ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 988 ฝากฝัง
ตอนที่ 988 ฝากฝัง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่อย่างน้อยๆเย่เชียนก็ชนะยกแรกเพราะความประทับใจแรกของเย่เชียนสำหรับเฉินฉิงหนิวและหลี่ฉีนั้นเป็นไปได้อย่างสวยงาม ซึ่งพวกเขาทั้งสองก็ฉีกยิ้มราวกับว่าพวกเขาคิดผิดเพราะทุกวันนี้พวกเขากำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของหลี่ซือเพราะในฐานะพ่อแม่แล้วพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าลูกสาวของพวกเขากำลังมีความรักอยู่
ตั้งแต่ที่หลี่ซือกลับมาจากเมืองปักกิ่งครั้งล่าสุดเธอก็ดูเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลาและพวกเขารู้ว่าลูกสาวของพวกเขากำลังมีความรัก อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของลูกสาวแล้วพวกเขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆและมันเป็นเพียงแค่การเติบโตของลูกสาวเท่านั้นและพวกเขาไม่ได้ถามอะไรมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานหลี่ซือก็มีความสุขอีกครั้งทั้งเศร้าทั้งกระตือรือร้นดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้อย่างชัดเจน
เฉินฉิงหนิวและหลี่ฉีก็สอบถามเย่เชียนเกี่ยวกับตัวเขาและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจภูมิหลังครอบครัวของเย่เชียนก็ตามแต่ก็ยังคงถามคำถามบางอย่างแต่เย่เชียนก็ตอบไปอย่างแยบยล
“ซือเอ๋อร์ขึ้นไปข้างบนกับแม่เถอะ..แม่มีเรื่องอะไรจะบอกกับลูก” หลี่ฉีลุกขึ้นและพูด เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการที่จะดึงหลี่ซือออกมาเพราะเมื่อมีผู้หญิงอยู่ในการสนทนาเช่นนี้มันก็ยากมากที่จะพูดอะไรออกมา
“ไม่..พูดที่นี่เลย” หลี่ซือพูดอย่างดื้อรั้นและเห็นได้ชัดว่าเธอเข้าใจความหมายของหลีฉีดี ส่วนหลี่ฉีก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ไปกับแม่ของเธอเถอะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่ซือก็ทำหน้ามุ่ยและยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ซึ่งเธอเชื่อฟังเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบแต่เธอก็มองเฉินชิงหนิวด้วยท่าทางดุร้ายและพูดว่า “พ่อคะ..พ่อห้ามทำอะไรเย่เชียนเป็นอันขาด” เฉินฉิงหนิวกับหลี่ฉีต่างก็หัวเราะอย่างขมขื่น
เมื่อมองดูหลี่ฉีกับหลี่ซือขึ้นไปที่ชั้นบนแล้วเฉินฉิงหนิวก็หยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้เย่เชียนแล้วจุดไฟและเย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่ยื่นมือไปรับอย่างใจเย็นแล้วจุดไฟจากนั้นก็จ้องมองเฉินฉิงหนิวอย่างเงียบๆ “ฉันได้ยินมาว่าคืนนี้เอ็งทำร้ายร่างกายหวังจุนที่ร้านคาราโอเกะอย่างงั้นเหรอ?” เฉินฉิงหนิวพูดหลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง
“ใช่ครับ!” เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “หลี่ซือเป็นแฟนของผมและผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอเป็นอันขาด”
หลังจากยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเฉินฉิงหนิวก็พูดต่อ “แล้วเอ็งรู้ไหมว่าใครคือหวังจุนและพ่อของเขาคือใคร?”
“ผมรู้..พ่อของเขาคือหวังฉิงเซิงผู้ถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งเมืองซีจิง” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย “แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม..เพราะผมเชื่อคำสอนของจีนโบราณว่าดาบแต่ละเล่มนั้นคมไม่เท่ากัน..ถึงผมจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจอิทธิพลในเมืองซีจิงก็ตามแต่ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่สามารถหยุดยั้งผมได้..ถ้าผมไม่สามารถปกป้องได้แม้แต่คนที่ผมรักล่ะก็ผมคงไม่ใช่ผู้ชาย..ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ถ้าเขากล้ามารังแกคนรักของผมล่ะก็ผมพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอคนนั้น”
“ดี..ลูกผู้ชายต้องแบบนี้” เฉินฉิงหนิวพูดอย่างเห็นด้วย “หวังฉิงเซิงกล้าที่จะทำร้ายลูกสาวของฉันเพราะงั้นเขาจะไม่หยุดแค่นี้อย่างแน่นอน..เอ็งก็ระวังตัวเอาไว้ล่ะและถ้าเอ็งต้องการอะไรก็พูดออกมาได้เลย”
เย่เชียนพยักหน้าและไม่พูดอะไร
หลังจากหยุดไปชั่วครู่เฉินฉิงหนิวก็พูดต่อ “เย่เชียน!..ฉันมีเรื่องที่อยากจะถามเอ็งหน่อยและเอ็งก็ตอบฉันตามความจริง..ฉันน่ะเป็นคนตรงไปตรงมาเพราะงั้นอย่าโกรธเคืองเลยถ้าฉันต้องถามอะไรบางอย่าง”
“ถ้าคุณลุงมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆได้เลย” เย่เชียนพูด
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินฉิงหนิวก็พยักหน้าและพูดว่า “เอ็งเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมาเพราะงั้นฉันก็มั่นใจได้ว่าถ้าหากหลี่ซืออยู่กับเอ็งเธอจะปลอดภัยและมีความสุขเพราะงั้นเอ็งช่วยสัญญากับฉันหน่อยได้ไหมว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันเอ็งต้องช่วยดูแลแม่และลูกทั้งสองแทนฉัน..เอ็งสามารถทำได้หรือเปล่า?”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า..ถ้าเป็นแบบนั้นคุณบอกผมมาได้เลย..ต่อให้ผมอาจจะช่วยคุณไม่ได้แต่ก็ดีกว่าเก็บมันเอาไว้คนเดียวและตายไปกับมัน..ซึ่งต่อให้คุณลุงไม่พูดแบบนั้นถึงยังไงผมก็จะดูแลหลี่ซืออยู่แล้วและจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้เว้นแต่จะข้ามศพผมไปเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินฉิงหนิวก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแต่การแสดงออกของเฉินฉิงหนิวกลับดูเศร้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่อีกมวนออกมาจากกล่องบุหรี่แล้วจุดไฟแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “เมืองซีจิงกำลังจะมีการเลือกผู้ว่าเทศบาลเมืองคนใหม่เพราะคณะกรรมการชุดใหม่ของพรรคเทศบาลกำลังจะถูกย้ายมาจากเมืองอื่นและเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังฉิงเซิง..นอกจากนี้ย้อนกลับไปสมัยก่อนฉันได้รวบรวมเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลและเป็นคนที่บังคับเขาออกจากองค์กรไป..แต่วันนี้เขากลับมาทวงตำแหน่งคืนและเขาจะไม่ยอมปล่อยฉันไปอย่างแน่นอน..แต่เขายังไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรแต่เมื่อโอกาสเขาจะไม่ยอมปล่อยมันไปอย่างแน่นอน..ในตอนนี้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของเทศบาลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉันต่างก็ถูกย้ายออกไปแล้วส่วนที่เหลือก็ย้ายฝั่งกันไปจนหมด..แน่นอนว่าเมื่อเราอยู่ในอำนาจใครก็ต่างก็มาประจบประแจงแต่เมื่อเราตกต่ำพวกเขาก็จะเหยียบย่ำ..ตอนที่ฉันเลือกเส้นทางนี้ฉันก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วมันจะถึงวันนั้น..ตอนนี้ฉันปล่อยวางทุกอย่างแล้วเพราะผู้ชายอย่างเรานั้นได้สำเร็จสักครั้งในชีวิตก็เพียงพอแล้ว..ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีที่ผ่านมาฉันได้สนุกไปกับทุกสิ่งที่ควรจะได้รับแล้วและต่อให้ตายไปก็คุ้มกับชีวิตนี้แล้ว..เพียงแต่ว่าฉันเป็นห่วงภรรยาและลูกสาวของฉัน..ฉันไม่สามารถหยุดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลยดังนั้นฉันจึงอยากให้เอ็งสัญญาว่าจะดูแลหลี่ซือกับหลี่ฉีแทนฉันได้และปกป้องพวกเธอด้วยชีวิต”
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “คุณลุง..คุณเป็นพ่อของหลี่ซือเพราะงั้นคุณไม่ต้องกังวลไปเพราะผมจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินฉิงหนิวก็ตกตะลึงแล้วพูดว่า “เย่เชียนฉันไม่ต้องการให้เอ็งเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้..เพราะเมื่อไหร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมมันก็จะไม่มีวันจบจนกว่าเราจะตาย..เอ็งแค่ต้องสัญญากับฉัน..แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนที่จะตายด้วยมือของใครง่ายๆหรอกและมันไม่ง่ายเลยที่ใครจะมาทำอะไรฉันได้”
เฉินฉิงหนิวนั้นไม่รู้จักตัวตนของเย่เชียนดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านคาราโอเกะจึงทำให้เขาคิดว่าหวังฉิงเซิงคงจะหวั่นเกรงและกลัวเขาจนไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะเมื่อเขาถามเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวเย่เชียนแล้วคำตอบของเย่เชียนก็คลุมเครืออย่างมาก Yดังนั้นเขาจึงคิดว่าเย่เชียนเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถและกล้าหาญเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เฉินฉิงหนิวจึงไม่สนใจว่าเย่เชียนจะเกิดมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวแบบไหนก็ตามแต่ผู้ชายที่ยอมตายเพื่อลูกสาวได้ก็ควรค่าแก่การฝากลูกสาวเอาไว้กับเขาคนนั้นแล้ว
เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีประโยชน์หากพูดมากเกินไป นอกจากนี้ตอนนี้เฉินฉิงหนิวก็ยังปลอดภัยดี อันที่จริงแล้วในสายตาของเย่เชียนนั้นหวังฉิงเซิงไม่มีอะไรมากไปกว่าข้าวฟ่างและกุ้งตัวเล็กๆและไม่ได้ทำให้เย่เชียนหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเพื่อจัดการกับคนอย่างหวังฉิงเซิงนั้นเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก
ในตอนแรกเย่เชียนอยากจะบอกเฉินฉิงหนิวว่ามันไม่ใช่แค่หวังฉิงเซิงเท่านั้นที่ต้องการจัดการกับพวกเขาแต่ยังรวมไปถึงตัวแทนจากประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเย่เชียนก็ยกเลิกความคิดนี้เพราะหลังจากรู้ว่าเฉินฉิงหนิวกำลังรับมือเพื่อจัดการกับหวังฉิงเซิงอยู่ถ้าหากเขารู้ว่ายังมีคนจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่เล็งเป้ามาที่เขาอีกนั่นจะทำให้เขาประหม่ามากยิ่งขึ้น
จุดประสงค์ของหูวหนานเจียนก็ชัดเจนเพราะพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเฉินฉิงหนิวกับหวังฉิงเซิง แต่เพียงแค่ทำให้แน่ใจว่าด็อกเตอร์หลี่ฉีจะไม่ถูกพวกอเมริกันจับไปเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะเน้นรับผิดชอบในการปกป้องความปลอดภัยของพวกเขากับฝั่งของประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
เมื่อเย่เชียนออกจากบ้านของเฉินฉิงหนิวนั้นเย่เชียนไม่ได้บอกหลี่ซือก่อนแต่ฝากให้เฉินฉิงหนิวไปบอกเธอแทน
เช้าวันรุ่งขึ้นนักศึกษาหญิงที่แต่งตัวเรียบร้อยมากกับนักศึกษาจำนวนหนึ่งเดินตรงไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่และผู้อำนวยการพร้อมกับกางเกงชั้นในกับภาพลามกอนาจารและพูดทั้งน้ำตาว่าเธอถูกประธานรุ่นนักศึกษาข่มขืนและเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแถลงการณ์และให้ความเป็นธรรมกับเธอไม่เช่นนั้นเธอจะขึ้นศาลและทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยอย่างหนักหน่วง
แน่นอนว่าบรรดาเหล่าผู้บริหารและคณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยก็ไม่กล้าที่จะหย่อนยานเลยแม้แต่น้อยเพราะเมื่อเหตุการณ์นี้ลุกลามและแพร่กระจายออกไปมันจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชื่อเสียงของสถาบันอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมหาวิทยาลัยซีจิงนั้นมหาวิทยาลัยที่สำคัญในโครงการรัฐบาล หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของสถาบันอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้อำนวยการจะต้องลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรุนแรงและให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่เธอ
ผลลัพธ์คือประธานรุ่นนักศึกษาคนนั้นถูกส่งตัวเข้าคุก ดังนั้นสิ่งที่เขาทำย่อมหมายถึงการทำลายอนาคตของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
มีเรื่องอื้อฉาวมากมายในมหาวิทยาลัยและฟู่เซิงก็รู้สึกมีความสุขมากเพราะเมื่อนึกถึงสิ่งที่เย่เชียนพูดในคืนนั้นฟู่เซิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านี่เป็นการแก้แค้นที่เย่เชียนบอกหรือเปล่า ความจริงก็คือทั้งหมดนี้ถูกจัดเตรียมโดยเย่เชียนและหยุนโอ่วเทียน ซึ่งบางครั้งเงินก็สามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมายอย่างไม่มีข้อกำหนด
เย่เชียนนั้นไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรแต่แค่อยากจะบอกฟู่เซิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าผู้ชายไม่ต้องเสียใจและเสียน้ำตาเพื่อผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับความรักของเขานั่นเอง
วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆและทุกอย่างก็ดูสงบสุข ซึ่งเย่เชียนก็ยืนกรานที่จะส่งหลี่ซือกลับบ้านในทุกๆคืนและทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น ทางด้านเยว่เหอตูกับฟู่เซิงก็ทำงานได้ดีเช่นกันและพวกเขาทั้งสองต่างก็ทุ่มเทให้กับงานของพวกเขาอย่างตั้งใจและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งโอกาสในชีวิตนี้มีไม่มากนักดังนั้นการรู้จักคว้าทุกโอกาสรอบๆตัวคือสิ่งที่ผู้ชายควรทำ
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ชัดเจนมากว่าภายใต้สถานการณ์ที่สงบสุขนี้มันจะมีคลื่นลูกใหญ่ซ่อนอยู่เสมอและมันจะระเบิดอย่างรุนแรงหลังจากนี้ไม่นาน แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้กลัวเพราะหวังฉิงเซิงนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ถ้าหากหวังฉิงเซิงไม่มาคุกคามเขาล่ะก็เย่เชียนก็ไม่อยากเสียเวลากำจัดเขาแต่อย่างใด
.
.
.