ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 985 พี่น้องคือพี่น้อง คนรักคือของนอกกาย!
ตอนที่ 985 พี่น้องคือพี่น้อง คนรักคือของนอกกาย!
200,000 หยวนเป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในถังสำหรับเย่เชียนและมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะเย่เชียนต้องการดูว่าฟู่เซิงและเยว่เหอตูนั้นมีความพยายามและความสามารถมากแค่ไหนและพวกเขาจะอดทนกับความลำบากได้หรือเปล่า ซึ่งนี่เป็นการทดสอบสำหรับพวกเขาดังนั้นการเสียเงินจึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเพราะสิ่งสำคัญคือพวกเขาสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้ได้มากแค่ไหนนั่นเอง
วันรุ่งขึ้นเย่เชียนกับหยุนโอ่วเทียนก็โอนเงินให้กับฟู่เซิงและเขาก็เริ่มดำเนินการต่างๆ ส่วนเยว่เหอตูก็ไปลาออกจากงานพาร์ทไทม์และเตรียมตัวสำหรับอาชีพการงานครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเงิน 200,000 หยวนนั้นเป็นตัวเลขที่เกินความคาดหมายสำหรับเยว่เหอตูมาก ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงทำให้เยว่เหอตูไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อยและเขาก็อุทิศตัวเองให้กับงานนี้และทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้สิ่งต่างๆดีขึ้นและคว้าโอกาสนี้เอาไว้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ซือก็ปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเธอก็ชวนเพื่อนร่วมหอพักของเย่เชียนทุกคนมางานเลี้ยงมื้อเย็นด้วยกันในตอนเย็น ซึ่งดูเหมือนว่าเธอกำลังเตรียมที่จะสร้างอำนาจของพี่สะใภ้ให้กับทุกคน ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรและบอกกับเพื่อนในห้องพักว่าเกิดอะไรขึ้นและบอกให้พวกเขาพาคนที่ชอบมาเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อเย็นด้วย
เยว่เหอตูกับหยุนโอ่วเทียนนั้นโสดและยังไม่มีใครที่ชอบดังนั้นพวกเขาจึงไปตัวคนเดียว ส่วนฟู่เซิงนั่นก็ไล่จีบผู้หญิงคนหนึ่งราวกับไฟที่โหมกระหน่ำดังนั้นเย่เชียนจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าถ้าฟู่เซิงสามารถเชิญเธอมาคืนนี้ได้ตนก็จะสนับสนุนเขา ซึ่งนั่นอาจมีผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดและฟู่เซิงเองก็ชัดเจนเช่นกันว่าถ้าเธอตกลงที่จะมาร่วมงานเลี้ยงกับเขานั่นก็เทียบเท่ากับการยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอแล้ว
งานเลี้ยงมื้อเย็นถูกจัดขึ้นที่ร้านอาหารสุดหรูในเมืองซีจิง ซึ่งเย่เชียนกับหลี่ซือก็มาก่อนใครและเห็นได้ชัดว่าหลี่ซือดูตื่นเต้นมาก แลเธอพร้อมที่จะทำให้ดีในคืนนี้และสร้างสถานการณ์เป็นสะใภ้ต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องของเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบ
ในเวลานี้หยุนโอ่วเทียนและเยว่เหอตูก็เข้ามาพร้อมกันและเหลือเพียงฟู่เซิงคนเดียว ซึ่งหลังจากรอประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆด้วยใบหน้าที่อ้างว้างจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา “เกิดอะไรขึ้น” เย่เชียนถาม
“เธอบอกกับฉันว่าเราไม่เหมาะสมกัน..ที่ผ่านมาขอบคุณที่ฉันคอยดูแลเธอและเธอหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในอนาคต” ฟู่เซิงพูดด้วยความผิดหวัง “เธอกำลังจีบกับประธานรุ่นนักศึกษาอยู่”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ปลอบใจว่า “คิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ในชีวิต..ฉันเองก็คิดว่านายไม่เหมาะสมกับผู้หญิงคนนั้นหรอกเพราะเธอร้ายเกินไป..นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอนายรับมือเธอไม่ไหวหรอก..เอาเถอะมันไม่มีอะไรน่าละอายใจเลยเพราะงั้นนายต้องแบกรับความพ่ายแพ้บ้างถึงจะเติบโตได้”
“เข้าใจแล้ว..มันบ้ามาก..มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ชายแมนๆอย่างฉันจะต้องไล่ตามผู้หญิง..เธอสิที่เป็นฝ่ายต้องเสียใจ!” ฟู่เซิงพูดและดูตลกขบขันจนทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เชียนก็ตบไหล่ฟู่เซิงและพูดว่า “ถ้านายสามารถเปลี่ยนบาดแผลทางจิตใจให้เป็นแรงผลักดันในการต่อสู้ของนายล่ะก็นายจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน..อันที่จริงรักแท้ในมหาวิทยาลัยก็มีไม่มากนักหรอกและน้อยมากที่จะคงอยู่ได้นาน..สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันอยู่ดีเพราะงั้นตอนนี้นายควรใช้เวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนายเพื่อตั้งใจเรียนและทำงานเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ!..ซึ่งในเวลานั้นนายจะพบว่าผู้หญิงนับไม่ถ้วนจะคุกเข่าต่อหน้าของนายและแม้แต่ดารานักแสดงก็จะกลายเป็นของเล่นของนายได้อย่างง่ายดาย!”
ฟู่เซิงพยักหน้าอย่างหนักหน่วง “ฉันเข้าใจแล้วพี่น้องก็คือพี่น้องส่วนคนรักก็แค่ของนอกกาย..ยัยผู้หญิงร้อยมารยา” จากนั้นเมื่อเห็นหลี่ซือข้างๆเย่เชียนแล้วฟู่เซิงก็ยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “เอ่อฉันไม่ได้พูดถึงเธอนะ..เธอไม่เหมือนพวกนั้น” หลังจากหยุดไปชั่วขณะฟู่เซิงก็พูดต่อ “ตอนนี้ฉันสงสารประธานรุ่นคนนั้นซะแล้ว..เธอคงรอกินกระดูกของเขาและสูบเลือดสูบเนื้อของเขาอย่างแน่นอน”
เย่เชียนเข้าใจดีเพราะตอนนี้ฟู่เซิงเสียหน้าอย่างรุนแรงในวันนี้ “เขาคือคนที่ไล่จีบฉันเมื่อวานนี้” เมื่อหลี่ซือพูดออกมาทันใดนั้นเย่เชียนก็นึกถึงเด็กหนุ่มที่ขู่จะฟ้องอาจารย์เพื่อหักคะแนนจิตวิสัยของเขาเมื่อวานนี้ จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “นายต้องการสั่งสอนบทเรียนเขางั้นเหรอ?”
“ไอ้หมอนั่นน่ะเหรอ..อย่าให้ฉันเจอหน้ามันจะดีกว่าไม่งั้นไอ้หมอนั่นซวยแน่” ฟู่เซิงพูด
“การทำร้ายร่างกายไม่ใช่ทางออกในการแก้แค้นเสมอไปเพราะมันมีอยู่หลายวิธีที่จะแก้แค้น” เย่เชียนพูดต่อ “เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการเถอะ..ฉันมีวิธีของฉันและฉันรับรองได้เลยว่านายจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
ฟู่เซิงนั้นมองเย่เชียนอย่างว่างเปล่าและไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาเชื่อว่าเย่เชียนสามารถทำสิ่งที่เขาพูดได้อย่างแน่นอนและหลังจากนั้นทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและเริ่มกินมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย
ในช่วงเวลานั้นฟู่เซิงก็ได้พูดสั้นๆเกี่ยวกับร้านและธุรกิจของเขาแต่เย่เชียนไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องดูแลดังนั้นเย่เชียนจึงไม่มีความคิดเห็นอะไรใดๆ ซึ่งการที่พวกเขาสามารถบรรลุความสำเร็จไปได้ไกลแค่ไหนนั่นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว
หัวข้อของการพูดคุยก็ค่อยๆเปลี่ยนจากงานและเรื่องมหาวิทยาลัยไปสู่เรื่องของสังคมภายนอกและเมื่อพูดถึงหวังฉิงเซิงแล้วใบหน้าของหยุนโอ่วเทียนก็เปลี่ยนไปและมีความขุ่นเคืองอย่างมากในสายตาของเขาแต่มันก็ผ่านไปในพริบตา ยกเว้นเย่เชียนแล้วก็ไม่มีใครสังเกตได้เลย อย่างไรก็ตามคำพูดของหลี่ซือก็ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ “เมื่อสิบปีที่แล้วเขาเป็นแค่สุนัขรับใช้ที่คอยงอมืองอเท้ารับใช้พ่อของฉันเอง”
นี่ค่อนข้างจะหยิ่งผยองไปหน่อยที่จะพูดแบบนี้แต่มันก็เป็นเรื่องจริงเพราะในเมืองซีจิงนั้นมีเพียงคนเดียวที่เอาชนะหวังฉิงเซิงได้และนั่นก็คืออดีตราชาแห่งซีจิง เมื่อ 10 ปีที่แล้วหวังฉิงเซิงเป็นเพียงหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเฉินฉิงหนิวเท่านั้นและในเวลา 10 ปีต่อมาเขาได้สร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบและมีอิทธิพลอำนาจเทียบได้กับเฉินฉิงหนิวและขึ้นเป็นราชาคนใหม่ ซึ่งไม่ว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไรแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั่นคือหวังฉิงเซิงไม่ใช่คนที่จะทำให้ขุ่นเคืองได้เลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเย่เชียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาแล้วโดยอีเมลที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนส่งมาให้ครั้งล่าสุด ซึ่งขั้วอำนาจต่างๆในเมืองซีจิงก็ถูกอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดและไม่ว่าจะเป็นฝั่งของเฉินฉิงหนิวหรือราชาแห่งซีจิงอย่างหวังฉิงเซิงก็ตาม ซึ่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆและมีเพียงหวังหว่านยู่เท่านั้นที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจอย่างแท้จริงแต่ก็ยังมีตระกูลโอ่วหยางซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลหลักแห่งโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณด้วย แน่นอนว่าเพียงแค่สองขั้วอำนาจเหล่านี้ใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถบดขยี้เฉินฉิงหนิวและหวังฉิงเซิงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ใส่ใจอะไรกับราชาแห่งซีจิงทั้งสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย
หวังหว่านยู่แห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั้นเป็นบุคคลที่ทรงพลังซึ่งเป็นคนที่ทำให้หยางเทียนเสียชีวิตลงในต่างแดนและจนถึงทุกวันนี้หลุมศพของหยางเทียนก็ยังคงตั้งตระหง่านอยู่อย่างลำพังในทะเลทรายสีเหลืองทองและมองดูบ้านเกิดของเขาจากระยะไกล สำหรับตระกูลโอ่วหยางแล้วการที่จะเป็นหนึ่งในแปดตระกูลหลักในโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณได้นั้นก็ชัดเจนเพียงพอแล้วว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในชีวิตของเย่เชียนนั้นเขาชื่นชมคนไม่มากมักและหยางเทียนก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เย่เชียนชื่นชมและเคารพ เย่เชียนจำได้ว่าเขาเคยพูดกับแม่ม่ายดำจือเหวินว่าเขาต้องการช่วยเธอนำขี้เถ้าของหยางเทียนกลับมา แต่ในขณะนั้นขือเหวินเธอก็บอกกับเขาว่าเมื่อก่อนที่หยางเทียนจะจากไปเขาบอกกับเธอว่าถ้ามีวันหนึ่งเธอพบผู้ชายที่เธอรักจริงๆแล้วเธอจะต้องไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมาที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อนำขี้เถ้าของเขากลับคืนมาและห้ามให้ใครมาเหยียบแผ่นดินนี้เด็ดขาด ในตอนนั้นเขาไม่สามารถปกป้องเธอได้และถ้าเขารู้ว่าการไปเยือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือมันจะโหดร้ายแบบนี้เขาคงจะไม่มาอย่างแน่นอน เขานั้นไม่ต้องการให้แม่ม่ายดำจือเหวินล้างแค้นให้กับตัวเองแต่เขาก็รู้จักอุปนิสัยของเธอดีและตราบใดที่เธอพูดในสิ่งที่เธอจะพูดล่ะก็เธอจะทำมันอย่างแน่นอนและนั่นเป็นเหตุผลที่เขาพูดแบบนี้และจุดประสงค์ก็คือเพื่อให้แม่ม่ายดำจือเหวินค้นพบความสุขของเธอเอง
ตอนนี้เย่เชียนก็ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับแม่ม่ายดำจือเหวิน ดังนั้นหากมีโอกาสเย่เชียนก็ยินดีที่จะได้พบกับหยางเทียนที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนสักครั้งและถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการพูดคุยหรือแก้วไวน์บนหลุมศพของเขาแค่นั้นเย่เชียนก็พอใจแล้ว
หลังอาหารเย็นหยุนโอ่วเทียนก็เสนอให้ไปร้านคาราโอเกะเพื่อร้องเพลงและทุกคนก็ไปที่นั่นโดยไม่หยุดพักและแน่นอนว่าทั้งหมดนี้หยุนโอ่วเทียนเป็นคนจัดการ ซึ่งคาราโอเกะแห่งนี้เป็นร้านที่หรูหราที่สุดในเมืองซีจิงและราคาก็หลายหมื่นหยวนต่อคืนอีกด้วย
พนักงานเสิร์ฟนำเครื่องดื่มมาและคุกเข่าลงกับพื้นซึ่งทำให้เยว่เหอตูที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้ว เพราะการบริการทั้งหมดที่นี่เลียนแบบการบริการของประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินแบบจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆต้องคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเยว่เหอตูก็อดไม่ได้ที่จะขมขื่น
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆและไม่ได้พูดอะไรเพราะเย่เชียนเจออะไรแบบนี้มาเยอะแล้วและในท้ายที่สุดทุกคนก็แค่เอาตัวรอด ซึ่งบางคนก็ยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและถึงแม้ว่าจะต้องอับอายขายหน้าก็ตาม นั่นเป็นเพราะสังคมนั้นโหดร้ายอย่างแท้จริงเช่นเดียวกับดาราสาวเหล่านั้นที่บางคนก็ยอมถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้กำกับเพื่อความโด่งดังในวงการ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นเป็นเพราะไม่มีความยุติธรรมใดๆในโลกใบนี้
เสียงของเย่เชียนนั้นไพเราะมากในเวลานี้จริงๆ หากไม่ใช่เพราะคำวิงวอนต่างๆของหลี่ซือล่ะก็เย่เชียนจะไม่มีวันจับไมค์โครโฟนเลย ซึ่งทันทีที่เขาอ้าปากร้องเพลงนั้นฟู่เซิงก็ถึงกับตกใจและจมอยู่ในเสียงเพลงทันที เย่เชียนนั้นไม่มีปฏิกิริยาใดๆและค่อนข้างที่จะเพลิดเพลินเพราะคนที่กำลังร้องเพลงอยู่จะเป็นคนที่มีความสุขและไม่ว่าเขาจะร้องเพลงดีหรือไม่ดีก็ตาม
ทุกคนกำลังเล่นอยู่ในห้องคาราโอเกะส่วนหลี่ซือก็ออกไปเข้าห้องน้ำแต่เธอขังตัวอยู่ในห้องน้ำและไม่กล้าออกมา ในตอนนี้เธอได้ยินเสียงเคาะประตูห้องน้ำและเสียงตะโกนอย่างลามกจากภายนอกเธอก็ตกใจอย่างมากและรีบโทรหาเย่เชียนด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอทันที
เนื่องจากเธอเป็นลูกของเฉินฉิงหนิวดังนั้นเธอจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากสิ่งที่น่ากลัวมากมายตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เช่น การถูกลักพาตัวและถูกข่มขู่ เป็นต้น ดังนั้นเธอจึงกลัวมากและตอนนี้เมื่อเธอเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เมาและทำเรื่องไร้ยางอายกับเธอแบบนี้หลี่ซือก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด
.
.
.