ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 967 กะทันหัน
ตอนที่ 967 กะทันหัน
อันที่จริงสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือม่อหนานนั้นเป็นญาติเพียงคนเดียวของม่อหลงในโลกนี้แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีความแค้นและสงครามที่ไม่รู้จบซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก ทุกคนบนโลกมักจะคิดว่าสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเป็นกลุ่มเพชฌฆาตที่โหดเหี้ยมแต่นั่นไม่เป็นความจริงเพราะทุกคนในเขี้ยวหมาป่าเป็นคนที่รักพวกพ้องอย่างมากและเพื่อประโยชน์ขององค์กรแล้วม่อหลงสามารถทำทุกอย่างที่ทำได้ อย่างไรก็ตามมันช่างน่าเศร้าจริงๆ ที่เขาต้องสู้กับอาของเขาอย่างน่าอนาถเช่นนี้
เย่เชียนนั้นเห็นความเศร้าโศกของม่อหลงแล้วตบไหล่เขาและพูดว่า “เรื่องนี้ยังไม่ถึงจุดจบเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก..ถ้าเราพบม่อหนานแล้วเราอาจมีทางออกที่ดีกว่าและสถานการณ์อาจจะดีขึ้น..เพราะงั้นตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการได้แผนลับของนาโอกิอิชิอิโดยเร็วที่สุดและทำให้ฮาเซงาวะเซตะได้เปรียบ..ซึ่งตราบใดที่เขาชนะการเลือกตั้งล่ะก็เรื่องอื่นๆ จะจัดการได้ง่ายมาก”
“แล้วพวกองค์กรชาโด้ซากุระล่ะ?” อู๋หวนเฟิงถาม
“อ้อ..ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง” เย่เชียนพูด “องค์กรชาโด้ซากุระได้หายไปจากโลกใบนี้แล้วและตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมันจะไม่มีองค์กรชาโด้ซากุระอีกต่อไป”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่เย่เชียนอย่างว่างเปล่าและไม่เข้าใจว่าเย่เชียนหมายถึงอะไร “บอส!..เกิดอะไรขึ้นกับองค์กรชาโด้ซากุระ? ..นั่นเป็นฝีมือของม่อหนานอีกแล้วเหรอ?” หลี่เหว่ยพูด “ม่อหนานคนนี้ก็รับมือได้ยากจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะประมาทเกินไป”
เย่เชียนจ้องไปที่หลี่เหว่ยอย่างขมขื่นและไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เหว่ยถึงมองไม่เห็นสถานการณ์ปัจจุบันเลยเพราะม่อหลงในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่หนักหน่วงแต่หลี่เหว่ยก็ยังคงพูดถึงม่อหนานอยู่อีก แต่เมื่อเห็นแววตาของเย่เชียนแล้วหลี่เหว่ยก็ตระหนักถึงความผิดของเขาและยิ้มอย่างขอโทษและไม่พูดอะไรต่อ
“ชิงเฟิง..หน่วยกรงเล็บหมาป่าถูกทำลายไปภายใต้การดูแลของนายเพราะงั้นฉันจะให้หน่วยใหม่กับนายและฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังอีก” เย่เชียนพูด “ตอนนี้องค์กรชาโด้ซากุระได้สังกัดเป็นหน่วยย่อยเงาหมาป่าแล้วและเป็นส่วนหนึ่งของเขี้ยวหมาป่าของเรา..ส่วนสมาชิกทั้งหมดจะไม่ใช่นักฆ่าอีกต่อไปแต่พวกเธอทั้งหมดจะเป็นหน่วยข่าวกรองลับของเรา..ชิงเฟิงนายต้องคอยดูแลพวกเธอให้ดีและอย่าทำให้ฉันผิดหวังอีก..ฉันได้คุยกับแจ็คแล้วและเขาจะรับผิดชอบส่วนหนึ่งของงานรวบรวมข่าวกรอง..ส่วนนายคือตัวแทนและหัวหน้าหน่วยเงาหมาป่า!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าองค์กรชาโด้ซากุระที่ทรงพลังกว่าสำนักนินจาอิงะและตระกูลนินจาทั้งหมดจะถูกเย่เชียนกำราบ ซึ่งสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเร็วมากจนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“บอส!..บอสจัดการพวกองค์กรชาโด้ซากุระได้ยังไง? ..อย่าบอกนะว่านั่นเป็นวิธีที่บอสใช้” หลี่เหว่ยพูดด้วยดวงตาที่เปิดกว้างและดูตื่นเต้นอย่างมาก
“มันไม่สำคัญหรอก” เย่เชียนกลอกตาไปมาแล้วพูด
“ทุกคนรู้ดีว่าองค์กรชาโด้ซากุระมีกฎที่ไม่ได้ระบุเอาไว้..นั่นคือถ้าใครก็ตามที่สามารถทำให้พวกเธอหลงใหลได้พวกเธอก็จะจงรักภักดีต่อผู้ชายคนนั้นอย่างซื่อสัตย์” หลี่เหว่ยพูด “บอส!..อย่าบอกนะว่าบอสทำให้พวกเธอหลงใหลในตัวบอสได้?”
อู๋หวนเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่รู้เรื่องนี้มากที่สุดและเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเย่เชียนและเขาก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะในวันนั้นเขาได้ยินด้วยหูของเขาเองว่าฮาเซงาวะเซตะต้องการให้นากาซาวะเคโกะตามเย่เชียนไปและหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันเย่เชียนก็กำราบองค์กรชาโด้ซากุระได้ ดังนั้นแน่นอนว่าอู๋หวนเฟิงเชื่อว่าเย่เชียนใช้วิธีนี้ในการทำเช่นนั้น “บอสผมไม่ได้อยากรู้ว่าบอสใช้วิธีไหนในการกำราบองค์กรชาโด้ซากุระแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็เป็นองค์กรที่เคยรับใช้ฮาเซงาวะเซตะเพราะงั้นพวกเธอจะเข้าร่วมกับพวกเราง่ายๆ แบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ? ..มันจะมีการหักหลังหรือเปล่า?” อู๋หวนเฟิงพูด
“อย่ากังวลไปฉันทดสอบมาแล้ว” เย่เชียนพูด “แน่นอนว่าฉันจะไม่เชื่อพวกเธอง่ายๆ หรอกแต่เมื่อคืนฉันได้ทดสอบและลองใจเธอแล้ว..ฉันจงใจสั่งให้นากาซาวะเคโกะไปลอบสังหารฮาเซงาวะเซตะและเธอก็ทำจริงๆ โดยไม่ลังเลเลย” จากนั้นเย่เชียนก็เล่าต่อว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
เฟิงหลานก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเธอคงจะหันหลังกลับไม่ได้แล้ว..ถึงแม้ว่าพวกเธอต้องการจะทรยศเราในอนาคตแต่พวกเธอก็ไม่สามารถทำได้..ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเพราะด้วยความแข็งแกร่งขององค์กรชาโด้ซากุระนั้นจะช่วยเขี้ยวหมาป่าของพวกเราได้มากอย่างแน่นอนในอนาคต”
“ใช่!” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเพราะงั้นผมจึงเลือกที่จะนำองค์กรชาโด้ซากุระมาเสริมกำลังให้เราเพราะหน่วยกรงเล็บหมาป่าได้ประสบความสูญเสียอย่างหนักครั้งก่อนและผมก็กังวลอยู่ว่าจะสร้างหน่วยย่อยขึ้นมาใหม่ได้ยังไงแต่ตอนนี้มันเป็นโอกาสที่ดีมาก..ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการเปลี่ยนองค์กรชาโด้ซากุระให้เป็นหน่วยเงาหมาป่านั้นจะทำให้หน่วยย่อยและเขี้ยวหมาป่าของเราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก”
“บอสไม่ต้องกังวลครับคราวนี้ผมจะไม่ทำให้บอสผิดหวัง..หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหน่วยย่อยเงาหมาป่าล่ะก็ผมจะยื่นอกรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายโดยการถูกตัดหัว!” ชิงเฟิงพูดพร้อมทุบหน้าอกของเขาอย่างมั่นใจ
“หัวของนายมันจะไปมีประโยชน์อะไร? ..เอาเถอะนายต้องระมัดระวังการกระทำของนายให้มากในอนาคตและอย่าหุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อก่อนเด็ดขาด” เย่เชียนพูด “ฉันไม่อยากเห็นหน่วยเงาหมาป่าถูกทำลายภายใต้การดูแลของนายอีกในอนาคตเพราะงั้นนายกับนากาจิมะชินนะจะต้องคอยรับผิดชอบหน่วยเงาหมาป่าด้วยกัน..หากมีโอกาสนายก็ช่วยสอนศิลปะการต่อสู้จีนโบราณให้กับนากาจิมะชินนะด้วย..แน่นอนว่าเดี๋ยวฉันจะให้คนขององค์กรชาโด้ซากุระสอนวิชานินจาให้กับเธอด้วยเหมือนกัน”
“รับทราบครับบอส!” ชิงเฟิงพูด “ผมสัญญาว่าหน่วยเงาหมาป่าจะกลายเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของเขี้ยวหมาป่าอย่างแน่นอน”
“นายเนี่ยนะ? ..อย่าขี้โม้ไปหน่อยเลย” หลี่เหว่ยพูด
“นายจะมาสู้กับฉันตัวต่อตัวมั้ยล่ะ? ..นายกล้าเดิมพันกับฉันมั้ยล่ะ” ชิงเฟิงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“เดิมพันงั้นเหรอ..ได้สิฉันชอบการเดิมพันอยู่แล้วและฉันก็ไม่เคยแพ้นาย..ถ้างั้นก็บอกมาสิว่านายจะเดิมพันยังไง” หลี่เหว่ยพูด
“หนึ่งปีหลังจากนี้หน่วยเงาหมาป่าของฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่ากองทัพเรือไอร่อนบลัดของนายอย่สงแน่นอน..ถ้าฉันแพ้ฉันจะซักกางเกงในให้นายเป็นเวลาหนึ่งเดือน..แต่ถ้าฉันชนะนายจะขอโทษฉันและยอมรับว่าฉันเก่งกว่านาย!” ชิงเฟิงพูด
“ได้สิ..บอสช่วยเป็นพยานให้พวกเราด้วย” หลี่เหว่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ “นายนี่มันโง่จริงๆ ที่มาแข่งกับฉัน..ไม่ว่าหน่วยเงาหมาป่าของนายจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็อยู่แค่บนบกเพราะงั้นเมื่อนายลงไปในทะเลนายจะชนะกองทัพไอร่อนบลัดของฉันได้ยังไง?”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และไม่ได้ขัดจังหวะการเดิมพันระหว่างพวกเขาเพราะบางครั้งวิธีนี้ก็อาจจะเป็นวิธีการต่อสู้และแข่งขันของพวกเขาอย่างดุเดือดและเป็นแรงผลักดันให้ทั้งสองทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็มอบแบบแปลนบ้านของนาโอกิอิชิอิให้และพูดว่า “มาศึกษาแบบแปลนบ้านของนาโอกิอิชิอิกันเถอะเพราะเราจะเริ่มเคลื่อนไหวกันคืนนี้”
จากนั้นทุกคนก็รวมตัวกันและเย่เชียนก็ชี้ไปที่แผนที่และพูดว่า “นาโอกิอิชิอิทำตัวน่าสงสัยมาก..ที่บ้านของเขามีบอดี้การ์ดอยู่หกสิบคนและแบ่งกะเฝ้ายามออกเป็นสามกะ..มีกล้องและเครื่องตรวจจับอินฟราเรดจำนวนมากติดตั้งอยู่ภายใน..ในตอนนี้มีคนของนากาซาวะเคโกะอยู่ภายในบริเวณบ้านแล้วเพราะงั้นคนของเธอจะช่วยตัดสัญญาณกล้องและอินฟราเรดเมื่อเราเริ่มเคลื่อนไหว..แต่เราก็ควรระวังเอาไว้เพราะตามนากาซาวะเคโกะบอกมาว่าที่ชั้นสองมีการป้องกันเป็นพิเศษอย่างแน่นหนาและเธอก็เดาว่านาโอกิอิชิอิคงจะซ่อนเอกสารแผนการลับนั้นเอาไว้..แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะนาโอกิอิชิอิทำตัวน่าสงสัยจริงๆ เพราะการทำแบบนี้นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการบอกคนอื่นว่ามันมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ในห้องทำงานของเขา..ดังนั้นผมจึงคิดว่านี่เป็นกับดักของนาโอกิอิชิอิ”
“ถ้างั้นเราก็แค่หลอกล่อให้เขานำเราไปหาเอกสารลับนั้นด้วยตัวเองสิ” ม่อหลงพูด
“ใช่..ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นคืนนี้เราจะแบบออกเป็นสองกลุ่ม..หวนเฟิงกับฉันจะเป็นคนเข้าไปหาเอกสารลับนั้นเอง..ส่วนชิงเฟิง,หลี่เหว่ยและพี่เฟิงหลานคอยสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนส่วนพี่ม่อหลงก็คอยคุ้มกันจากระยะไกล..ถ้าเราทำสำเร็จเราก็จะดำเนินแผนการต่อไปกันเลยเพราะฉันได้แจ้งไอซอลเดแฮมป์ตันแล้วและเขาก็พร้อมที่จะดำเนินการทุกเมื่อ..ซึ่งทันทีที่เรามีเอกสารแผนการลับในมือเราก็จะเริ่มปฏิบัติการได้เลย”
“บอสกับหวนเฟิง0tเข้าไปข้างในกันสองคนเองเหรอ..ให้ฉันเข้าไปด้วยมั้ย?” เฟิงหลานพูด
“ไม่เป็นไรเพราะยิ่งคนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี..กลับกันฝั่งของพี่อันตรายกว่าข้างในเพราะจุดประสงค์คือการปั่นป่วนเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน..อย่าต่อสู้กับพวกมันโดยประมาทเด็ดขาด..รอผมกับหวนเฟิงให้สัญญาณหลังจากพบเอกสารแล้วเราค่อยหลบหนีออกจากที่นั่นด้วยกัน” เย่เชียนพูด
ทุกคนพยักหน้าและไม่มีความคิดเห็นเพิ่มเติม “เอาล่ะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวและค่อยมาเจอกันหลังเที่ยงคืน..ตอนนี้ทุกคนไปพักผ่อนได้” เย่เชียนพูดจากนั้นเขาก็เหลือบมองม่อหลงแล้วพูดว่า “อย่าพึ่งคิดมากไปเลยเพราะมันประโยชน์อะไรที่จะคาดเดาสิ่งต่างๆ ในตอนนี้..ไม่ว่ายังไงม่อหนานก็เป็นญาติคนเดียวของพี่เพราะงั้นเขาก็เป็นเหมือนครอบครัวของพวกเราด้วย..ผมคิดว่าตราบใดที่พี่กับเขาได้เจอหน้ากันผมก็เชื่อว่ามันจะต้องมีทางออกที่ดีอย่างแน่นอน”
ม่อหลงพยักหน้าเงียบๆ และไม่พูดอะไรใดๆ
เย่เชียนเหลือบไปที่อู๋หวนเฟิงและเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเข้าใจเพราะอู๋หวนเหิงเขาเข้าใจความหมายของเย่เชียนเป็นอย่างดีและนั่นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอให้เขาเกลี้ยกล่อมม่อหลงและช่วยคุยกับม่อหลงเพื่อคลายความกังวลนั่นเอง
ทุกคนไม่ได้อยู่ในโรงแรมต่อและแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง ส่วนเย่เชียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกไปข้างนอกเพราะถึงแม้ว่าเขาจะมีแบบแปลนแผนที่และรายละเอียดอยู่ในมือแล้วแต่เย่เชียนก็ตัดสินใจไปที่บริเวณบ้านของนาโอกิอิชิอิด้วยตัวเองเพราะท้ายที่สุดแล้วแบบแปลนของแผนที่นั้นอาจจะไม่เหมือนจริงอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องไปดูด้วยตาของตัวเองถึงจะโล่งใจได้
การเคลื่อนไหวแบบนี้ย่อมมีคนจำนวนน้อยยิ่งดีดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้โทรหาคนอื่นๆ และตัดสินใจไปตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตัวเขาเอง ซึ่งหลังจากออกจากโรงแรมเย่เชียนก็โบกแท็กซี่และนั่งตรงไปยังบ้านของนาโอกิอิชิอิ
.
.