ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 964 สังหารและลอบสังหาร
ตอนที่ 964 สังหารและลอบสังหาร
ม่อหนานนั้นไม่ได้ให้โอกาสจ้าวซือเหลาเลยและเห็นได้ชัดว่าม่อหนานไม่ต้องการไว้ชีวิตจ้าวซือเหลาและไม่สนใจที่จะฟังสิ่งที่จ้าวซือเหลาพูดเลย เสียงการต่อสู้ในห้องทำให้ผู้คนภายนอกตกใจและคนของจ้าวซือเหลาก็รีบเข้ามา เมื่อเห็นว่าจ้าวซือเหลาถูกม่อหนานโจมตีและไม่สามารถต่อสู้กลับได้พวกเขาก็พุ่งไปหาม่อหนานทีละคน
“อย่าเข้ามายุ่งทุกคนออกไป!” จ้าวซือเหลาตะโกนเสียงดัง
“หืม..คุณจะแสร้งเป็นคนดีไปทำไม..ปล่อยให้คนของคุณเข้ามาและผมจะจัดการกับพวกเขาทีละคน” ม่อหนานพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม ลูกศิษย์เหล่านี้ไม่รู้ว่าความเกลียดชังระหว่างม่อหนานกับจ้าวซือเหลาเป็นอย่างไรและพวกเขาทั้งหมดก็เป็นลูกศิษย์ที่รับมาฝึกหลังจากที่จ้าวซือเหลามาที่ประเทศญี่ปุ่น ปกติแล้วส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาวที่ต้องการเรียนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าม่อหนานแล้วก็เท่ากับเดินเข้าไปหาความตายอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าจ้าวซือเหลาก็ไม่ต้องการให้พวกเขาตายอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้และไม่ต้องการให้ม่อหนานโกรธแค้นเขามากกว่าเดิม ซึ่งถ้าหากว่าการตายของเขาสามารถทำให้สติของม่อหนานกลับมาได้จ้าวซือเหลาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น แต่ม่อหนานตอนนี้เสียสติไปแล้วและเขามีเป้าหมายเดียวในใจคือการแก้แค้นและฆ่าทุกคนเพื่อล้างแค้นให้กับตระกูลม่อนั่นเอง
“นายน้อยฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกกับนายน้อยจริงๆเพราะงั้นช่วยหยุดก่อนจะได้ไหม..ถ้าหากฟังแล้วนายน้อยจะฆ่าฉันทีหลังฉันก็จะไม่ต่อต้าน!” จ้าวซือเหลาอย่างกระตือรือร้น
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นผมจะไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด..เพราะงั้นตายไปซะ” ม่อหนานพูดอย่างโกรธเกรี้ยวและเมื่อคำพูดจบลงการโจมตีของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆและโถมเข้าใส่จ้าวซือเหลาอย่างดุเดือดจนจ้าวซือเหลาไม่สามารถหลบหลีกได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องตั้งสมาธิเพื่อโจมตีอย่างสุดกำลัง อย่างไรก็ตามศิลปะการต่อสู้ของจ้าวซือเหลานั้นไม่ดีเท่าม่อหนานและยิ่งไปกว่านั้นเขายังถ่ายทอดพลังของเขาให้กับม่อหลงไปเมื่อสองสามวันก่อน ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจะมีพลังต่อสู้กลับได้อย่างไร? ด้วยการปะทะกระดูกมือของจ้าวซือเหลาก็หักทันทีและเขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาพร้อมกับร่างของเขาที่กระเด็นออกไป
ในตอนนี้จ้าวซือเหลาก็รู้ดีว่าม่อหนานนั้นจะไม่ยอมฟังเขาและถ้าหากเขาไม่รีบบอกข่าวของม่อหลงล่ะก็เมื่อม่อหลงพลาดเสียชีวิตไปโดยคำสั่งของม่อหนานล่ะก็เขาจะกลายเป็นคนบาปไปตลอดชีวิต “หืม..ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่าฝีมือของคุณจะตกต่ำลงถึงขนาดนี้..มันเหลือเชื่อจริงๆ” ม่อหนานพูดอย่างดูถูก
“เดี๋ยวก่อนนายน้อยฉันมีบางอย่างที่ต้องพูดไม่งั้นฉันจะไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษตระกูลม่อ..อันที่จริงแล้ว…” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คำพูดของจ้าวซือเหลาจะจบม่อหนานก็ใช้ฝ่ามือโจมตีจ้าวซือเหลาอีกครั้งและตะโกนว่า “คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว..ไปขอโทษพ่อของผมเถอะถ้าคุณไปถึงโลกแห่งความตายแล้ว” เสียงนั้นจบลงเขาก็ใช้ฝ่ามือกระแทกหน้าอกของจ้าวซือเหลาอย่างแรงจนจ้าวซือเหลากระเด็นออกไปและล้มลงกับพื้นแล้วไม่หายใจอีกต่อไป
เมื่อมองไปที่ร่างของจ้าวซือเหลาแล้วม่อหนานก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและโศกเศร้าไปพร้อมๆกันราวกับเขาได้ระบายความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาสะสมมานานหลายปีที่ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาก
อย่างไรก็ตามการตายของจ้าวซือเหลานั้นไม่ได้ช่วยให้ม่อหนานได้สติหรือบรรเทาความแค้นในใจได้เลย เพราะเขารู้ว่าครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปด้วยฝีมือของสาวกอันม่อแต่สาวกหมิงม่อกลับเพิกเฉยและเลือกที่จะหลบหนีไป ดังนั้นม่อหนานจึงโกรธแค้นอย่างมากและต้องการฆ่าสาวกทั้งหมด ดังนั้นการตายของจ้าวซือเหลาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆสำหรับการแก้แค้นของม่อหนาน
เมื่อมองไปที่ร่างอันไร้วิญญาณของจ้าวซือเหลาแล้วม่อหนานก็ถอนหายใจด้วยความโกรธและเดินออกไป แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยลูกศิษย์ของจ้าวซือเหลาไปและเขาก็ได้ทำการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมจนไม่มีใครรอด ซึ่งจ้าวซือเหลาก็ไม่ได้คาดหวังถึงสถานการณ์นี้ไม่เช่นนึ่นถ้าหากเขารู้ว่าม่อหนานจะมาในคืนนี้เขาจะยอมปล่อยให้ลูกศิษย์ที่ติดตามเขามานานหลายปีตายไปพร้อมกับเขาอย่างแน่นอนและสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือม่อหนานในปัจจุบันไม่เหมือนม่อหนานในอดีตอีกต่อไปและเสียสติไปอย่างสมบูรณ์แบบ
*************************************
ฮาเซงาวะเซตะมีประชุมกับสมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่คลับเฮาส์และหลังจากหารือเกี่ยวกับการวางแผนและขั้นตอนของการเลือกตั้งครั้งต่อไปแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไป ซึ่งฮาเซงาวะเซตะในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจและเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่การร่วมมืออย่างกะทันหันกับเย่เชียนทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังชนะและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน
โจรกระจอกขโมยเงินส่วนจอมโจรนั้นขโมยประเทศทั้งประเทศ! ซึ่งฮาเซงาวะเซตะถือได้ว่าเป็นจอมโจรในคราบนักการเมือง เป้าหมายของเขาคือการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นและนโยบายที่เขาบอกว่าจะรับใช้ประชาชนนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง เพราะถ้าหากเขาได้ครอบครองทุกอย่างแล้วเขาจะทำตามคนอื่นอย่างประชาชนได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะเขาต้องการครอบครองตำแหน่งสูงสุดและมองดูมดด้านล่างคลานช้าๆ ส่วนที่เหลือก็ไม่สำคัญเลยและนอกจากนี้ความร่วมมือกับเย่เชียนก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียเปรียบอะไรใดๆ แค่การมอบองค์กรใต้ดินทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นให้กับเย่เชียนเพื่อดูแลนั้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขา ตราบใดที่เย่เชียนไม่มาแย่งตำแหน่งของเขาแล้วส่วนที่เหลือก็ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่าก็ไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าเย่เชียนจะสามารถกำจัดกองกำลังใต้ดินทั้งหมดได้และรวมประเทศได้สำเร็จ
หลายปีที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านถูกพรรคอื่นๆกดขี่มาตลอดและถึงแม้สภากลางจะมีที่นั่งเยอะแต่ก็ไม่เคยอยู่ในอำนาจและถือได้ว่าเป็นเป้าหมายของหลายๆพรรคมาโดยตลอด ตั้งแต่ฮาเซงาวะเซตะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแล้วก็อาจกล่าวได้ว่าเขาได้ทำงานหนักและเปลี่ยนแนวการเมืองของพรรคและสนับสนุนประเทศจีนอย่างมาก ซึ่งในระดับหนึ่งก็ชนะใจส่วนใหญ่ของประชาชนและแม้ว่าประชาชนจำนวนมากในประเทศญี่ปุ่นยังคงเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูกับประเทศจีนแต่ก็มีคนที่สนับสนุนจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้คนจีนจำนวนมากก็ยังคงเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นและร่ำรวยมากและแนวทางของฮาเซงาวะเซตะก็ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัยไม่ว่าจะเป็นเงินหรือชื่อเสียงก็ตาม
เขาตระหนักถึงพลังของเขี้ยวหมาป่าและเขาได้ให้ความสนใจกับเขี้ยวหมาป่ามาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยสมาชิกขององค์กรชาโด้ซากุระจะคอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าให้กับเขาเกือบทุกวัน ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องของเย่เชียนมาก เนื่องจากเขี้ยวหมาป่ามีอิทธิพลอย่างมากในทวีปตะวันออกกลางดังนั้นเขาจึงหวังที่จะใช้พลังของเขี้ยวหมาป่าเพื่อให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในทวีปตะวันออกกลาง ซึ่งไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าที่นั้นเป็นพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่และอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันและเกือบ 60% ของน้ำมันในโลกมาจากที่นั่น ซึ่งน้ำมันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำสงครามและสิ่งต่างๆดังนั้นใครบ้างที่ไม่สนใจเครือข่ายดีๆกับทวีปตะวันออกกลาง? ในมุมมองของฮาเซงาวะเซตะนั้นเขาจะไม่ยอมมอบสิ่งดีๆเช่นนี้ให้กับประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
เพื่อเอาชนะเย่เชียนแล้วฮาเซงาวะเซตะจึงยอมตกลงตามคำขอของเย่เชียนโดยระบุเงื่อนไขทั้งหมดและลงนามในสัญญา ซึ่งต่อมาเขาจงใจส่งนากาซาวะเคโกะไปอยู่เคียงข้างเย่เชียนเพราะในความเห็นของเขาผู้ชายมักจะหลงใหลในเสน่ห์ของผู้หญิงและความงดงามอยู่เสมอ แน่นอนว่าเขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่ทำให้นากาซาวะเคโกะหลงใหลได้มาก่อนและตราบใดที่เย่เชียนหลงใหลนากาซาวะเคโกะล่ะก็ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะมีสัญญาอยู่ก็ตามเขาก็จะใช้นากาซาวะเคโกะเป็นเครื่องมือเพื่อความได้เปรียบ
หลังจากดื่มชาเสร็จฮาเซงาวะเซตะก็ลุกขึ้นช้าๆและสั่งบอดี้การ์ดของเขาว่า “กลับกันเถอะ..ไปเตรียมรถมา!”
จากนั้นบอดี้การ์ดก็ตอบแล้วเดินออกไปแต่ทันใดนั้นคนสวมหน้ากากชุดดำก็เดินเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมกับมีดสั้นในมือแทงเข้าไปที่หน้าอกของฮาเซงาวะเซตะ เมื่อเห็นเช่นนี้บอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่ด้านข้างก็รีบชักปืนพกออกมาและยิงใส่คนชุดดำโดยไม่ลังเล
“ปัง..ปัง” เสียงปืนดังขึ้นสองนัดแต่คนชุดดำก็กลิ้งหลบบนพื้นและทันใดนั้นเขาก็ขว้างลูกดอกอาบยาพิษด้วยมือซ้ายและบอดี้การ์ดทั้งสองก็ไม่มีโอกาสยิงนัดที่ 2 ได้อีกเลยเพราะพวกเขาโดนลูกดอกอาบยาพิษไปแล้วและร่างของพวกเขาก็ล้มลงอย่างช้าๆ “แกเป็นใคร?..ใครส่งแกมาที่นี่” ฮาเซงาวะเซตะถามอย่างหวั่นเกรงและขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะค่อนข้างประหม่าแต่การแสดงออกบนใบหน้าของเขาก็ดูสงสัยอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณภาพจิตใจและสมาธิของเขายังคงดีอยู่และนั่นก็คือความจริงเพราะฮาเซงาวะเซตะเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อนและในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองแล้วเขาก็ยังคงมีความกล้าหาญในระดับหนึ่งไม่ใช่นั้นเขาคงจะตายไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามคนชุดดำก็เพิกเฉยต่อคำพูดของฮาเซงาวะเซตะและยังคงพุ่งไปหาฮาเซงาวะเซตะพร้อมกับมีดสั้นในมือของเขา ซึ่งมันเป็นการสังหารที่อันตรายถึงตาย
บอดี้การ์ดด้านนอกประตูก็รีบเข้ามาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงปืนจากในบ้านโดยไม่ลังเลเลย พวกเขารีบวิ่งไปหาชายชุดดำ บอดี้การ์ดเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีโดยฮาเซงาวะเซตะและเป็นสมาชิกของสำนักนินจาอิงะอีกด้วย ดังนั้นฝีมือของพวกเขาจึงไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามแม้ในสถานการณ์สี่ต่อหนึ่งพวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ฉันไม่ตายในวันนี้หรอก..ฉันต้องการจะดูว่านาโอกิอิชิอิจอมวายร้ายที่น่ารังเกียจคนนั้นส่งแกมาที่นี่หรือเปล่า” ฮาเซงาวะเซตะพูดด้วยความโกรธเพราะเขาไม่เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างชัดเจน บอดี้การ์ดทั้งสี่คนนั้นปิดล้อมคนชุดดำทุกด้านแต่ก็ไม่สามารถคุกคามคนชุดดำได้เลย
เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำกังวลเล็กน้อยเพราะยิ่งช้ามากเท่าไหร่ตัวเองก็ยิ่งเสียเปรียบ ถึงแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองแต่เนื่องจากเธอได้รับคำสั่งจากเย่เชียนเธอจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งและไม่ว่าเย่เชียนจะสั่งอะไรเธอก็ต้องทำอย่างไม่มีเงื่อนไข
เธอรู้ดีถึงตำแหน่งและนิสัยของฮาเซงาวะเซตะและมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนำบอดี้การ์ดจำนวนเล็กน้อยเพียงเท่านี้มากับเขาเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนนาโอกิอิชิอิได้ลอบสังหารเขาหลายครั้งซึ่งทำให้ฮาเซงาวะเซตะระมัดระวังจนเขาเตรียมบอดี้การ์ดมากมายคอยคุ้มกันรอบๆตัวเขา ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงหกคนเท่านั้นและที่เหลือก็อยู่ที่ด้านนอกและอาจจะมาเสริมในอีกไม่ช้าดังนั้นเธอจึงต้องรีบจัดการสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว
.
.
.
.
.
.