ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 916 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
ตอนที่ 916 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมชางกวนอู๋เต๋อคือคนที่น่าสงสารที่สุดเพราะไม่เพียงแต่เขาถูกพ่อของเขามีชู้กับภรรยาของเขาเท่านั้นแต่เขายังละทิ้งลูกชายของตัวเองเพื่อเด็กนอกคอกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอีกด้วย ดังนั้นความเศร้าโศกในใจของเขาจึงไม่สามารถจินตนาการได้เลย
แน่นอนว่าชางกวนเจ้อนั้นไม่สนใจเรื่องนี้เพราะในความเห็นของเขาเหตุผลที่ว่าทำไมชางกวนอู๋เต๋อถึงทำเช่นนี้นั่นก็เพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก ซึ่งความเกลียดชังที่เขามีต่อชางกวนอู๋เต๋อนั้นมากกว่าเจิ้งหยาซื่อเสียอีกและเขาแค่อยากจะดูคนกลุ่มนี้ฆ่าฟันกันเองเท่านั้นและนี่คือจุดอ่อนของมนุษย์ได้ปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อนั่นเอง
ชางกวนอู๋เต๋อก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเจิ้งหยาซื่อและตะโกนว่า “ยัยตัวแสบเธอทำให้ฉันเป็นคนบาปมาโดยตลอด..ไม่ใช่แค่ทำให้ฉันต้องฆ่าพ่อของตัวเองแต่ยังเป็นลูกชายของฉันด้วย!..ถ้าฉันไม่ฆ่าเธอฉันคงจะลบล้างความเกลียดชังนี้ไปไม่ได้” เมื่อเสียงนั้นจบลงชางกวนอู๋เต๋อก็ใช้มีดแทงเจิ้งหยาซื่อทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
“อะ..” เจิ้งหยาซื่อกระอักเลือดออกมาเต็มปากและใบหน้าของเธอก็ซีดทันที จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วพูดว่า “ชางกวนอู๋เต๋อคุณช่างโหดร้ายจริงๆ..คุณกล้ามันทำจริงๆ”
“หืม!” ชางกวนอู๋เต๋อถอนหายใจอย่างเย็นชาและเตะเจิ้งหยาซื่อออกไปที่ด้านข้างและไม่ได้มองมาที่เธออีกเลย จากนั้นก็หันไปมองชางกวนหยานยู่อย่างดุเดือดด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงเพราะเมื่อเห็นชางกวนหยานยู่ตรงหน้ามันก็เหมือนกับว่าเขาได้เห็นความอัปยศของตัวเอง ซึ่งเป็นความอัปยศที่ไม่เคยถูกชะล้างออกไปในชีวิตของเขาเพราะเขาถึงกับต้องละทิ้งลูกชายให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและลำบากมาโดยตลอด
ชางกวนหยานยู่ก็ตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่งและรีบไปเกาะขาของชางกวนเจ้อแล้วพูดว่า “ช่วยฉันด้วยฉันไม่อยากตาย..ฉันจะให้หุ้นทั้งหมดที่ฉันถือเอาไว้..พี่ใหญ่ต้องการมันใช่มั้ย..มาสิฉันจะให้หุ้นทั้งหมดของฉันกับพี่ใหญ่เอง”
ชางกวนเจ้อก็ชำเลืองมองเขาอย่างเฉยเมยและพูดว่า “อะไรนะ..นี่แกกำลังขู่ฉันงั้นเหรอ?..ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเกลียดคนที่คุกคามฉันมากที่สุด..แกคิดว่าถ้าแกมีหุ้นบริษัทอยู่ในมือแล้วฉันจะไม่กล้าฆ่าแกงั้นเหรอ?..ฉันมีวิธีเอาหุ้นพวกนั้นมาอยู่ในมือของฉันแกเชื่อมั้ย?”
“ไม่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดฉันไม่ข่มขู่นายน้อย” ชางกวนหยานยู่พูดอย่างเร่งรีบและตอนนี้เขาก็มีตัวเลือกไม่มากและต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด นอกจากนี้เขาก็ไม่สนใจหุ้น 10% ของเขาและหุ้นของชางกวนอู๋เต๋อที่อยู่กับเย่เชียนอีก 10% เพราะตอนนี้เขาแค่อยากเอาชีวิตรอดไปให้ได้เท่านั้น
“ให้ตายเถอะ” ชางกวนอู๋เต๋อก็ตะโกนเสียงดังและเหวี่ยงมีดไปทางชางกวนหยานยู่เพราะมีเพียงการฆ่าชางกวนหยานยู่เท่านั้นที่จะลบล้างความอัปยศนี้ออกไปได้และชางกวนอู๋เต๋อก็ไม่ลังเลเลย เมื่อเห็นว่ามีดเล่มนั้นกำลังจะแทงเข้าไปที่หน้าอกของชางกวนหยานยู่แล้วทันใดนั้นชางกวนเจ้อก็กระโดดเตะเข้าไปที่ร่างของชางกวนอู๋เต๋ออย่างรวดเร็วจนกระเด็นออกไปสองสามตลบและกระทบกับพื้นอย่างแรง
ชางกวนอู๋เต๋อก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าฝีมือของชางกวนเจ้อจะสูงขนาดนี้ ซึ่งเมื่อนึกถึงเหล่านินจาจากประเทศญี่ปุ่นที่เขาเห็นเมื่อตอนที่เข้ามาที่นี่ชางกวนอู๋เต็อก็ตกตะลึงอย่างมาก จากนั้นเขาก็มองไปที่ชางกวนเจ้อแล้วพูดว่า “ตระกูลชางกวนเป็นของแกแล้ว..ฉันหวังว่าแกจะรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่..นี่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของตระกูลชางกวนมาหลายรุ่นและแกห้ามมอบมันให้กับพวกญี่ปุ่นเด็ดขาด”
“แกบอกว่าตระกูลชางกวนเป็นของฉันใช่มั้ย?..แล้วแกมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสอนให้ฉันทำอย่างนั้นอย่างนี้?..หืม..ฉันรู้ดีว่าฉันต้องทำอะไร” ชางกวนเจ้อพูด “แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะความทะเยอทะยานของฉันไม่ใช่เพียงการครอบครองตระกูลชางกวนเท่านั้นเพราะฉันมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้..ฉันต้องการให้ทุกคนในโลกที่ทำร้ายและข่มเหงฉันได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำและฉันต้องการให้ทุกคนคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน..อย่างแรกก็ตระกูลชางกวนและจากนั้นก็เย่เชียนและยังมีสี่สำนักและเจ็ดตระกูลหลักแห่งโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณที่ฉันต้องสะสางอีก..ฉันต้องการที่จะรวมโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณทั้งหมดเข้าด้วยกัน..ฮ่าฮ่า” ชางกวนเจ้อพูดแล้วหัวเราะ
ที่ด้านนอกเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดและรอยยิ้มที่หยิ่งผยองของชางกวนเจ้อแล้วหลี่เหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า “ไอ้หมอนี่มันอยากได้ทุกอย่างแบบนี้มันจะไม่โลภเกินไปหน่อยเหรอ?”
“ผู้ชายอย่างเราต้องมีความทะเยอทะยานกันทุกคนเพราะมันสามารถสร้างแรงจูงใจและสร้างโลกของตัวเองได้..แต่ถ้าหากความทะเยอทะยานของเรามีมากเกินไปมันก็จะนำตัวเราไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับได้” เย่เชียนพูด “ชางกวนเจ้อคนนี้มีพรสวรรค์อย่างมากและถ้าเขาสามารถใช้สติปัญญาของตัวเองให้เกิดประโยชน์ได้เขาก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนแต่น่าเสียดายจริงๆที่เขาเกี่ยวข้องกับพวกญี่ปุ่นเพราะงั้นเราไม่สามารถไว้ชีวิตเขาเอาไว้ได้”
“บอสทำไมเราไม่ฆ่ามันซะตอนนี้เลยล่ะ..ผมคิดว่าเราไม่สมควรปล่อยพวกมันไปและเราก็ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับชิงเฟิงเลย..ถ้าเราฆ่าพวกมันก็ถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นให้ชิงเฟิง” หลี่เหว่ยพูด
“ฉันสัญญากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเอาไว้ว่าจะไม่สร้างปัญหาในเมืองหลวง..นอกจากนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องออกไปจัดการกับคนเหล่านี้ด้วยตัวเองเลยใช่มั้ยล่ะ?..ที่ปักกิ่งมีคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยพิทักษ์มังกรอยู่เพราะงั้นเราจะไปกังวลทำไม?” เย่เชียนพูด “ดูต่อซะเพราะการแสดงใกล้จะจบลงแล้ว”
ชางกวนอู๋เต๋อนั้นไม่ได้เสียใจอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะตราบใดที่ชางกวนเจ้อไม่ทอดทิ้งตระกูลชางกวนไปมันก็ไม่สำคัญว่าความทะเยอทะยานของชางกวนเจ้อนั้นคืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากชางกวนเจ้อสามารถประสบความสำเร็จอย่างที่พูดได้จริงๆในอนาคตก็ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมความรุ่งโรจน์ของตระกูลชางกวนและถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายไปแต่มันก็คุ้มแล้วใช่ไหม? เขาไม่เคยทำอะไรให้ลูกชายคนนี้เลยและตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วและสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือสนับสนุนชางกวนเจ้อนั่นเอง
ชางกวนเจ้อค่อยๆหันไปหาชางกวนหยานยู่แล้วพูดว่า “ในเมื่อแกมีหุ้น10%อยู่ในมือและของอู๋เต๋ออีก10%ที่มอบให้แกถ้างั้นตอนนี้แกก็มีหุ้นทั้งหมดอยู่20%ใช่มั้ย?..เอาล่ะฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้งด้วยการโอนหุ้นทั้งหมดมาให้ฉันแล้วฉันจะไว้ชีวิตแก!”
“จริงเหรอ?” ชางกวนหยานยู่มองไปที่ชางกวนเจ้อด้วยความไม่เชื่อแล้วพูด
“แกจะไม่เชื่อก็เรื่องของแกเพราะแกมีโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้น..แกเลือกเอาว่าแกจะคว้ามันเอาไว้หรือเปล่ามันก็ขึ้นอยู่กับแก” ชางกวนเจ้อพูด
“ฉันจะให้หุ้นทั้งหมด” ชางกวนหยานยู่พูดอย่างเร่งรีบ “แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้นำเอกสารการถือหุ้นมาด้วยเพราะงั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้!” เมื่อพูดจบเขาก็กำลังจะวิ่งออกไป
“หยุด!” ชางกวนเจ้อตะโกนอย่างรุนแรงและพูดว่า “แกคิดว่าฉันโง่งั้นเหรอ?..ถ้าฉันปล่อยแกไปแกจะกลับมาอย่างเชื่อฟัง?”
ชางกวนหยานยู่ก็ถึงกับสั่นสะท้านและหันหลังกลับไปพร้อมกับคุกเข่าลงแล้วคร่ำครวญว่า “ฉันขายหุ้น20%นั้นให้คนอื่นไปแล้วแต่ถ้านายน้อยต้องการฉันจะไปเอาคืนมาให้..ฉันสามารถนำหุ้นกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน”
“ไอ้โง่เอ๊ย!..แกขายหุ้นของฉันให้คนอื่นจริงๆงั้นเหรอ?..ฉันจะฆ่าแก” ชางกวนอู๋เต๋อพูออย่างโกรธเกรี้ยวและขณะที่เขากำลังจะพุ่งเข้าไปชางกวนเจ้อก็จ้องมองเขาอย่างดุเดือดจนชางกวนอู๋เต๋อถึงกับต้องหยุดในทันทีและเขาก็ไม่ได้กลัวว่าชางกวนเจ้อจะฆ่าเขาเพราะหลังจากรู้ความจริงของเรื่องนี้แล้วเขาก็รู้สึกละอายใจต่อชางกวนเจ้อมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ว่าชางกวนเจ้อจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไรในตอนนี้เขาก็ไม่เสียใจเลย
“แกขายหุ้นให้ใคร?” ชางกวนเจ้อถาม
“ฉัน..ฉันขายมันให้กับคนที่ชื่อเย่เชียนตอนที่ฉันอยู่ในมาเก๊า” ชางกวนหยานยู่ตอบอย่างประหม่า “ไม่ต้องกังวลไปตราบใดที่นายน้อยปล่อยฉันไปฉันจะนำหุ้นกลับมาให้นายน้อยเอง”
หลังจากหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามชางกวนเจ้อก็พูดว่า “เย่เชียนเองเหรอ?..ฉันรู้จักเย่เชียนดีกว่าแก..แกมันโง่ที่ถูกคนแบบนั้นหลอกใช้!” จากนั้นเขาก็เผยร่องรอยความเศร้าหมองเล็กน้อยในดวงตาของเขาและพูดว่า “เย่เชียนแกจะเป็นศัตรูกับฉันทุกหนทุกแห่งเลยใช่มั้ย?..ฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปเป็นอันขาด..ว่าแต่ความผันผวนของหุ้นในตลาดหุ้นเหมือนว่ามันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่มั้ย?..เอาเถอะต่อให้มันจะถือหุ้นถึง60%แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะไม่ว่าจะมีหุ้นมากเท่าไหร่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะสิ่งที่พวกมันจะได้รับคือบริษัทที่ว่างเปล่าเท่านั้น”
ที่ด้านนอกเมื่อเย่เชียนได้ยินคำพูดของชางกวนเจ้อเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “บอสไอ้หมอนี่มันจะไม่ยักยอกทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัททะเลสี่ทิศใช่มั้ย?” เฟิงหลานเองก็เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติและพูดว่า “ถ้าเป็นกรณีนี้มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเราที่จะยึดบริษัทมา”
“ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าชางกวนเจ้อจะดำเนินการต่างๆเร็วถึงขนาดนี้ผมประเมินเขาต่ำไป..ฉันไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีนี้ข่มขู่เหล่าผู้บริหารของบริษัทและตระกูลชางกวนในชั่วข้ามคืนแบบนี้” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนว่าเราต้องเปลี่ยนแผนเพราะไม่อย่างนั้นเราเองที่จะเป็นฝ่ายแพ้”
“ตามความเห็นของผมนะทำไมเราถึงต้องลำบากด้วย..เราก็แค่ไปฆ่ามันซะให้จบๆไป” หลี่เหว่ยพึมพำ
“นายรู้อะไรไหมถ้าเราฆ่าเขาตอนนี้ทุกสิ่งที่เราทำก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์..ฉันไม่อยากฆ่าตระกูลชางกวนเพราะสิ่งที่ฉันต้องการคือธุรกิจขนาดใหญ่ของตระกูลชางกวนต่างหาก” เย่เชียนพูดต่อ “ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันก็ผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองเพราะงั้นฉันคิดว่าชางกวนเจ้อน่าจะยังไม่ได้ดำเนินการอะไรมากนัก..ฉันจะรีบโทรไปหาทนายความของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและขอให้เขาฟ้องร้องบริษัททะเลสี่ทิศทันทีและหลังจากนั้นบัญชีธนาคารและการเงินของบริษัททะเลสี่ทิศก็จะหยุดชะงัก..หลังจากนั้นเราค่อยจัดการเรื่องนี้หลังจากที่เราครอบครองบริษัททะเลสี่ทิศอย่างเป็นทางการแล้ว”
.
.
.
.