ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 984 ยอมรับ
ตอนที่ 984 ยอมรับ
ผู้หญิงอย่างหลี่ซือนั้นช่างน่าสงสารเพราะคนที่มาจีบเธอนั้นไม่คำนึงถึงภูมิหลังและสถานะครอบครัวของเธอเลย เพียงแค่รูปลักษณ์ของเธอก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนใดก็ได้และมันคงเป็นเรื่องโกหกที่จะพูดว่าเย่เชียนไม่สนใจเธอเลยเพียงแต่ในตอนแรกเย่เชียนเข้าหาเธอเพราะภารกิจดังนั้นจึงมีการต่อต้านทางจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เย่เชียนก็เดินตามหลี่ซือกลับไปที่หอพักอย่างช้าๆและเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องของหลี่ซือต่างก็ปลอบโยนและเกลี้ยกล่อมเธอ เมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาพวกเธอก็มองเย่เชียนราวกับว่าเขาเป็นฆาตกรที่ชั่วร้าย
“นายเธอคนที่หลี่ซือชอบงั้นเหรอ?..เราทนกับนายไม่ไหวแล้วเพราะนายทำให้เพื่อนของเราเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า..นายดูซิว่าหลี่ซือทรมานมากแค่ไหน” เด็กสาวรูปร่างอ้วนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะและเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “เอ่อ..พวกเธอช่วยออกไปก่อนได้หรือเปล่า?”
“ออกไปอะไรกัน..นี่นายยังทำร้ายหลี่ซือไม่พออีกเหรอ..คิดว่าตัวเองดีมาจากไหนกันเชียว..ผู้ชายก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่งและมันก็ขึ้นอยู่กับหลี่ซือที่จะเลือกใคร…ทั้งครอบครัวและรูปลักษณ์ของเธอที่เพียบพร้อมแล้วเพราะงั้นจึงมีผู้ชายมากมายไล่ตามจีบเธอ” เด็กสาวรูปร่างอ้วนพูด
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “พวกเธอออกไปก่อนเถอะ” หลี่ซือเงยหน้าขึ้นแล้วพูดและสาวๆในหอพักก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและพวกเธอก็เดินออกไป แต่ก่อนที่พวกเธอจะเดินออกไปพวกเธอต่างก็จ้องมองไปที่เย่เชียนราวกับว่าถ้าหากเย่เชียนทำหลี่ซือเสียใจอีกครั้งพวกเธอก็จะจัดการกับเขา
เมื่อเห็นเพื่อนๆเดินออกไปกันแล้วหลี่ซือก็ปาดน้ำตาของเธอและมองไปที่เย่เชียนแล้วถามว่า “นายต้องการจะพูดอะไร”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก..นายไปได้แล้ว” หลี่ซือพูด
เมื่อได้ยินแบบนี้เย่เชียนก็พูดว่า “เมื่อกี้ฉันเข้าใจเธอผิดไป..ฉันขอโทษ”
“ฉันไม่เป็นไร..ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ” หลี่ซือพูด “ฉันโง่..ฉันทำตัวเองเพราะงั้นนายไม่ต้องกังวลไปหรอก” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงชองหลี่ซือจะดูเฉยเมยและแต่ก็ยังมีความเศร้าในน้ำเสียงอยู่บ้าง
“ไม่ใช่..ฉันแค่ไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ” เย่เชียนพูดต่อ “จริงๆแล้วเธอเป็นคนดีและเธอก็สมควรได้รับความสุขที่แท้จริง..ถ้าจะพูดให้แบบชัดเจนคือฉันเป็นครเลว..เพราะงั้นถ้าเธออยู่กับฉันล่ะก็ในอนาคตเธอจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน..ซึ่งมันจะดีกว่าไหมถ้าเราจะทิ้งความทรงจำดีๆให้กันไม่ใช่จบกันแบบนี้?”
“อย่าพูดอะไรอีกเลย..ถ้านายไม่ชอบฉันนายก็สามารถพูดออกมาตรงๆได้โดยไม่ต้องหาข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น..ใช่..ฉันชอบนายและถึงแม้ว่านายจะเป็นคนเลวจริวๆก็ตามถึงยังไงฉันก็ชอบนายอยู่ดี..ถ้านายไม่ได้ชอบฉันนายก็ไปเถอะ..ฉันจะหาวิธีลืมมันให้ได้เองไม่ต้องกังวลไปและฉันจะไม่ไปรบกวนนายอีกในอนาคต” หลี่ซือกัดริมฝีปากของเธอและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดน้ำตา แต่ยิ่งฝืนมากเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลมากเท่านั้น
ยิ่งหลี่ซือพูดแบบนี้เย่เชียนก็ยิ่งเศร้าและรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายไม่ได้ จากนั้นเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “พูดตามตรงนะฉันก็ชอบเธอเหมือนกันแต่ตอนนี้ฉันไม่สะดวกที่จะบอกอะไรกับเธอ..แต่..จะพูดยังไงดีล่ะ..แต่เธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันมีแฟนแล้วและฉันก็จะบอกความจริงกับเธอว่าฉันมีแฟนมากกว่าหนึ่งคนด้วยและฉันก็รักพวกเธอทุกคน..เพราะงั้นฉันไม่อยากที่จะทำร้ายจิตใจเธอ..เธอรับเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก”
เมื่อได้ยินแบบนี้หลี่ซือก็มองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังคิดเกี่ยวกับคำพูดของเย่เชียนและไตร่ตรองว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเปล่า แต่เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเย่เชียนเต็มไปด้วยความจริงใจและดูไม่มีความโกหกเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าหลี่ซือเองก็ได้พบกับหูวเค่อบนรถไฟแล้วแต่หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็มาที่มหาวิทยาลัยซีจิงและเธอเองก็เห็นว่าเย่เชียนนั้นไม่เหมือนนักศึกษาวิทยาลัยแต่อย่างใด ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเย่เชียนอาจจะเลิกรากับแฟนสาวและมาที่เมืองซีจิงเพราะความโศกเศร้า นอกจากนี้เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยเพราะถึงแม้จะรู้ว่าเย่เชียนมีแฟนแล้วแต่เธอก็ยังตกหลุมรักเขาอยู่ดี
หลี่ซือนั้นเกลีดมือที่สามอย่างมากเพราะพ่อของเธอแอบไปมีผู้หญิงข้างนอกและถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะไม่ได้หย่ากันแต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวด แต่หลี่ซือก็รู้ดีว่าพ่อของเขารักแม่ของเขาและเขายังคงรักเธออย่างสุดซึ้งไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะทอดทิ้งลูกสาวอย่างเธอไปแล้ว
บางคนอาจคิดว่าเฉินฉิงหนิวโหดเหี้ยมแต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนแบบนี้และเขาก็รักภรรยาและครอบครัวของเขามาก ไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงอยู่ข้างนอกกี่คนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีอยู่เขาก็มอบและทุ่มเทให้กับครอบครัวของเขาเสมอ
ถ้าเธอสามารถเลือกได้แน่นอนว่าหลี่ซือจะไม่เลือกตกหลุมรักเย่เชียนอย่างแน่นอน แต่ทว่าความรักก็เป็นสิ่งที่ลึกลับมากและไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอเลยและเธอก็ตกหลุมรักเย่เชียนอย่างสมบูรณ์แบบ
“ฉันไม่สนใจหรอก..ตราบใดที่ฉันได้อยู่กับนายฉันก็พอใจแล้ว” หลี่ซือพูดต่อ “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จไม่สามารถมีผู้หญิงเพียงคนเดียวได้หรอกฉันรู้ดี..พ่อของฉันเองก็มีผู้หญิงอยู่ข้างนอกหลายคนเหมือนกัน..เพราะงั้นขอแค่ฉันได้อยู่ในหัวใจของนายฉันก็มีความสุขแล้ว..ฉันไม่สนว่านายจะมีผู้หญิงกี่คน..ฉันแค่อยากมีไหล่ที่ฉันสามารถอิงได้เท่านั้น”
เด็กสาวที่เพียบพร้อมคนนี้สารภาพรักกับตัวเองอย่างตรงๆเพราะงั้นถ้าหากเย่เชียนไม่รู้สึกอะไรมันก็คงจะเป็นเรื่องโกหก ในเวลานี้เย่เชียนก็ยิ้มและโอบกอดหลี่ซือเอาไว้ ส่วนหลี่ซือก็ดิ้นรนอยู่สองสามครั้งจากนั้นเธอก็เลิกดิ้นรนและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความสุขในใจ
“ในกรณีนี้เรามาตกลงเรื่องแต่งงานกันก่อน..ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจในภายหลัง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่ซือก็เงยหน้าขึ้นและมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “แต่งงาน?”
ใบหน้าของหลี่ซือเปลี่ยนเป็นสีแดงและมองเย่เชียนด้วยความเขินอาย อย่างไรก็ตามเธอก็จับใบหน้าของเย่เชียนและจูบเขาทันทีเพราะจากเขินอายกลายเป็นความรักที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีและเย่เชียนก็รู้สึกสบายใจแต่เขากลับรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะอธิบายให้ฉินหยูและผู้หญิงคนอื่นๆฟังอย่างไรในอนาคต ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ดีว่าพวกเธอจะหึงหวงแต่พวกเธอก็จะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดว่าเขารักพวกเธอมากก็ตามแต่เย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาได้ทำสิ่งที่น่าสมเพชอย่างมากเพราะเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเธอมอบให้กับเขาแล้วเขานั้นไม่เคยให้อะไรแก่พวกเธอเลย
สำหรับมื้อเย็นเย่เชียนก็ไปกับหลี่ซือเพื่อกินอาหารในโรงอาหารแล้วเดินไปรอบๆมหาวิทยาลัยก่อนที่จะส่งเธอกลับหอพัก ถึงแม้ว่าหลี่ซือจะชวนเย่เชียนไปบ้านของเธอก็ตามแต่เย่เชียนปฏิเสธและหลี่ซือก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกันเพราะอย่างไรก็ตามทั้งสองเพิ่งจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นมา ดังนั้นเย่เชียนจึงยังไม่พร้อมที่จะพบพ่อและแม่ของหลี่ซือในตอนนี้
หลังจากกลับมาที่หอพักแล้วเย่เชียนก็เห็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กระจัดกระจายไปทั่วพื้นและเห็นได้ชัดว่านั่นน่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของหยุนโอ่วเทียน ซึ่งดูเหมือนว่าหยุนโอ่วเทียนกำลังตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆและเขาก็มีแรงผลักดันอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ของแพงๆแบบนี้ถูกทำลายไปอย่างไร้ประโยชน์
“เย่เชียน!..ฉันมีบางอย่างที่อยากจะปรึกษานายหน่อย..นายน่าจะช่วยฉันคิดได้” ฟู่เซิงพูดอย่างเร่งรีบเมื่อเขาเห็นเย่เชียนเดินเข้ามา
“มีอะไรว่ามาเลย” เย่เชียนพูด
“ฉันรู้จักคนคนหนึ่งเขาเรียนจบแล้วเปิดร้านเกมและขายกับซ่อมคอมพิวเตอร์ข้างโรงเรียน..ฉันอยากทำแบบนั้นบ้าง..ถึงแม้ว่าธุรกิจแบบนี้จะไม่ได้ดีมากนักแต่ฉันคิดว่านักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างพวกเราสามารถทำได้ระหว่างเรียน..ซึ่งนักศึกษาแต่ละคนก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีฐานะทั้งนั้นเพราะงั้นพวกเขาก็น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินหรอก..ฉันคิดว่าถ้าพวกเราตั้งใจทำเราก็สามารถหาเงินได้..ฉันเลยอยากจะถามนายว่าธุรกิจแบบนี้นายว่ามันดีหรือเปล่า?” ฟู่เซิงถามด้วยความตื่นเต้นที่ควบคุมไม่ได้ในสายตาของเขาแต่ก็ยังกังวลและลังเลอยู่บ้าง
“ก็ดีนะ” เย่เชียน “ถ้านายอยากทำจริงๆฉันจะซื้อคอมพิวเตอร์ให้จากบริษัทใหญ่ที่เมืองปักกิ่งรวมไปถึงซอฟต์แวร์และชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ต่างๆที่ต้องใช้..ซึ่งเทคโนโลยีของที่นั่นทันสมัยมากที่สุด..ว่าแต่นายคำนวณแล้วหรือยังว่ามันต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไหร่?”
“ฉันได้คำนวณเอาไว้คร่าวๆแล้วว่าจะต้องใช้เงินอย่างน้อยๆสองแสนหยวนในการเช่าร้านและตกแต่งใหม่รวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆ” ฟู่เซิงพูด
“สองแสนหยวนเลยเหรอ?” เยว่เหอตูตกใจโดยไม่ตั้งใจแล้วพูดว่า “ทำไมมันใช้เยอะจัง..นายมีเงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” แน่นอนว่าเงิน 200,000 หยวนเป็นตัวเลขที่มากเกินไปสำหรับเยว่เหอตู
“ฉันก็เลยอยากจะมาปรึกษาเพราะฉันเองมีแค่สามหมื่นหยวน” ฟู่เซิงพูด “คือถ้าพวกนายสนใจเราก็มาเป็นหุ้นส่วนกันดีมั้ย?”
“ไม่มีปัญหา..ฉันกับโอ่วเทียนจะออกให้คนละหนึ่งแสน..ซึ่งฉันกับโอ่วเทียนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจและฉันเป็นแค่หุ้นส่วนเท่านั้น” เย่เชียนพูด “นั่นหมายความว่านายกับเหอตูมีหน้าที่รับผิดชอบในธุรกิจทั้งดูแลและซื้อขาย..หรือจัดการธุรกิจทั้งหมด..นายคิดว่าไง?”
“ฉันตกลงเอาตามนั้น” หยุนโอ่วเทียนพูดเบาๆเพราะหนึ่งแสนหยวนเป็นเพียงจำนวนเงินเล็กๆน้อยๆสำหรับเขาและเขาก็ไม่สนใจเรื่องเงินเลย
ท่าทางที่ดูตื่นเต้นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยว่เหอตูและกระตือรือร้นที่จะลองทำแบบนั้นอย่างมาก ส่วนฟู่เซิงก็กอดเย่เชียนอย่างตื่นเต้นและตะโกนว่า “ลูกพี่เย่..นายนี่มันยอดเยี่ยมมาก..ฉันจะรักนายไปจนตาย!” หลังจากพูดจบเขาก็จูบแกมของเย่เชียน ส่วนเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ
.
.