ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 915 บันทึกทักษิณอายุวัฒนะ (1)
อินเตอร์เฟซสีฟ้าปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ลู่เซิ่งสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง กดปุ่มปรับเปลี่ยนลงไป
ฉับพลันนั้นอินเตอร์เฟซพร่ามัว ปุ่มเรียนรู้ปรากฏขึ้นด้านหลังกรอบ
“ไม่เลว ในเมื่อมีวิชาสำเร็จรูปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ การเรียนรู้สิ้นเปลืองกว่าการยกระดับมาก ยกระดับดูก่อนดีกว่า”
“ยกระดับบันทึกทักษิณอายุวัฒนะถึงขั้นที่หนึ่ง”
เพิ่งจะสั่งความคิดเสร็จ ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอาวรณ์สายหนึ่งหายไปอย่างฉับพลัน จากนั้นร่างกายก็ร้อนขึ้นมาเหมือนอยู่ในเตาเผา กระแสความร้อนจำนวนมากอุ่นกองอยู่ตรงปีกทั้งสี่ข้าง
ร่างกายเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงพองขยายด้วยความเร็วสูง
ความรู้สึกนี้ดำเนินอยู่หลายนาที ค่อยๆ สลายหายไป และเย็นลง
ฟู่…
“ความรู้สึกกชัดเจนมาก ไม่รู้ว่ายกระดับไปมากเท่าไร”
ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจอย่างหนักหน่วง อาศัยแสงจากอัคคีเทพหงส์เพลิงที่อยู่รอบๆ พิจารณาตัวเองในตอนนี้
เดิมทีเขากำลังฝึกฝนในสภาพร่างมนุษย์ ตอนนี้หลังจากเข้าสู่บันทึกทักษิณอายุวัฒนะขั้นที่หนึ่งแล้ว ผิวที่เรียบเป็นปกติของเขาในทีแรกกเปล่งปลั่งขึ้น
เครื่องหน้าดูอ่อนหวานขึ้นมาก ไม่ได้ดูแข็งทื่อคมคายเหมือนก่อนหน้า
“วิชาที่ไม่ได้เรียนรู้มาก่อนมีข้อบกพร่องจริงๆ ด้วย หน้าตาขี้เหร่ขึ้นอีกแล้ว…” ลู่เซิ่งลูบแก้ม
“แต่ก็ไม่เป็นไร เทียบกับการเรียนรู้แล้ว พลังอาวรณ์ที่ประหยัดได้จะทำให้เรายกระดับได้มากกว่าเดิม ยกระดับแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”
เขาสัมผัสการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างละเอียด
ดูเหมือนร่างปีศาจจะมีชีวิตชีวากว่าเดิม นอกจากนี้แล้วร่างกายยังแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยด้วย
เพิ่มขึ้นกว่าเดิมราวหนึ่งในร้อยส่วน หรืออาจจะไม่ถึงก็ได้
“หากยึดตามการถ่ายทอด การฝึกฝนขั้นแรกให้สำเร็จต้องใช้เวลาแค่สิบวันเท่านั้น จึงเข้าใจได้ว่าทำไมการยกระดับถึงน้อยขนาดนี้ ต่อจากนี้คือขั้นที่สอง ดีปบลู!”
ลู่เซิ่งสั่งความคิด
ฉับพลันนั้นพลังอาวรณ์สายหนึ่งหายไป จำนวนคือสองหมื่นกว่าหน่วย
ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน พริบตาที่พลังอาวรณ์หายไป กระแสความร้อนระอุจำนวนมากก็ไหลทะลักจากศีรษะไปทั่วร่างราวกับน้ำท่วมอย่างรุนแรงฉับพลัน
ลู่เซิ่งไม่ทันได้เตรียมตัว ก็รู้สึกว่าเจ็บปวดไปเสียทุกส่วน
กระแสความร้อนสายนั้นเหมือนกับเปลวเพลิง ทั้งยังมีสะเก็ดแข็งๆ จำนวนมากแทรกอยู่ พวกนี้ผสมรวมกันหลั่งไหลอยู่ในเลือดเนื้อและกระดูกอย่างหนักหน่วง
พลังปีศาจในร่างกายกำลังฟื้นฟูเลือดเนื้อและโครงกระดูกที่ถูกฉีกขาดด้วยความเร็วสูง
ครู่หนึ่ง กระแสความร้อนก็จางลงและสลายไป
ลู่เซิ่งลืมตาขึ้น เหงื่อแตกเต็มศีรษะ
“การเคลื่อนไหวขั้นที่สองรุนแรงมาก ตามการถ่ายทอด ขั้นนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบปี” เขาสัมผัสสภาพร่างกาย
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจอยู่บ้าง วิชาขั้นที่สองนี้ไม่ได้มีผลแค่กับจิตวิญญาณของร่างนี้เท่านั้น
แม้แต่จิตวิญญาณของร่างหลักก็พลอยสัมผัสได้ด้วยว่า ถูกบางสิ่งบางอย่างร้อนระอุซึมเข้ามาอย่างช้าๆ
ของสิ่งนี้มีพลังชีวิตอย่างรุนแรง เหมือนกับกระตุ้นสิ่งที่มีไอความตายอย่างแรงกล้าบางส่วนในจิตวิญญาณของร่างหลัก
ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า วัตถุสีดำที่ไม่รู้จักหลายสาย ถูกพลังงานร้อนแรงชนิดนี้ดึงดูดไป สองสิ่งเกาะติดผสมผสานและปรับสมดุลกัน ไม่นานก็กลายเป็นสมดุลสีเทาที่เหมือนกับผลึก ถูกร่างหลักขจัดออกมา
เขาสายตาสั่นไหว รีบบีบวัตถุสีเทาชนิดนี้ออกมาจากรูขุมขน
ซู่…
ชั่วขณะที่เลือนราง หมอกสีเทาหลายสายค่อยๆ ลอยออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างของลู่เซิ่ง จากนั้นก็รวมเป็นวัตถุสีดำแข็งกร้าวเหมือนกับหินตรงหน้าเขา
“ของสิ่งนี้ดูเหมือนกับศิลาเขตแดนที่มีชีวิตและความตายผสมกัน ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกทักษิณอายุวัฒนะ”
บันทึกทักษิณอายุวัฒนะเคยพูดถึงมาก่อนว่า ของสิ่งนี้ใช้เป็นพลังงานในของวิเศษได้ ถือเป็นวัตถุดิบพิเศษที่ทำให้ของวิเศษแข็งแกร่งกว่าเดิมได้ แต่ก็แค่นี้เท่านั้น ในวัตถุดิบทั้งหมดที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ของสิ่งนี้ถูกจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกสุด ทั้งยังมีจำนวนการผลิตสูงสุดขีด
หลังจากลู่เซิ่งรู้ความเป็นมา ก็ไม่ได้สนใจมากนัก โยนมันไปไว้ข้างๆ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างตัวเองต่อไป
ไม่นานนักกรอบพร่ามัวก็ชัดเจนขึ้น ขั้นที่สองของบันทึกทักษิณอายุวัฒนะฝึกฝนเรียบร้อยอย่างเป็นทางการแล้ว
“บันทึกทักษิณอายุวัฒนะ ขั้นที่สอง (คุณสมบัติพิเศษ ไฟอายุวัฒนะ เปลวไฟแข็งแกร่งขึ้นขั้นสอง จิตแห่งไฟขั้นสอง)”
ไฟอายุวัฒนะเป็นสิ่งที่ลู่เซิ่งรู้ ในการสืบทอดได้กล่าวถึงไว้ นี่คือคุณสมบัติพิเศษ มีผลช่วยให้ไฟของเขายืดอายุขัยให้แก่คนได้
แน่นอนว่าจะเอาไว้เผาผลาญศัตรู หรือช่วยยืดอายุขัย ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา
เพียงแต่บันทึกทักษิณอายุวัฒนะที่เพิ่งอยู่ในขั้นสอง ต่อให้ยืดอายุขัยได้ ก็เป็นระดับที่เพิ่มได้ไม่กี่นาที
“ปล่อยไฟอายุวัฒนะออกมาครั้งหนึ่งแต่ยืดอายุได้ไม่กี่นาที…มีประโยชน์ตรงไหนเนี่ย ต่อเลย!”
ลู่เซิ่งยกระดับต่อไป
กรอบของเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร่ามัว
บันทึกทักษิณอายุวัฒนะไม่มีการแบ่งแยกขอบเขต มีแต่ความแตกต่างระหว่างการเกิดใหม่แต่ละครั้งเท่านั้น การแบ่งแยกขอบเขตคือขอบเขตผู้บำเพ็ญปราณแบบดั้งเดิม ส่วนเผ่าหงส์เพลิงที่เป็นสัตว์เทพที่เก่าแก่ที่สุด ย่อมไม่อยู่ในระบบนี้
สิ่งที่เทียบเท่าขอบเขตได้ ก็คืออานุภาพและประสิทธิผลการต่อสู้ที่แสดงออกมา
ลู่เซิ่งยกระดับไปเรื่อยๆ พลังอาวรณ์ลดไปราวกับน้ำไหล ทุกขั้นที่เลื่อนระดับใช้พลังอาวรณ์หลายหมื่น
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งวัน
ยิ่งบันทึกทักษิณอายุวัฒนะไปถึงช่วงหลัง เวลาในการยกระดับก็ยิ่งยาวนานขึ้น พอถึงขั้นแปด จำเป็นต้องใช้เวลาถึงสามชั่วยามจึงจะยกระดับได้สำเร็จ
และหลังจากยกระดับครั้งหนึ่ง ลู่เซิ่งก็สัมผัสได้ว่ากระแสความร้อนอันแผดเผาสายนั้น กำลังซึมเข้ามาในจิตวิญญาณกับร่างกายของตนตามลำดับ ดูดซับวัตถุในลักษณะโคลนสีดำที่ไม่เคยพบมาก่อนของตัวเองออกมา แล้วผสมกันเป็นก้อนหินสีเทาหลายก้อน เกลื่อนกลาดอยู่ในถ้ำ
ตามการบันทึกในบันทึกทักษิณอายุวัฒนะ วัตถุในลักษณะโคลนสีดำชนิดนั้น คือไอความตายในชีวิตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และเมื่อประสานบันทึกทักษิณอายุวัฒนะกับสายเลือดหงส์เพลิง ก็จะมีความสามารถดูดซับไอความตายโดยกำเนิด ดังนั้นแท้จริงแล้วหงส์เพลิงยังมีตำนานว่าสามารถควบคุมอายุขัยได้ด้วย
ถ้าบอกว่าหงส์อมตะเป็นตัวแทนของการอาบไฟเพื่อเกิดใหม่ เช่นนั้นหงส์เพลิงก็เป็นการอาบเพลิงเพื่ออายุขัยยืนยาว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวัน
ในที่สุดบันทึกทักษิณอายุวัฒนะของลู่เซิ่งก็สำเร็จขั้นเก้าวัฏจักรแรก
แตกต่างจากตอนฝึกฝนวิชาอื่นๆ ตรงที่ว่าแม้เขาจะใช้พลังอาวรณ์ไปหลายแสนหน่วย ทว่าตัวเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย กลับยังฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่า ร่างกายไม่ได้รับภาระใดๆ เนื้อเยื่อทุกส่วนกำลังโห่ร้องโลดเต้น เหมือนกับความรู้สึกเปี่ยมด้วยกำลังวังชาตอนที่เพิ่งตื่นมา หลังจากนอนหลับเป็นอย่างดี
ลู่เซิ่งนั่งอยู่ในถ้ำใต้ดิน
ลู่เซิ่งไตร่ตรอง
“บันทึกทักษิณอายุวัฒนะเน้นการยกระดับอัคคีเทพหงส์เพลิง ยืดอายุขัย และเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่จิตวิญญาณเป็นหลัก กายเนื้อของร่างหลักกลับยกระดับน้อยที่สุด เรายกระดับถึงวัฏจักรที่หนึ่งแล้ว แต่คุณสมบัติร่างกายแกร่งขึ้นกว่าก่อนฝึกแค่สามเท่าเอง…”
“แต่ประโยชน์ก็คือ เราไม่มีช่วงเหน็ดเหนื่อยใดๆ จากการฝึกฝนเลย”
ลู่เซิ่งตกใจเข้าแล้ว
พึงทราบว่าเวลาเขาฝึกฝนวิชาใดๆ ขอแค่ใช้ดีปบลูยกระดับ ก็จะทำให้กายเนื้อและจิตวิญญาณรับไม่ไหว เนื่องจากการหดเวลาฝึกฝนให้สั้นลงอย่างใหญ่หลวง และยกระดับรวดเร็วรุนแรงเกินไป จากนั้นจำเป็นต้องมีช่วงปรับตัวในระยะหนึ่ง ถึงจะดำเนินการยกระดับครั้งต่อไปได้
แต่บันทึกทักษิณอายุวัฒนะกลบไม่มีความรู้สึกนี้!
ปกติแล้วการยกระดับวิชาเหมือนกับการสั่งคนไปทำงาน เมื่อทำงานนานก็จะเหน็ดเหนื่อยอิดโรย ต้องการเวลาพักผ่อนหาความบันเทิง
แต่การยกระดับบันทึกทักษิณอายุวัฒนะเหมือนกับสั่งให้คนไปเที่ยว ไปพักผ่อน ร่างอยู่ในสภาพผ่อนคลายตลอดเวลา สุขสำราญเหมือนกับแช่น้ำอุ่น
“น่าอัศจรรย์จริงๆ…สมกับเป็นการสืบทอดของสัตว์เทพที่เก่าแก่ที่สุดที่ดำรงอยู่ในยุคหงส์มังกร…เพิ่งจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก”
ลู่เซิ่งไม่สนใจเรื่องอื่นอีก ในเมื่อไม่มีช่วงเหนื่อยล้า เช่นนั้นก็สามารถยกระดับไปได้เรื่อยๆ
ลู่เซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกดีปบลูออกมา
ยกระดับถึงขั้นที่เก้าวัฏจักรรอบที่สองไปเลย!
เกิดเสียงทึบสะเทือนเลื่อนลั่น พลังอาวรณ์มากกว่าล้านหน่วยหายวับ สิ่งที่มาแทนที่คือกระแสความร้อนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปในตัวลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ดูดซับไอความตายทั้งหมดในร่างกายของเขาและร่างหลักออกมาเหมือนกับน้ำใส แล้วจับตัวเป็นก้อนหินสีเทา กระจัดกระจายทั่วบริเวณ
เมื่อไม่มีความเหนื่อยล้า ก็หมายความว่าสามาถยกระดับได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขอแค่มีพลังอาวรณ์มากพอ!
ลู่เซิ่งลืมกินลืมนอน หมกตัวฝึกฝนในถ้ำใต้ดินทุกๆ วัน
บันทึกทักษิณอายุวัฒนะยกระดับจากขอบเขตวัฏจักรแรกไปถึงวัฏจักรที่สอง วัฏจักรที่สาม วัฏจักรที่สี่ วัฏจักรที่ห้า…
ในวัฏจักรที่เก้าไอความตายในร่างนี้ถูกดูดซับจนเกลี้ยง จากนั้นจึงเป็นร่างหลักของเขา ร่างหลักซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของร่างนี้ แต่ก็ถูกดูดไอความตายออกมาด้วยเช่นกัน
ลู่เซิ่งผลาญพลังอาวรณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ไอความตายที่ดูดออกมาจากในร่างหลักราวกับไม่มีที่สิ้นสุด จับตัวเป็นก้อนหินสีเทามากมายตลอดเวลา
พร้อมกับที่ไอความตายถูกดูดซับ ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของร่างหลักให้ความรู้สึกเปล่งปลั่งแวววาวกว่าเดิม บนร่างราวกับปลดภาระหนักอึ้งออก ยิ่งผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ
เขาสังหรณ์ว่า นี่เป็นผลดีอย่างใหญ่หลวงต่อร่างหลักของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าผลดีอยู่ตรงไหน
พลังอาวรณ์พันกว่าล้านหน่วยกลายเป็นเตาพลังงานที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย บันทึกทักษิณอายุวัฒนะในวัฏจักรที่เก้ายกระดับและจบลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เป็นวัฏจักรที่สิบ ที่สิบเอ็ด ที่สิบสอง ที่สิบสาม ที่สิบสี่…
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป การผลาญพังอาวรณ์ที่ใช้ยกระดับบันทึกทักษิณอายุวัฒนะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ลู่เซิ่งก็ไม่ได้หยุด ร่างหลักและจิตวิญญาณของเขาในปัจจุบันถึงกับยกระดับขึ้นหนึ่งเท่าตัวอย่างเงียบเชียบ
หลังจากไอความตายเหล่านั้นถูกดูดซับออกมา จิตวิญญาณของร่างหลักก็บริสุทธิ์ผุดผ่องมากขึ้นตามลำดับ ราวกับถูกสกัดสิ่งเจือปนมากมายออกไป ทำให้ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเริ่มเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
ที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างมารสวรรค์ก็คือจิตวิญญาณ ยิ่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งเท่าไร โลกรูปจิตก็จะขยายใหญ่และแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อิทธิฤทธิ์ต่างๆ ก็ร้ายกาจตามไปด้วย
ตอนแรกลู่เซิ่งคิดว่าตัวเองบรรลุถึงจุดสูงสุดของระดับผู้ปกครองอนธการแล้ว แต่ตอนนี้ เขายังไม่ได้บรรลุถึงขีดจำกัดของขอบเขตนี้
ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้สังเกต ตอนนี้ภายใต้การส่องสะท้อนของบันทึกทักษิณอายุวัฒนะ เขาค่อยค้นพบอย่างตื่นตระหนกว่า ในจิตวิญญาณของตัวเองสั่งสมสิ่งเจือปนและขยะนับไม่ถ้วนเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ขณะที่บันทึกทักษิณอายุวัฒนะดูดซับไอความตายอย่างต่อเนื่อง ก็ได้นำขยะและสิ่งเจือปนที่เกี่ยวกับไอความตายจำนวนมากออกมาด้วย
เหลือไว้เพียงพลังงานและวัตถุดิบที่ดีต่อชีวิตยิ่งกว่าเดิม
เพียงแต่แม้อานุภาพของวิชานี้จะยอดเยี่ยม แต่ยิ่งผ่านไป การฝึกฝนก็ยิ่งนานขึ้น
พลังอาวรณ์ถูกใช้ไปกับการหดเวลาฝึกฝนให้สั้นลงเป็นหลัก
พลังอาวรณ์ที่ลู่เซิ่งต้องใช้ตอนฝึกฝนถึงวัฏจักรที่ห้าสิบสี่ คือตัวเลขมหาศาล ทุกๆ ครั้งที่ฝึกฝนขอบเขตเล็กๆ สำเร็จขั้นหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยแสนปี
หากต้องใช้พลังอาวรณ์ร่นระยะเวลาอย่างใหญ่หลวง สร้างพลังยุทธ์จากการฝึกฝนเป็นเวลาแสนปี อย่างน้อยต้องใช้สามล้านหน่วย
แต่ลู่เซิ่งไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้ง เขายกระดับบันทึกทักษิณอายุวัฒนะอย่างต่อเนื่อง
วัฏจักรที่ห้าสิบห้า ที่ห้าสิบหก ที่หกสิบ...ที่เจ็ดสิบ...
จนกระทั่งถึงวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ด…
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ไม่ใช่เขาไม่คิดจะดำเนินต่อ แต่เพราะ…พลังอาวรณ์ หายไปหมดแล้ว!?
พลังอาวรณ์พันห้าร้อยล้านกว่าหน่วย ใช้เกลี้ยงแล้ว…
ความจริงขณะสัมผัสได้ว่าบันทึกทักษิณอายุวัฒนะถึงขั้นมีผลดีอย่างมหาศาลต่อร่างมารสวรรค์ ลู่เซิ่งก็นึกถึงเวลานี้เอาไว้แล้ว
ทว่าตอนที่เวลานี้มาถึงอย่างแท้จริง ในใจเขาพลับวูบโหวงขึ้นมา
“พลังอาวรณ์…ตั้งมากมายขนาดนั้น…แต่ใช้หมดแล้ว…” เขายื่นสองมือออกมา
เปลือกหินสีเทาหนาชั้นหนึ่งจับตัวบนแขนทั้งสองข้าง
เป็นวัตถุสีเทาที่รวมตัวจากไอความตายและกระแสความร้อน เพียงแต่เพราะมีจำนวนที่เยอะเกินไป จึงทำให้ถ้ำทั้งถ้ำบรรจุไม่ไหว สุดท้ายต้องเกาะติดตามผิวของเขาแทน
……………………………………….