเป้าเหนือท้องฟ้าจริงๆ หรือขอรับ” เทพปีศาจซังหยางที่อยู่ด้านข้างถามอย่างสงสัย
หลังถูกฝังกาฝาก เขาก็เปลี่ยนสภาพจิตใจ กลายเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของลู่เซิ่ง ที่เรียกเทพปีศาจเหล่านี้มารวมตัวอย่างรวดเร็วได้ ก็เป็นฝีมือของเขาเช่นกัน
โดยเฉพาะหลังจากเขาแต่งงานกับเฟยเหลียนผู้เป็นน้องสาวของตัวเอง และหลังจากทราบความรู้สึก ณ ก้นบึ้งจิตใจของตัวเอง ท่าทีที่ซังหยางมีต่อลู่เซิ่งก็กลายเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
……………………………………….