ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 943 การประสานงานทั่วโลก
ตอนที่ 943 การประสานงานทั่วโลก
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะความจริงพี่ม่อหลงคือผู้สืบทอดของสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นนี่จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะใช้วิธีไหนและถึงแม้ว่าเขาจะครอบครองสำนักม่อจื๊อทั้งหมดอยู่ก็ตามแต่เราก็ยังมีพี่น้องเขี้ยวหมาป่าที่คอยให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดและจะช่วยให้พี่เป็นผู้นำที่แท้จริงของสำนักมือจื๊อเอง”
“ใช่แล้วม่อหลงในสายตาของพวกเรานายคือผู้นำที่แท้จริงของสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นตราบใดที่เราอยู่ที่นี่เราจะช่วยให้นายได้รับสิ่งที่เป็นของนายอย่างแน่นอน” เฟิงหลานพูด
“ใช่แล้ว..เราจะไม่ปล่อยให้พี่น้องของเราถูกข่มเหงเด็ดขาด..แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องพูดเอาไว้ก่อนว่าถ้าพี่ได้เป็นผู้นำสำนักม่อหลงแล้วห้ามลืมกันเด็ดขาดไม่งั้นผมจะเป็นคนฆ่าพี่เอง” หลี่เหว่ยพูดพร้อมกับหัวเราะและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องตลกเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าม่อหลงจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนและถึงแม้ว่าเขาจะทำหลี่เหว่ยก็ไม่ทำอะไรเขาอยู่ดีและมันก็เป็นไปไม่ได้อีกด้วย
“อันที่จริงฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะได้เป็นผู้สืบทอดของสำนักม่อจื๊อเพราะฉันคิดว่าฉันมีความสุขที่สุดเมื่อได้อยู่กับพี่น้องอย่างพวกนาย..แต่พ่อแม่และครอบครัวของฉันเสียชีวิตไปในการต่อสู้ครั้งนั้นเพราะงั้นฉันแค่พยายามแสวงหาความจริงก็เท่านั้นเอง” ม่อหลงพูดอย่างจริงใจ
เย่เชียนตบไหล่ม่อหลงแล้วพูดว่า “ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจยังไงก็ตามพวกเราในฐานะพี่น้องจะคอยสนับสนุนทุกอย่างเสมอ”
โดยพื้นฐานแล้วเรื่องทั้งหมดได้รับการจัดอย่างเหมาะสมและพวกเขาก็กำลังรอข่าวจากเฟิงหลานและอู๋หวนเฟิง ครั้งก่อนสำนักนินจาอิงะได้ยึดอำนาจของเหล่านินจาไปและเย่เชียนก็ได้ช่วยเหลือฮัตโตริชิฮิโระเอาไว้จากนั้นเขาก็ได้ควบคุมสำนักนินจาอิงะในที่สุด ซึ่งฮัตโตริชิฮิโระรับปากเอาไว้ว่าเขาจะไม่ต่อสู้กับองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแต่เขากลับทำการกวาดล้างเขี้ยวหมาป่าในญี่ปุ่นจนทำให้พี่น้องหน่วยกรงเล็บหมาป่าล้มตายกันหลายคนและชิงเฟิงเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นเย่เชียนจะทนอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร?
ในตอนเย็นม่อหลงและคนอื่นๆ ออกจากโรงแรมกันทุกคนส่วนเย่เชียนก็พักอยู่ในห้องเพียงลำพังเพราะถ้ามีคนมารวมกันมากเกินไปก็จะเป็นเป้าหมายของศัตรูได้ นอกจากนี้เย่เชียนได้ทำการแปลงโฉมตัวเองแล้วดังนั้นเขาจึงยังสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้อยู่ เย่เชียนไม่ได้ออกไปไหนตอนกลางคืนและสั่งให้บริกรส่งอาหารมาที่ห้องของเขาโดยตรง
หลังอาหารเย็นเย่เชียนนั่งลงบนโซฟาและคุกเข่าลงจากนั้นก็หลับตาและตั้งสมาธิเข้าไปข้างในตันเถียนและสิ่งที่ดูเหมือนเมล็ดถั่วเหลืองเหมือนจะสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกของเย่เชียนและมันก็เริ่มหมุนราวกับว่ามันกำลังแสดงตัวตน เมื่อเทียบกับครั้งก่อนเห็นได้ชัดว่าตอนนี้มีขนาดใหญ่กว่ามากและพลังปราณที่บรรจุอยู่ภายในนั้นก็บริสุทธิ์กว่ามาก พลังปราณที่หมุนเวียนก่อนหน้านี้เป็นเพียงน้ำหยดแต่ตอนนี้ราวกับน้ำในทะเลสาบ ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เย่เชียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วพลังในร่างกายจะเปลี่ยนไปและมันยิ่งบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เย่เชียนอดคิดไม่ได้ว่านี้การขัดเกลาพลังเหล่านี้จำเป็นต้องอยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงอย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามเย่เชียนยังคงกังวลเล็กน้อยเพราะเมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตของพลังปราณในปัจจุบันแล้วเห็นได้ชัดว่ามันพัฒนาไปไวมากเกินไป หากวันหนึ่งร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อพลังขนาดใหญ่ได้ร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร ร่างของเขาจะแตกสลายหรือไม่? การที่พลังปราณในร่างกายของคนๆหนึ่งหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งนั้นมันจะไปทำลายเส้นประสาทของร่างกายหรือไม่? หากเป็นกรณีนี้เย่เชียนจะรู้สึกหดหู่อย่างมากดังนั้นเขาจึงกังวลเกี่ยวกับมัน ด้วยเหตุนี้เขาก็จงใจระงับความเร็วในการฝึกฝนของตัวเองและจุดประสงค์คือการหาวิธีที่ดีกว่าโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาฝึกฝนไม่เคยมีใครรู้จักและเขาก็ได้แต่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีช่องว่างระหว่างเขากับปรมาจารย์ที่แท้จริงอยู่และไม่ว่าเขาจะพบหนทางที่ดีกว่าหรือไม่ถึงยังไงเขาก็ยังต้องฝึกฝนอยู่เสมอเพราะถ้าไม่แข็งแรงขึ้นก็จะถูกคนอื่นข่มเหงนั่นเอง
ดูเหมือนว่าเมล็ดถั่วเหลืองจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเย่เชียนและดูเหมือนว่ามันจะหมุนอย่างรวดเร็วราวกับว่าต่อต้านว่าทำไมเย่เชียนถึงชะลอการฝึกฝนและขัดเกลา เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับความเป็นจริงนี้เพราะตราบใดที่มันยังดำเนินต่อไปร่างกายก็อาจจะสามารถเสื่อมสภาพได้เช่นกันและตอนนี้ที่เย่เชียนจงใจลดความเร็วในการฝึกฝนของเขาซึ่งทำให้พลังปราณในร่างกายดูเหมือนจะไม่พึงพอใจนัก แน่นอนว่ามันไม่มีชีวิตแต่ดูเหมือนว่าจะใช้วิธีเฉพาะของตัวเองเพื่อระบายความไม่พอใจราวกับว่ามันมีชีวิตนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเย่เชียนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะมันหมุนอย่างรวดเร็วไปทั่วร่างกายตามเส้นประสาทและทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น นี่คือสิ่งล่อใจของมารและปีศาจในตัวงั้นหรือ? มันพยายามจะล่อใจเย่เชียนด้วยความรู้สึกสบายๆ นี้หรือไม่? เย่เชียนไม่รู้แต่เขาจมอยู่ในความรู้สึกนี้จริงๆ เพราะสองสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผู้ชายคือการได้อยู่กับผู้หญิงและการได้อ่านหนังสือตอนเข้าห้องน้ำนั่นเอง แต่มันดูเหมือนจะเทียบไม่ได้กับความรู้สึกนี้เลย
“ฉันสัญญาเลยว่าหลังจากที่ฉันได้ต่อสู้กับไป๋ฮวยแล้วฉันจะเร่งการฝึกฝนของฉันและตั้งใจกับมัน..ฉันไม่สนแล้วว่าเขาจะอยู่หรือตายในอนาคต” เย่เชียนพึมพำกับตัวเอง
หลังจากทำสมาธิเสร็จเย่เชียนก็ลืมตาขึ้นและไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย จากนั้นจึงเข้านอนและนอนลงซึ่งการอยู่เฉยๆ น่าเบื่อจริงๆ และเย่เชียนก็ไม่ค่อยสนุกกับรายการทีวีสมัยนี้เลย ถึงเย่เชียนจะไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไม่มีความคิดและมักจะตัดสินอะไรแย่ๆ ก็ตามแต่หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายในประเทศญี่ปุ่นมาหลายปีเย่เชียนก็ไม่เคยมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นเลย ไม่เช่นนั้นเย่เชียนคงไม่เรียนรู้ภาษาต่างประเทศมากมายแต่เลือกที่จะไม่เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
เวลา 3 ทุ่มจู่ๆ โทรศัพท์ที่ห้องพักในโรงแรมก็ดังขึ้นหลายสายติดต่อกันและมีสายสุ่มมาถามว่าต้องการนวดไหมและเย่เชียนก็คิดว่ามันเป็นบริการพิเศษแบบที่ประเทศจีนมีแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นและในที่สุดเย่เชียนก็หมดความอดทนจริงๆ จนเย่เชียนถอดสายโทรศัพท์ออกโดยตรง อย่างไรก็ตามจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นการเคาะประตูหลังจากที่เย่เชียนผล็อยหลับไป แต่ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและเมื่อเขาเปิดประตูเขาก็เห็นเด็กสาวไร้เดียงสาสวมชุดนักเรียนเข้ามายืนอยู่ที่ประตูและถามเย่เชียนว่าเขาต้องการรับบริการพิเศษหรือเปล่าด้วยน้ำเสียงที่ดูเคอะเขินจนทำให้ผู้คนดูเหมือนเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่ถูกบังคับให้ออกมาเพราะปัญหาครอบครัวจริงๆ อย่างไรก็ตามเย่เชียนถือเป็นคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้และเย่เชียนก็รู้ดีว่าชาวญี่ปุ่นชอบแต่งตัวในเครื่องแบบมาล่อตาล่อใจ
ตลอดทั้งคืนเย่เชียนนอนหลับด้วยความโกลาหลเช่นนี้จนกระทั่งเวลาตี 3 ในที่สุดก็ไม่มีเสียงที่น่ารำคาญเช่นนั้นอีก
วันรุ่งขึ้นเย่เชียนไม่ได้ออกไปไหนและเขาก็อยู่ในห้องของโรงแรมตลอดเวลาและดูข้อมูลที่ส่งโดยมาหน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่า ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเคร่งครัดและวิเคราะห์อย่างระมัดระวังจนประมาณบ่ายสามโมงม่อหลงก็มาที่ห้องพร้อมกับชิงเฟิงและชิงเฟิงก็ดูเศร้ามากและเมื่อเขาเห็นใบหน้าของเย่เชียนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเขาก็โทษตัวเองว่า “บอสผมขอโทษ.ผมทำให้บอสอับอายและถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ฮวยล่ะก็ผมคงจะตายไปแล้ว..คราวนี้พี่น้องหน่วยกรงเล็บหมาป่าตายไปเกือบหมดเพราะงั้นผมขอโทษจริงๆ ..บอสเชิญลงโทษผมได้เลย”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อดีตมันผ่านมาแล้ว..นายไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองอีกต่อไปและฉันเองก็ไม่ตำหนินายในเรื่องนี้เพราะฉันเองก็มีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน..ถ้าไม่ใช่เพราะความมั่นใจเกินไปของฉันล่ะก็เรื่องพวกนี้คงไม่เกิด” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็ถามว่า “ไป๋ฮวยอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้าง”
“ตอนแรกผมชวนเขามาด้วยแต่เขาปฏิเสธ” ชิงเฟิงพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเพราะคราวนี้เรามาเพื่อล้างแค้นให้พี่น้องเขี้ยวหมาป่าของเรา..ตอนนี้ทุกคนดูข้อมูลที่ส่งมาโดยหน่วยข่าวกรองของเราสิ”
“เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขี้ยวหมาป่างั้นเหรอ?” ชิงเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เขี้ยวหมาป่าของเรามีหน่วยข่าวกรองด้วยเหรอ..ทำไมผมถึงไม่รู้เลย”
“หน่วยข่าวกรองเขี้ยวหมาป่าพูดจัดตั้งขึ้นได้สักพักแล้วเพราถ้าหากเขี้ยวหมาป่าต้องการพัฒนาเราจะต้องมีหน่วยข่าวกรองของตัวเองเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ โดยตรง” เย่เชียนพูด “แต่ตอนที่ฉันจัดตั้งหน่วยข่าวกรองขึ้นแจ็คกับฉันก็เห็นพ้องต้องกันว่าบุคลากรของหน่วยข่าวกรองจะมีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะงานรวบรวมข่าวกรองและจะไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น..เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าหน่วยกรงเล็บหมาป่าในประเทศญี่ปุ่นจะถูกโจมตีแต่บุคลากรของหน่วยข่าวกรองจะยุ่งเกี่ยวด้วย..เหตุผลก็คือเราจะไม่เปิดเผยข้อมูลของบุคลากรจากหน่วยข่าวกรองซึ่งนั่นจะเป็นความลับที่สุดในองค์กรของเรา”
“ว้าว!” ชิงเฟิงตอบหากไม่ใช่เพราะคำพูดของเย่เชียนล่ะก็เขาคงจะหดหู่จริงๆ เพราะพี่น้องของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจำนวนมากจึงเสียชีวิตในประเทศญี่ปุ่นและเชื่อว่าบุคลากรของหน่วยข่าวกรองนั้นก็รู้ดีและพวกเขาคงจะเจ็บปวดมากเช่นกัน แน่นอนว่าก่อนหน้านี้การที่หน่วยข่าวกรองไม่ได้ออกมาช่วยหน่วยกรงเล็บหมาป่านั้นก็ทำให้ชิงเฟิงโกรธอย่างมากแต่พอเย่เชียนพูดแบบนี้ชิงเฟิงก็โล่งใจอย่างมากเพราะท้ายที่สุดทุกหน่วยต่างก็มีงานเป็นของตัวเองและเพื่อทำให้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าสามารถพัฒนาได้อย่างรุ่งโรจน์นั่นเอง
“เอาเถอะเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันไป..ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือรอและเมื่อไหร่ที่เฟิงหลานรู้ที่อยู่ของฮัตโตริชิฮิโระแล้วเราจะเริ่มปฏิบัติการทันที!” เย่เชียนพูด “ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานานเดี๋ยวเราก็จะได้ข้อมูล”
ม่อหลงนำข้อมูลจากเย่เชียนมาแล้วอ่านอย่างละเอียด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าข้อมูลที่บันทึกไว้ข้างต้นมีความชัดเจนและมีรายละเอียดมากกว่าที่ม่อหลงได้มาอีก ท้ายที่สุดแล้วข้อมูลเหล่านี้ก็ถูกรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า ส่วนชิงเฟิงเพียงแค่เหลือบมองมันอย่างลวกๆ แล้วหัวหน้าหนีไปเพราะเขาไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้จริงๆ
เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้พูดและเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ มีเสียงเคาะประตูสามครั้งช้าๆ และสองครั้งเร็วๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาณลับขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงเฟิงก็เดินไปเปิดประตูและพบเฟิงหลานกับหลี่เหว่ยและดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีข้อมูลและข่าวมาด้วย
.