ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 909 ยึดบริษัททะเลสี่ทิศ
ตอนที่ 909 ยึดบริษัททะเลสี่ทิศ
ในบ้านพักของตระกูลชางกวนเหล่าฝูงชนผู้สื่อข่าวต่างก็รุมล้อมเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลที่ทางเข้า ส่วนเหล่าผู้บริหารและผู้จัดการฝ่านต่างๆของบริษัททะเลสี่ทิศต่างก็มารวมตัวกันเพราะพวกเขาทั้งหมดประหลาดใจมากเมื่อได้รับแจ้งเมื่อคืนนี้ว่าชางกวนซินหยางกำลังจะจัดประชุมครั้งใหญ่เกี่ยวกับหุ้นของบริษัทดังนั้นพวกเขาจึงไม่สบายใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่า ณ เวลานี้ชางกวนเจ้อได้ตัดเส้นเอ็นร้อยหวายมือและเท้าของชางกวนซินหยางไปแล้วและถูกโยนลงไปในห้องใต้ดินใต้บ้านพักเหมือนคนเป็นอมพาต
ภายนอกบ้านตระกูลชางกวนนั้นเต็มไปด้วยคนของชางกวนเจ้อและคนเหล่านั้นทั้งหมดก็ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและจิตสังหารอันรุนแรงของพวกเขาก็ทำให้ทั่วบริเวณบ้านดูเหมือนจะตกอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาดอย่างมาก
ณ ห้องโถงภายในบ้านทุกคนต่างก็ใจหายอย่างมากเพราะเดิมทีพวกเขามีแผนการต่างๆมากมายและเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมาชางกวนซินหยางแทบไม่เคยสอบถามเกี่ยวกับกิจการของบริษัททะเลสี่ทิศเลยและส่วนใหญ่ก็ปล่อยให้ชางกวนอู๋เต๋อจัดการ
หลังจากรอมาเป็นเวลานานชางกวนเจ้อก็เดินลงมาจากชั้นบนด้วยลูกน้องอีกสองคน ซึ่งการแสดงออกของเขาดูสง่างามมาก เห็นได้ชัดว่าเขาทำให้บรรยากาศดูกดดันอย่างมากแต่หน้าของชางกวนเจ้อกลับดูผ่อนคลายและมีรอยยิ้มจางๆผสมอยู่
เมื่อเห็นชางกวนเจ้อเดินลงมาเหล่าผู้บริหารก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเพราะชางกวนเจ้อนั้นไม่มีสถานะในตระกูลชางกวนมาโดยตลอดและเกือบจะคิดว่าไม่มีบุคคลดังกล่าวในตระกูลเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามในการประชุมที่สำคัญในวันนี้ชางกวนเจ้อกลับปรากฏตัวขึ้นซึ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะคาดเดาอย่างลับๆว่าชางกวนซินหยางจะประกาศให้ชางกวนเจ้อกลับเข้าสู่แผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลชางกวนหรือไม่นั่นเอง
จากนั้นชางกวนเจ้อก็เหลือบมองไปรอบๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอนาน..วันนี้คุณปู่ไม่สบายนิดหน่อยและให้ผมเป็นประธานในการประชุมครั้งนี้แทน..ทุกคนมีไม่มีความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งใดๆใช่ไหม?..มันเป็นคำสั่งของคุณปู่และถึงถึงแม้ว่าผมจะประหม่าไปหน่อยแต่ผมจะทำให้ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างก็เริ่มพูดคุยและซุบซิบทันที ซึ่งทุกคนรู้ตำแหน่งของชางกวนเจ้อในตระกูลชางกวนเป็นอย่างดีแต่จู่ๆชางกวนซินหยางก็สั่งให้เขาเป็นประธานในการประชุมครั้งใหญ่ซึ่งค่อนข้างน่าประหลาดใจสำหรับพวกเขา
“ชางกวนเจ้อทุกคนที่นี่รู้ดีว่าสถานะของคุณในตระกูลเป็นยังไงแต่ทำไมจู่ๆประธานชางกวนถึงบอกให้คุณมาเป็นประธานการประชุมครั้งใหญ่ล่ะ..ฉันเกรงว่าจะมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ชายชราคนหนึ่งพูด
“ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดไปแล้ว..สถานะของผมในตระกูลชางกวนคืออะไร?..ผมเป็นหลานชายคนโตแล้วมันจะมีปัญหาอะไรถ้าคุณปู่แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานการประชุม..นี่เป็นเรื่องปกติคุณมีข้อสงสัยงั้นเหรอ?” ใบหน้าของชางกวนเจ้อดูซีดลงและพูดต่อ “มาคุยเรื่องคุณกันเถอะอย่าคิดว่าปู่ของผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ..นั่นเพียงแค่เราไม่อยากพูดถึงมันก็เท่านั้น..คุณต้องการให้ผมเปิดเผยการกระทำของคุณงั้นเหรอ?”
ชายชราก็ถึงกับตกใจและมองไปที่ชางกวนเจ้อด้วยสายตาที่ดูประหม่า ซึ่งเขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างลับหลังบริษัทดังนั้นเมื่อได้ยินชางกวนเจ้อพูดเช่นนั้นเขาก็พูดอย่างประหม่าว่า “แหม๋นายน้อยชางกวนฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ..เนื่องจากท่านประธานสั่งให้คุณเป็นประธานการประชุมผมก็คิดว่านั้นก็ไม่แปลกอะไร”
ชางกวนเจ้อก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้ผมจะประกาศบางอย่างให้ทุกคนทราบ..ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบริษัททะเลสี่ทิศกรุ๊ปจะอยู่ในการดูแลของผมอย่างเป็นทางการ..คุณปู่ได้โอนหุ้น40%ของเขาให้กับผมแล้วเพราะงั้นในฐานะที่พวกคุณเป็นผู้บริหารและผู้จัดการสาขาต่างๆแล้วผมคิดว่าในอนาคตทุกคนจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีเพื่อขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น”
“เดี๋ยวก่อน” ชายวัยกลางคนโบกมือเพื่อขัดจังหวะชางกวนเจ้อและพูดว่า “นายน้อยครับผมอยากรู้ว่าท่านประธานป่วยเป็นอะไร?”
“ก็ไม่มีอะไรมากท่านแค่เวียนหัวนิดหน่อยเขาเลยต้องพักผ่อน” ชางกวนเจ้อพูด
“จริงเหรอถ้างั้นเราขอไปเยี่ยมท่านประธานหน่อยคงจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ” ชายวัยกลางคนพูดต่อ
“เราไม่สามารถไปรบกวนท่านได้..ท่านพักผ่อนอยู่และหมออธิบายว่าเราห้ามไปรบกวนเขาขณะพักผ่อน..ดังนั้นเราควรให้เขาพักผ่อนจะดีกว่า” ชางกวนเจ้อพูด
“เราแค่ไปดูเฉยๆไม่ได้จะไปรบกวน..เราจะไม่รบกวนการพักผ่อนของท่านประธาน” ชายวัยกลางคนยืนยันคำเดิม
“ผมต้องขอโทษจริงๆนี่คือคำสั่งของแพทย์และเพื่อสุขภาพของคุณปู่ผมคิดว่าเราอย่าขึ้นไปรบกวนเขาเลยจะดีกว่า..ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นคุณกับผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย” ซางกวนเจ้อพูด
“หืม” ชายวัยกลางคนตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นและพูดว่า “ชางกวนเจ๋ออย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยเพราะเมื่อวานท่านประธานยังโทรมาบอกฉันว่าเขาเชิญคุณมาตอนกลางคืนและบอกให้คุณอธิบายเหตุผลที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะฟ้องร้องบริษัทของเราจากนั้นเขาก็จะฆ่าคุณทิ้งซะ..แต่พอมาวันนี้ท่านประธานกลับป่วยแบบนี้มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ใช่!..เมื่อวานคุณปู่โทรหาผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณพูด..ตอนแรกปู่ต้องการที่จะฆ่าผมก็จริงแต่ผมก็สามารถอธิบายให้ปู่ฟังอย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยและมันคือฝีมือของฉีเยว่..นอกจากนี้ทำไมคุณปู่ถึงต้องฆ่าผมด้วยเพราะผมเป็นหลานชายของเขาเพราะงั้นมันไม่จำเป็นเลย..ว่าแต่คุณเองต้องการที่จะขัดขวางการพัฒนาของบริษัททะเลสี่ทิศหรือเปล่า?” ชางกวนเจ้อสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ผมคิดว่าคุณเป็นสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในบริษัทใช่มั้ย?..เพราะเมื่อวานนี้ฉีเยว่ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าการกระทำทั้งหมดเป็นแผนการของคุณและนั่นเป็นสาเหตุที่คุณปู่ล้มป่วยเพราะงั้นคุณควรจะชี้แจงเรื่องนี้ซะ!”
“ฮ่าฮ่า..นี่แกพูดบ้าอะไรของแก..ถ้าแกจะใส่ร้ายป้ายสีฉันมันก็ไร้ประโยชน์เพราะทุกคนรู้ดีถึงความภักดีของเซียหลงผู้นี้ที่มีต่อท่านประธาน..การใส่ร้ายโยนความผิดให้ฉันนั้นมันไร้สาระมาก
“หืม..เซียหลง..คุณก็รู้ว่าคุณทำอะไรลงไปเพราะงั้นคุณน่าจะรู้ดีที่สุด..ผมไม่ใช่คุณปู่เพราะงั้นผมจะไม่ใจดีกับคุณอย่างที่เขาเด็ดขาด!” ชางกวนเจ้อตะโกนและกลุ่มคนก็รีบวิ่งออกมาจากข้างนอกพร้อมกับดาบยาวแถบตะวันออกในมือ “พาตัวเขามา..ถ้าเขาต่อต้านก็ฆ่าเขาทิ้งซะ!” ชางกวนเจ้อชี้ไปที่เซียหลงและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“หึๆ..ที่แท้แกก็สมรู้ร่วมคิดกับพวกญี่ปุ่นนี่เอง..แต่แกก็อย่าชะล่าใจไปเลยเพราะเมื่อไหร่ที่ประธานอู๋เต๋อกลับมาจากมาเก๊าแกก็ไม่รอด” เซียหลงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “มาเลยฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าไอ้พวกญี่ปุ่นมันมีดีอะไร”
สองหมัดไม่สู้สี่มือและทักษะการต่อสู้ของเซียหลงนั้นเป็นเพียงการต่อสู้ธรรมดาๆ หลายปีที่ผ่านมาชางกวนซินหยางสนับสนุนเขาเพียงเพราะความภักดีของเขาไม่ใช่ทักษะของเขาแต่อย่างใด นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่านินจาชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นเตรียมตัวมาพร้อมและดาบคาตานะนั้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นเมื่อเห็นมัน
จู่ๆก็มีแสงวาบอย่างกะทันหันและร่างกายของเซียหลงก็ถูกตัดขาดครึ่งท่อนทันทีซึ่งดูน่ากลัวมาก แขกที่มาร่วมงานก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังชางกวนเจ้อก็คงจะไม่ทรยศต่อตระกูลชางกวนอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจอย่างเป็นธรรมชาติและยังชัดเจนด้วยว่าชาวญี่ปุ่นเหล่าไม่ได้ต้องการใช้ตัวเองเพื่อขยายความแข็งแกร่งของพวกเขาไปปักกิ่ง ด้วยเหตุนี้ถ้าหากเขาได้รับสิ่งต่างๆของตระกูลชางกวนได้สำเร็จเขาก็สามารถกำหนดเป้าหมายและหน้าที่ของนินจาเหล่านี้ได้และชางกวนเจ้อก็ไม่สนใจการคุกคามจากรัฐบาลเกี่ยวกับการมีตัวตนของเหล่านินจาญี่ปุ่นในประเทศจีนก็ตาม
เมื่อเหลือบมองร่างของเซียหลงแล้วชางกวนเจ้อก็พ่นน้ำลายอย่างดูถูกเหยียดหยามจากนั้นก็กวาดสายตามองไปยังทุกคนในห้องแล้วพูดว่า “ขอโทษที่ผมต้องทำแบบนี้และถึงแม้ว่าปู่ของผมจะไม่อยากทำแบบนี้แต่ผมก็เข้าใจเขา..เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเซียหลงนั้นภักดีกับเขาเสมอแต่สุดท้ายเขาก็ทำผิดพลาดเพราะงั้นเราถึงต้องลงโทษเขา..หากใครกล้าต่อต้านและทรยศบริษัทของเราล่ะก็ชางกวนเจ้อคนนี้จะลงมือด้วยตัวเอง..แต่ถ้าใครอยากคัดค้านจริงๆผมก็ไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นเราสามารถคุยกันได้ทุกเมื่อ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชัดเจนว่ามันจะไม่มีปัญหาใดๆเพราะเขานั้นมั่นใจอย่างมาก
“ฉันขอคัดค้าน…” ชายชราคนหนึ่งยกมือขึ้นและยืนขึ้นและเมื่อเขากำลังจะพูดจู่ๆก็มีแสงสีขาววาบขึ้นมาทันทีและศีรษะของชายชราก็ถูกตัดขาดออกจากบ่า
ความหมายนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าใครคัดค้านวันนี้จะไม่อยากออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ บรรดาผู้ที่อยากจะคัดค้านในใจก็ปิดปากของพวกเขาทีละคนและไม่มีใครกล้าที่จะโดนเชือดอีกและไม่ว่าเขาจะคัดค้านหรือไม่ก็ตามก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะต้องรอชางกวนอู๋เต๋อกลับมาจากมาเก๊าก่อนและนั่นคือวิธีที่ดีที่สุด
ชางกวนเจ้อกวาดตามองพวกเขาทีละคนและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครคัดค้านแล้วใช่ไหมงั้นมาเริ่มกันตั้งแต่วันนี้..ผมจะเข้ามาบริหารจัดการบริษัททะเลสี่ทิศกรุ๊ปอย่างเป็นทางการและหวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข” จากนั้นเขาก็เหลือบมองศพทั้งสองและพูดว่า “ลากศพออกไปให้สุนัขกินซะแล้วทำความสะอาดพื้นที่ด้วย”
จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มและเหลือบมองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นและพูดว่า “ผมเตรียมอาหารกลางวันเอาไว้แล้ว..วันนี้ผมขอต้อนรับด้วยมื้อเที่ยง..เรามาพักทานอาหารมื้อเบาๆกันเถอะฮ่าๆ”