ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 920 วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ 920 วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
ลัทธิมารนั้นต้องการขยายอำนาจและพลังมายังเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆของประเทศจีนมานานหลายปีแล้วและบางทีพวกเขาอาจมีความทะเยอทะยานมาก่อนแต่หลังจากวันเวลาผ่านไปความทะเยอทะยานของพวกเขาก็เกือบจะดับลงและที่เหลือก็เป็นเพียงเจตจำนงเท่านั้น ซึ่งหยานตงผู้นำคนปัจจุบันของลัทธิมารต้องการเติมเต็มความปรารถนาของบรรพบุรุษที่เคยมีมาก่อนให้สำเร็จลุล่วง
ในก้นบึ้งหัวใจของหยานตงนั้นเขาเป็นคนที่มีเหตุผลเสมอดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูหรือกองกำลังต่างแดนแล้วเขาก็สามารถโยนทุกอย่างทิ้งไปและต่อต้านศัตรูจากต่างแดนได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะละทิ้งแผนการของเขาด้วยเหตุนี้และพูดตามตรงในใจของหยานตงนั้นเขาไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองหลวงนักเพราะเขาอาศั
ตอนที่ 920 วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
ยอยู่ในทิศตะวันตกของประเทศจีนมาเนิ่นนานและชอบชีวิตอิสระมากกว่า อย่างไรก็ตามการเข้าสู่เมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆของประเทศจีนนั้นเป็นภารกิจของบรรพบุรุษลัทธิมารมานานหลายปีแล้วและหยานตงก็ต้องสานต่อเจตจำนงนั้นโดยธรรมชาติ ดังนั้นในหัวใจของหยานตงจริงๆแล้วมันขัดแย้งกันมากไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ทำการเดิมพันกับเย่เชียนอย่างแน่นอน
หยานตงนั้นหวังจะได้ดูการต่อสู้ระหว่างหมาป่าผีไป๋ฮวยกับราชาหมาป่าเย่เชียนและยังหวังที่จะใช้การเดิมพันครั้งนี้เป็นตัวชี้วัดการตัดสินใจและความคิดของเขาด้วย ซึ่งถ้าหากเย่เชียนชนะเขาก็จะสามารถละทิ้งความคิดที่จะขยายอำนาจสู่เมืองหลวงได้อย่างสมบูรณ์แบบและเขาจะไม่ได้ต้องมาคอยกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาอีก
เมื่อได้ยินคำพูดของหยานตงแล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ในเมื่ออาจารย์หยานพูดแบบนั้นผมก็โล่งใจ” จากนั้นเขาก็หันไปมองหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและพูดว่า “ปู่!..หลังจากหลายปีมานี้ผมบอกตามตรงว่าผมมองปู่เป็นมิตรสหายที่ดีในใจมาเสมอและถึงแม้ว่าผมจะอาจคัดค้านสิ่งที่คุณพูดอยู่ตั้งหลายครั้งแต่ผมก็นำคำพูดเหล่านั้นมาคิดและไตร่ตรองอยู่เสมอ..เพราะงั้นได้โปรดฟังผมสักครั้งเถอะ..ผมรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับอาจารย์หยานอย่างแน่นอน”
“ตาแก่นี่ไม่ฟังใครหรอกเพราะงั้นเอ็งอย่าไปสนใจเขาเลย” หยานตงกลอกตาไปมาและพูด
คนอย่างหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? เขาและหยานตงรู้จักกันมานานกว่าเย่เชียนและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับหยานตงนั้นลึกซึ้งกว่าเย่เชียนอย่างมาก แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยานตงและมันก็เป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความโกรธเท่านั้นเพราะเมื่อเขาเห็นหยานตงเขาเพียงแค่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างหยานตงกับฮัวหยาซินก็เท่านั้นเองดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงมีความเกลียดชังบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “หลังจากเรื่องนี้จบลงหยานตงแกกับฉันจะมาต้องมาดวลกัน!..ถ้าใครชนะก็จะได้ซินเอ๋อร์ไป” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
หยานตงก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “แกคิดยังไงกับซินเอ๋อร์กันแน่?..ซินเอ๋อร์ไม่ใช่สิ่งของเพราะงั้นฉันจะไม่ดวลกับแก!”
“ไม่!..เราต้องมาสู้กัน!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างหนักแน่น
“ทำไมแกถึงไม่ยอมฟังใครบ้างเลย?..ทำไมเราสองคนต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย” หยานตงพูด
“หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคุณคิดยังไงกับฉัน?” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฮัวหยาซินเดินออกมาพร้อมกับหูวเค่อที่ช่วยพยุงเธอเอาไว้และได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจนในหูของเธอและก็มองไปที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนด้วยความผิดหวังและโกรธเคือง “ผ่านมาหลายปีแล้วแต่คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ..ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหยานตงเลยตอนที่เราเลิกกัน..หยานตงก็แค่ชอบฉันและอย่างน้อยๆเขาก็รู้วิธีให้เกียรติฉันและไม่มองฉันเป็นสิ่งของและเอามาเดิมพันแบบนี้..แต่คุณล่ะ?..คุณรักฉันจริงๆหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะเห็นได้ชัดว่าฮัวหยาซินนั้นรักหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาโดยตลอดแต่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคนนี้ไม่รู้อะไรและยังดื้อรั้นมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นสถานการณ์คงจะไม่เป็นแบบนี้ ส่วนหลี่เหว่ยก็ขดริมฝีปากเล็กน้อยและแสยะยิ้มเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวที่ได้เห็นผู้คนที่อายุมากกว่าห้าสิบปีพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพูดอย่างเร่งรีบว่า “ไม่ซินเอ๋อร์ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น..เธอรู้มั้ยว่าฉันรักเธอมากแค่ไหนและตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันก็รักเธออย่างสุดซึ้งและมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
เมื่อได้ยินหวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดความในใจฮัวหยาซินก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวแต่เธอก็ยังคงพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณรักฉันงั้นเหรอ?..นี่คือวิธีการแสดงความรักของคุณอย่างงั้นเหรอ..ถ้าคุณรักฉันจริงทำไมต้องเอาฉันไปเดิมพันด้วย?”
ในตอนนี้เย่เชียนนั้นเริ่มทนไม่ไหวแล้วเพราะพวกเขาต่างพากันพูดถึงความรักดังนั้นเขาจึงไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ต่อเขาจึงพยักหน้าให้เฟิงหลานและหลี่เหว่ยจากนั้นทั้งสามก็เดินออกไปอย่างเงียบๆและก่อนจากไปเย่เชียนเพียงแค่มองหูวเค่อเพื่อบอกให้เธอคอยดูแลอาจารย์ของเธอให้ดีและระวังตัวให้มากกว่าเดิม
“โอ้พระเจ้าผมเกือบกลั้นหัวเราะไม่ไหว..ผมไม่คิดเลยว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนคนนี้จะเป็นคนตลกจริงๆเขามองไม่เห็นความจริงหรือยังไง..ผมล่ะเป็นห่วงเขาจริงๆ” หลี่เหว่ยเดินออกจากห้องมาแล้วพูด
“นี่เรียกว่ารักแท้และคู่ครอง” เฟิงหลานพูด “ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนนายนะนายมันเจ้าชู้และไม่รู้จักพอ”
“บัดซบจริงๆ..อย่ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าผมนะ..ถ้าพี่มีความสามารถมากพอแล้วทำไมพี่ถึงยังไม่มีผู้หญิงเลยล่ะ?..พี่เองก็คงจะไร้น้ำยาสินะถึงยังไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่กับพี่” หลี่เหว่ยพูดอย่างเย้ยหยัน
“นายคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนนายงั้นเหรอ..ฉันไม่ใช่นายนะที่คิดว่าตราบใดที่มันเป็นสัตว์เพศเมียนายก็จะทำอะไรก็ได้” เฟิงหลานโต้กลับ
“เอาล่ะๆ..หยุดพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้วเรารีบไปที่บริษัททะเลสี่ทิศกันเถอะ” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเหลือบมองทั้งสองคนแล้วเดินตรงไปหาทั้งสองแต่ในขณะนั้นจู่ๆโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้นและเขาก็หยิบมันออกมาแล้วมองดูและพบว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
“ฉันช่วยชิงเฟิงกับนากาจิมะชินนะและเซี่ยจือยี่ได้แล้ว” ทันทีที่เชื่อมต่อโทรศัพท์เสียงของหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ดังเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม “แต่ตอนนี้พวกนั้นมันส่งคนมาเฝ้าติดตามอาคารผู้โดยสารและสนามบินเพราะงั้นอาจต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะกลับไปได้..แต่นายหมดห่วงได้เลยเดี๋ยวฉันจัดการที่เหลือต่อเอง”
เมื่อได้ยินว่าชิงเฟิงและคนอื่นๆปลอดภัยแล้วเย่เชียนก็ปล่อยหินในใจที่หนักอึ้งไปได้และเขาก็โล่งใจอย่างมากแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากพี่ไป๋..ผม…”
“เอาเถอะ!..ฉันจะวางสายแล้ว” ก่อนที่เย่เชียนจะพูดจบไป๋ฮวยก็วางสายไปจนเย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“บอส!..นั่นไป๋ฮวยเหรอ” เฟิงหลานก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วถาม
เย่เชียนพูดว่า “ไป๋ฮวยช่วยชิงเฟิงกับนากาจิมะชินนะและเซี่ยจือยี่ได้แล้ว..พวกเขาไม่เป็นไรและตอนนี้พวกเขาก็กำลังพยายามหาทางกลับมา”
“ไป๋ฮวยนี่เก่งจริงๆเพราะขนาดม่อหลงล่วงหน้าไปก่อนแต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆเลย..พูดตามตรงบางครั้งผมก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา” หลี่เหว่ยพูด
“ใช่!..เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกม่อหลงเพื่อไม่ให้เขาต้องกังวล” หลังจากเย่เชียนพูดจบเขาก็รีบโทรหาม่อหลงทันทีและหลังจากรอสายเพียงไม่นานม่อหลงก็รับสายแล้วพูดว่า “บอสฉันต้องขอโทษจริงๆเพราะตอนนี้ฉันยังไม่ได้ข่าวของชิงเฟิงเลย”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้ไป๋ฮวยพบพวกเขาแล้วทั้งชิงเฟิง..นากาจิมะชินนะและเซี่ยจือยี่และตอนนี้พวกเขาก็กำลังพยายามหาทางกลับมา”
ม่อหลงก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “บอสตอนนี้ฉันยังไม่สามารถกลับไปได้เพราะยังมีบางสิ่งที่ฉันต้องตรวจสอบอยู่”
“ตอนนี้ที่นั่นอันตรายมากและผมก็กังวลถ้าปล่อยให้พี่ต้องอยู่คนเดียว” เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็กลับมาก่อนแล้วรอเรื่องที่นี่จบลงแล้วไปแก้ไขมันด้วยกันเถอะ..ผมไม่สบายใจจริงๆถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่อีก”
ก่อนที่เย่เชียนจะพูดจบม่อหลงก็ขัดจังหวะเขาและพูดว่า “บอสฉันรู้ว่าบอสเป็นห่วงแต่มันยังมีเรื่องสำคัญมากที่ฉันต้องสืบค้นต่อ..ตอนนี้องค์กรขนาดใหญ่ได้รวมตัวกันแล้วและฉันได้ข้อมูลสำคัญมาว่ามันมีคนจีนอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้และพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องมากมายกับลัทธิม่อจื๊อ..ดังนั้นฉันจึงต้องหาความจริงให้เจอเพราะงั้นบอสไม่ต้องห่วงฉันไม่ใช่ชิงเฟิงฉันจะระมัดระวังตัวให้มากๆ”
“ลัทธิม่อจื๊อ?” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำสองสามคำและเขาก็รู้อารมณ์ของม่อหลงเป็นอย่างดีและเนื่องจากเป็นสิ่งที่ตัดสินใจแล้วจึงยากที่จะเปลี่ยนใจเขาได้ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะสามารถใช้ตัวตนของเขาเพื่อบังคับให้ม่อหลงกลับมาได้แต่เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเพราะในฐานะหัวหน้าแล้วสิ่งที่สำคัญกว่าคือการสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นเย่เชียนจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ก็ได้แต่พี่ต้องระวังให้มากและถ้ามีอะไรก็โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อ..เดี๋ยวผมจะถามหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในภายหลังเพื่อดูว่าเขาจะมีข้อมูลอะไรบ้างมั้ย”
หลังจากทักทายไม่กี่คำเขาก็วางสายไป จากนั้นเฟิงหลานก็ถามว่า “บอส!..ม่อหลงพูดว่าไงบ้างทำไมเขายังไม่กลับมาอีก?”
“เขาบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องสืบค้นอีกและคราวนี้องค์กรของประเทศญี่ปุ่นก็รวมกันได้สำเร็จและนั่นเป็นเพราะมีคนจีนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดด้วยและมันยังเกี่ยวข้องกับลัทธิม่อจื๊ออีก..ดังนั้นเขาจึงต้องการตรวจสอบอย่างชัดเจนเพื่อยืนยันสิ่งต่างๆ” เย่เชียนพูด
“เจ้าบ้าเอ๊ยมันอันตรายแค่ไหนที่เขาอยู่ที่นั่นคนเดียว..อย่างน้อยๆก็รอเรื่องที่นี่จบลงก่อนไม่ได้เหรือไง” เฟิงหลานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูด
“ผมคิดว่าม่อหลงไม่เป็นอะไรหรอก..อีกอย่างคนเหล่านั้นก็เป็นคนจีนและมาจากลัทธิม่อจื๊อด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นม่อหลงก็เป็นถึงผู้สืบทอดลัทธิม่อจื๊อเพราะงั้นใครจะกล้าแตะต้องเขาได้ยังไง?” หลี่เหว่ยพูด
“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง?” เย่เชียนจ้องมาที่เขาแล้วพูดว่า “ถ้าอีกฝ่ายเป็นสมาชิกลัทธิม่อจื๊อฝ่ายอธรรมล่ะ?..ถ้าเขารู้ตัวตนของม่อหลงแล้วมันจะเป็นยังไง..แบบนั้นสิ่งต่างๆคงแย่ยิ่งกว่าเดิม..ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับลัทธิม่อจื๊อเลยเพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆลัทธิม่อจื๊อก็ต้องเผชิญหน้ากับลัทธิมารด้วย”
“บอสผมไม่เข้าใจจริงๆว่าจุดประสงค์ของลัทธิม่อจื๊อคืออะไรกันแน่?” หลี่เหว่ยถาม