ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 953 กดดันกลับ
ตอนที่ 953 กดดันกลับ
ความจริงแล้วนาโอกิอิชิอินั้นมีแผนการแบบนั้นจริงๆและเมื่อใดที่มีการประกาศให้สาธารณชนทราบมันก็ย่อมจะทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดความไม่พอใจอย่างมาก ซึ่งตอนนี้เหลือผู้เข้าร่วมการเลือกตั้งเพียงสองคนซึ่งคนหนึ่งคือนาโอกิอิชิอิส่วนอีกคนคือฮาเซงาวะเซตะ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องสนับสนุนฮาเซงาวะเซตะอย่างแน่นอน จากนั้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจากประเทศอเมริกาแล้วจะทำให้นาโอกิอิชิอิมีโอกาสชนะน้อยลงมากกว่าครึ่ง ซึ่งเป้าหมายในการทำเช่นนี้ของเขาก็คือการสร้างภาพลักษณ์ของเขาในหัวใจของประชาชนชาวญี่ปุ่นนั่นเองแต่มันก็เป็นดาบสองคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เย่เชียนกับจ้าวซือเหล่านั้นได้รู้ข่าวนี้มาจากสาวกคนหนึ่งของหมิงม่อซึ่งเขามีส่วนร่วมในการกำหนดและจัดทำแผนการนี้ภายใต้การควบคุมของนาโอกิอิชิอิ ซึ่งเขาผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่สาวกหมิงม่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเอกสารและแผนการดังกล่าวนั้นมีอยู่จริงแต่หลังจากแผนการนี้ถูกวางโครงสร้างเสร็จสิ้นแล้วยนาโอกิอิชิอิก็ได้ลอบสังหารทุกคนที่เข้าร่วมในแผนการแต่สาวกหมิงม่อคนนั้นรอดชีวิตมาได้ด้วยความโชคดี ดังนั้นจ้าวซือเหลาถึงได้ข้อมูลเหล่านี้มาเพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าเอกสารของแผนการนี้อยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามด้วยการคาดการณ์ของเย่เชียนแล้วนาโอกิอิชิอิอาจจะซ่อนสิ่งสำคัญดังกล่าวเอาไว้ในบ้านของเขาเองเพราะมันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนาโอกิอิชิอินั่นเอง
“แต่ผมต้องการให้คุณนากาซาวะช่วยอะไรผมสักหน่อย” หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็พูดต่อ
“คุณเย่บอกมาได้เลยค่ะ..ตราบใดที่ฉันสามารถทำได้ฉันจะทำอย่างเต็มที่แน่นอน” นากาซาวะเคโกะพูด
“สำหรับคุณแล้วก็ไม่น่าจะยาก..คงมีคนของคุณคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของนาโอกิอิชิอิอยู่ตลอดใช่มั้ย?..ซึ่งผมต้องการแผนที่และแบบแปลนบ้านของเขา..มันไม่น่าจะยากใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“ไม่มีปัญหาค่ะ..ฉันจะส่งมอบแบบแปลนบ้านของเขาให้คุณภายในสองวัน” นากาซาวะเคโกะพูด “แต่คนอย่างนาโอกิอิชิอินั้นฉลาดแกมโกงและเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก..เพราะงั้นฉันจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าฉันจะนำข้อมูลแบบแปลนบ้านของเขามาให้คุณอย่างสมบูรณ์ทุกมุมและทุกส่วนได้”
“ไม่เป็นไรครับ..มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ก็พอ..นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ขอตำแหน่งบอดี้การ์ดในบ้านของเขาด้วย” เย่เชียนพูด “ถ้าหากสถานการณ์ไม่ค่อยดีพวกคุณก็รีบถอนตัวได้ทุกเมื่อเลย”
“ได้ค่ะ..ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด” นากาซาวะเคโกะพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการตามแผนจะเป็นไปอย่างราบรื่นเราต้องดำเนินการด้านอื่นควบคู่กันไปด้วย..ถ้าเรามีเพียงแผนการเดียวมันจะไม่สามารถทำให้พวกอเมริกาคิดว่าพวกเขากำลังถูกประเทศญี่ปุ่นคุกคามได้..เพราะงั้นอีกหนึ่งแผนการของผมคือการลอบโจมตีฐานประจำการของกองทัพสหรัฐอเมริกาในประเทศญี่ปุ่น!”
ฮาเซงาวะเซตะก็ถึงกับตกใจและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “คุณเย่จะทำแบบนั้นจริงๆเหรอ..ไม่ต้องพูดถึงความเข้มงวดและมาตรการในการป้องกันของฐานประจำการกองทัพสหรัฐอเมริกาเลย..ซึ่งถ้าหากคุณเย่ทำสำเร็จจริงๆมันก็ เป็นไปได้มากว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะสูญเสียความมั่นใจในตัวฉันไปไม่ใช่เหรอ?”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะงั้นผมก็เลยบอกว่ามันจะเป็นความร่วมมือและการดำเนินการควบคู่กันไป..ซึ่งตราบใดที่แผนการลับของนาโอกิอิชิอิอยู่ในมือของเราล่ะก็เราจะใช้หลักฐานนั้นมัดตัวนาโอกิอิชิอิว่าเขาเป็นคนที่โจมตีฐานประจำการกองทัพสหรัฐอเมริกาและเมื่อนั้นเขาจะไม่มีทางปฏิเสธข้อกล่าวหาได้เลย..ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องให้คุณช่วยในการเปิดโปงแผนดังกล่าวต่อสื่อและสาธารณะ..ถ้าเป็นไปตามนั้นคุณก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าคุณจะชนะการเลือกตั้ง!”
ฮาเซงาวะเซตะก็เงียบไปครู่หนึ่งและวิเคราะห์คำพูดของเย่เชียนอย่างรอบคอบ ซึ่งถ้าหากแผนดังกล่าวเป็นไปตามที่เย่เชียนคาดเอาไว้ล่ะก็แน่นอนว่ามันจะช่วยเขาได้มากอย่างไม่ต้องสงสัยและนี่ก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและที่สำคัญกว่านั้นถึงแม้ว่านาโอกิอิชิอิจะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยชื่อเสียงและความนิยมของนาโอกิอิชิอิก็จะเสื่อมเสียอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อคิดเช่นนั้นฮาเซงาวะเซตะก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่นากาซาวะเคโกะและเมื่อนากาซาวะเคโกะพยักหน้าแล้วฮาเซงาวะเซตะก็มั่นใจมากขึ้น
หลังจากหัวเราะอย่างมีความสุขฮาเซงาวะเซตะก็พูดว่า “ฮ่าๆ..ข่าวลือที่ว่าคุณเย่สามารถเขย่าโลกได้ทั้งใบนั้นไม่ใช่แค่ข่าวลือสินะ..ฉันเห็นแล้วว่าคุณสามารถทำได้จริงๆ.. เนื่องจากคุณเย่มั่นใจมากขนาดนี้ฉันก็เห็นด้วยกับคุณ..ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่คุณเย่คาดการณ์เอาไว้อย่างแน่นอน..คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็บอกมาได้เลยและฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ความร่วมมือของเรา”
“ว้ายร้ายมาก่อนสุภาพบุรุษมาทีหลัง..การทำแบบนี้มันอันตรายมาก..ซึ่งถ้าหากฮาเซงาวะเปลี่ยนใจในอนาคตคุณจะสูญเสียมากกว่าสิ่งที่ได้อย่างแน่นอน..แต่คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดเพราะผมแค่ต้องการความมั่นใจ..มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“ถ้าคุณเย่มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาได้เลย..ในเมื่อเราตัดสินใจร่วมมือกันแล้วทุกคนก็ควรจะเปิดใจอย่างซื่อสัตย์และพูดคุยกันถึงปัญหาและข้อเสนอแนะ..เพราะงั้นหากคุณเย่คิดอะไรอยู่ก็แค่พูดออกมา” ฮาเซงาวะเซตะพูด
“อันที่ผมแค่อยากเซ็นสัญญากับคุณฮาเซงาวะเพื่อรับประกันผลประโยชน์ในอนาคตของผม..แบบนี้คุณคิดว่าไงครับ?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ฮาเซงาวะเซตะก็ขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจและเขาก็แน่นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะเป็นเพียงสัญญาแต่ความสัมพันธ์และการร่วมมือก็ยังกว้างไกล ซึ่งนี่จะกลายเป็นเหตุผลทำให้เย่เชียนข่มขู่เขาในอนาคตหรือเปล่า? หากเย่เชียนเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควรแล้วถ้าเขาปฏิเสธล่ะก็เย่เชียนจะสามารถเปิดเผยสัญญาฉบับนี้เขาจะตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากนั้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขาอาจจะต้องพังทลายใช่ไหม?
สีหน้าของนากาซาวะเคโกะนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและเธอก็ดูสงบมาก ซึ่งนี่เป็นเรื่องระหว่างเย่เชียนกับฮาเซงาวะเซตะเพราะงั้นเธอจึงไม่มีส่วนร่วมใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเธอกลับสนใจเย่เชียนมากขึ้นเรื่อยๆและในความเห็นของเธอนั้นมีเพียงผู้ชายอย่างเย่เชียนเท่านั้นที่เหมาะสมกับเธอที่ดึงดูดใจของเธอได้ เธอรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับเย่เชียนแล้วผู้ชายที่เธอเจอมาตลอดทั้งชีวิตนั้นไม่มีอะไรนอกจากคำว่าไร้สาระเลย
“ผมหวังว่าคุณฮาเซงาวะจะไม่ละเลยสิ่งนี้เพราะนี่เป็นการรับประกันสำหรับตัวผมเองเช่นกัน..เนื่องจากเราทั้งคู่เลือกที่จะให้ความร่วมมือกันแล้วเพราะงั้นผมคิดว่าทุกคนควรเปิดกว้างและซื่อสัตย์และไว้วางใจซึ่งกันและกัน” เย่เชียนพูดต่อ “ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีความรู้ทางการเมืองแต่ผมก็มีความคิดเห็นบางอย่าง..ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นนักการเมืองคืออะไร?..การเลือกตั้งในสมัยหน้านั้นมีอะไรยืนยันหรือเปล่าว่าคุณจะชนะอีก..แต่ถ้าหากเราทำตามข้อตกลงระหว่างเราผมก็จะเป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดของคุณ..นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมนั้นก็มีอิทธิพลในประชาคมระหว่างประเทศตั้งหลายประเทศทั่วโลกเพราะงั้นคุณไม่คิดว่าโอกาสที่คุณจะได้รับเลือกตั้งในทุกสมัยจะมั่นคงตลอดไปหรอครับ?..คุณไม่จำเป็นต้องกังวลไปและผมจะไม่บังคับคุณเพราะเรายังมีเวลาอีกมากเพราะงั้นคุณก็ค่อยๆคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลังก็แล้วกันครับ”
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกมาจากเสื้อของเขาแล้วจุดไฟสูบอย่างช้าๆและมีรอยยิ้มจางๆที่มุมปากของเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งดูมั่นใจมากเพราะเหตุผลที่เย่เชียนระบุแผนของเขาก่อนแล้วจึงเสนอเงื่อนไขดังกล่าวก็เพื่อกระตุ้นความสนใจของฮาเซงาวะเซตะและเห็นได้ชัดว่าฮาเซงาวะเซตะพึงพอใจกับแผนของเย่เชียนมากและตั้งตารอคอยทำตามแผนแล้ว
คิ้วของฮาเซงาวะเซตะก็ยังคงขมวดอยู่และดูเหมือนจะไตร่ตรองคำพูดของเย่เชียนก่อนหน้านี้ “คุณเย่คุณไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าคุณตอนนี้แล้วค่อยทำตามแผนของคุณบ้างเหรอ?..อย่าลืมสิว่าที่นี่คือประเทศที่ญี่ปุ่นและฉันก็สามารถทำทุกอย่างที่ทำได้” ฮาเซงาวะเซตะพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คำพูดของคุณฮาเซงาวะเซตะทำให้ผมผิดหวังจริงๆ..ผมอยากจะร่วมมือกับคุณแต่คุณกลับต้องการจะฆ่าผม..ซึ่งมันน่ารังเกียจเกินไป..คุณคงแก่เกินกว่าจะทำอะไรแล้วสินะ” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ในเมื่อคุณฮาเซงาวะรู้ว่าผมเป็นใครถ้างั้นคุณต้องรู้เรื่องของผมมากกว่านี้ใช่มั้ย?..เพราะงั้นคุณก็ควรจะชัดเจนว่าสิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุดคือการถูกคุกคามและถูกคนอื่นข่มขู่แบบนี้..นอกจากนี้คุณคิดว่าคุณจะฆ่าผมได้อย่างงั้นเหรอ..ตอนนี้เราอยู่กันในห้องนี้และตราบใดที่ผมยกมือขึ้นเพียงเล็กน้อยคุณก็จะเป็นวิญญาณทันที!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮาเซงาวะเซตะก็ถึงกับตกตะลึงแล้วหันไปมองนากาซาวะเคโกะที่อยู่ข้างๆและเธอก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้เพราะเธอรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดนั้นเป็นความจริงเพราะภายในห้องนี้ฮาเซงาวะเซตะไม่สามารถหนีไปจากกำมือของเย่เชียนได้เลยและบอดี้การ์ดน้องนอกเหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับเย่เชียนแล้ว
จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ผมคิดว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่คุณฮาเซงาวะลืมไป..การลอบโจมตีฐานประจำการของกองทัพสหรัฐอเมริกานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็สามารถทำได้..ทั้งองค์กรชาโด้ซากุระหรือพวกนินจาเหล่านั้นที่มีฝีมือก็จริงแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาถนัดจริงมั้ย?..และถ้าสิ่งต่างๆถูกเปิดเผยล่ะก็คุณฮาเซงาวะเคยลองตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหรือเปล่า..แต่ถ้าผมเป็นคนลงมือทำมันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง..เพราะถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆจะล้มเหลวแต่คุณฮาเซงาวะก็ยังสามารถแข่งขันในเวทีได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่เสียอะไรเลย..แต่ถ้าเป็นผมล่ะถ้าผมล้มเหลวล่ะก็ชีวิตของผมจะต้องเสี่ยงไปด้วย”
คำพูดของเย่เชียนหลายๆอย่างได้ทำลายความมั่นใจในตัวเองของฮาเซงาวะเซตะไปทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งฮาเซงาวะเซตะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเจรจามาโดยตลอดแต่ตอนนี้เขากลับถูกเย่เชียนกดดันอย่างมาก จากนั้นฮาเซงาวะเซตะก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “โถ่ๆ..ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆคุณเย่..ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณเย่จะเต็มไปด้วยความมั่นใจจริงๆเพราะงั้นก็วางใจได้..ส่วนสัญญานั้นไม่มีปัญหาเพราะฉันเลือกที่จะร่วมมือกับคุณเย่แล้วและฉันก็เชื่อในตัวของคุณเย่มาก”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ความร่วมมือของเราเป็นไปได้ด้วยดี..ผมหวังว่าเราทั้งคู่จะบรรลุผลสำเร็จด้วยกันและตอนนี้เราก็อยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว..เพราะงั้นเราควรจะสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด!”
จากนั้นฮาเซงาวะเซตะก็ยืนขึ้นและจับมือกับเย่เชียนและพูดว่า “เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับคุณ”
.