ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 928 เลื่อนระดับ (2)
“แผนการในตอนนี้เน้นการดูสถานการณ์เป็นหลัก ยามนี้เป็นเวลาที่เผ่าเวทกำลังโกรธแค้นฮึกเหิมที่สุด พวกเราถ่วงเวลาไปสักพัก รอพวกเขาอ่อนแรงลง ค่อยวางแผนอีกที” ไป๋เจ๋อเอ่ยจริงจัง
“ดี” มหาเทพพยักหน้าเห็นด้วย
ปัจจุบันอุทยานปีศาจส่งทหารไปพันล้าน เทพปีศาจเกือบร้อยตน เทพปีศาจที่รั้งอยู่บนอุทยานปีศาจมีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น คิดจะคงสภาพการศึกไว้ พร้อมกับดักซุ่มโจมตีไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย
มหาเทพสอบถามสถานการณ์รบในแต่ละด้านอีกสักพัก ตบรางวัลให้แก่ผู้มีวีรกรรมใหญ่ในสงคราม และลงโทษปีศาจที่มีความผิด
จากนั้นการประชุมก็จบลง
หลังจากพวกปีศาจแยกย้ายกันไป ไป๋เจ๋อก็ไปพบกับอิงเจา ทั้งสองเป็นสหายสนิท จึงพูดคุยกันสบายๆ
ทั้งสองเดินออกจากตำหนักประชุม เดินไปตามราวกั้นหยกขาวของอุทยานสวรรค์ ชมเชยทะเลเมฆาพลิกม้วนด้านล่างพลางสนทนาชื่นมื่น
“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ไม่นานจิ่วอิงลงไปยังโลกเบื้องล่าง สังหารเซียงหลิ่วล้มเหลว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเราไปเยี่ยมกันดีหรือไม่” อิงเจาเป็นคนใส่ใจ เทพปีศาจที่สนิทกับเขามีไม่น้อย จิ่วอิงก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เพราะหน้าที่ ไป๋เจอเคยร่วมงานกับจิ่วอิงครั้งหนึ่ง นับถือกันเป็นสหาย ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ตำหนักจิ่วอิงอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากจะไปเยี่ยมเหมือนกัน วันนี้ว่างพอดี ไปด้วยกันเถอะ ไม่อย่างนั้นต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรอีก”
“เพียงแต่ด้วยความสามารถของจิ่วอิง ต่อให้สังหารเซียงหลิ่วไม่สำเร็จ ก็ไม่น่าถึงกับได้รับบาดเจ็บสิ…แม้เซียงหลิวจะเป็นสุดยอดจอมเวท แต่พลังอ่อนด้อยกว่าจิ่วอิงขั้นหนึ่ง ข้าเคยสู้กับเขามาก่อน” ไป๋เจ๋อขมวดคิ้วเบาๆ
“พูดถูกแล้ว ไปดูเดี๋ยวก็รู้” อิงเจาก็นิ่วหน้าเช่นกัน
ทั้งสองเป็นสุดยอดเทพปีศาจ มีความไวสูงสุด พริบตาเดียวก็มาถึงนอกตำหนักจิ่วอิง ปีศาจงูที่เฝ้าประตูเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเสียมารยาท รีบเข้าไปแจ้งข่าว
ไม่นานนักประตูตำหนักก็เปิดออก เสียงของจิ่วอิงดังมาจากด้านใน
“ท่านพี่ทั้งสอง เชิญเข้ามา!” เสียงหม่นหมองเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ไม่ดีเพราะได้รับบาดเจ็บ
ไป๋เจ๋อกับอิงเจาร่างวูบไหว ไม่นานก็เข้าไปในตำหนักหลักของตำหนักจิ่วอิง
ด้านในตำหนักใหญ่สีดำเข้ม บุรุษร่างกำยำผู้มีหัวหกข้าง นั่งประจัญหน้ากับสตรีตาเดียวคนหนึ่ง พอเห็นพวกเขาเข้ามา บุรุษก็รีบลุกขึ้น สีหน้าท้อแท้จางหายไป
“ท่านพี่ทั้งสอง ผู้น้องได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อาจต้อนรับท่านพี่มาเยี่ยมเยือนพร้อมกันได้ไม่ดีนัก!”
“ในเมื่อพี่จิ่วอีมีแขก เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อน” สตรีตาเดียวที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นก้มคำนับไป๋เจ๋อ ก่อนที่ร่างระเบิดกลายเป็นควันดำจากไป
“นางผู้นั้นคือ…?” อิงเจาถามอย่างสงสัย
“เป็นเฟิงโหวเฟยเหลียน” ไป๋เจ๋อรู้จักเทพปีศาจทั้งหมดในอุทยานปีศาจ จึงเอ่ยชื่อออกมาทันที
จิ่วอิงไม่ถูกกับพี่ชายของเฟยเหลียนไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ด้วยกันได้
อิงเจาเฉลียวใจ
เขาพิจารณาใบหน้าของจิ่วอิง สัมผัสพลังปีศาจในร่างอีกฝ่าย เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อิงเจาหยุดความฉงนไว้ในใจ นั่งสนทนากับจิ่วอิงพร้อมกับไป๋เจ๋อสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นผละออกมา
พอเดินออกมาด้านนอกตำหนักจิ่วอิง สีหน้าของอิงเจาก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกัน จนกระทั่งเดินออกมาไกล ใกล้จะถึงตำแหน่งที่ตำหนักดวงอาทิตย์ รอบข้างจึงร้อนระอุ
เขาค่อยหยุดฝีเท้าแล้วพิงกับรั้วกั้น
“พี่ไป๋เจ๋อ จิ่วอิงคบหากับเฟยเหลียนตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่ถูกกับซังหยางพี่ชายของเฟยเหลียนไม่ใช่หรือ”
“ข้าก็ประหลาดใจเช่นกัน ลงโลกด้านล่างไปรอบนี้ เหมือนจิ่วอิงจะแปลกๆ ไป…” ไป๋เจ๋อชาญฉลาดเจ้าแผนการ รอบรู้ดาราศาสตร์กับภูมิศาสตร์ จึงมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนี้
แม้เปลือกนอกของจิ่วอิงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไร แต่เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“ข้ากลับไม่รู้เลย แต่เหมือนช่วงนี้อุทยานสวรรค์จะเกิดความประหลาดเล็กน้อย…ไม่รู้ว่าไป๋เจ๋อท่านสัมผัสได้หรือไม่” อิงเจาไม่เพียงแต่เป็นเทพปีศาจที่มีพลังต่อสู้ในระดับสุดยอด ขณะเดียวกันยังรับผิดชอบจัดการเรื่องหยุมหยิมของอุทยานสวรรค์ทั้งหมดด้วย เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพของจักรพรรดิสวรรค์และตี้ซวิน ดังนั้นความรู้สึกในด้านนี้จึงไวยิ่ง
“หือ เรื่องอะไรหรือ” ไป๋เจ๋อหรี่ตา
“เดิมทีเทพปีศาจจะไปไหนมาไหนเพียงสองสามตน ต่างฝ่ายจะจับกลุ่มตามอาณาเขต ปกติแทบไม่มีการคบหาเพิ่มเติม แต่หนึ่งปีที่ผ่านมา…เทพปีศาจบางส่วนที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรนัก เริ่มติดต่อกัน ถึงขั้นมีเทพปีศาจซึ่งมีความแค้นกันสองสามตน ก็เริ่มละทิ้งความบาดหมางก่อนหน้าเช่นกัน” อิงเจาเอ่ยเสียงขรึม
“เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ” ไป๋เจ๋อรับผิดชอบการทำงานของค่ายกลต่างๆ ในอุทยานสวรรค์ จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก พอได้ยินอิงเจาพูดถึง ใจเขาก็รู้สึกผิดปกติบ้างแล้ว
“พอท่านพูดแบบนี้ ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยเห็นเทพปีศาจที่เดิมทีไม่ถูกกันพูดจาขบขันกันเช่นกัน”
อิงเจาพยักหน้า
“ความรู้สึกนี้เหมือนกับ…เหมือนกับเทพปีศาจของอุทยานปีศาจเริ่มจะจับกลุ่มเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่แตกต่างกัน”
ไป๋เจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย “เหมือนอยู่บ้าง แต่ต่อให้จะจับกลุ่มกันก็หาเป็นไรไม่ ขอแค่ไม่ส่งผลต่อการรบกับเผ่าเวทก็พอ”
“ถ้าเป็นแค่นั้น ข้าเองก็ไม่ต้องพูดมากมายอันใด แค่กังวลอยู่บ้าง…” อิงเจาส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก มีจักรพรรดิสวรรค์คอยควบคุมค่ายกลดาราสวรรค์ ยังมีค่ายกลจัตุรัสจักรวาลอยู่ด้วย นอกเสียจากบรรพชนเวทมาถึงอุทยานปีศาจเอง การเคลื่อนไหวอื่นๆ ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย” ไป๋เจ๋อปลอบใจ
“พูดถูกแล้ว” อิงเจายิ้มตาม
…
บรรพตประกายแสง
ลู่เซิ่งเล่นก้อนกลมขนาดเท่าไข่ไก่สีดำสนิทในมือ ในก้อนกลมมีหมอกสีดำขมุกขัวมากมาบไหลเวียนอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันยังมีสัตว์ประหลาดเก้าหัวคล้ายมังกรไม่ใช่มังกร คล้ายงูไม่ใช่งู ว่ายเวียนร้องโหยหวนอยู่ด้านในไม่หยุด
อัคคีจิตหงส์เพลิงที่อยู่รอบๆ ถูกเขาเก็บกลับมาแล้ว เหลือเพียงอัคคีคุ้มกันสองสามกลุ่มที่วนเวียนอยู่รอบกายเท่านั้น
พลังอาวรณ์จำนวนมากไหลทะลักจากไข่มุกดำเข้าสู่ฝ่ามือลู่เซิ่ง
“สมกับเป็นสัตว์ร้ายจิ่วอิงที่มีชื่อเสียงในตำนาน แก่นพลังภายในก้อนนี้ถึงกับมีพลังอาวรณ์มหาศาลปานนี้!” ลู่เซิ่งดูดซับพลังอาวรณ์ต่อเนื่องไม่ขาดสายอย่างประหลาดใจ
แก่นพลังภายในก้อนนี้ เป็นแกนหลักของจิ่วอิง ที่บริวารเทพปีศาจของเขาส่งมา
ในฐานะเทพปีศาจระดับสูงสุดของอุทยานปีศาจ เดิมทีจิ่วอิงจะไปสังหารเซียงหลิ่ว นึกไม่ถึงว่าจะถูกพวกตัวเองซุ่มโจมตีระหว่างทาง แล้วโดนฝังกาฝากอย่างจนปัญญา กลายเป็นสมาชิกเทพปีศาจในสังกัดของลู่เซิ่ง
ทั้งยังเป็นสุดยอดเทพปีศาจที่ถูกฝังกาฝากด้วย
แม้เทพปีศาจที่รุมโจมตีจะได้รับบาดเจ็บหนักถึงเจ็ดตน แต่ทุกอย่างนี้ล้วนคุ้มค่า
ลู่เซิ่งได้ของวิเศษอันเป็นแก่นพลังภายในหรือแกนกลางที่จิ่วอิงหลอมสร้างในตัวมาหลายปีจนนับไม่ถ้วน จิ่วอิงเป็นสัตว์โบราณที่ควบคุมน้ำและไฟได้ แทบมีอายุพอๆ กับหงส์เพลิง
ลู่เซิ่งหมายตาของวิเศษอันเป็นแก่นพลังภายในของอีกฝ่าย คิดจะลองดูสักหน่อยว่า ของวิเศษเทพปีศาจที่อายุยาวนานพวกนี้ จะมีพลังอาวรณ์คงอยู่หรือไม่
สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาก็คือ แก่นพลังภายในของจิ่วอิงไม่เพียงแต่มีพลังอาวรณ์เท่านั้น แต่ยังมีเยอะมากอีกด้วย!
“ดูจากตอนนี้ บางทีขอแค่เป็นเทพปีศาจที่มีอายุ หรือการดำรงอยู่ที่อยู่มานานพอ ก็เป็นไปได้ว่าจะมีพลังอาวรณ์มหาศาลสั่งสมอยู่ทั้งนั้น”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลู่เซิ่งก็ปล่อยแก่นพลังภายในของจิ่วอิง แล้วตรวจสอบพลังอาวรณ์ที่ได้มา
“ร้อยล้านเลยเหรอเนี่ย!” เขาตกใจอยู่บ้าง “รู้อย่างนี้ คงไม่ต้องลำบากหาของวิเศษอาวุธเวทพวกนั้นแล้ว”
“โลกบรรพกาลใบนี้มีพลังอาวรณ์อยู่ทั่วทุกที่จริงๆ!” ลู่เซิ่งนึกถึงเหล่าเทพปีศาจที่ตนฝังกาฝากด้วยความปลาบปลื้ม แม้ว่าเทพปีศาจพวกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ไม่โด่งดัง แต่ตัวที่อยู่มานานก็มีไม่น้อย อาจจะเก็บเกี่ยวพลังอาวรณ์ได้ส่วนหนึ่ง!
พอคิดได้ดังนั้นเขาก็ลงมือทันที ลู่เซิ่งออกคำสั่งผ่านร่างหลัก ต้องการให้เทพปีศาจทั้งหมดผลัดเปลี่ยนนำแก่นพลังปีศาจหรือแก่นพลังภายในของตัวเองมาส่งให้เขา
หลายวันต่อมา เทพปีศาจหลายตนก็แอบเข้ามาในบรรพตประกายแสง เวลาที่พวกเขารั้งอยู่ไม่นานมาก กอรปกับว่องไวถึงขีดสุด ต่างก็ใช้วิชาซ่อนเร้นที่แข็งแกร่งสุดขีดมาถึง แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่โตอะไร
แม้ผลงานของเทพปีศาจพวกนี้จะไม่ได้เยอะเท่าสุดยอดเทพปีศาจอย่างจิ่วอิง แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย
สุดท้ายพลังอาวรณ์ในมือลู่เซิ่งก็เพิ่มถึงสามพันล้านหน่วยอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
โอกาสแห่งจอมอริยะมาถึงแล้ว!
…
ครืน
แสงสายฟ้าหลายสายแลบผ่านท้องฟ้า ขอบรูบนฟ้าเหนือเทือกเขาปู้โจวซานเริ่มมีสสารสีรุ้งแผ่ออกมา
น้ำจากธารสวรรค์เริ่มไหลลงช้าขึ้นเรื่อยๆ
แม่น้ำรอบเขาปู้โจวซานไหลเชี่ยวกราก ฝนกระหน่ำลงมาสิบวันอย่างไม่หยุดหย่อน
ลู่เซิ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าปากถ้ำกลางยอดเขา มองดูสายฝนเล็กยาวปลิวปรอยลอยล่องเริงระบำอยู่ด้านนอกเงียบๆ
บันทึกทักษิณอายุวัฒนะได้พัฒนาถึงวัฏจักรที่เก้าสิบเก้าหรือขั้นที่เก้า บรรลุขีดจำกัดในความหมายที่แท้จริงแล้ว
ร่างหงส์เพลิงของเขาในตอนนี้ได้ไปถึงระดับยิ่งใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อ
ต่อให้บรรชนหงส์เพลิงยุคโบราณยังอยู่ ก็ไม่ใช่คู่มือของเขาแล้ว หากในเผ่าหงส์เพลิงมีใครได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด อย่างนั้นเขาก็เป็นราชาหงส์เพลิงได้อย่างสมศักดิ์ศรี
“ราชาหงส์เพลิง…ข้าชอบชื่อนี้” ลู่เซิ่งยื่นมือออกมารับน้ำฝนจากท้องฟ้า
หยดน้ำตกใส่ฝ่ามือเขา แล้วกลิ้งเบาๆ บนผิวเหมือนกับตกใส่กลางฝ่ามือมนุษย์
“วันนี้ทำให้คำเรียกนี้เป็นจริงเถอะ” ลู่เซิ่งยิ้ม
นิ่งเงียบอยู่สักพัก เขาก็กำมือเบาๆ
ซู่…
หยดน้ำกลางฝ่ามือกลายเป็นเปลวไฟสีทองขาว ไฟมุดออกมาจากร่องนิ้ว แล้วเกี่ยวกันเหมือนเส้นด้าย เกิดเป็นภาพมายาบุปผาอัคคีที่สมบูรณ์แบบเบ่งบานออกมา
หงส์เพลิงอันงดงามสีทองขาวตัวหนึ่งขดอยู่กลางเกสรเงียบๆ
หงส์เพลิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไฟสีทองบริสุทธิ์ลุกไหม้ขึ้นในดวงตาอย่างฉับพลัน
“เริ่มเลย” ลู่เซิ่งบีบมือ กำหงส์เพลิงไว้กลางฝ่ามือ
แกว๊ก!
ไฟสีทองขาวที่เหมือนกระบี่ระเบิดในมือเขา แล้วพุ่งขึ้นฟ้า ราวกับฟ้าดินเปิดประตูใหญ่สู่โลกแห่งไฟสีขาว!
“จงมา! จงเผาไหม้เถอะ!” ลู่เซิ่งกางแขนออก เงยหน้าหัวเราะร่า
ตูม!
ไฟสีทองขาวนับไม่ถ้วนระเบิดกระจายออกไปรอบตัวเขา เหมือนกับทะเลเพลิง
สิ่งมีชีวิต ก้อนหิน ภูเขา และดินนับไม่ถ้วน กลายเป็นไอหายไปกลางกองเพลิง
มิติแตกร้าวอย่างต่อเนื่องเหมือนกับใยแมงมุม อากาศและปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนรั่วไหลตามรอยแตกร้างเข้ามาในความว่างเปล่าชั้นนอก ปราณกำเนิดของโลกกำลังรั่วไหล!
…
ตำหนักพิมานเมฆ
หงจวินที่อยู่กลางตำหนักอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ส่งราชโองการของข้า แต่งตั้งลู่เซิ่งเป็นราชาหงส์เพลิงแดนทักษิณ ครอบครองอัคคีเทพชำระฟ้า ฉายาเจ้าแห่งทักษิณชำระฟ้า ปกครองอัคคีที่มีรูปร่างและไร้รูปร่างของทิศใต้”
ยันต์หยกสีม่วงแผ่นหนึ่งประกอบเป็นรูปร่างด้านหน้าเขา ก่อนจะลอยออกจากตำหนักพิมานเมฆ พุ่งลงไปยังโลกเบื้องล่าง
……………………………………….