ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 989 คู่แข่งความรัก
ตอนที่ 989 คู่แข่งความรัก?
ใจดำ,เจ้าเล่ห์,จอมวางแผนและเก่งเรื่องหักหลัง คนพวกนี้ดูเหมือนจะน่ารังเกียจอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามคนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงนั้นใครที่ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้บ้าง? ความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องวัดว่าใครมีศีลธรรมหรือคุณธรรมใดๆเพราะมันไม่สามารถกำหนดอะไรได้และเมื่อไหร่ที่ประสบความสำเร็จทุกคนก็จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปโดยปริยาย
“เย่เชียน!..ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากคณบดีสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศจะจัดซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งพันเครื่อง..คราวนี้เราจะทำเงินได้อย่างมหาศาล” ฟู่เซิงพูดด้วยความตื่นเต้น ซึ่งถ้าอิงตามราคาซื้อเหมาจากเมืองปักกิ่งที่เย่เชียนแนะนำล่ะก็พวกเขาจะมีรายได้อย่างน้อยๆ 500,000 หยวน
500,000 หยวนนั้นคือสิ่งที่เยว่เหอตูไม่กล้าแม้แต่จะคิดเพราะเงินจำนวน 500,000 หยวนนั้นสามารถซื้อบ้านได้กี่หลังและซื้อที่ได้ที่ไร่กัน? สำหรับเยว่เหอตูนั้นเขาตื่นเต้นอย่างมากเพราะทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาได้มารู้จักกับเย่เชียนไม่เช่นนั้นแม้แต่เงิน 300 หยวนต่อเดือนเขาคงจะไม่สามารถหาได้เลย แต่แน่นอนว่าถึงเย่เชียนจะเป็นผู้ให้โอกาสแต่มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองเพราะถ้าเยว่เหอตูกับฟู่เซิงไม่ได้ทุ่มเทกับงานและพยายามมากขนาดนี้พวกเขาก็คงไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้อย่างแน่นอน
ส่วนทางด้านหยุนโอ่วเทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะเงิน 500,000 หยวนนั้นสำหรับเขานั้นเมื่อหารแบ่งกันสี่คนแล้วก็ได้กันเพียงคนละแสนหยวนและมันไม่ได้มากมายอะไรสำหรับเขานัก
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แล้วนายให้ค่าตอบแทนคณบดีสำหรับการช่วยเหลือเรื่องการติดต่อกับมหาวิทยาลัยไปเท่าไหร่?”
“ไวน์เกรดพรีเมี่ยมสองขวดและเงินอีกห้าหมื่นหยวน” ฟู่เซิงพูด เมื่อนึกถึงเงิน 50,000 หยวนแล้วเยว่เหอตูก็รู้สึกลำบากใจอย่างมากเพราะนานแค่ไหนที่เขาจะได้รับเงิน 50,000 หยวน? การทำงานพาร์ทไทม์ที่ KFC ทั้งกลางวันและกลางคืนบวกกับการทำงานเสริมอีกและได้รับเงินเดือนเพียง 2,000 หยวนต่อเดือนเพียงเท่านั้นเอง
“มันคุ้มค่าแล้ว!” เย่เชียนพูด “จำเอาไว้นะว่านายต้องให้เมื่อเห็นว่ามันจำเป็นต้องให้และคุ้มกับสิ่งที่เสียไป..เราควรจะใจกว้างและนี่คือสิ่งที่คนฉลาดควรมี” จากนั้นเขาก็ตบไหล่ของเยว่เหอตูแล้วพูดว่า “อย่าเสียดายไปเลยเพราะถ้าไม่มีห้าหมื่นนั้นเราก็จะไม่มีวันได้ห้าแสนครั้งนี้..เราควรมองในระยะยาวและในอนาคตมันจะไม่ใช่แค่ผลกำไรเล็กๆน้อยๆอีกต่อไป”
เยว่เหอตูก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและเขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่าคนรวยนั้นใช้เงินเพื่อทำเงินอย่างไรและแท้ที่จริงแล้วถ้าพวกเขาไม่เสียเงิน 50,000 หยวนนั้นล่ะก็เงิน 500,000 หยวนก็จะมาได้อย่างไร
ขณะที่เขาพูดโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นและหลังจากรับสายแล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้าม “ฉันอยู่ที่หน้าหอพักของคุณแล้ว..คุณว่างออกมาพบฉันหรือเปล่า” เย่เชียนถึงกับสั่นเทาและพยักพน้าแล้ววางสายทันที หลังจากคุยกับฟู่เซิงและคนอื่นๆแล้วเย่เชียนก็เดินลงไปข้างล่าง
ทั้งสามคนก็โผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัยและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวสีดำกับกระโปรงสีดำสั้นกำลังยืนอยู่ที่ชั้นล่าง ผมของเธอยาวปลิวไปตามสายลมท่าทางก็ดูสงบซึ่งใบหน้าของเธอก็มีร่องรอยของความเศร้าจางๆและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ในแบบของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาทุกคน
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของแม่ม่ายดำจือเหวินนั้นทำให้เย่เชียนคาดไม่ถึงอย่างมาก “ทำไมคุณถึงมาที่เมืองซีจิงล่ะ?” เย่เชียนถาม
“มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ” แม่ม่ายดำจือเหวินพูดอย่างสงบและไม่แยแส ก่อนที่เธอจะมาถึงเธอจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนว่าการได้พบกับเย่เชียนจะเป็นอย่างไรและเธอจะทำอย่างไรเมื่อได้พบเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเธอพบเย่เชียนตรงหน้าเธอคำพูดและความรู้สึกที่เก็บมาเป็นเวลานานก็ไม่สามารถอัดอั้นได้อีกต่อไป
“ได้เวลาแล้วที่ฉันจะต้องไปคุยกับหวังหว่านยู่ราชาแห่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อเอาขี้เถ้าของพี่หยางเทียนกลับไป” จือเหวินพูด “หลังจากหลายปีผ่านไปฉันปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในต่างแดนเพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องที่แย่มาก ”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ดีแล้ว”
ความเฉยเมยของเย่เชียนทำให้จือเหวินรู้สึกอ้างว้างแต่สัญชาตญาณของผู้หญิงบ่งบอกได้ว่าเย่เชียนมีบางอย่างที่ต้องทำในตอนนี้แต่ก็เผยถึงความไม่พอใจบนใบหน้าของเธอ เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา..ตอนแรกผมต้องการไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อพบคุณโดยเร็วที่สุดแต่ตาเฒ่าพวกนั้นกลับโยนงานมาให้ผมทำเพราะงั้นสิ่งต่างๆเลยไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้..แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้เสมอนะ”
ได้ยินแบบนั้นแล้วจือเหวินก็ฉีกยิ้มและรอยยิ้มที่มีความสุขก็ก่อตัวขึ้นที่มุมปากของเธอและเธอก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วพูดว่า “ฉันรู้..วันนี้ฉันจะไปพบหวังหว่านยู่ราชาแห่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือและคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้..สำหรับฉันแล้วมันไม่สำคัญหรอกว่าใครผิดและฉันก็ไม่ต้องการที่จะต่อสู้อีกแล้ว..ฉันแค่หวังว่าจะได้นำขี้เถ้าของพี่หยางเทียนกลับมา..แบบนี้ฉันจะได้สบายใจไม่อย่างงั้นฉันคงไม่สามารถหยุดกังวลได้เลย”
“การเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ดีแต่เนื่องจากหวังหว่านยู่กล้าที่จะต่อสู้กับหยางเทียนในตอนนั้นเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดหรอก..คุณควรจะพาคนไปด้วยและถ้าเกิดอะไรขึ้นก็โทรหาผมได้แล้วผมจะรีบไปทันที” เย่เชียนพูด “ผมไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
จือเหวินก็ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะเธอมาที่มหาวิทยาลัยซีจิงก็เพื่อมาหาเย่เชียนโดยเฉพาะ ซึ่งเธอรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวจากปากของเย่เชียนเอง “แล้ววันนี้คุณพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า..ฉันอยากไปเดินเที่ยวเล่นกับคุณ” จือเหวินพูด
“ได้สิ” เย่เชียนพูด
ที่ชั้นบนหยุนโอ่วเทียน,ฟู่เซิงและเยว่เหอตูต่างก็เฝ้าดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อและพวกเขาต่างก็ตกตะลึงในความสามารถของเย่เชียนเพราะเขาเพิ่งจะเด็ดดอกไม้ประจำโรงเรียนของมหาวิทยาลัยและตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากไหนอีกและเธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยงามในแบบของผู้หญิงโตเต็มวัย อย่างไรก็ตามการแสดงออกของพวกเขาก็ตกตะลึงทันทีเพราะไม่ไกลจากตรงนั้นหลี่ซือกำลังเดินเข้ามา
ฉากตรงหน้าเธอทำให้หลี่ซือตกตะลึงและมองเย่เชียนอย่างไม่เชื่อสายตา ซึ่งร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้และอารมณ์ที่สนุกสนานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนใจกว้างพอที่จะยอมรับว่าผู้ชายของเธอมีผู้หญิงคนอื่น แม้แต่หลินโรวโร่ว,ฉินหยู,จ้าวหยาและหูวเค่อเองพวกเธอทั้งหมดก็เป็นแบบนั้น แต่เป็นเพียงเพราะความรักที่แข็งแกร่งของพวกเธอที่มีต่อเย่เชียนซึ่งสนับสนุนให้พวกเธอรักเย่เชียนโดยไม่เสียใจใดๆ หากพวกเธอไม่มีความใจกว้างล่ะก็พวกเธอก็อยู่ไม่ได้เพียงแต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานานพวกเธอก็ค่อยๆเข้าใจกันโดยปริยายราวกับว่าพวกเธอเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่สำหรับแม่ม่ายดำจือเหวินคนนี้คำขอของเธอนั้นง่ายมากเพราะเธอไม่เคยคิดที่จะอยู่กับเย่เชียนอย่างที่เธอพูดในวันนั้นและเธอเพียงแค่หวังว่าเย่เชียนจะมอบความทรงจำที่ดีกับเธอสักครั้ง เธอนั้นไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะได้อยู่ข้างๆเย่เชียนตลอดไปเหมือนกับหลินโรวโร่วและคนอื่นๆ แค่หวังว่าเย่เชียนจะมีที่เล็กๆสำหรับเธอในใจและถึงแม้ว่ามันจะเป็นที่ว่างเพียงเล็กน้อยก็ตามแต่ตราบเท่าที่เย่เชียนคิดถึงเธอได้เป็นครั้งคราวแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ถึงปากของหลี่ซือจะบอกว่าเธอไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้แต่เมื่อเธอพบกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆมันก็ยังยากสำหรับเธอที่จะยอมรับมันได้ ถ้าหากผู้หญิงเห็นผู้ชายของเธออยู่กับผู้หญิงคนอื่นโดยไม่มีความหึงหวงนั่นก็หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นอย่างสุดซึ้ง แน่นอนว่าหลี่ซือกำลังจมดิ่งอยู่ในจินตนาการแห่งความรักอันแสนสุขดังนั้นฉากตรงหน้าเธอจึงทำให้เธอกลับมาสู่ความเป็นจริงในทันทีและเธอก็หวังว่าในเวลานี้เย่เชียนจะต้องเป็นของเธอและเป็นของเธอโดยสมบูรณ์เพียงคนเดียว
“เย่เชียนไอ้สารเลว” หลี่ซือขว้างถุงเสื้อผ้าที่เธอเพิ่งซื้อมาให้เย่เชียนใส่ร่างกายของเขาด้วยความโกรธ จากนั้นก็ก้มลงและใช้มือปิดหน้าของเธอและร้องไห้สะอึกสะอื้น
เย่เชียนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าจือเหวินเองก็ตกตะลึงเช่นกันแล้วเธอก็พูดว่า “นั่นแฟนใหม่ของคุณเหรอ?..ขอโทษด้วยฉันไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น..คุณไปหาเธอเถอะ!”
“ไม่เป็นไร” เย่เชียนพูด “ไปกันเถอะ..เราไปเดินเที่ยวกันดีกว่า” แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้ตำหนิเธอสำหรับปฏิกิริยาของหลี่ซือแต่นี่คือวิธีที่ผู้หญิงควรจะจัดการตัวเอง อย่างไรก็ตามหากหลี่ซือไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้และเลือกที่จะยอมแพ้ไปล่ะก็เย่เชียนก็จะไม่รั้งเธอและไม่บังคับเธอเพราะเมื่อพูดถึงความรักแล้วสิ่งนี้มักจะถูกโชคชะตากำหนดเสมอ
เมื่อได้ยินแบบนั้นจือเหวินก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่พยักหน้าตอบ
ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ย่อมมีความคิดเปรียบเทียบ ซึ่งผู้ชายเปรียบเทียบได้กับเงิน,ความมั่งคั่ง,อำนาจและสถานะมากกว่าและในขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบเปรียบเทียบรูปร่างและหน้าตา ดังนั้นเมื่อเห็นจือเหวินแล้วหลี่ซือก็รู้สึกได้ว่าเธอเป็นเพียงแอปเปิลเขียวลูกเล็กๆต่อหน้าเธอและดูเหมือนว่าเธอจะโกรธเย่เชียนมากแต่จริงๆแล้วเธอโกรธตัวเอง
“เย่เชียนไอ้สารเลว..ไอ้คนบ้า!” ในห้องพักหลี่ซือก็ยังคงทุบตีตุ๊กตาหมีขนยาวที่น่าสงสารอยู่บนเตียงราวกับว่ามันเป็นเย่เชียน
เมื่อหลี่ซือพิจารณาและไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วเย่เชียนก็ไม่เคยโกหกเธอเลยเพราะเขาพูดตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหลี่ซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดที่ได้เห็นภาพตรงหน้าและที่น่ารำคาญไปกว่านั้นคือเย่เชียนไม่ได้ตามมาง้อเธอ ซึ่งเขาปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ได้ยังไง? แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาเลย
เมื่อนึกถึงจือเหวินแล้วหลี่ซือก็อดไม่ได้ที่จะมองลงไปที่หน้าอกของเธอและตบตัวเองอย่างแรงแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แกจะไม่ใหญ่ขึ้นบ้างเลยรึไง!” จากนั้นเธอก็พูดว่า “เย่เชียน!..นายคิดว่านายเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกงั้นเหรอ..ผู้ชายตั้งหลายคนต่างก็ชอบฉันคนนี้” อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการกระทำที่คลุมเครือของเย่เชียนกับจือเหวินแล้วหลี่ซือก็แทบรอไม่ไหวที่จะทุบเย่เชียนและคิดอย่างโกรธเคืองว่า “หึ..ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องเป็นของฉันคนเดียว” อย่างไรก็ตามความคิดอีกอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของเธอแล้วพึมพำว่า “ไม่สิฉันต้องตั้งใจเรียน..ไม่งั้นสิ่งที่ฉันอยากจะทำหลายๆอย่างก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ”
ความคิดของหลี่ซือตีกันไปตีกันมาในห้องพักและแน่นอนว่าเย่เชียนไม่รู้เรื่องนี้เพราะในเวลานี้เขาได้พาจือเหวินไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซีจิง ซึ่งจือเหวินก็เดินจับมือเย่เชียนอย่างเป็นธรรมชาติและเย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
.
.
.