ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 936 ทดสอบ (2)
สถานที่ที่น่าสงสัยทั้งหมดมีอยู่เก้าแห่ง นี่คือแห่งที่เจ็ด
ตวนฟางมองเงาหลังของน้องสาวที่อยู่ไกลออกไป ตนเองหาพุ่มไม้แล้วก็ไปแอบซ่อนตัว
พลังปีศาจและพลังชีวิตบนตัวเขาจางลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับพร้อมตายได้ทกมื่อ อ่อนแอ ไม่สะดุดตายิ่ง
ตวนฟางตรวจสอบร่องรอยที่หลงเหลือบนพื้นไปทีละนิดๆ ตามพุ่มไม้
“ต่อให้จะมีอาคมซ่อนเร้นอำพราง ก็ต้องมีร่องรอยอาคมรวมถึงกลิ่นอายพลังปีศาจที่หลงเหลืออยู่แน่ ขอแค่เจอ แล้วเปิดฝาที่ถูกอำพรางไว้ออก ก็จะเจอสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรกได้” ตวนฟางจิตใจเคร่งเครียด
ตามการสันนิษฐานของเขา พุ่มไม้ผืนนี้ไม่น่าจะโตจนรกชัฏแบบนี้ ตำแหน่งเองก็ผิดปกติเล็กน้อย ไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
“ตอนนี้ควรเป็นเวลาพิสูจน์การคาดเดาของเราแล้ว”
ตวนฟางงอตัว เคลื่อนไหวไปตามพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง
เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป
จู่ๆ เขาก็ตัวสั่นเทา
“นี่ไง”
หลุมตื้นๆ ปรากฏตรงหน้าเขา ในสายตาของคนอื่น บางทีมันอาจเป็นเพียงหลุมธรรมดา แต่ในสายตาของเขา ในหลุมนี้มีพลังปีศาจที่อ่อนแอสิบชนิดผสมปนเปหลงเหลืออยู่
“พลังปีศาจหลงเหลือมากมายจริงๆ! เป็นการค้นพบครั้งใหญ่” ตวนฟางสะกดความลิงโลดในใจ ยื่นมือเข้าไปในหลุมดิน ลูบดินโคลนที่เปียกชื้นในหลุม
“ขอดูหน่อยเถอะว่า พลังปีศาจในนี้เป็นของเทพปีศาจตนไหนบ้าง…” เขาเลียริมฝีปาก ฝ่ามือค่อยๆ แตะก้นหลุม
พลังปีศาจพิเศษหลายสายค่อยๆ ซึมเข้าหลุมดิน สัมผัสกับพลังเทพปีศาจสายแรกด้านในอย่างเงียบงัน
“ผู้ใด!?” ทันใดนั้นเสียงบุรุษทุ้มต่ำทรงพลังก็แผดเสียงดังลั่นเหนือศีรษะ
ตวนฟางยังไม่ทันตอบสนอง ก็รีบเงยหน้าขึ้น เห็นแสงสีฟ้าสว่างไสวสายหนึ่งบินมาจากแต่ไกล แล้วทิ้งตัวลงทางนี้
กลิ่นอายพลังปีศาจที่กระจายออกมาจากแสงนั้น คือกลิ่นอายหนึ่งในซากพลังปีศาจที่เขาค้นพบเมื่อครู่
เขาตื่นตระหนก ลุกขึ้นยกขาเผ่นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง วิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างก็กลายเป็นควันขาว แล้วรวมตัวกับน้องสาวที่กลายเป็นควันขาวอีกที่หนึ่ง จากนั้นทั้งสองก็บินไปยังขอบฟ้าไกลด้วยความเร็วสูง
กลางป่า แสงสีฟ้าพุ่งลงพื้น กลายเป็นบุรุษสูงใหญ่ที่มีแขนสี่ข้าง
ไม่เพียงเขาเท่านั้น ในความมืดก็มีงูหลามสีดำสนิทตัวหนึ่งบินโฉบมาอย่างเงียบเชียบเช่นกัน
“มีคนมาตรวจสอบร่องรอยหลงเหลือที่พวกเราลงมือก่อนหน้า” บุรุษหน้านิ่งดั่งน้ำตายเอ่ยขึ้น
“ฆ่าพวกมันซะ!” งูหลามสั่งภาษามนุษย์ สายตาอำมหิต
“แยกกันเคลื่อนไหว!” บุรุษพยักหน้า แล้วกระโดดขึ้นกลายเป็นแสงสีฟ้า ไล่ตามไปยังตำแหน่งที่สองพี่น้องตวนฟางหลบหนี
งูหลามระเบิดร่างกลายเป็นควันดำ ใช้ทางลัด ปสกัดพวกตวนฟาง
ควันขาวกับแสงสีฟ้าแยกกันเป็นหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง พุ่งทะลุท้องฟ้า แสงสีฟ้าเร็วสุดขีด ต่อให้เป็นสายเลือดที่เชี่ยวชาญการหลบหนีของตวนฟาง ก็ยังไม่อาจหลบเลี่ยงการไล่ล่าได้
หลังจากทดลองสลัดหลุดหลายครั้งแต่ไร้ผล ตวนฟางก็กัดฟัน เปลี่ยนทิศทางไปด้านบน และพุ่งไปยังโถงสวรรค์
“ระวัง อดทนไว้!” เขาร้องตะโกน ขณะพุ่งตัวไปยังกองทัพของอุทยานสวรรค์ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างกะทันหัน
แต่ในเวลานี้เอง แสงสีฟ้าด้านหลังก็ทำลายแผนการของเขา มันพลันแค่นเสียง ความเร็วทวีขึ้นหลายเท่าตัว ไล่ล่าถึงด้านหลังพวกตวนฟางในทันที
ท่ามกลางแสงสว่าง มือยักษ์สีดำที่มีขนปุกปุยข้างหนึ่งตะปบใส่ควันขาวอย่างรุนแรง
“ในเมื่อพบแล้ว อย่างนั้นก็เอาเจ้าไว้ไม่ได้! ตายเสียเถอะ!”
มือดำยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็เรืองแสงสีทองเจิดจ้า เหมือนกับใจกลางฝ่ามือถือดวงแสงสีองไว้ดวงหนึ่ง ทว่าตวนฟางกลับเห็นอย่างชัดเจนว่า กลางฝ่ามือสีดำข้างนั้นมีดวงตาสีทองที่ค่อยๆ เปิดขึ้นดวงหนึ่ง
ยังไม่ทันเข้าใกล้ เขาก็รู้สึกได้ว่าแสงสีทองชนิดนั้นกระแทกใส่ร่างตัวเอง รู้สึกเจ็บปวดแสบร้อน ขณะเดียวกันเสียงร้องของน้องสาวก็ดังมา เห็นได้ว่านางทรมานเช่นกัน
“รีบหนีไป!” ตวนฟางท้อแท้สิ้นหวัง เวลานี้ เขาเพิ่งสัมผัสถึงความกังวลที่พวกไป๋เจ๋อซ่อนไว้ในใจตลอดมา
ความรู้สึกที่รู้ทั้งรู้ว่ามีวิกฤตการณ์เข้ามาใกล้ กลับหาทิศทางไม่เจอ ถึงขั้นถ่วงเวลาไม่ได้ ช่างย่ำแย่จริงๆ
เขาเสี่ยงชีวิตคิดใช้ร่างกายของตนเองไปต้านทานแสงสีทองสายนั้น หมายจะให้น้องสาวหนีได้ไกลกว่าเดิม กระนั้นสิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังก็คือ น้องสาวกลับทำเช่นเดียวกับเขา
นี่ทำให้พวกเขาที่เดิมทีอาจมีหนึ่งคนที่หนีรอดไปได้ ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนสูญเสียโอกาสหนีไปแล้ว
“ไม่!” ตวนฟางเบิกตาแทบถลน มองดูแสงสีทองแทงใส่น้องสาวอยู่กลางหมอกควัน ส่วนตัวเขาเองเข้าไปปกป้องไม่ทัน
“หนึ่งต้นธาราหมื่นภาพ ปฐมปัญญาฟ้าดิน”
ทันใดนั้นมีแสงสีขาวบริสุทธิ์สายหนึ่ง ระเบิดระหว่างเขากับแสงสีทอง เสียงบุรุษที่คุ้นเคยทะลุเข้ามาในหูของทุกคนที่อยู่รอบๆ
แสงสีทองและมือดำถูกกระแทกสลาย กลายเป็นหมอกควันกระจัดกระจายทันที มีเงาของฟ้าดินภูเขาลำธารขนาดเล็กปรากฏแวบหนึ่ง
“ไป๋เจ๋อ!? เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าไปแนวหน้าไม่ใช่หรือ!?” บุรุษลึกลับเจ้าของมือดำ ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเหลือเชื่อ เหมือนถูกบังคับให้รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง ใบหน้าฉายแววตื่นตระหนก
“ไป!”
ไป๋เจ๋อไม่ได้ให้คำตอบใดๆ เพียงระเบิดเสียงข้างหูตวนฟาง แสงสีขาวห่อหุ้มสองพี่น้องไว้ กลายเป็นดาวตกสีขาว แล้วหนีไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่า หายเข้าไปในกองทัพรักษาการณ์ของอุทยานสวรรค์
…
อุทยานปีศาจ
วังหงส์เพลิง
ลู่เซิ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเตี้ยสีแดง ประคองม้วนตำราม้วนหนึ่งในมือ
ตำราพลิกถึงครึ่งเล่ม ด้านบนเต็มไปด้วยข้อมูลพิเศษที่บันทึกไว้ด้วยอักษรโบราณ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเทพมารก่อนกำเนิด นี่เป็นคัมภีร์ล้ำค่าบางส่วนที่เขาเจอจากส่วนลึกของวังหงส์เพลิง
ก่อนหน้านี้หลังจากไปตามหาดวงตาแห่งความเลวทรามแต่ไร้ผล ลู่เซิ่งกลับมาทุ่มเทกับกระบวนการค้นหาข้อมูลต่างๆ
ดีที่เผ่าหงส์เพลิงเป็นเผ่าสัตว์เทพโบราณ แม้จะมีพลังไม่แข็งแกร่ง แต่ข้อมูลกลับเพรียบพร้อมยิ่ง
แกร๊ก
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา ตำราบนมือลู่เซิ่งสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะปิดตำรา ลุกขึ้นเดินไปถึงหน้าต่างห้องนอน
หลังจากหลอมรวมกับปฐมพลังของโลก จิตปฐมของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ทุกวัน
ความรู้สึกนี้เหมือนกับเจ้าของป้อนอาหารให้สัตว์เลี้ยง แต่กลับถูกสัตว์เลี้ยงกินมือที่ป้อนอาหารมันไปด้วย
ลู่เซิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงที่ว่า สำหรับโลกเทพนอกรีต เขาคือลูกรัก เป็นตัวตนที่ได้รับความสนใจ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ โลกเทพนอกรีตที่ถูกเขาชิงปฐมพลังของโลกมาสองหน่วย เหมือนจะไม่สนใจความเสียหายเท่านั้น ยังคงให้ความสนใจและดูแลเขาอย่างเต็มรักต่อไป
“ถ้ามีเวลามากกว่านี้คงดี…” ลู่เซิ่งถอนใจ มองดูหมอกขาวจางขมุกขมัวในวังหงส์เพลิงนอกหน้าต่าง
ถ้ามีเวลาอีกหน่อย มีพลังอาวรณ์เยอะอีกนิด เขาจะกลืนกินปฐมพลังของโลกบนโลกเทพนอกรีตได้อีกมากมาย
“นายท่าน” แสงสีเงินกลุ่มหนึ่งลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน ลอยอยู่ตรงหน้าลู่เซิ่ง
“มีคนกำลังตรวจสอบแผนการรุมเทพปีศาจของพวกเราเมื่อก่อนหน้านี้ ข้าสงสัยว่าร่องรอยการต่อสู้ที่ท่านทิ้งไว้ ถูกค้นพบแล้ว…”
“ถูกพบแล้วหรือ” ลู่เซิ่งมีสีหน้าคงเดิม การถูกพบเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิด เขาจึงไม่คิดอะไรมาก
“หยุดการเคลื่อนไหวอื่นก่อน รอคอยโอกาส นอกจากนี้…” ลู่เซิ่งขยับริมฝีปาก ส่งเสียงเข้ากลุ่มแสง มองจากด้านนอก จะเห็นเหมือนว่าเขาคุยกับตัวเอง ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกันแน่
“เข้าใจแล้วขอรับ” กลุ่มแสงสลายไปทันที
ลู่เซิ่งยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าต่าง เหมือนใคร่ครวญบางอย่างอยู่
ปัจจุบันเขาถึงระดับจอมอริยะแล้ว แต่ในฐานะจอมอริยะด้วยกัน ก็มีการแบ่งความแข็งแกร่งอ่อนแออยู่กว้างมาก ผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุด คือระดับอย่างหมิงเหอ แม้แต่ผู้วิเศษก็จัดการเขาไม่ได้ เป็นเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติฟ้าดิน แม้ผู้วิเศษจะมีความสามารถทำลายเขา แต่กลับไม่อาจทำได้ เป็นเพราะแบบนั้นเป็นการทำลายกฎ ส่งผลต่อการทำงานของหลักฟ้าดิน
จอมอริยะที่อ่อนแอหน่อยอย่างหงอวิ๋น นอกจากทำลายน้ำเต้าทิ้ง ก็ไม่มีของวิเศษที่ร้ายกาจเป็นพิเศษอีก การที่ถูกคุนเผิงชิงปราณม่วงสร้างโลกไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
พอนึกถึงของวิเศษ ดวงตาของลู่เซิ่งก็หรี่ลงเล็กน้อย
“ตอนนี้พลังฝึกปรือของเราเพียงพอแล้ว สิ่งที่ขาดคือของวิเศษสักชิ้น ของวิเศษก่อนกำเนิดมีเจ้าของมาแต่แรก สิ่งที่เราจะสอดมือได้ คือของวิเศษหลังกำเนิด”
ของวิเศษหลังกำเนิด เขามีแผนการอยู่แล้ว
ลู่เซิ่งผลักประตูเดินออกไป
ในเมื่ออุทยานปีศาจเริ่มเคลื่อนไหว อย่างนั้นเขาก็ควรจะเริ่มแผนการสักที
ลู่เซิ่งเดินออกจากลาน ลอยตัวขึ้นฟ้า แล้วบินไปยังวังเทพปีศาจที่ซ่อนเร้น
บินออกจากอาณาเขตค่ายกลของวังหงส์เพลิง ตัดทะลุตำหนักหอศาลาที่เวิ้งว้างผืนหนึ่ง หอเหล่านี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นพร้อมกับอุทยานสวรรค์ แต่เพราะเทพปีศาจที่ยินดีขึ้นสวรรค์มีอยู่ไม่มาก บวกกับเผ่าปีศาจที่ตายไปในการต่อสู้กับเผ่าเวทในหลายปีมานี้มีไม่น้อย ดังนั้นจึงเหลือที่ว่างมากมาย
ลู่เซิ่งบินตัดผ่านตำหนักที่ว่างเปล่าราวกับเมืองผี ไม่นานก็ทิ้งตัวลงด้านหน้าสิ่งก่อสร้างยักษ์ทรงสามเหลี่ยม ที่ประตูใหญ่มีรูปสลักไม้เท้าสีเงิน
ชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทา ก้มหัวจนเห็นหน้าไม่ชัดยืนอยู่หน้าตำหนัก
พอเห็นลู่เซิ่งลงมา ชายชราก็โค้งตัวน้อยๆ แสดงความเคารพ
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
ลู่เซิ่งพยักหน้า เดินตามชายชราเข้าประตูตำหนัก
เดินตัดผ่านรูปสลักนกประหลาดสีดำสนิทและอึมครึมหลายแถว ทั้งสองก็มาถึงหน้าบึงสีเงินทรงรีขนาดใหญ่
น้ำวิเศษกระจ่างใสที่เต็มบึงตอนแรกหายไปแล้ว กลับถูกแทนที่ด้วยเลือดสีแดงสด
หนวดสีดำอมม่วงนับไม่ถ้วนไต่ไปตามขอบบึง พวกมันขยับขยุกขยิก เหมือนเอาไว้ตกแต่งบึงน้ำ
ตรงขอบบึงมีจอมปีศาจหลายตนสวมหน้ากากสีดำ กำลังจับสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่ดิ้นรนหลายตัว โยนลงบึงน้ำ
“ใส่เทพปีศาจไปสิบสามตน และจอมปีศาจมากกว่าพันตน” ชายชราอธิบายเสียงเบา “ทั้งหมดเป็นพวกชราที่อยู่มาเกินแสนปี”
ลู่เซิ่งแสยะยิ้ม กวาดตามองจอมปีศาจกับราชาปีศาจจำนวนเหลือคณานับตรงส่วนลึกของตำหนักใหญ่ที่อยู่ใกล้บึงน้ำ พวกเขาต่างก้มหน้างุด ปากพึมพำอธิษฐานอะไรบางอย่างด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ศีรษะของเผ่าปีศาจทั้งหมดก้มคำนับแนบกราบกรานบึงน้ำ
“ผู้ที่ต่อต้าน ฝ่าฝืนคำสั่งสอน ล้วนเป็นพวกแปลกแยก ให้รับการตัดสินจากอัคคีเทพ ถ้าไม่อาจอธิษฐานบึงโลหิตเทพทั้งกายและใจ และสำนักความผิดของตัวเอง ก็จะเปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของบึงโลหิตเทพ หลอมรวมกับแสงสว่าง” ลู่เซิ่งกล่าวพลางเดินเข้าใกล้บึงเลือด
ชายชราก้มหน้าลงต่ำอยู่ด้านหลังเขา
ขณะที่ลู่เซิ่งเข้าใกล้ บึงเลือดก็ค่อยๆ เดือดพล่าน ประกายแสงสว่างไสวลอยขึ้นจากบึงเลือด
กลางประกายแสง กระบี่ยาวขนาดยักษ์ที่เก่าแก่และวิจิตรสีแดงเข้มเล่มหนึ่ง โผล่ขึ้นมาจากบึงเลือด
แสงสว่างสีแดงส่องสะท้อนใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆ ของลู่เซิ่ง สะท้อนแสงคลุมเครือชั่วร้ายยิ่ง
……………………………………….