ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 911 เค้นความลับ
ตอนที่ 911 เค้นความลับ
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหมาป่าผีไป๋ฮวยเพราะหลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นแล้วไป๋ฮวยก็ไปหาเย่เชียนเพื่อบอกว่าเขาจะมาที่นี่และจัดการสิ่งต่างๆเองเพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากไม่มีข่าวเกี่ยวกับชิงเฟิงล่ะก็เย่เชียนคงจะเหม่อลอยและไม่มีสมาธิอย่างแน่นอนและการประลองก็จะไม่ยุติธรรมเลย ดังนั้นเขาจึงมาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ไป๋ฮวยนั้นมีความคิดและเป้าหมายเป็นของตัวเองเสมอและก่อนหน้านี้ที่เขามาถึงญี่ปุ่นเขาก็ไม่รู้ว่าชิงเฟิงนั้นหลบหนีและกบดานอยู่ที่ไหนแต่ในที่สุดเขาก็พบ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในความสามารถอันทรงพลังของไป๋ฮวยเช่นเดียวกับเย่เชียนที่สามารถพบเจอปัญหาได้ทุกที่ที่เขาไปและนี่ก็เป็นความสามารถประเภทหนึ่ง ส่วนไป๋ฮวยนั้นมีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองระดับสูงโดยการวิเคราะห์จากอีกฝ่ายเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น สมาชิกทุกคนในเขี้ยวหมาป่านั้นจะมีบันทึกข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับประวัติและความสามารถรวมไปถึงลักษณะเฉพาะอย่างการส่งสัญญาณและเครื่องหมายต่างๆเอาไว้ซึ่งไป๋ฮวยนั้นสามารถจดจำบันทึกลักษณะเฉพาะของแต่ละคนได้ดังนั้นเขาจึงสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทุกประเภทและแกะรอยจนมาถึงที่นี่
“แกเป็นใคร” ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำพูด
“หมาป่าผีไป๋ฮวย!” ไป๋ฮวยพูดอย่างเย็นชา
“คนทรยศของเขี้ยวหมาป่างั้นเหรอ..เรากำลังไล่ล่าพวกเขี้ยวหมาป่าอยู่เพราะงั้นทำไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ” ชายวัยกลางคนที่พูดและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พวกเขี้ยวหมาป่านั้นเป็นของฉันและไม่มีใครทำร้ายพวกนั้นได้ยกเว้นฉันเท่านั้น..มีแค่ฉันที่ฆ่าพวกมันได้!” ไป๋ฮวยพูดอย่างเย็นชา “ถ้าพวกแกไม่ฟังที่ฉันพูดพวกแกจะต้องตาย!” คำพูดของไป๋ฮวยนั้นเย็นชาจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนินจาทั้งห้าก็ตัวสั่นไปทั้งตัวและการแสดงออกของพวกเขาเริ่มประหม่ามากขึ้นและพวกเขามองดูไป๋ฮวยด้วยความระแวดระวัง ในหัวใจของพวกเขามีความเหน็บหนาวที่อธิบายไม่ได้ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจจนทำให้พวกเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ราวกับว่าพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยความตาย
ชายวัยกลางคนผู้นำก็สั่งและนินจาทั้งห้าคนก็รีบวิ่งไปหาไป๋ฮวยพร้อมๆกัน ซึ่งความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนักแต่การโจมตีแบบเป็นทีมนั้นค่อนข้างทรงพลัง หากสำนักนินจาอิงะสู้กับตระกูลฮัตโตริในรูปแบบทีมล่ะก็แน่นอนว่าตระกูลนินจาฮัตโตริจะชนะอย่างแน่นอนแต่ถ้าเป็นแบบตัวต่อตัวผู้ชนะก็คงจะเป็นสำนักนินจาอิงะ ดังนั้นตระกูลนินจาทั้งสองนี้จึงมีจุดแข็งและจุดอ่อนเป็นของตัวเอง
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีร่วมกันของสำนักนินจาอิงะแล้วแน่นอนว่าสำหรับคนที่มีฝีมือก็ยังต้องหวั่นเกรงเพราะสำนักนินจาอิงะนั้นใช้ทักษะด้านพิษได้ยอดเยี่ยม แต่การแสดงออกของไป๋ฮวยนั้นดูไม่แยแสแต่อย่างใด นี่ไม่ใช่เพราะว่าไป๋ฮวยนั้นหยิ่งผยองแต่เพราะเขารู้จักคู่ต่อสู้ของเขาเป็นอย่างดีและหลังจากที่เขาเข้าใจข้อมูลของคู่ต่อสู้ของเขาแล้วเขาก็จะสงบลงได้
“ปัง..ปัง..ปัง” ทันใดนั้นไป๋ฮวยก็ยิ่งปืนออกไป 3 นัดอย่างรวดเร็วและคร่าชีวิตนินจาเหล่านั้นไป 3 คนภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งฉากนี้ทำให้เหล่านินจาอิงะถึงกับตกตะลึงในทันทีและไม่มีใครคิดว่าไป๋ฮวยจะทำการต่อสู้เช่นนี้ แม้แต่ชิงเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังก็ดูตกตะลึงไปครู่หนึ่งและไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ไอ้เวรนี่แกทำบ้าอะไรอยู่..แกกำลังทำลายจิตวิญญาณแห่งบูชิโดของพวกเรา!” ชายวัยกลางคนตะโกนด้วยความโกรธ
“ฉันคิดว่าพวกแกเข้าใจอะไรผิดไปนะ..เราไม่ได้ต่อสู้กันและมันคือความเป็นความตายเพราะไม่พวกแกก็ฉันแหละที่จะเป็นฝ่ายตาย..แบบนั้นเรายังต้องใส่ใจกับวิธีการอยู่อีกเหรอ?..นอกจากนี้อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณบูชิโด..สำหรับฉันมันก็เป็นเพียงเรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ” ไป๋ฮวยพูดเบาๆ “บอกฉันทีว่าพวกแกมาที่นี่ได้ยังไง”
“หืมแกดูถูกสำนักอิงะของเรามากเกินไปแล้ว” ชายวัยกลางคนพูด “ถ้าแกมีความสามารถมากพอก็มาดูกัน”
ไป๋ฮวยก็ยิ้มเบาๆแล้วเก็บปืนพกเข้าไปที่เอวของเขาแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบจิตวิญญาณแห่งบูชิโด่ไร้สาระนั่นก็เถอะแต่ฉันก็อยากจะส่งแกไปตายด้วยวิถีของพวกแกเหมือนกัน” จากนั้นไป๋ฮวยก็ควักดาบวากิซาชิที่มีใบมีดยาวเจ็ดสิบสามเซนติเมตรและเป็นดาบปีศาจที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้นินจาอีกสองคนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะจ้องตากันด้วยความประหลาดใจ “ทำไมดาบปีศาจวากิซาชิถึงมาอยู่ในมือของแกได้” ชายวัยกลางคนพูด
“สมบัติที่ดีสมควรจะอยู่กับผู้ที่คู่ควรเพราะงั้นมันก็เสียเปล่าที่จะเก็บดาบเล่มนี้เอาไว้ในประเทศญี่ปุ่น..แบบนั้นเอามันไปฆ่าล้างโลกดีกว่า..พวกแกจะฝังสมบัติแบบนี้เอาไว้ในประเทศญี่ปุ่นงั้นเหรอ” ไป๋ฮวยพูด
“ไอ้เวรแกกล้าที่จะขโมยสมบัติในแผ่นดินของฉันมันเป็นบาปที่ให้อภัยไม่ได้แกสมควรตาย” ชายวัยกลางคนตะโกนและทั้งสองก็รีบพุ่งไปหาไป๋ฮวยพร้อมๆกัน เมื่อเห็นฉากนี้ชิงเฟิงก็กำลังจะกระโดดออกไปช่วยแต่ใครจะรู้ว่าไป๋ฮวยเหมือนจะรู้ความคิดของเขาแล้วและพูดเบาๆว่า “อยู่เฉยๆซะ!” ซึ่งชิงเฟิงก็รู้ดีว่านินจาสองคนนี้ไม่เกินความสามารถของไป๋ฮวยอย่างแน่นอน
ดาบปีศาจวากิซาชิที่อยู่ในมือของไป๋ฮวยก็ดูเหมือนจะมีชีวิตราวกับกระแสน้ำที่ไหลรินและไม่มีช่องโหว่ใดๆ เมื่อมองไปที่ใบมีดที่เหวี่ยงไปข้างหน้าไป๋ฮวยก็ฉีกยิ้มและฟันออกไปทันที ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องและจู่ๆร่างของไป๋ฮวยก็หมุนไปเตะท้ายทอยและหน้าอกของนินจาทั้งสองจนกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่แตกหักกลางอากาศและล้มลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
ไป๋ฮวยก็ฉีกยิ้มและเดินไปที่ด้านข้างของชายหนุ่มจากนั้นก็จอดาบเอาไว้ที่คอแล้วถามว่า “บอกฉันมาสิว่าพวกแกมาที่นี่ได้ยังไง..ใครให้ข้อมูลพวกแก!”
“ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าซะ..ในฐานะนินจาแกจะไม่สามารถเค้นข้อมูลอะไรจากเราได้!” ชายวัยกลางคนพูดอย่างดื้อรั้น
“จริงเหรอ..ฉันไม่เชื่อว่าความภักดีมันจะมีในโลกใบนี้หรอก..ดังนั้นฉันแค่อยากได้ยินข้อมูลจากปากของแกเท่านั้น..ถ้าแกไม่พูดเดี๋ยวเขาก็เป็นคนพูดเอง” ไป๋ฮวยหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาและพูด
ชายหนุ่มเอามือกุมข้อมือที่มีเลือดไหลเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดแล้วพูดว่า “แกรู้มั้ยว่าอะไรคือนินจา..นั่นคือเราและพวกเราก็ไม่กลัวตาย..เพราะงั้นฝันไปเถอะที่จะได้ข้อมูลจากพวกเรา!”
ไป๋ฮวยหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าฉันฆ่าแกไปแล้วเขาจะไม่พูด?..หรือถ้าฉันฆ่าเขาไปแล้วแกจะไม่พูด?..นั่นมันไม่ใช่ความเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวงสำหรับชีวิตของพวกแกงั้นเหรอ..ถ้าเป็นกรณีนี้ทำไมพวกแกถึงไม่พูดออกมาตรงๆไปเลยล่ะ..แกคิดว่าไง?”
“ฮึ่ม..อย่าเสียเวลาเลยต่อให้ต้องตายเราก็จะไม่พูดอะไร” ชายวัยกลางคนพูด
ไป๋ฮวยก็ยักไหล่เล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลืมมันไปซะ..ฉันจะให้โอกาสแกอีกแค่ครั้งเดียว..ข้าจะถามแกเป็นครั้งสุดท้ายแกอยากจะพูดหรือเปล่า?”
“ฝันไปเถอะ” ชายวัยกลางคนพูด
ไป๋ฮวยก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และตัดหูของชายหนุ่มด้วยดาบแล้วหันหน้าไปที่ชายวัยกลางคน “ถ้าพวกเราซะซิ..อย่าคิดว่าแกจะได้ข้อมูลอะไรกลับไป” ชายวัยกลางคนตะโกน
“ฉับ!” หูอีกข้างของชายหนุ่มถูกตัดขาดอีกครั้งและเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“นินจาอย่างพวกเราไม่กลัวความตาย!..อย่าเสียเวลาเลยจะฆ่าก็ฆ่าซะ!” ชายวัยกลางคนพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
ด้วยรอยยิ้มจางๆไป๋ฮวยก็ง้างดาบปีศาจในมือของเขาอีกครั้งและชายหนุ่มก็กรีดร้องเพราะจมูกของเขาถูกตัดออกและเลือดก็หยดเต็มพื้นซึ่งน่ากลัวจริงๆ “แม่งเอ๊ยทำไมแกถึงทรมานฉันและให้โอกาสเขาได้พูดล่ะ?” ชายหนุ่มตะโกนด้วยความโกรธ ซึ่งทำไมเรื่องแย่ๆมักจะมาจบลงที่คนระดับล่างกว่าเสมอ
“ครั้งต่อไปจะเป็นลูกตา!” ไป๋ฮวยมองชายวัยกลางคนแล้วพูดเบาๆ
“แกมันไอ้โรคจิต..คนจีนทุกคนมันเลวกันแบบนี้เลยงั้นเหรอ?” ชายวัยกลางคนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
ใบหน้าของไป๋ฮวยก็มืดมนลงและคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเผยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงออกมา จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและฟันคอของชายหนุ่มด้วยดาบ “ฉันรับรองได้เลยว่าจุดจบของแกจะเจ็บปวดกว่าเขาพันเท่าแกเชื่อมั้ย?” เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนไป๋ฮวยก็พูดอย่างเย็นชา
ชายวัยกลางคนตัวสั่นเมื่อมองดูศพของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นและความกลัวในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการทรมานอย่างโหดเหี้ยมของไป๋ฮวยในตอนนี้ได้ทำลายเกราะในใจของเขาไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไป๋ฮวยไม่ทรมานลูกน้องของเขาเช่นนี้เขาคงจะไม่หวาดกลัวถึงขนาดนี้อย่างแน่นอน การกระทำของไป๋ฮวยนั้นทำให้เขาหวาดกลัวและหวาดผวาอย่างมาก
“แกรู้มั้ยว่าทำไมหัวหน้าของแกส่งแกมาที่นี่..ซึ่งนั่นเป็นเพราะเขาต้องการให้แกมาตายที่นี่ยังไงล่ะ..แกคิดว่าแกสามารถจัดการกับสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าได้ด้วยคนเพียงห้าคนอย่างงั้นเหรอ” ไป๋ฮวยก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูด
ชายวัยกลางคนตัวสั่นและพูดว่า “ฉันจะพูดฉันจะบอกข้อมูลที่แกต้องการเองตราบใดที่แกไม่ฆ่าฉัน..ฉันจะพูดทุกอย่างที่แกอยากรู้และจะตอบเท่าที่ฉันรู้”
ไป๋ฮวยก็ฉีกยิ้มเบาๆและพูดว่า “เอาล่ะตอบฉันมาว่าพวกแกรู้ได้ยังไงว่าพวกเขี้ยวหมาป่าซ่อนตัวอยู่ในเกาะเรบุน?..มันไกลจากโตเกียวมากเพราะงั้นทำไมพวกแกถึงได้มาตามล่าพวกเขาที่นี่?”
.
.
.
.
.