ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 990 จนมุม
ตอนที่ 990 จนมุม
เป็นความจริงอย่างแท้จริงในหลายๆ กรณีถ้าหากคุณสูญเสียโอกาสคุณมักจะถูกคนอื่นคุกคาม ในตอนนี้หวังฉิงเซิงก็ได้เคลื่อนไหวและก่อนที่เฉินฉิงหนิวจะตอบสนองทันรัฐบาลก็ได้พาตัวเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อควบคุมตัวโดยข้อหายักยอกทรัพย์สินของรัฐบาล แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทางรัฐบาลจะเริ่มปรับเปลี่ยนโครงสร้างและองค์กรทั้งหมดและเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยการย้ายสมาชิกและเจ้าหน้าที่ชุดใหม่เข้ามาแทน
อย่างไรก็ตามผู้ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ก็ไม่มีใครที่ไต่เต้าขึ้นมาโดยมีรากฐานที่สะอาดหมดจดแต่จะแปดเปื้อนมากหรือน้อยนั้นก็แล้วแต่คน นั่นเป็นเหตุทำให้สมาชิกของเทศบาลและเฉินฉิงหนิวถูกย้ายและมีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งชั่วคราวจนกว่าคดีความจะจบลงและทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไปตามแผนของหวังฉิงเซิงอย่างราบรื่น
ตอนนี้เลขาธิการรองผู้ว่าเทศบาลคนใหม่ก็ได้มาประจำตำแหน่งแทนชั่วคราวและผู้ที่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดก็คือหวังฉิงเซิง การเป็นสุนัขรับใช้ของเฉินฉิงหนิวมานานหลายปะนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายและถึงแม้ว่าใครจะก็ย่อมมีคนที่อยู่เบื้องหลังเสมอ เช่นเดียวกันกับหวังหว่านยู่ที่กว่าจะมีทุกวันนี้ก็ย่อมมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังเช่นกัน ซึ่งการอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวในวันนี้สำหรับหวังฉิงเซิงแล้วศักดิ์ศรีมักจะสำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ และวิธีเดียวที่จะกำจัดอิทธิพลและอำนาจของเฉินฉิงหนิวออกได้ตลอดไปก็คือการเอาชนะเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
การพ่ายแพ้อย่างกะทันหันของเฉินฉิงหนิวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองซีจิงในทันทีและไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าเฉินฉิงหนิวผู้ยิ่งใหญ่จะกลายเป็นนักโทษในคุก ผู้คนในเมืองต่างก็พูดถึงชีวิตของเฉินฉิงหนิวทั้งชมและวิจารณ์แต่อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็ชื่นชมเขาแต่ก็ถอนหายใจอย่างขมขื่นกับจุดจบของเขาในบั้นปลายชีวิต
ด้วยการล่มสลายของเสาหลักครอบครัวนั้นทำให้ครอบครัวของเฉินฉิงหนิวตกอยู่ในความตื่นตระหนกในทันทีและเมื่อเผชิญกับแรงกดดันจากหวังฉิงเซิงแล้วแม่กับลูกสาวอย่างหลี่ฉีและหลี่ซือต่างก็หวาดกลัวเพราะพวกเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงดังนั้นพวกเธอจะจัดการกับหวังฉิงเซิงได้อย่างไร? แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในเวลานี้
หลี่ซือกับหลี่ฉีนั่งกอดกันบนโซฟาและนึกถึงเย่เชียนโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะเขาไม่ได้มาหาเธอหลายวันแล้วและถ้าเขาอยู่ที่นั่นมันจะต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งหลี่ซือก็ต้องการที่จะพึ่งพาเย่เชียนในทุกๆ เรื่องราวกับว่าเย่เชียนมีอำนาจทุกอย่างในหัวใจของเธอ
“ธุรกิจของฉิงหนิวไม่มีใครดูแลต่อเลยแล้วเราจะปล่อยให้หวังฉิงเซิงครอบครองธุรกิจของพ่อได้ยังไง?” หลี่ฉีพูดด้วยความโศกเศร้าเพราะในอดีตเฉินฉิงหนิวเป็นคนที่เธอเคารพมากแต่ในตอนนี้เขาก็ไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไปและความรักในครอบครัวก็ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
“ทั้งพี่ชายและน้องสาวก็ไม่อยากที่จะเข้ามาวุ่นวายเพราะงั้นมันก็เหลือฉันแค่คนเดียว” เฉินฉิงซานพูด “ฉันไปหาเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ใหญ่แล้วแต่ตอนนี้พวกเขาย้ายฝั่งย้ายฝ่ายกันไปจนหมดเพราะงั้นเรื่องนี้ก็มีบทสรุปออกมาแล้วและเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป..หวังฉิงเซิงนั้นรับปากกับฉันว่าตราบใดที่เราโอนธุรกิจของพี่ใหญ่ให้กับเขาล่ะก็เขาจะดูแลต่อทั้งหมดแล้วจะแบ่งรายได้20%ให้เรา..แบบนั้นเราจะสามารถอยู่รอดได้ในอนาคต..แต่ถ้าเราไม่ยอมเราจะต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามของหวังฉิงเซิงอย่างไม่รู้จบ”
นี่คือความจริงและต่อหน้าความจริงทุกๆ สิ่งก็ดูเปราะบางมากเมื่อเฉินฉิงหนิวล้มลงครอบครัวก็สูญเสียเสาหลักไปและไม่มีใครสามารถหยุดหวังฉิงเซิงจากการดูดกลืนทรัพย์สินของเฉินฉิงหนิวได้อีก
“มันต้องมีทางแก้ไขสิ?” หลี่ฉีพูดอย่างมีความหวัง “มอบทรัพย์สินและธุรกิจของฉิงหนิวให้หวังฉิงเซิงไปเถอะแต่เงื่อนไขก็คือให้เขาช่วยพาฉิงหนิวออกมาจากคุกให้ได้”
“ไม่ได้หรอกน้องสะใภ้เพราะเรื่องนี้เป็นคำสั่งของเลขาธิการรองผู้ว่าการของเทศบาลซึ่งพี่ใหญ่ต้องถูกลงโทษอย่างเข้มงวดตามระเบียบและกฎหมาย..การจะพาตัวเขาออกมานั้นยากมากและแทบเป็นไปไม่ได้..ฉันเคยเตือนพี่ใหญ่ไปแล้วว่าให้เขาหยุดสิ่งที่เขาทำแต่เขาก็ไม่ฟังและสุดท้ายเขาก็ขับไล่สมาชิกพรรคชุดก่อนออกไปจากเทศบาล..ดูตอนนี้สิเขาถูกสิ่งที่เขาทำย้อนกลับคืนมายิ่งไปกว่านั้นยังร้ายแรงกว่าที่เขาเคยทำอีกด้วย..ยังไงก็เถอะช่วงนี้พี่สะใภ้อย่าออกไปไหนและอยู่กับซือเอ๋อร์จนกว่าสถานการณ์จะสงบดีกว่า”
หลี่ฉีก็ตัวสั่นและเหลือบมองไปที่หลี่ซือข้างๆ เธอด้วยความเศร้าไม่รู้จบบนใบหน้าของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่เป็นอะไรแต่ลูกสาวของเธอเคยชินกับชีวิตที่อิสระดังนั้นเธอจะชินกับสถานการณ์แบบนี้ได้หรือเปล่า? “หืม..คุณอากลัวหวังฉิงเซิงอย่างงั้นเหรอ? ..ถึงคุณอาจจะกลัวแต่เราไม่กลัว..ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ธุรกิจของพ่อจะไม่มีวันอยู่ในกำมือของหวังฉิงเซิงอย่างแน่นอน” หลี่ซือพูดแล้วหันไปมองหลี่ฉีแล้วพูดว่า “แม่ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะเมื่อไหร่ที่เย่เชียนเขาจะต้องมีทางออกที่ดีอย่างแน่นอน”
“เย่เชียนงั้นเหรอ? ..เขาเป็นแค่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยซีจิงเท่านั้นเองแล้วเขาจะไปมีความสามารถอะไรมาพลิกสถานการณ์..มันจะเกิดอะไรขึ้นที่ร้านคาราโอเกะบ้างถ้าหากหวังฉิงเซิงไม่กลัวพ่อของหนูเด็กคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้หรือเปล่า? ..ตอนนี้พี่ใหญ่ก็ถูกจับเข้าคุกไปแล้วเพราะงั้นคนต่อไปที่หวังฉิงเซิงจะจัดการต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน..แบบนี้หลานคาดหวังอะไรในตัวเขากัน..อย่าคิดไปเองสิ” เฉินฉิงซานพูด
“คุณนายหลี่ครับคือว่าหวังฉิงเซิงมาบอกกับผมว่าถ้าเราไม่ยอมมอบบริษัทให้กับเขาล่ะก็เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา” หว่านเฟิงผู้จัดการของบริษัทพูด เขาติดตามเฉินฉิงหนิวตั้งแต่เริ่มมานานหลานปี ในตอนแรกเขาคิดจริงจังเกี่ยวกับการรักษาบริษัทเอาไว้และดูแลปกป้องมันแทนเฉินฉิงหนิวแต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่อย่างต่อเนื่องของหวังฉิงเซิงแล้วเขาก็ค่อยๆ ละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าความมุ่งมั่นและความมั่นใจไปทีละน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเฉินฉิงหนิวยังไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนก่อนได้อีกดังนั้นตอนนี้มันคือการสูญเสียครั้งใหญ่และถ้าเขายังคงดิ้นรนต่อไปมันก็เท่ากับว่าเขาแขวนคอตัวเองบนต้นไม้ไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวหว่านเฟิงก็ต้องตระหนักถึงชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาและเมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวของเจ้านายแล้วเขาก็ลำบากใจอย่างมากเพราะตอนนี้พวกเธอกำลังบังคับตัวเองให้เดินเข้าไปสู่ถนนแห่งความตายอย่างไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็หมดหนทางและถูกกดดันอย่างมากดังนั้นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังมันก็เป็นเหมือนเรื่องไร้สาระและทำให้เขากลายเป็นคนที่หน้าซื่อใจคดไปโดยปริยาย
เย่เชียนนั้นรู้เรื่องทุกอย่างในเมืองซีจิงแต่เนื่องจากหวังฉิงเซิงยังไม่ได้คุกคามเขาดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไร แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรอย่างน้อยๆ หลี่ซือก็เป็นผู้หญิงของเขาและเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอเป็นอันขาด
ทุกวันนี้เขาแอบดูสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลต่างๆ เอาไว้และแน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่างที่หวังฉิงเซิงทำ
เมื่อเย่เชียนมาถึงบ้านของหลี่ซือแล้วเธอกับหลี่ฉีก็นั่งอยู่โซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ ส่วนคนที่เหลือก็กลับกันไปหมดแล้ว เมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาหลี่ซือก็รีบวิ่งออกไปอย่างสิ้นหวังและร้องไห้เสียงดังและเย่เชียนก็ปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆ ลูบหัวหลี่ซือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก..ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี”
“ไม่ต้องห่วงฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะงั้นเชื่อใจฉันเถอะ..ฉันสัญญาว่าพ่อของเธอจะไม่เป็นอะไรแล้วเขาจะออกมาจากคุกในไม่ช้านี้” เย่เชียนพูด “ฉันรับปากกับพ่อของเธอเอาไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเธอและถ้าใครกล้าแตะต้องเธอล่ะก็ฉันจะฆ่ามันเอง” เขาพูดอย่างหนักแน่นและเจตนาฆ่าในดวงตาของเขาทำให้ผู้คนสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง
หลี่ซือก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและในหัวใจของเธอเย่เชียนนั้นคือทุกอย่างดั่งผู้พิทักษ์ของเธอ จากนั้นเธอก็ปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ด้วยการร้องไห้เสียงดัง เมื่อเห็นฉากดังกล่าวหลี่ฉีก็รู้สึกพึงพอใจเพราะสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือลูกสาวของเธอแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าลูกสาวของเธอจะมีผู้ชายที่คู่ควรกับชีวิตของเธอแล้วและในที่สุดก้อนหินในหัวใจของหลี่ฉีก็ถูกปลดปล่อยออกมา โดยไม่คำนึงถึงความสามารถและตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนว่าเขาทำอะไรได้หรือทำได้อย่างที่พูดจริงหรือเปล่าแต่ตอนนี้อย่างน้อยๆ เธอก็จะได้ไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกและจิตใจของลูกสาวของเธอในอนาคต
หลังจากนั้นไม่นานหลี่ซือก็ค่อยๆ หยุดร้องไห้จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองหลี่ฉีและพูดว่า “คุณป้าครับช่วยดูแลซือเอ๋อร์ด้วย..ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ..ผมสัญญาว่าคุณลุงจะออกมาในเร็วๆ นี้”
หลี่ฉีก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเธอรู้สึกว่าในเวลานี้เย่เชียนน่าเชื่อถือมากและความมั่นใจในสายตาของเย่เชียนนั้นทำให้เธอเชื่อโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลต่างๆ ว่าเย่เชียนจะสามารถทำได้จริงหรือเปล่า
ในความเป็นจริงสิ่งที่เย่เชียนกังวลมากที่สุดไม่ใช่หวังฉิงเซิงแต่เป็นพวกสายลับของประเทศสหรัฐอเมริกาที่อาจจะใช้ประโยชน์จากเวลานี้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีฝีมือมากก็ตามแต่เย่เชียนก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ที่ด้านนอกของบ้าน แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดูแล้วคนเหล่านี้ควรจะเป็นคนที่สำนักความมั่นคงแห่งชาติของจีนส่งมาเพื่อปกป้องหลี่ฉี ดังนั้นเย่เชียนจึงสามารถโล่งใจได้ชั่วคราว
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเย่เชียนก็บอกลาหลี่ซือกับหลี่ฉีแล้วหันหลังเดินออกไปจากบ้าน ระหว่างนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองไปยังบริเวณที่คนเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่และพูดเบาๆ ว่า “ปกป้องพวกเธอให้ดีล่ะ..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอล่ะก็พวกคุณจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนที่ทำพลาด”
ในความมืดนั้นเหล่าสายลับต่างก็ตัวสั่นโดยไม่มีเหตุผล ก่อนหน้านี้เขาได้รับรายงานมาแล้วว่ามีบุคคลระดับสูงถูกส่งมาเพื่อปกป้องหลี่ซือแต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งและมีฝีมือถึงขนาดนี้ที่สามารถรู้ได้เพียงชั่วพริบตาว่าพวกเขาซ่อนอยู่ตรงไหน
เย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรมากและหันหน้ากลับจากนั้นก็เดินออกจากบ้านของเฉินฉิงหนิวไป
.
.
.