ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 913 พ่อลูกอาฆาต
ตอนที่ 913 พ่อลูกอาฆาต
ในเมืองปักกิ่งที่บ้านของตระกูลชางกวนนั้นชางกวนเจ้อได้นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับชาร้อนๆอยู่ข้างหน้าเขาและบุหรี่ในปากของเขาอย่างสบายๆและดูสงบมาก ซึ่งตั้งแต่ชางกวนอู๋เต๋อและชางกวนหยานยู่มาถึงที่สนามบินเขาก็รู้แล้วและตอนนี้เขาแค่กำลังรอญาติสองคนนี้ที่เขาเกลียดชังเดินเข้ามาหาความตายเท่านั้นเอง
เมื่อวานนี้ชางกวนเจ้อได้ทำให้คนในตระกูลชางกวนหวาดผวาอย่างสมบูรณ์แบบและเขาจะรู้ดีว่าคนเหล่านั้นเป็นเพียงหญ้าบนกำแพงและไม่สำคัญ ซึ่งตราบใดที่พวกนั้นไม่กล้าสร้างคลื่นลูกใหญ่ในตอนนี้เขาก็จะมีเวลากำจัดคนเหล่านั้นอย่างช้าๆในอนาคต ความจริงแล้วคนเหล่านี้นั้นก็ไม่คิดจะทำอะไรเพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการรอดูการต่อสู้ระหว่างสายเลือดและดูว่าใครเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายเพื่อตัดสินฝ่ายที่จะเข้าร่วมนั่นเอง
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จชางกวนเจ้อก็หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างสบายๆและในขณะนั้นเสียงของชางกวนอู๋เต๋อและชางกวนหยานยู่ก็ดังขึ้นจนรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
หลังจากที่ชางกวนอู๋เต๋อลงจากรถและกำลังจะเดินเข้าไปในบ้านสีหน้าของเขาก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะเห็นได้ชัดว่ายามที่เฝ้าทางเข้าหน้าบ้านนั้นไม่ใช่คนที่เขาคุ้นเคยเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ภายในบ้านดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอากาศที่หนาวเย็นซึ่งทำให้เขาประหลาดใจถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็มีความไม่สบายใจที่อธิบายไม่ได้ในใจของเขา
ทางด้านของชางกวนหยานยู่นั้นไม่ได้สังเกตเลยแต่หลังจากเห็นชางกวนอู๋เต๋อที่กำลังตกตะลึงอยู่เขาก็พูดว่า “พ่อเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
ชางกวนอู๋เต๋อก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเราเข้าไปข้างในกันเถอะ..ปู่ของแกเป็นห่วงแกมาก..ถ้าแกพบปู่ของแกล่ะก็แกจะต้องทำตัวให้ดีๆรู้มั้ย?”
“วันนี้ผมเหนื่อยมาก” ชางกวนหยานยู่พูดเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชางกวนอู๋เต๋อก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเดินเข้าไปข้างในแต่จู่ๆประตูเหล็กทางเข้าก็ปิดลงด้วยเสียงดังสนั่นและเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลและรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบโดนยามเฝ้าประตูทั้งสองก็ชักดาบฟันเข้าใส่ชางกวนอู๋เต๋อซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ถึงกับผงะและรีบผลักชางกวนหยานยู่ออกไปแต่โชคดีที่ชางกวนอู๋เต๋อหลบได้อย่างรวดเร็วในนาทีสุดท้ายไม่อย่างนั้นดาบคงจะตัดผ่านหน้าอกของเขาโดยตรงจนเขาตายในทันทีอย่างแน่นอน
“พวกแกทำอะไร?..พวกแกบ้าหรือเปล่า” ซางกวนหยานยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“นี่มันทายาทที่แท้จริงของตระกูลชางกวนใช่มั้ย..นายน้อยชางกวน” ชางกวนเจ้อพูดพร้อมกับเดินออกมาจากบ้านและยืนอยู่ที่ประตูแล้วมองดูจากนั้นก็พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “ช่างเป็นคนที่มีไหวพริบเสียจริง..ยินดีที่ได้พบ!”
ชางกวนอู๋เต๋อตกใจและสีหน้าของเขาก็ดูประหลาดใจอย่างมาก แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าชางกวนซินหยางเรียกชางกวนเจ้อมาที่นี่เพื่อที่จะฆ่าเขาแต่เห็นได้ชัดว่าชางกวนเจ้อได้ควบคุมสถานการณ์ต่างๆเอาไว้หมดแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นชางกวนซินหยางล่ะ? สิ่งต่างๆจะแย่ถึงขนาดไหนชางกวนอู๋เต๋อคิดในใจ
ชางกวนหยานยู่ถอนหายอย่างเย็นชาและมองไปที่ชางกวนเจ้อที่ประตูแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกว่าใครที่แท้ก็ลูกนอกคอกที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลชางกวนนี่เองแกมันน่าขยะแขยงจริงๆ..เกิดอะไรขึ้นแกมาที่นี่เพื่อสร้างความเดือดร้อนงั้นเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า… ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมชางกวนซินหยางถึงได้โปรดปรานคงอย่างแกที่เอาแต่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ..แกจะคู่ควรกับมรดกและสัมบัติทั้งหมดของตระกูลชางกวนได้ยังไงมันตลกสิ้นดี..แกไม่เข้าใจงั้นเหรอ?” ชางกวนเจ้อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“เสี่ยวเจ้อ..” ทันทีที่ชางกวนอู๋เต๋อพูดทันใดนั้นชางกวนเจ้อก็ขัดจังหวะว่า “หุบปาก..แกสมควรที่จะเรียกฉันอย่างนั้นเหรอ?..เรียกฉันว่านายน้อยชางกวนสิวะ”
ชางกวนอู๋เต๋อรู้สึกผิดเล็กน้อยในใจและเมื่อเห็นสถานการณ์วันนี้เขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ ซึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของชางกวนเจ้อแล้วชางกวนอู๋เต๋อก็รู้สึกหมดหนทางและสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “เอาล่ะนายน้อยฉันอยากรู้ว่าคุณปู่เป็นยังไงบ้างตอนนี้?”
“แล้วแกคิดว่าไง?” ชางกวนเจ้อยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “แกรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง?..ฉันรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งเพราะสิ่งที่พวกแกดูถูกฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมาในที่สุดก็สามารถลบล้างมันได้และมอบมันคืนให้กับพวกแกในวันนี้!..แต่ไม่ต้องห่วงตาแก่นั่นไม่ได้เป็นอะไรพวกแกอยากพบเขามั้ยล่ะ?”
ชางกวนอู๋เต๋อเหลือบมองไปรอบๆและเขาก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ซึ่งถ้าหากไม่มีชางกวนหยานยู่บางทีเขาอาจจะยังมีโอกาสแต่เพราะชางกวนหยานยู่อยู่ที่นี่เขาจึงไม่สามารดอดกังวลเกี่ยวกับลูกชายคนนี้ได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสหลบหนีไปได้เลยและยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีไปได้ถึงยังไงเข้าก็ไม่สามารถทิ้งชางกวนซินหยางไปได้อยู่ดีเพราะพ่อของเขายังคงอยู่ในกำมือของชางกวนเจ้อ เพราะฉะนั้นถ้าหากเขาหนีไปชางกวนซินหยางจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
“แกต้องการอะไรบอกฉันมาสิ” ชางกวนอู๋เต๋อพูด
“แกไม่รู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่” ซางกวนเจ้อพูด “คนในตระกูลชางกวนล้วนเป็นพวกเห็นแก่ตัวเพราะงั้นฉันอยากให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับนรกกันบ้าง”
“ชางกวนเจ้อแกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้” ชางกวนหยานยู่ตะโกน “มาแข่งกันตัวต่อตัวสิวะถ้าแกเก่งจริง..แกขี้ขลาดถึงขนาดใช้คนจำนวนมากมาข่มพวกเราเลยงั้นเหรอ?”
ชางกวนเจ้อก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า “อย่าหาว่าฉันดูถูกแกเลยเพราะถ้าเป็นแกฉันสามารถฆ่าแกได้ด้วยมือข้างเดียวแค่นั้นก็พอแล้ว..แกควรจะเชื่อฟังและทำตัวดีๆไม่งั้นแกจะต้องทุกข์ทรมาน”
ชางกวนหยานยู่นั้นตกต่ำถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? แม้แต่ตอนที่เขาอยู่ที่มาเก๊าเขาก็โดนคุกคามและตอนนี้เขาก็กำลังจะถูกขยะจากตระกูลชางกวนที่เขาดูถูกเหยียดหยามมากที่สุดมาโดยตลอดคุกคามอีก นี่เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อย่างยิ่งในหัวใจของเขา จากนั้นเขาก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงโดยนินจาเหล่านั้นจากประเทศญี่ปุ่นโดยไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อยจนชางกวนหยานยู่คร่ำครวญอย่างน่าสมเพช
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ชางกวนอู๋เต๋อตะโกน “พวกเรายอมแล้ว..พาเราไปพบคุณปู่หน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชางกวนเจ้อก็โบกมือและส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหยุด จากนั้นก็เหลือบมองไปที่ชางกวนหยานยู่แล้วพูดว่า “เป็นยังไงบ้างไอ้กระจอก..แกลุกขึ้นไหวมั้ย?” จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “จับพวกมันไปขังที่ห้องใต้ดินซะ!”
ด้านนอกประตูเย่เชียน,เฟิงหลาน,หลี่เหว่ยและเย่หานหลินเห็นฉากนี้ได้อย่างชัดเจนและคิ้วของเย่เชียนก็ขมวดเข้าหากันแน่นแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร “บอสคนพวกนั้นดูเหมือนชาวญี่ปุ่นเลย..นี่ชางกวนเจ้อร่วมมือกับพวกญี่ปุ่นงั้นเหรอ?” เฟิงหลานพูด
“เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของพวกนั้นมันก็น่าจะใช่เพราะชางกวนเจ้อจะกล้าท้าทายตระกูลชางกวนเพียงลำพังตัวคนเดียวได้ยังไง..แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกญี่ปุ่นเลย..ผมประเมินเขาต่ำไปจริงๆ” เย่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูด
“แล้วเราควรทำยังไง..ฆ่าพวกมันให้หมดเลยดีมั้ย?” หลี่เหว่ยถามและขณะที่เขาพูดเขาก็เอามือถูกันด้วยความตื่นเต้น
เย่เชียนจ้องมองเขาอย่างดุเดือดและพูดว่า “นี่มันเรื่องของคนอื่นเราจะเข้าไปยุ่งทำไม..นอกจากนี้ถ้าเราทำแบบนั้นมันก็เท่ากับช่วยเหลือตระกูลชางกวนแต่ถ้าเราไม่ทำและปล่อยให้ชางกวนเจ้อทำต่อไปเราก็ค่อยไปจัดการกับชางกวนเจ้อในอนาคตซึ่งถือว่าง่ายสำหรับพวกเราอย่างมาก..ถึงยังไงมันก็ต้องตายไปพร้อมๆกับพวกญี่ปุ่นอยู่แล้ว” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “หวงฟู่ชิงเตี๋ยนกำลังอะไรอยู่กันแน่..เขาไม่รู้เหรอว่ามีนินจาญี่ปุ่นมากมายขนาดนี้แทรกซึมเข้ามาในปักกิ่ง”
“บอสฉันรู้สึกว่าสถานการณ์ในปักกิ่งเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ..บอสคิดว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือเปล่า..เพราะลองคิดๆดูแล้วอันดับแรกพันธมิตรของเราในญี่ปุ่นถูกกวาดล้างทั้งหมดจากนั้นพวกนินจาก็มาเยือนปักกิ่ง..นี่มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยมันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน”
“มีความเป็นไปได้สูงมาก” เย่เชียนพูด “แต่พวกญี่ปุ่นมันประเมินพลังของตัวเองสูงเกินไป..พวกมันจะทำอะไรในปักกิ่งได้?..เราจะโทรหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนทีหลังและถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“บอส!..เราจะไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ” หลี่เหว่ยพึมพำ
“นายจะทำอะไร..อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า..เรามาที่นี่เพื่อชมการแสดงในวันนี้เพราะเราจะได้เห็นพวกตระกูลชางกวนกัดกันเหมือนหมา” เย่เชียนจ้องเขม็งไปที่หลี่เหว่ยและพูด
หลี่เหว่ยก็ทำหน้ามุ่ยและไม่ได้พูดอะไร
ชางกวนเจ้อพิงโซฟาในห้องนั่งเล่นส่วนสองพ่อลูกชสงกวนอู๋เต๋อและชางกวนหยานยู่ถูกกดลงและคุกเข่าต่อหน้าเขาซึ่งดูตลกอย่างมาก แต่ทว่าชางกวนเจ้อก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าพวกเขาเพราะเขาสนุกกับความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ทางด้านชางกวนอู๋เต๋อไม่ได้พูดอะไรเพราะหลายปีที่ผ่านมาเขาทำกับชางกวนเจ้อเอาไว้เยอะและเขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งและการตัดสินใจของชางกวนซินหยางได้
ชางกวนหยานยู่ทนไม่ไหวแล้วเพราะการถูกทรมานตอนนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและเขารู้ดีว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่คุยกับเขาเรื่องความเป็นพี่น้องกัน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาพูดมากเขาอาจจะตายได้และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากนั้นไม่นานชางกวนซินหยางและเจิ้งหยาซื่อภรรยาของชางกวนอู๋เต๋อก็ถูกพาตัวออกมา แต่เส้นเอ็นของมือและเท้าของชางกวนซินหยางถูกตัดออกทั้งหมดและคนทั้งหมดกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยอาการอัมพาต ส่วนเจิ้งหยาซื่อก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนักแต่การทรมานในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนงานจากเหมืองถ่านหิน
.