ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 921 ใครคือผู้บงการเบื้องหลัง
ตอนที่ 921 ใครคือผู้บงการเบื้องหลัง?
ลัทธิม่อจื๊อนั้นมีประวัติยาวนานที่สุดในบรรดาโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณและมีมานานหลายพันปีแล้ว ในอดีตนั้นลัทธิม่อจื๊อมีอำนาจมากที่สุดในประเทศจีน หลังจากเผชิญหน้ากับราชวงศ์มากมายหลายยุคสมัยแต่ลัทธิม่อจื๊อก็ยังคงยืนหยัดได้จนทุกวันนี้และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความสามารถของลัทธิม่อจื๊อ แต่ทว่าเหตุการณ์เมื่อสองสามทศวรรษก่อนทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างสาวกฝ่ายธรรมะและสาวกฝ่ายอธรรมจนสาวกฝ่ายธรรมะได้ถอนตัวจากลัทธิม่อจื๊อไปและทำให้พลังของลัทธิม่อจื๊ออ่อนแอลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครในอีกสี่สำนักและในแปดตระกูลหลักที่กล้าท้าทายลัทธิม่อจื๊อเลย
ลัทธิม่อจื๊อนั้นแบ่งออกเป็นฝ่ายธรรมะและอธรรมและแบ่งตามวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนและดำเนินการต่างๆ และยังแบ่งออกเป็นสามประเภท สาวกดวงแห่งอาทิตย์,สาวกแห่งดวงจันทร์และสาวกแห่งดวงดาวซึ่งแบ่งตามตำราศิลปะการต่อสู้ของพวกเขา ซึ่งสาวกแห่งดวงอาทิตย์นั้นเน้นให้ความสำคัญที่การตั้งรับด้วยการโจมตี ส่วนสาวกแห่งดวงจันทร์นั้นเน้นให้ความสำคัญกับการรุกแทนการป้องกันและสาวกแห่งดวงดาวนั้นเน้นทั้งตั้งรับและโจมตีสวนกลับ แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าใครจะแข็งแกร่งกว่าแต่นั่นหมายความว่าพวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่เหล่าสาวกของฝ่ายธรรมะนั้นมีพลังอันมหาศาลแต่เนื่องจากทัศนคติของพวกเขาที่ไม่ค่อยชอบการต่อสู้เพื่ออำนาจไม่เช่นนั้นสาวกฝ่ายอธรรมก็คงจะไม่มีอำนาจจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเหตุผลที่สาวกฝ่ายอธรรมครอบครองลัทธิม่อจื๊อได้นั้นเนื่องจากสาวกส่วนใหญ่ของฝ่ายธรรมะไม่เต็มใจที่จะต่อสู้และเข่นฆ่ากันเองจนต้องถอนตัวออกจากสำนักไป ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่สาวกฝ่ายอธรรมไม่กล้าที่จะเปิดสงครามกับสาวกฝ่ายธรรมะอีกเพราะลึกๆ แล้วพวกเขายังคงกลัวพลังของสาวกฝ่ายธรรมะอยู่
เรื่องที่ม่อหลงพูดนั้นทำให้เย่เชียนประหลาดใจอย่างมากเพราะถ้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยแผนการของลัทธิม่อจื๊อล่ะก็จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร? หรือแค่ต้องการใช้พลังของประเทศญี่ปุ่นเพื่อรวมโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณเข้าด้วยกัน? เห็นได้ชัดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเพราะถ้าลัทธิม่อจื๊อสามารถรวมพลังของประเทศญี่ปุ่นได้แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องทำอย่างนั้น? นอกจากนี้เย่เชียนยังเชื่อว่าลัทธิม่อจื๊อในปัจจุบันไม่ควรจะมีความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนี้อย่างแน่นอน
บางทีข่าวของม่อหลงอาจจะผิดแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนี่ก็เป็นข่าวที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้และถ้าหากสามารถพิสูจน์ได้ว่าลัทธิม่อจื๊อนั้นดำเนินการเรื่องทั้งหมดนี้จริงๆ เย่เชียนก็สามารถใช้พลังของสำนักและตระกูลหลักในโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณทั้งหมดในประเทศจีนเพื่อจัดการกับลัทธิม่อจื๊อได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งจะช่วยเขาได้มาก
พลังของสำนักม่อจื๊อนั้นซับซ้อนเกินไปและสิ่งที่สาวกทั้งหมดทุกฝ่ายทำนั้นก็ทำให้เย่เชียนปวดหัวอย่าวมาก บางทีสาวกฝ่ายธรรมะที่ถอนตัวออกไปจากลัทธิม่อจื๊อนั้นอาจจะไม่พึงพอใจกับการกระทำเช่นนี้ใช่ไหม?
เมื่อทั้งสามคนกำลังจะจากไปพวกเขาก็เห็นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเดินออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและหงุดหงิด ซึ่งเมื่อเห็นการแสดงออกของเขาเย่เชียนรู้สึกขบขันเล็กน้อยและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงอยู่เสมอกลับกลายเป็นเหมือนวัยรุ่นที่โง่เขลาในเรื่องรักใคร่อย่างมาก
“มีอะไรเหรอ?” เย่เชียนถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร..ฉันคิดว่าเธอคงหมดประจำเดือนแล้วจริงๆ เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลยและฉันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเลย..หยานตงมีดีอะไรและทำไมเธอถึงปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนโกรธราวกับว่าเขามีปัญหากับแฟนสาวของเขา
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มอย่างหมดหนทางว่า “ปู่!..เท่าที่ผมเห็นน่ะผมคิดว่าอาจารย์ฮัวนั้นรักคุณและความรู้สึกของท่านที่มีต่ออาจารย์หยานก็เป็นแบบเพื่อนเท่านั้น..ยิ่งห้ามเท่าไหร่ก็ยิ่งทะเลาะกับเธอในเรื่องนี้และคุณก็ห้ามใจตัวเองและเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้หรอก..มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอการที่ผู้หญิงแสดงความรู้สึกออกมาถึงขนาดนี้แต่คุณยังสร้างปัญหามาหลายปีและนอกจากนี้ผมคิดว่าถึงแม้ว่าอาจารย์หยานจะรักอาจารย์ฮัวก็ตามแต่ในใจของเขาลัทธิมารของเขานั้นสำคัญกว่าความรักเพราะงั้นคุณสามารถวางใจได้”
“ใช่!..ผมเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้และจากมุมมองของผมตราบใดที่คุณยอมเธอและปรับทัศนคติใหม่ผมรับรองได้ว่าคุณจะสามารถอยู่กับเธอได้..แต่ถ้าหากคุณทำอย่างนี้ต่อไปมันจะทำให้คุณและเธอห่างเหินกันมากกว่าเดิมเท่านั้น” หลี่เหว่ยกลั้นรอยยิ้มในใจแล้วพูด
“จริงเหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามอย่างหมดหวัง
“จริงสิ” หลี่เหว่ยตบไหล่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อคนอื่นแต่คุณต้องเชื่อใจผมเพราะผมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านความสัมพันธ์และความรัก..เพราะงั้นผมจะสอนวิธีที่ดีให้..คุณแค่เข้าไปหาเธอแล้วคุยกับเธออย่างอ่อนโยนและถ้าเธอไม่ฟังคุณก็แค่โอบกอดเธอให้แน่น..ผมรับรองได้เลยว่าเธอจะอ่อนไหวและนอกจากนี้การทำแบบนั้นยังทำให้หยานตงอิจฉาคุณอีกด้วย”
เมื่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนึกถึงความหมกมุ่นและความรักที่ซือจื้อมีให้กับหลี่เหว่ยแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อคำพูดของหลี่เหว่ยและพยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วพูดว่า “สิ่งที่เอ็งพูดนั้นก็สมเหตุสมผลดี..ใช่!..หยานตงจะต้องอิจฉาฉันและนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องทำ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนและเฟิงหลานก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เพราะดูเหมือนว่าไม่ว่าคนเราจะอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็มักจะสูญเสียตัวตนเมื่อต้องเผชิญกับความรัก แต่ทว่าเขาเชื่อคำพูดของหลี่เหว่ยจริงๆ งั้นเหรอ?
“เอาล่ะ..มาคุยเรื่องจริงจังกันดีกว่าเพราะเมื่อครู่นี้ผมโทรไปหาม่อหลงและเขาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องสำคัญบางอย่างและผมคิดว่ามันจำเป็นต้องถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้” เย่เชียนพูด
“เกิดอะไรขึ้น? ..เจอตัวชิงเฟิงแล้วเหรอ?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถาม
“นั่นก็ใช่..ชิงเฟิงและคนอื่นๆ ได้รับการช่วยเหลือจากไป๋ฮวยและกำลังเดินทางกลับ..แต่เรื่องที่ผมจะถามคือเรื่องอื่น” เย่เชียนพูด
“หืมเจ้าหมาป่าผีนั่นมีความสามารถมากจริงๆ ..ถ้าเขารับใช้ประเทศชาติได้ล่ะก็เขาจะเป็นเสาหลักและกำลังสำคัญของประเทศอย่างแน่นอน” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างจริงใจและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้ดีว่าเมื่อเทียบกับเย่เชียนแล้วไป๋ฮวยนั้นเหมาะสมกว่าสำหรับการรับใช้ชาติเพราะแม้ว่าไป๋ฮวยจะโหดร้ายแต่เขาก็มีเหตุผลและใจเย็นไม่บ้าบิ่นเหมือนเย่เชียน
ถ้ามันสามารถเป็นอย่างที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดได้จริงๆ ที่ว่าถ้าหากไป๋ฮวยรับใช้รัฐบาลได้ล่ะก็สิ่งต่างๆ คงจะยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่เย่เชียนก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยากและเป็นไปไม่ได้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “ม่อหลงเพิ่งโทรมาและบอกว่าเรื่องต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเกี่ยวข้องกับคนจีนและคนจีนที่ว่าก็เกี่ยวข้องกับลัทธิม่อจื๊อด้วย..ผมจึงคิดว่าคนๆนั้นคือตู้ฟู่เหว่ยหรือเปล่า?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยกน็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วเงียบครู่หนึ่งจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “เท่าที่ฉันรู้เกี่ยวกับตู้ฟู่เหว่ยนั้นมันไม่ควรจะเป็นไปได้ที่เขาจะทำเช่นนี้..ในสมัยก่อนพ่อแม่ของทั้งสองถูกพวกญี่ปุ่นฆ่าในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและพวกเขาทั้งหมดก็เป็นวีรบุรุษของสงครามต่อต้านญี่ปุ่น..ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้นและฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะข่าวของม่อหลงผิด”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันแต่ผมก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมตู้ฟู่เหว่ยถึงทำแบบนี้..ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือเราต้องระวังให้ดีเพราะถ้าคนในลัทธิม่อจื๊ออยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้จริงๆ แล้วพวกนั้นรู้ว่าม่อหลงคือผู้สืบทอดล่ะก็ม่อหลงจะเป็นอันตรายอย่างมาก” เย่เชียนพูด “ปู่!..ผมคิดว่ามันยังไม่สายเกินไปหรอกนะหลังจากที่เกิดสงครามระหว่างสาวกฝ่ายธรรมะและอธรรมเพราะงั้นทำไมปู่ถึงไม่ติดต่อสาวกฝ่ายธรรมะล่ะ? ..ตอนนี้บางทีพวกเขาอาจจะช่วยม่อหลงได้”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ใช่!..มันคงถึงเวลาแล้วในเมื่อผู้สืบทอดปรากฏตัวออกมาแล้วสาวกฝ่ายธรรมะอย่างเราก็ไม่ควรที่จะนิ่งดูดาย!..ถึงเวลาทำเพื่อสำนักของเราบ้างแล้ว..เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะไปติดต่อเหล่าสาวกฝ่ายธรรมะในภายหลัง..แต่ว่าหลายปีมานี้สาวกหลายคนก็ขาดการติดต่อไปและฉันก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อพวกเขาทั้งหมดได้หรือเปล่านี่สิ”
“ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย!” เย่เชียนพูด
หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พูดต่อ “เอาเถอะพวกเอ็งรีบไปที่บริษัททะเลสี่ทิศก่อนเดี๋ยวฉันจะให้คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไปสมทบและจัดการพวกนินจาญี่ปุ่นเหล่านั้น..ดูเหมือนว่าฉันต้องโทรหาตาแก่หม่าให้เขาระดมหน่วยพิทักษ์มังกรมากวาดล้างไอ้พวกนินจาที่โจมตีสำนักหยุนหยานเหมินเมื่อคืนนี้..ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าพวกมันไปกบดานอยู่ที่ไหน”
“งั้นก็แยกย้ายกันไปแล้วค่อยประสานงานกัน” เย่เชียนพูด “ชางกวนเจ้อนั้นไม่ธรรมดา..ถ้าเขาโอนหุ้นและเงินทุนทั้งหมดของบริษัทไปก่อนล่ะก็ผมจะพลาดเงินมากมายไปโดยเปล่าประโยชน์”
“เท่าที่ฉันรู้จักเอ็งมาเห็นได้ชัดว่าเอ็งมั่นใจและเอ็งคงจะไม่ทำธุรกิจโดยขาดทุนเด็ดขาด..เอาล่ะรีบไปซะ!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดพร้อมกับโบกมือของเขาราวกับใจร้อน
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะดูเหมือนว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอยากจะใช้วิธีที่หลี่เหว่ยแนะนำจนทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งเย่เชียนก็ทำได้แค่ภาวนาให้เขาเท่านั้นไม่ให้เขาโดนฮัวหยาซินตบ แต่ทว่าวิธีการของหลี่เหว่ยนั้นได้ผลจริงๆ เมื่อต้องรับมือกับผู้หญิงหลายๆ คน แต่นั่นก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคนเพราะถ้าหากใช้อย่างผิดเวลาและสถานการณ์ล่ะก็หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะต้องตายอย่างน่าอนาถใช่ไหม? แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้หยุดเขาและมองดูเขาอย่างเห็นอกเห็นใจจากนั้นเย่เชียนก็ส่งสัญญาณให้หลี่เหว่ยและเฟิงหลานแล้วขึ้นรถไป
หลังจากสตาร์ทรถแล้วพวกเขาก็ตรงไปที่บริษัททะเลสี่ทิศ อย่างไรก็ตามเย่เชียนได้โทรศัพท์ไปยังทีมที่ปรึกษากฎหมายประจำบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในสาขาปักกิ่งและขอให้พวกเขารีบไปที่บริษัททะเลสี่ทิศทันทีเพราะการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นครั้งใหญ่ของบริษัทจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องได้รับการยอมรับทางกฎหมายเสียก่อน แต่เย่เชียนไม่เก่งในด้านนี้และแน่นอนว่าทีมที่ปรึกษากฎหมายของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปควรจะทำแทน
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็มาถึงล็อบบี้ของบริษัททะเลสี่ทิศและจากระยะไกลเขาเห็นชางกวนเจ้อเดินเข้ามาและล้อมรอบไปด้วยลูกน้องของเขา
.