ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 970 อากับหลานพบกันเมื่อสายไป
ตอนที่ 970 อากับหลานพบกันเมื่อสายไป
ภายในบ้านม่อหนานก็นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวและขมวดคิ้วกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้แต่ก็ดูโล่งใจเพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาคิดที่จะแก้แค้นอยู่ตลอดเวลาแต่ความปรารถนาอันแรงกล้านี้ทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ในใจเล็กน้อยแต่เมื่อทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างเหน็ดเหนื่อยถูกทำลายไปเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาม่อหนานก็รู้ว่าเขาผิดและเขาก็ไม่ควรที่เกลียดชังหรือเคียดแค้นใคร สงครามในสมัยก่อนที่เขาได้ฟังจากเจ้าซือเหลาในคืนนั้นจริงๆ แล้วเขาก็เชื่ออย่างสุดซึ้งและเขาก็รู้ว่าสิ่งที่จ้าวซือเหลาพูดนั้นเป็นความจริง อย่างไรก็ตามเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเมื่อเขาสูญเสียความปรารถนาที่จะแก้แค้นไปแล้วเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
เมื่อเห็นเย่เชียนและม่อหลงเดินเข้ามาจากนอกประตูม่อหนานก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มและพูดว่า “ในที่สุดพวกแกก็มาที่นี่สักที”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะดูเหมือนว่าม่อหนานรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาที่นี่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในที่นี้ยกเว้นม่อหนานซึ่งทำให้เย่เชียนสับสนอย่างมาก เมื่อมองไปที่ชายตรงหน้าม่อหลงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเพราะนี่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเขาในโลกใบนี้และเป็นอาแท้ๆ ของเขาเอง
“ท่านอา!” ม่อหลงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ และสีหน้าของเขาก็ดูประหม่าและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเย่เชียนที่เห็นแบบนี้เขาก็ตบไหล่ของม่อหลงเบาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นม่อหนานก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านและมองไปที่ม่อหลงซึ่งดูคุ้นเคยมากแต่เขาก็ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนแต่มีความรู้สึกคุ้นเคยและความผูกพันในใจลึกๆ และเห็นได้ชัดว่ามีภาพที่คุ้นเคยอยู่ระหว่างใบหน้าของม่อหลง “เอ็ง!..เอ็งคือหลงเอ๋อร์หรือเปล่า?” ม่อหนานพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ม่อหลงก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “ท่านอา..คุณคือท่านอาจริงๆ เป็นท่านอาจริงๆ สินะ..ท่านอายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย” หัวใจของม่อหลงก็รู้สึกยินดีอย่างควบคุมไม่ได้เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเฝ้ารอวันนี้มานับครั้งไม่ถ้วนและเขาก็หวัง ว่าเขาจะได้เจอครอบครัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าในสงครามภายในสำนักครั้งนั้นสมาชิกในครอบครัวของเขาทั้งหมดล้มตายจนหมดและเมื่อเขาสืบข่าวของสำนักม่อจื๊อในประเทศที่ญี่ปุ่นเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งโดยคิดว่ามันเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่พระเจ้าได้ทิ้งเอาไว้ให้เขา
ม่อหนานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ฉันคิดว่าหลานชายของฉันตายไปตั้งนานแล้วซะอีก” จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เย่เชียนและพูดว่า “เอ็งคือราชาหมาป่าเย่เชียนผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าใช่มั้ย? ..ช่างเหมือนพ่อของเอ็งจริงๆ ..ฉันยังจำตอนที่ฉันได้สู้กับพ่อของเอ็งเป็นเวลาสามวันสามคืนได้และสุดท้ายฉันก็แพ้พ่อของเอ็งไปเพียงแค่กระบวนท่าเดียว..แต่มันก็เกียรติสูงสุดในชีวิตของฉันที่เคยได้ต่อสู้กับพ่อของเอ็ง..แต่ทว่าฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าหลังจากยี่สิบปีผ่านไปฉันจะได้ต่อสู้กับลูกชายของเขาด้วยและมันก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกครั้ง..ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงถูกกำหนดเอาไว้แล้วจริงๆ สินะ”
เย่เชียนกับม่อหลงก็มองหน้ากันและไม่เข้าใจว่าม่อหนานหมายถึงอะไร แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดหวังว่าจะกลับตัวกลับใจได้เพราะถ้าเขาบ้าคลั่งขึ้นมาจริงๆ เย่เชียนจะต้องทำอย่างไรและม่อหลงจะจัดการอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของม่อหนานในตอนนี้ทั้งเย่เชียนและม่อหลงก็ไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นทั้งสองจึงค่อยๆ เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของม่อหนานและนั่งลงจากนั้นก็มองม่อหนานที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
“ท่านอาคุณฆ่าอาจารย์จ้าวจริงๆ เหรอ” ม่อหลงถามหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
ม่อหนานก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ฉันฆ่าเขาไปแล้ว”
“ทำไมล่ะ” ม่อหลงถาม
“ทำไมงั้นเหรอ? ..หืม..ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้วตู้ฟู่เหว่ยจะประสบความสำเร็จได้ยังไง..ถ้าลูกศิษย์หมิงม่อไม่หนีไปตอนนั้นเรื่องทั้งหมดคงจะไม่เป็นแบบนี้..ตอนนั้นเอ็งยังเด็กและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสงครามครั้งนั้นโหดร้ายแค่ไหน..ฉันเห็นด้วยตาตัวเองเลยว่าครอบครัวของเราล้มตายกันอย่างน่าอนาถ..ถ้าลูกศิษย์หมิงม่อไม่ถอนตัวหนีไปล่ะก็ตระกูลม่อของเราจะจบลงแบบนี้ได้ยังไง เมื่อฉันคลานออกมาจากความตายฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าจะฆ่าพวกเขาทุกคนเพื่อให้พวกเขาสำนึกในสิ่งที่พวกเขาทำในตอนนั้น” ม่อหนานพูด “ไม่เพียงแค่ลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักม่อจื๊อแต่ยังเป็นคนหน้าซื่อใจคดในโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณอีกด้วยเพราะเมื่อตอนที่ปู่ของเอ็งและพ่อของเอ็งยังอยู่นั้นสำนักม่อจื๊อของเราก็รุ่งโรจน์และพวกเขาก็เอาแต่ประจบสอพลอแต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับสำนักม่อจื๊อพวกเขากลับเผิกเฉยเพราะงั้นพวกเขาควรถูกลงโทษ”
“ท่านอาครับอาจารย์จ้าวบอกผมว่าเหตุผลที่สาวกหมิงม่อทำแบบนั้นก็เพราะว่าพวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของท่านปู่..เพราะงั้นท่านอาจะตำหนิพวกเขาไม่ได้” ม่อหลงพูด
“บางทีเอ็งอาจจำโศกนาฏกรรมครั้งนั้นไม่ได้แต่ฉันจำได้แม่นและเมื่อนึกถึงญาติที่ตายไปต่อหน้าต่อตาแล้วในใจฉันก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้นและฉันก็ไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะมีเหตุผลอะไร..แต่พวกเขาทั้งหมดต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป และความตายก็เป็นทางเดียวที่พวกเขาสามารถชดใช้ให้กับตระกูลม่อของเราได้” ม่อหนานพูดต่อ “แต่ทว่าเอ็งก็รอดออกมาได้และยังมีชีวิตอยู่เพราะงั้นอาดีใจมาก..แบบนี้สำนักม่อจื๊อของเราจะต้องกลับมารุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอนด้วยฝีมือของเอ็ง..อาเชื่อว่าเอ็งทำได้เพราะงั้นอาจะไม่รู้สึกเสียใจเลยหากเอ็งเป็นคนปลิดชีพของอา”
ม่อหลงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและพูดอย่างตกตะลึงว่า “ท่านอาหมายความว่าไง..ตอนนี้ผมได้พบอาแล้วเพราะงั้นเราจะฟื้นฟูสำนักม่อจื๊อด้วยกันในอนาคตและฟื้นสถานะที่เดิมเป็นของพวกเรากลับคืนมา..ผมได้ติดต่อสาวกหมิงม่อไปแล้วและตราบใดที่ท่านอาสั่งพวกเขาก็จะไม่ลังเลเลย”
ม่อหนานก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่น่าสังเวชแล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้เพราะฉันฆ่าอาจารย์จ้าวไปแล้วและฉันก็เชื่อว่าเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปยังหูของสาวกหมิงม่อแล้ว..เพราะงั้นพวกเขาต้องเต็มไปด้วยความแค้นและยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ฉันทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันก็ละอายใจกับบรรพบุรุษของตระกูลม่ออย่างมากและฉันก็ไม่มีหน้าที่จะไปพบพวกท่านอีกแล้ว..ถ้าฉันไม่ตาย สาวกหมิงม่อคงจะเกลียดชังเอ็งแทนฉัน..หลงเอ๋อร์เอ๋ยเอ็งคือต้นกล้าเพียงต้นเดียวและต้นสุดท้ายของตระกูลม่อของเราเพราะงั้นช่วยสัญญากับอาทีว่าเอ็งจะฟื้นฟูสำนักม่อจื๊อและตระกูลม่อของเราให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง” จากนั้นเขาก็หันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “เอ็งเป็นเหมือนพี่น้องของม่อหลงใช่มั้ยถ้างั้นฉันก็หวังว่าเอ็งจะสามารถดูแลฉันม่อหลงแทนฉันได้..ฉันเชื่อว่าเอ็งจะช่วยม่อหลงได้เป็นอย่างดี”
เย่เชียนก็พยักหน้าเงียบๆ และไม่รู้จะพูดอะไร
“แล้วคัมภีร์ลับและตราสืบทอดของเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน? ..เอ็งได้รับมันแล้วหรือยัง?” ม่อหนานมองไปที่หมอหลงและถาม
จากนั้นม่อหลงก็ยื่นคัมภีร์และตราสัญลักษณ์ผู้สืบทอดให้กับม่อหนานและม่อหนานก็มองดูอย่างระมัดระวังจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาแล้วพูดว่า “คัมภีร์อันนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของผู้นำสูงสุดแห่งสำนักม่อจื๊อของเรา..ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังและถ้าไม่มีมันตำแหน่งผู้นำก็จะไม่สมบูรณ์..เอาสิรับไป..นี่คัมภีร์ลับซึ่งบันทึกศิลปะการต่อสู้โบราณชั้นยอดของสำนักม่อจื๊อเอาไว้..ฉันเชื่อว่าเอ็งจะประสบความสำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ ..อย่างไรก็ตามเอ็งไม่จำเป็นต้องรีบเพราะตู้ฟู่เหว่ยเป็นอันดับหนึ่งในสำนักม่อจื๊อของเราและนอกจากนี้ทั้งฉันและอาจารย์จ้าวก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในเวลาอันสั้น..ดังนั้นเอ็งห้ามไปหาเขาจนกว่าเอ็งจะแข็งแกร่งจนถึงที่สุด..เอ็งเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลม่อของเราและฉันก็หวังว่าเอ็งจะต้องทำได้”
ม่อหลงยื่นมือออกไปรับคัมภีร์และตราสัญลักษณ์เจ้าสำนักม่อจื๊อแล้วพูดว่า “ท่านอาเราจะต่อสู้ไปด้วยกันและเราจะมีโอกาสชนะมากขึ้น..ตลอดหลายปีมานี้ผมคิดถึงครอบครัวของเรามาตลอดเวลาและในโลกใบนี้ท่านอาเป็นญาติเพียงคนเดียวของผมเพราะงั้นเราควรแบกรับภาระของสำนักม่อจื๊อไปด้วยกัน”
ม่อหนานก็โบกมือเพื่อหยุดม่อหลงไม่ให้พูดต่อและเขาก็พูดว่า “อาบอกไปแล้วว่าอาได้ทำในสิ่งที่อาควรทำไปแล้ว..เพราะหลายปีที่ผ่านมาอาเดินไปในเส้นทางที่ผิดและอาก็ไม่อยากจะสู้อีกต่อไป..ส่วนสมาคมมังกรดำที่กำลังต่อสู้กับพวกเอ็งอยู่นั้นก็ยังคงอยู่ในกำมือของฉันเพราะงั้นฉันจะปล่อยให้พวกเอ็งจัดการสิ่งต่างๆ ในอนาคตและฉันก็หวังว่าฉันจะช่วยพวกเอ็งได้ในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจครั้งนี้” หลังจากนั้นม่อหนานก็ยื่นใบรายชื่อที่เขาเตรียมการมาอย่างยาวนานให้แล้วพูดว่า “นี่คือรายชื่อผู้นำระดับสูงของสมาคมมังกรดำและส่วนใหญ่เป็นคนของฉันเอง..ฉันได้บอกพวกเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว..สำหรับสิ่งที่พวกเอ็งต้องการในอนาคตนั่นก็ขึ้นอยู่กับพวกเอ็ง”
เย่เชียนนั้นสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมม่อหนานถึงทำเช่นนี้และเขาก็ยื่นมือออกไปหยิบใบรายชื่อในมือของม่อหนานอย่างเงียบๆ และพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนม่อหลงที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ว่าเมื่อไรที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขาและเมื่อมองไปที่ฝั่งตรงข้ามหัวใจของม่อหลงก็ทรมานและเจ็บปวดอย่างมาก
ม่อหนานก็ยิ้มเล็กน้อยและการแสดงออกของเขาก็ดูโล่งใจอย่างมากราวกับว่าเขาสามารถยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้และความเกลียดชังและความแค้นในใจของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ถ้าหากปราศจากความเกลียดชังแล้วเขาจะยังมีแรงจูงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่? จากนั้นเขาก็มองไปที่ม่อหลงแล้วพูดว่า “หลงเอ๋อร์เอ๋ยตระกูลม่อของเรามีสมบัติชิ้นหนึ่งซึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นและหลายปีที่ผ่านมาฉันได้สืบหาข่าวของมันแต่ก็ไม่มีร่องรอยใดๆ เลย..มันไม่มีเงื่อนงำเลยสักอย่าง..เพราะงั้นหลงเอ๋อร์เอ๋ยเอ็งจงตามหากริชดาวตกของตระกูลม่อและนำมันกลับมาสู่ตระกูลของเราให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นม่อหลงก็หยิบกริชดาวตกออกมาจากเอวของเขาและบนใบมีดก็มีแสงสีสันสดใสแวววับอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเห็นเช่นนั้นม่อหนานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มที่มุมปากของเขาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า “เอ็งแข็งแกร่งกว่าฉันจริงๆ ..ฉันจะมั่นใจมาตั้งนานแล้วว่าตระกูลม่อจะต้องมอบมันให้กับเอ็งในอนาคต”
จากนั้นม่อหนานก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ..ฉันได้ฆ่านาโอกิอิชิอิไปแล้วและเขาจะไม่คุกคามพวกเอ็งอีกต่อไป..เพราะงั้นถึงเวลาที่ฉันจะได้ไปพบภรรยาและลูกๆ ของฉันแล้ว..พวกเขาคงจะรอฉันอย่างใจจดใจจ่ออยู่แน่ๆ เลย” เมื่อเสียงนั้นจบลงแล้วรอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของม่อหนานทันที
ม่อหลงนั้นอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ม่อหนานโบกมือและไม่ปล่อยให้เขาพูดต่อ จากนั้นเขาก็เหลือบมองเย่เชียนเพื่อส่งสัญญาณให้เย่เชียนพาม่อหลงออกไปจากที่นี่และเย่เชียนก็พยุงม่อหลงเดินออกไปจากบ้านและครู่ต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นในบ้านและน้ำตาของม่อหลงก็ไหลลงมาในทันที
.
.
.
.