ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 982 ปฏิเสธคำสารภาพ
ตอนที่ 982 ปฏิเสธคำสารภาพ
จู่ๆผู้หญิงที่มีอารมณ์ว่างเปล่าก็พบว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามาในใจเธอโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งเธอทนแบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ แน่นอนว่าเธอไม่ชอบประสบการณ์ในการพบกับเย่เชียนบนรถไฟและถึงกับบอกว่ามันน่ารำคาญนิดหน่อยแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจิตใจของเธอถึงยังเต็มไปด้วยเงาของชายคนนี้
เดิมทีเธอคิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงเหตุการณ์ในชีวิตของเธอและอาจจะไม่มีทางไปต่อหลังจากมันผ่านไปและมันจะเป็นเพียงความทรงจำที่ดีแต่ชายคนนี้กลับปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเธออีกครั้งและอารมณ์ที่ถูกซ่อนเร้นก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเพราะนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการและเขาก็ไม่เคยคิดที่จะมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาสาวเช่นนี้ เขาแค่ต้องการทำภารกิจให้เสร็จเพราะหลี่ซือนั้นเป็นเพียงผู้สัญจรไปมาในชีวิตของเขาแต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินคำสารภาพตรงๆของหลี่ซือแล้วเขาก็รู้สึกหนักใจอย่างมาก
หลี่ซือนั้นได้พบกับเย่เชียนและหูวเค่อและถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเย่เชียนมีแฟนแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะสารภาพรักกับเขา ซึ่งนี่ทำให้เย่เชียนตกตะลึงโดยไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทัศนคติของเย่เชียนต่อความรู้สึกเป็นเรื่องของโชคชะตาเสมอเพราะหากโชคชะตามาถึงอะไรก็จะเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตามการสารภาพอย่างกะทันหันของหลี่ซือนั้นทำให้เย่เชียนประหลาดใจอย่างมาก
“เอ่อ…คือ…” เย่เชียนไม่รู้จะพูดอะไรและเขาก็ลังเลอยู่นานแต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำ
จู่ๆหลี่ซือก็ทิ้งตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เชียนและสะอื้นเบาๆจากนั้นก็พูดว่า “ฉันเคยคิดว่าฉันจะไม่มีใครและไม่อยากมีใครหรือรู้สึกรักใครจนกว่าจะเรียนจบ..แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำได้เลย..ภาพของนายเงาของนายอยู่ในใจฉันตลอดเวลาฉันควบคุมความคิดของฉันไม่ได้เลย..ฉันรู้ว่านายเองก็ชอบฉันไม่งั้นนายจะช่วยฉันครั้งแล้วครั้งเล่าไปทำไม”
ครั้งแรกเย่เชียนช่วยเธอโดยบังเอิญและครั้งที่สองก็เป็นเพราะภารกิจของเขา ซึ่งเย่เชียนไม่รู้จะบอกเธออย่างไรว่าภารกิจครั้งนี้เป็นความลับและถ้าเขาบอกตรงๆว่าเขามาที่นี่เพื่อปกป้องเธอมันก็จะคงยากเพราะคนจากประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ปรากฏตัวแต่ใครจะรู้ได้ว่าพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่? หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ถ้าเธอรู้สึกขอบคุณฉันเพราะฉันช่วยเธอล่ะนั่นไม่จำเป็นเลย..เพราะจริงๆแล้วฉัน…”
“ไม่..มันไม่ใช่แบบนั้น” หลี่ซือพูด “ฉันชอบนายและฉันก็รักนายมากด้วย..ฉันไม่เคยคิดถึงใครแบบนี้มาก่อน..ให้โอกาสฉันได้รักสักครั้งได้หรือเปล่า”
คิดถึงสิ่งที่หูวหนานเจียนพูดกับเขาในตอนแรกว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก!’ ซึ่งเย่เชียนก็รู้สึกคลุมเครือว่าหูวหนานเจียนเพียงแค่หวังว่าเขาจะใช้วิธีนี้เพื่อปกป้องหลี่ซือ แต่งานก็คืองานส่วนความรักก็คือความรักและยิ่งไปกว่านั้นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและพวกเขาจะต้องไม่มีอารมณ์และความรู้สึกใดๆเมื่อทำภารกิจ ตอนนี้เขาไม่ได้รักหลี่ซือเพราะงั้นเขาจึงไม่สามารถหลอกผู้หญิงคนนี้ได้เพราะภารกิจ
เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและผลักเธอออกช้าๆแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้จะบอกเธอยังไงด แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจได้ว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉันคือความรักหรือความขอบคุณกันแน่..ผู้หญิงส่วนใหญ่จะคลุมเครือเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะสามารถคิดเกี่ยวกับมันได้อย่างชัดเจนและนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของเธอเองและฉันไม่อยากให้เธอเสียใจกับการเลือกของเธอในวันนี้”
จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยโง่กลับไปที่หอพักก่อนเถอะเพราะนี่มันดึกแล้ว..เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
การแสดงออกของหลี่ซือก็ดูเหงาและเศร้าอย่างมากเพราะคำพูดของเย่เชียนเหมือนกับการปฏิเสธเธอทางอ้อมซึ่งทำให้เธอเศร้ามาก จนเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียน แต่เย่เชียนก็รู้ดีว่าถ้าหลี่ซือเลือกที่จะอยู่กับเขาล่ะก็เขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายเพราะท้ายที่สุดเขาก็มีผู้หญิงมากมายอยู่แล้วและเมืองซีจิงก็ไม่ใช่สถานที่สำหรับเขาที่จะอยู่เป็นเวลานานอย่างแน่นอน ดังนั้นหากเย่เชียนยอมรับเธอล่ะก็วันหนึ่งเมื่อเย่เชียนจะต้องจากไปแล้วหลี่ซือจะทนคิดถึงเขาได้ไหม?
เมื่อเห็นหลี่ซือเดินจากไปเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆเพราะหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เย่เชียนก็รู้ว่ามีคนที่ต้องการจัดการกับหลี่ซือและไม่ใช่แค่พวกอเมริกันเท่านั้นแต่ยังมีหวังฉิงเซิงอีกด้วย ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่กล้าที่จะประมาทเพราะถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ล้มเหลวหวังฉิงเซิฟจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหลี่ซือกลับหอพักอย่างปลอดภัยแล้วเย่เชียนก็จากไปอย่างมั่นใจ ระหว่างทางการกระทำของหลี่ซือก็แวบเข้ามาในจิตใจของเย่เชียนเป็นครั้งคราวเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนบางอย่างในความรู้สึกของเย่เชียนโดยไม่ได้ตั้งใจ
จากนั้นเขาก็โทรหาหูวหนานเจียนและตำหนิเขาอย่างรุนแรงและบอกว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้และถามเขาว่าตอนนี้เขาควรทำอย่างไร? ใครจะไปรู้ว่าหูวหนานเจียนบอกให้เย่เชียนทำทุกอย่างที่เขาต้องการด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะรู้จักกันมาเป็นเวลานานอย่างสบายใจเฉิบ เขานั้นบอกแค่ว่าขอให้ครอบครัวของด็อกเตอร์หลี่ฉีปลอดภัยและห้ามให้ฝั่งสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการลักพาตัวลูกสาวของเธอ ส่วนนอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจส่วนที่เหลือ
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัวกับคนในฐานะปู่แบบนี้เพราะเขากลับสนับสนุนให้หลานเขยไล่ตามจีบผู้หญิงคนอื่นนอกจากหลานสาวของตัวเอง หลังจากคุยกันไม่กี่คำเย่เชียนก็วางสายไปอย่างช่วยไม่ได้โดยรู้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับหูวหนานเจียนอีกต่อไป
หลังจากกลับมาที่หอพักแล้วหยุนโอ่วเทียนและฟู่เซิงก็รีบเข้ามาถามเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนกับหลี่ซือและเมื่อนึกถึงเรื่องนี้หยุนโอ่วเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ไม่มีอะไรมาก..เธอมาสารภาพรักกับฉันแต่ฉันปฏิเสธไปจากนั้นก็ปล่อยให้เธอกลับไปคิดเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนโอ่วเทียนและฟู่เซิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่อิจฉา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ยกนิ้วให้เย่เชียนและพูดว่า “เย่เชียนนายเท่มาก..นายถึงกับปฏิเสธรักดาวมหาวิทยาลัย!”
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนนี้..หุบปากเถอะอย่าพูดเรื่องไร้สาระกันอีกเลย..เดี๋ยวเธอก็คงจะคิดได้เอง “เมื่อพูดจบเย่เชียนก็ถามกลับ “แล้วนายล่ะ?..ฉันได้ยินมาว่านายชอบผู้หญิงคนหนึ่งจากคณะศิลปศาสตร์ไม่ใช่เหรอ?..เป็นไปได้ด้วยดีมั้ย?”
“ตอนนี้ก็เป็นไปได้ด้วยดี..ทุกอย่างดูง่ายไปหมดเลย” ฟู่เซิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“รีบๆเข้าล่ะ..ในมหาวิทยาลัยทีหมาป่าหิวโหยมากมายเพราะงั้นระวังเธอจะถูกพวกมันแย่งชิงไปโดยไม้รู้ตัว” เย่เชียนพูด
“ไม่ต้องกังวลไป..เชื่อฝีมือฉันได้เลย” ฟู่เซิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเดินไปข้างๆเยว่เหอตูและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา ซึ่งไม่เลวเลยเพราะเยว่เหอตูได้งานพาร์ทไทม์ที่ KFC แล้วและถึงแม้ว่าเงินค่าจ้างจะไม่สูงมากแต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามมันยังคงต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการทำงานเพื่อรับเงิน ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกเป็นนัยๆกับฟู่เซิงและหยุนโอ่วเทียนให้รวมตัวกันกินอาหารในหอพัก
พวกเขาก็ยังเข้าใจด้วยว่าการทานอาหารในหอพักนั้นจุดประสงค์ก็เป็นธรรมชาติที่จะช่วยให้เยว่เหอตูประหยัดค่าใช้จ่ายและแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจในระยะสั้น แน่นอนว่าเยว่เหอตูเองก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาหมายถึงอะไรแต่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน เขาจึงแอบตัดสินใจว่าเมื่อเขาได้รับเงินเดือนแล้วเขาจะเลี้ยงมื้ออาหารเพื่อนๆอย่างแน่นอน
ในแต่ละวันเย่เชียนยังคงแอบสะกดรอยตามหลี่ซือทุกคืนเพื่อส่งเธอกลับอย่างปลอดภัยและเธอก็ไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามด้วยวิธีนี้เย่เชียนก็สามารถเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของหลี่ซือได้ทุกวันด้วยใบหน้าที่มืดมนราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เย่ เชียนรู้สึกเย็นชาในใจอย่างอธิบายไม่ถูกและบางทีเขาอาจทำร้ายผู้หญิงคนนี้จริงๆ
ทางด้านฟู่เซิงดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่เขาก็ยังจีบผู้หญิงคนนั้นไม่สำเร็จสักที เย่เชียนเองก็เห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วเธอดูเป็นคนเรื่องมากจุกจิกและคาดว่าฟู่เซิงอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้ตัดสินว่าฟู่เซิงจะทำสำเร็จหรือไม่เพราะความล้มเหลวและความสำเร็จนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของฟู่เซิงเอง ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะประสบกับการสูญเสียในครั้งนี้แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่สำคัญมากในชีวิตของฟู่เซิงเอง
ถึงแม้ว่าชีวิตของเยว่เหอตูจะวุ่นวายและมีงานเยอะจนเขาเหนื่อยทุกคืนเมื่อเขากลับมาแต่เขาก็พอใจมากเพราะตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ทำงานที่ KFC เท่านั้น แต่ยังหางานเสริมในมหาวิทยาลัยทำอีกด้วย ไม่เพียงแต่เขาจะต้องใช้เงินกินอยู่แต่เขายังต้องจ่ายค่าเล่าเรียนอีก 2,000 หยวนที่เขาค้างอยู่โดยเร็วที่สุด ด้วยเงินจำนวนนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกและต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้น
หากคุณต้องการเป็นพระเจ้าหรือมังกรนั้นอันดับแรกคุณต้องเป็นวัวและควายและม้าก่อนเสมอ แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้ช่วยเยว่เหอตูเพราะตอนนี้เยว่เหอตูยังต้องฝึกฝนดาบและลับคมดาบของเขาเสียก่อน ในความเห็นของเย่เชียนแล้วเยว่เหอตูเป็นมีดที่ยังไม่ได้ลับคมและเมื่อถึงเวลาเขาจะเป็นพลังที่สำคัญเลยทีเดียว
ชีวิตของหยุนโอ่วเทียนเป็นชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายอย่างมากเพราะนอกจากเล่นเกมทั้งวันแล้วก็ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะไม่มีความตื่นเต้นอะไรอีกเลยและมันก็สงบราวกับแอ่งน้ำนิ่ง เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ทุกวันเย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยแต่เขาก็ได้พูดสิ่งที่ควรบอกไปแล้วและที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับหยุนโอ่วเทียนเอง
หยุนโอ่วเทียนที่กำลังเล่นเกมอยู่จู่ๆโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นและเมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาใบหน้าของเขาก็มืดมนในทันที ถึงแม้ว่าหยุนโอ่วเทียนจะเย่อหยิ่งแต่ในเวลานี้เขาดูอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ซึ่งหลังจากวางสายแล้วหยุนโอ่วเทียนก็รีบลงไปที่อาคารหอพักด้านล่างและวิ่งไปที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยซีจิง
ในเวลานี้รถ Toyota Land Cruiser ก็จอดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆและมีเด็กหนุ่มที่พิงรถและสูบบุหรี่พร้อมกับกวาดสายตามองออกไปรอบๆ เขานั้นสวมแว่นกันแดดสีน้ำตาลคู่หนึ่งและข้างๆเขาก็มีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่และทั้งสองก็ดูหยิ่งยโสอย่างมาก
“นายน้อยจุน..ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะครับ” หยุนโอ่วเทียนก้มหน้าโดยไม่รู้ตัวและพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน สีหน้าปกติของเขาหายไปโดยสิ้นเชิงและดูหวาดกลัวเล็กน้อย
.
.
.
.