ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 934 โชคชะตา (1)
ตอนที่ 934 โชคชะตา (1)
เย่เชียนไม่สนใจที่จะมีส่วนร่วมในการเมืองเลยเพราะตัวตนของเขาไม่เหมาะกับข้อจำกัดมากมายและตอนนี้เขาก็อยากเป็นอิสระและไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเบื้องบนและคนเฒ่าคนแก่เหล่านี้ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณเข้าไปพัวพันกับการเมือง คุณจะถูกจำกัดอย่างมาก
นอกจากนี้เย่เชียนก็ไม่ชอบทำอะไรให้ยุ่งยากและปวดหัวเช่นกัน ดังนั้นเขาจะไม่เข้าประชุมอยู่ทั้งวันและพูดคุยเรื่องปวดหัวเช่นนั้น แน่นอนว่าเย่เชียนเข้าใจความหมายในสิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดดีเพราะเขาเพียงต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อยับยั้งเย่เชียนไม่ให้ทำอะไรร้ายแรงจนเกินไปแต่เย่เชียนจะไม่โง่พอและตกหลุมพรางของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่ได้ขุ่นเคืองหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพราะเขาทำแบบนี้จากมุมมองอื่นเพราะท้ายที่สุดพลังที่เย่เชียนมีอยู่ตอนนี้ก็น่ากลัวสำหรับรัฐบาลจีนเช่นกัน เพราะเมื่อเย่เชียนโกรธจริงๆ มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศจีนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่เคยคิดจะทำสิ่งนี้เพราะประเทศจีนเป็นบ้านเกิดของเขาและความรักชาติที่เข้มแข็งของเขาก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเย่เชียน ตราบใดที่ประเทศนี้ไม่ใจร้ายและบีบคั้นให้เขาทำแบบนั้นเย่เชียนก็จะไม่มีวันขัดแย้งกับประเทศจีนอย่างแน่นอน
การต่อสู้กับประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้นั้นยากกว่าครั้งก่อนเพราะมีทั้งสมาคมมังกรดำและแก๊งยากูซ่าสามยักษ์ใหญ่อีกทั้งยังมีสำนักนินจาอิงะและตระกูลนินจาฟูมะกับองค์กรชาโด้ซากุระอีก ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับพลังมหาศาลดังกล่าวได้โดยใช้พลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้มีแก๊งฝูงชิงคอยสนับสนุนแต่ตอนนี้แก๊งฝูชิงถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงมีข้อจำกัดอย่างมากในครั้งนี้
ซึ่งเย่เชียนค่อนข้างสนใจคำแนะนำของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็เข้าใจความหมายของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเช่นกันเพราะเขาแค่หวังว่าเย่เชียนจะช่วยสนับสนุนฮาเซงาวะเซตะผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออนาคตของจีน อย่างไรก็ตามในมุมมองของเย่เชียนถ้าเขาวางแผนเป็นอย่างดีล่ะก็ฮาเซงาวะเซตะอาจช่วยเขาได้มากในอนาคต
เนื่องจากตกลงกับหยานตงเอาไว้ดังนั้นสถานการณ์ที่จีนจึงเสถียรชั่วคราว ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพราะลัทธิมารจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าจะถึงเวลาและเย่เชียนก็เชื่อในตัวของหยานตง เมื่อพูดถึงหยานตงแล้วเขาก็เหมาะสมกับการเป็นผู้นำอย่างมากเพราะเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาพูดได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันเป็นเรื่องของประเทศเพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ในตอนนี้การดวลระหว่างเย่เชียนกับไป๋ฮวยนั้นถูกพักเอาไว้ชั่วคราวเนื่องจากต้องจัดการเรื่องที่ประเทศญี่ปุ่นก่อน
คราวนี้เย่เชียนตั้งใจที่จะสร้างผลงานครั้งใหญ่ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อนดังนั้นเย่เชียนจึงติดต่อไปหาคลูลอฟส์อังเดรกับไอซอลเดแฮมป์ตันของนีโอมิลิทารี่และบอกพวกเขาสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้และขอให้พวกเขาส่งคนมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อปฏิบัติการตามแผนของพวกเขาเองในการทำให้ประเทศญี่ปุ่นวุ่นวายครั้งใหญ่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ประชาชนชาวญี่ปุ่นจะสูญเสียความมั่นใจในนาโอกิอิชิอิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์กับฮาเซงาวะเซตะอย่างมาก
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นได้ติดต่อสมาชิกสำนักม่อจื๊อที่ประเทศญี่ปุ่นหมดแล้ว ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดและให้พวกเขาจุดไฟในความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ตราบใดที่สามารถปลุกระดมความไม่พอใจอย่างมากของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ล่ะก็นาโอกิอิชิอิจะต้องลำบากมากอย่างแน่นอน เขาในฐานะอดีตทหารแล้วจึงมีความภาคภูมิใจในชาติและในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นประเทศญี่ปุ่นได้พ่ายแพ้ให้กับสหรัฐอเมริกาดังนั้นนาโอกิอิชิอิจึงมีความเกลียดชังอยู่ลึกๆ ในใจ
แม้ว่าแขนของเย่เชียนจะไม่เป็นอะไรแต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงได้ในขณะนี้ ดังนั้นสิ่งที่เย่เชียนทำได้คือพาผู้หญิงของเขาไปหาแม่ของเขาแต่น่าเสียดายที่หลินโรวโร่วยังไม่ได้กลับมาจากยูนนาน ส่วนจ้าวหยาก็ยุ่งกับเดอะมัวร์กรุ๊ปในไต้หวัน ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงหูวเค่อและฉินหยูเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนักดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เลือกขึ้นเครื่องบินแต่ขึ้นรถไฟแทนและถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ความสนุกในการเดินทางและสัมผัสความสุขและบรรยากาศในการเดินทางไปในตัว ขึ้นเครื่องบินนั้นเร็วกว่าแต่ก็ให้บรรยากาศและความสนุกน้อยกว่า ตัวอย่างเช่นการใช้เวลานานๆ บนรถไฟนั้นผู้ชายจะสามารถแสดงความอ่อนโยนในการดูแลผู้หญิงมากขึ้นซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงความรัก
จากเมืองปักกิ่งไปเมืองเซี่ยงไฮ้ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงและเขาจะออกเดินทางตอน 9 โมงเช้าวันพรุ่งนี้
สำหรับหลี่เหว่ยแล้วเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหนีจากการหลอกหลอนของซือจื้อและในที่สุดเธอก็ปล่อยเขาไปเพราะ CIA ของสหรัฐอเมริกาเรียกตัวเธอกลับสำนักงานใหญ่อย่างเร่งด่วนและเธอก็ต้องฟังคำสั่งเพราะท้ายที่สุดตัวตนปัจจุบันของเธอคือสายลับสองหน้าและเธอก็ต้องช่วยสำนักความมั่นคงแห่งชาติจีนในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดัดแปลงพันธุกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกาดังนั้นเธอจึงไม่สามารถรอช้าได้
ถึงแม้ว่าเฟิงหลานจะไม่มีคำสั่งพิเศษแต่เขาก็ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ดังนั้นเขาจึงต้องจัดเตรียมแผนการและลู่ทางต่างๆ ในปฏิบัติการที่ญี่ปุ่น ท้ายที่สุดแล้วสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งและห้ามมีผิดพลาดแม้แต่น้อยไม่เช่นนั้นเขี้ยวหมาป่าจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์และพังทลายในที่สุด
เช้าวันต่อมาเวลา 9 โมงเช้าเย่เชียนกับหูวเค่อก็ขึ้นรถไฟจากเมืองปักกิ่งไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้และจองห้องนอนที่มีเตียงนอนนุ่มๆ สี่เตียงสองชั้น รถไฟนั้นเป็นการเดินทางของเหล่าเด็กๆ และเย่เชียนก็ไม่เคยคิดที่จะมีความหลงใหลในรถไฟเหล่านี้เลย เว้นแต่ว่าจะมีหูวเค่ออยู่ข้างๆ
เมื่อเย่เชียนและหูวเค่อเข้าไปในห้องส่วนตัวก็มีคนอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามและพวกเธอก็เป็นหญิงสาวสองคนหน้าตาดีแต่มีสีหน้าที่ดูรังเกียจและดูถูกเหยียดหยามอย่างชัดเจน
เมื่อพวกเธอเห็นเย่เชียนเข้ามาหญิงสาวทั้งสองก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดชั่วขณะหนึ่งด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวเพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเย่เชียนดูน่ากลัวสำหรับทั้งสองคน แต่ดวงตาของทุกคนเมื่อมองไปที่หูวเค่อก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พวกเธอนึกถึงก็คือเรื่องราวเบื้องหลังของชายผู้นี้และแน่นอนสาวๆ เหล่านี้ไม่เข้าใจเรื่องนี้
เมื่อพวกเขาเห็นหูวเค่อเข้ามาหญิงสาวทั้งสองก็โล่งใจเพราะพวกเธอกลัวว่าจะมีคนรุ่นลุงตามเย่เชียนเข้ามาแต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกันและดูเหมือนว่าเธอเป็นแฟนของเย่เชียนพวกเธอก็โล่งใจมาก อย่างน้อยๆ ก็รับประกันความปลอดภัยของพวกเธอได้และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
เย่เชียนเห็นการแสดงออกทั้งหมดของพวกเธอโดยธรรมชาติแต่เขาก็ยิ้มอย่างเฉยเมยและเพิกเฉยต่อพวกเธอเพราะดูจากรูปลักษณ์แล้วหญิงสาวเหล่านี้น่าจะยังเป็นนักศึกษาอยู่และในสายตาของเย่เชียนพวกเธอยังเป็นแค่เด็กที่ไม่เคยพบกับความยากลำบากและพวกเธอก็เป็นเด็กที่นิสัยเสียเพราะผู้ใหญ่สั่งสอนมาผิดๆ
เมื่อเย่เชียนเข้ามาเขาก็ได้ยินเสียงพึมพำของหญิงสาวทั้งสองคนอย่างชัดเจน “พี่ซือฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราควรจะนั่งเครื่องบินแทนรถไฟ..ดูสิว่าลุงคนนี้น่ากลัวแค่ไหน..ถ้าเขา..”
“เขาจะทำไม..นอกจากไอ้หมอนั่นแล้วใครจะมาสนใจเธอ..ยัยเพี้ยน” หญิงสาวที่ชื่อซือพูด
“สวัสดี..ฉันชื่อหูวเค่อ..นี่คือแฟนของฉันเย่เชียน” หูวเค่อทักทายทั้งสองสาวอย่างใจดี
สองสาวก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งและหญิงสาวที่ชื่อซือก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีค่ะฉันชื่อหลี่ซือ..ส่วนนี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉันหูจ้าวเจียว” ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสยะยิ้มแต่ดวงตาของเธอก็ชัดเจนว่าเธอยังคงระมัดระวังเย่เชียนอยู่ ส่วนเย่เชียนก็ยิ้มอย่างเฉยเมยและไม่ได้พูดอะไรใดๆ
จากนั้นหูวเค่อก็หันไปมองเย่เชียนเพราะเธอต้องการให้เขาทักทายพวกเธอแต่เย่เชียนหันหน้าหนีไปและเดินไปทำความสะอาดเตียงแทนจนหูวเค่ออดไม่ได้ที่จะมองดูเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่เย่เชียนคงจะสร้างปัญหาไปแล้วใช่มั้ย? จากนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเธอจะไปเซี่ยงไฮ้อย่างงั้นหรอ..พวกเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ใช่มั้ย? ..ว่าแต่ตอนนี้ปิดเทอมอยู่แล้วมาทำอะไรกันที่เซี่ยงไฮ้?”
โดยปกติแล้วหูวเค่อไม่ใช่คนซุบซิบและช่างพูดแบบนั้นแต่เธอก็คิดว่าการใช้เวลาอยู่บนรถไฟถึง 11 ชั่วโมงบางทีเธออาจจะต้องทำความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมทางเอาไว้เพื่อให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าทั้งสองสาวมีท่าทีที่ประหม่า
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คุณกำลังทำอะไร..คุณจะขอทะเบียนบ้านพวกเธอมาตรวจด้วยเลยมั้ย? ..อย่าทำให้สาวๆ ตกใจสิ”
หูวเค่อก็ถึงกับผงะและเหลือบมองทั้งสองสาวแล้วยิ้มอย่างขอโทษพร้อมพูดว่า “ฉันขอโทษ..คือฉันพูดไม่ค่อยเก่งน่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลี่ซือพูด “พวกเรามาเที่ยวกันเฉยๆ ..การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นไม่มีอะไรดีเลย..การอ่านหนังสือเป็นพันๆ เล่มยังแย่กว่าการเดินทางหลายพันไมล์อีก”
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะพูดออกมาเช่นนั้นแต่ในความคิดของเย่เชียนมันไม่ใช่แบบนั้นเลยเพราะสองสาวนี้คงมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่เย่เชียนต้องรู้ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องถามต่อ
หูวเค่อก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะรถไฟได้เริ่มออกจากสถานีแล้วและหลังจากจัดเตียงแล้วหูวเค่อก็ขึ้นไปที่ชั้นบนและนั่งลง ความคิดเดิมของเย่เชียนคือการให้หูวเค่อมานอนกับเขาเพราะบางทีเขาอาจพบความตื่นเต้นบางอย่างแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวอย่างขมขื่น
.