ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 917 ความวุ่นวาย
ตอนที่ 917 ความวุ่นวาย
ชางกวนเจ้อไม่เคยคิดที่จะขยายและพัฒนาบริษัททะเลสี่ทิศเลยเพราะความเกลียดชังของเขาที่มีต่อตระกูลชางกวนนั้นรุนแรงมากจนเขาต้องการทำลายทุกสิ่งที่เป็นของตระกูลชางกวนรวมไปถึงบริษัทด้วย หากเขาไม่กำจัดบริษัททะเลสี่ทิศล่ะก็คนอื่นๆก็จะบอกว่าเขาพึ่งพาบารมีของตระกูลชางกวนและเขาก็ไม่ต้องการทำสิ่งนี้ ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการคือโลกของเขาเองและดินแดนที่เป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นบริษัททะเลสี่ทิศจึงเป็นเพียงก้าวแรกสำหรับเขา
ชางกวนหยานยู่เริ่มประหม่าและสั่นไปทั้งตัวจากนั้นก็มองดูชางกวนเจ้ออย่างสั่นเทาแล้วพูดว่า “นายน้อยปล่อยผมไปเถอะปล่อยผมไป..ผมจะหาวิธีที่จะช่วยให้เอาหุ้นกลับคืนมาอย่างแน่นอน..นายน้อยอย่างได้บริษัททะเลสี่ทิศใช่มั้ยเพราะงั้นผมมีวิธีที่จะช่วยให้คุณเอาหุ้นกลับคืนมา”
“ไม่!..แกทำไม่ได้หรอก” ซางกวนเจ้อพูด “เนื่องจากแกไม่มีหุ้นของบริษัททะเลสี่ทิศเพราะงั้นการไว้ชีวิตแกก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป”
ชางกวนหยานยู่ถึงกับสั่นสะท้านและคุกเข่าลงอ้อนวอน “ไม่นะ..ได้โปรดให้เวลาผมหน่อย..ผมมั่นใจว่าจะนำหุ้นส่วนนั้นกลับมาได้อย่างแน่นอน..คุณต้องเชื่อใจผม”
“ถ้าเชื่อแกก็โง่แล้ว” ชางกวนเจ้อพูดอย่างดูถูกจากนั้นเขาก็หันไปมองที่ชางกวนอู๋เต๋อและพูดว่า “แกจะทำหรือให้ฉันทำ?”
“บาปทั้งหมดควรเป็นภาระของฉันคนเดียว..ในฐานะพ่อนั้นฉันยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อแกเลยและนี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะทำเพื่อแกได้..แกจะได้ไม่มีความผิดและถูกตั้งข้อหาในการฆ่าล้างบางครอบครัวของตัวเอง” ชางกวนอู๋เต๋อพูด เมื่อเสียงนั้นจบลงมีดในมือของชางกวนอู๋เต๋อก็เจาะเข้าในอกของชางกวนหยานยู่ในทันที ซึ่งนี่เป็นความอัปยศสำหรับเขาและมีเพียงการตายของชางกวน หยานยู่เท่านั้นที่สามารถชำระล้างสิ่งเหล่านี้ออกไปได้
เมื่อมองดูร่างของชางกวนหยานยู่ที่ค่อยๆล้มลงแล้วหัวใจของชางกวนอู๋เต๋อก็มีความเจ็บปวดที่เหลือทนเพราะถึงแม้ว่าชางกวนหยานยู่จะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของเขาเองแต่หลังจากที่อาศัยอยู่กับเขามานานกว่า 20 ปี ความรู้สึกผูกพันก็ยังคงไม่จางหาย ซึ่งชางกวนซินหยางเคยพูดเอาไว้ว่าชางกวนอู๋เต๋อนั้นใจดีเกินไปซึ่งไม่เหมือนเขาเลยและถ้าหากชางกวนอู๋เต๋อเป็นคนที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยมกว่านี้ล่ะก็ความสำเร็จของเขาจะยิ่งใหญ่กว่านี้มาก
จากนั้นชางกวนอู๋เต๋อก็หันไปมองชางกวนเจ้อและพูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะสอนอะไรให้แก..แต่ฉันหวังว่าแกจะจำสิ่งที่แกสัญญากับฉันได้..ไม่ว่าแกจะทำผิดแค่ไหนแต่แกห้ามทรยศตัวเองเป็นอันขาดไม่งั้นแกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต..ฉันรู้ว่าความสำเร็จในอนาคตของแกจะต้องสูงกว่าของฉันอย่างแน่นอนและฉันขอให้แกประสบความสำเร็จดั่งที่ตั้งใจเอาไว้”
“หืม..นี่แกกำลังทำอะไรอยู่?..แกกำลังแสดงละครดราม่าเหรอ?..แกไม่จำเป็นต้องเตือนฉันในสิ่งที่ฉันจะทำและแกก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเตือนฉัน!” ชางกวนเจ้อถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูด “เอาล่ะตอนนี้พวกมันก็ตายกันหมดแล้วถ้างั้นแกล่ะ?..แกต้องการให้ฉันเป็นคนลงมือหรือเปล่า?”
“ไม่!..ฉันบอกแล้วว่าฉันจะไม่ปล่อยให้แกรับผิดในการล้างบางในครั้งนี้” ทันทีที่เสียงของชางกวนอู๋เต๋อจบลงเขาก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่หน้าอกของตัวเองทันทีและดวงตาของชางกวนอู๋เต๋อก็เผยให้เห็นการแสดงออกที่ซับซ้อนของความสำนึกผิดและความรู้สึกผิดและความโล่งใจผสมกับความไม่สบายใจ “จำคำพูดของฉันเอาไว้ด้วยล่ะ!” เมื่อคำพูดของชางกวนอู๋เต๋อจบลงร่างกายของเขาก็ค่อยๆล้มลงไปกับพื้น
อย่างไรก็ตามชางกวนเจ้อก็ไม่ได้มองเขาและไม่สนใจเขาอีกเลย ซึ่งเขาเพียงหันไปมองลูกน้องแล้วพูดว่า “เอาร่างของพวกมันออกไปและฝังพวกมันซะ!” จากนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและพูดว่า “เย่เชียนแกคือรายต่อไป..หึ..เครือน่านฟ้ากรุ๊ปต้องเป็นของฉัน”
“บอสผมไม่ชอบที่ไอ้หมอนี่มันอวดดีเลน..ถ้าบอสไม่ห้ามผมเอาไว้ผมคงฆ่ามันไปแล้ว” หลี่เหว่ยพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาเถอะ..ปล่อยมันไปก่อน” เย่เชียนพูด “การแสดงดีๆจบลงแล้วเพราะงั้นพวกเราก็ควรกลับกันได้แล้ว..ฉันต้องรีบโทรไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพื่อถามเขาว่าเขามัวทำอะไรอยู่ทำไมถึงปล่อยพวกนินจาญี่ปุ่นแทรกซึมเข้ามาที่ปักกิ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัวแบบนี้”
จากนั้นทั้งสี่คนก็รีบออกจากบ้านตระกูลชางกวนและเมื่อนั่งอยู่ในรถเย่เชียนก็รีบโทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและหลังจากที่รอสายเป็นเวลานานในที่สุดหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รับสายแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “ปู่!..นี่ปู่กำลังทำอะไรอยู่?”
“มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นน่ะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยน “แล้วเอ็งล่ะตอนนี้เอ็งอยู่ที่ไหน?..คุณกลับไปที่ปักกิ่งแล้วหรือยัง?”
“ผมกลับมาตั้งแต่เช้าแล้วและตอนนี้ผมก็อยู่ที่บ้านตระกูลชางกวน” เย่เชียนพูด
“หยุดก่อเรื่องสักพักไม่ได้เหรอ!..แกไปทำอะไรที่บ้านตระกูลชางกวน?..ตอนนี้สิ่งต่างๆก็วุ่นวายมากพอแล้วเอ็งจะฆ่าฉันหรือยังไง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างหมดความอดทน
เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เกิดอะไรขึ้นทำไมปู่ถึงอารมณ์เสียขนาดนี้?..ผมเพิ่งจะไปบ้านของตระกูลชางกวนมาและแค่ไปดูสถานการณ์แค่นั้นเองผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย..เอาเถอะปู่ลองเดาดูสิว่าผมเพิ่งเห็นอะไรมา”
“อะไร?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างหมดความอดทน
“นี่ปู่ล้อผมเล่นงั้นเหรอ?..อย่ามาอารมณ์เสียใส่ผม..ผมไม่ชอบให้ใครมาใส่อารมณ์กับผมแบบนี้..ผมไม่สนหรอกว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่เพราะงั้นอย่ามาไร้เหตุผลแบบนี้” เย่เชียนตะโกนเสียงดัง
“ขอโทษทีมันเป็นความผิดของฉันเอง..เอาเถอะบอกฉันมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูด
เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ชางกวนเจ้อฆ่าล้างบางตระกูลชางกวนที่บ้าน..ซึ่งผมก็สงสัยมาตลอดว่าชางกวนเจ้อจะกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลชางกวนได้ยังไงแต่ในที่สุดมันก็ชัดเจนแล้ว..ปู่รู้ไหมว่าทำไมเพราะปรากฏว่าชางกวนเจ้อสมรู้ร่วมคิดกับพวกนินจาญี่ปุ่น..เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆนี้และผมคิดว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด..ผมอยากถามว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกำลังทำอะไรกันอยู่ทำไมถึงไม่รู้ว่ามีพวกนินจาญี่ปุ่นแทรกซึมเข้ามาในปักกิ่งแบบนี้?”
“ตอนนี้ฉันยุ่งเกินกว่าจะทำเรื่องอื่นได้” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “บอกตามตรงว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสำนักหยุนหยานเหมินเมื่อคืนนี้และถ้าฉันไม่รีบไปที่นั่นฉันคิดว่าสำนักหยุนหยานเหมินแย่แน่และมันสายเกินไปที่จะช่วยชีวิตฮัวหยาซินได้..แต่ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วและเธอก็อยู่กับฉันด้วยตอนนี้เอ็งต้องการมาหาฉันหรือเปล่า?”
เย่เชียนถึงกับผงะและพูดว่า “อะไรนะ!..แล้วใครเป็นคนทำ?”
“ซงเจิ้งหยวนเอ็งก็น่าจะรู้จัก..ศิษย์พี่ของเค่อเอ๋อร์..ถ้าเขาไม่ได้วางยาพิษในอาหารของเหล่าลูกศิษย์หยุนหยานเหมินล่ะก็พวกนินจาญี่ปุ่นเหล่านั้นจะโจมตีสำนักหยุนหยานเหมินอย่างง่ายดายได้ยังไง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ซงเจิ้งหยวนและชางกวนเจ้อเป็นพวกขายชาติและนินจาพวกนั้นมันไม่ธรรมดาเลย”
“ได้!..เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็วางสายไปและบอกให้เย่หานหลินเลี้ยวรถกลับและขับรถไปที่บ้านของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนทันที
“บอสเกิดอะไรขึ้นทำไมบอสถึงจริงจังขนาดนี้” เฟิงหลานถาม
“มันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆเพราะซงเจิ้งหยวนสมรู้ร่วมคิดกับพวกนินจาญี่ปุ่นและวางยาพิษในอาหารของเหล่าลูกศิษย์หยุนหยานเหมินเมื่อคืนนี้และกวาดล้างสำนักหยุนหยานเหมิน..ซึ่งมีเพียงแค่ผู้นำของสำนักของหยุนหยานเหมินเท่านั้นที่รอดมาได้..โชคดีที่หูวเค่อไม่ได้อยู่ที่นั่นไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง” เย่เชียนพูด
เฟิงหลานขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “ประการแรกพันธมิตรองค์กรหลักในประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มปฏิบัติการเพื่อกำจัดองค์กรภายนอกทั้งหมดแล้วและตอนนี้พวกมันก็ได้ร่วมมือกับตระกูลใหญ่ๆในประเทศจีนอีกด้วย..นี่มันแผนปฏิบัติการทำลายล้างชัดๆดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แผนการเล็กๆเลย..ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้”
“ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใครแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกำจัดพวกมันในประเทศจีนของเรา..จากนั้นพวกเราจะไปล้างบางพวกมันที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อล้างแค้นให้ชิงเฟิง” หลี่เหว่ยพูด
“สิ่งที้นายพูดก็สมเหตุสมผลเพราะตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่เราจะรอเพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกวาดล้างพวกมันออกไปจากประเทศจีนก่อน..ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนี้ก็มาจากโลกศิลปะการต่อสู้โบราณแต่น่าเสียดายที่โลกศิลปะการต่อสู้โบราณของประเทศจีนยังไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งในตอนนี้” เย่เชียนพูดต่อ “ตอนนี้ก็สำนักหยุนหยานเหมินแล้วก็ตระกูลชางกวนเพราะงั้นฉันกังวลว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเย่ของฉันด้วย”
“บอสไม่ต้องกังวลไปเพราะทุกอย่างจะเรียบร้อย” เฟิงหลานตบที่ไหล่ของเย่เชียนเบาๆและปลอบโยน
“ผมควรโทรไปบอกให้พวกเขาเตรียมตัวให้มากกว่านี้” เย่เชียนยังคงไม่สบายใจอย่างมากและไม่ว่าเขาจะไม่ชอบวิธีการของเย่เจียอู๋และเย่เจิ้งเซียงมากแค่ไหนแต่พวกเขายังคงเป็นญาติของตัวเองอยู่ดี ดังนั้นเย่เชียนไม่สามารถมองดูพวกเขาล้มตายกันไปใช่ไหม?
หลังจากพูดจบเย่เชียนก็รีบโทรหาเย่เจียอู๋จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้เขาฟังและบอกให้พวกเขาระมัดระวังตัวให้มากขึ้น แต่เย่เจียอู๋ไม่สนใจเลยและกลับพูดอย่างมั่นใจว่าถ้านินจาญี่ปุ่นกล้าไปเหยียบตระกูลเย่ล่ะก็เขาจะฆ่าพวกมันให้หมด ซึ่งไม่ว่าเย่เชียนจะพูดอะไรแต่เย่เจียอู๋ก็มั่นใจอยู่เสมอจนทำให้เย่เชียนเป็นกังวลมากแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากและทำได้เพียงแค่เตือนไม่กี่คำก่อนวางสายไป
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็เหลือบมองเย่หานหลินและพูดว่า “หานหลินฉันยังกังวลเรื่องนี้อยู่เพราะงั้นนายควรจะกลับไปที่บ้านก่อน..ถ้ามีนายอยู่ที่นั่นฉันจะได้สบายใจได้..คุณปู่พูดอะไรเขาก็ไม่ฟังพวกเราอยู่ดี..ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไปเพราะงั้นพวกเราควรระมัดระวังกันให้มากกว่าเดิม”
จากนั้นเย่หานหลินก็จอดรถที่ข้างทางและหยุดจากนั้นเดินออกจากรถไปแล้วหันกลับมามองเย่เชียนและพูดว่า “บอสไม่ต้องกังวลไปเพราะตราบใดที่ฉันอยู่ที่นั่นมันจะไม่มีใครทำร้ายครอบครัวของเราได้”
เย่เชียนก็พยักหน้าด้วยความพอใจและตบที่ไหล่ของเย่หานหลินเบาๆแล้วพูดว่า “โทรหาฉันถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”
.