ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 908 เดินทางกลับเมืองปักกิ่ง
ตอนที่ 908 เดินทางกลับเมืองปักกิ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้นเย่เชียนก็ไปส่งซูเหว่ยไปที่สนามบินมาเก๊าและซูเหว่ยก็ลังเลเล็กน้อยที่จะจากไปเพราะเธอคิดถึงเย่เชียนมาก ซึ่งหลังจากได้พบกันเพียงระยะสั้นๆเธอก็ต้องจากเขาไปอีกครั้ง ดังนั้นซูเหว่ยจึงรู้สึกอึดอัดไม่เต็มใจอย่างมากและแน่นอนว่าเย่เชียนสามารถเข้าใจความคิดของเธอได้แต่เขาก็ไม่ควรให้ซูเหว่ยอยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้
เมื่อพวกเขาอยู่ที่สนามบินพวกเขาทั้งสองก็ร่ำลากันอยู่สักพักหนึ่งและเมื่อซูเหว่ยได้ยินเสียงวิทยุประกาศที่สนามบินได้เธอก็เดินเข้าไปข้างในอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเธอเดินเข้าไปเธอก็หันกลับมาและบอกกับเย่เชียนว่าเขาต้องไปหาเธอที่ไต้หวัน ซึ่งเย่เชียนก็ไม่อยากที่จะทำให้เธอผิดหวังและรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นซูเหว่ย,หลินโรวโร่ว,ฉินหยูหรือผู้หญิงคนอื่นๆเย่เชียนก็ดูเหมือนจะรู้สึกผิดมากกับพวกเธอและไม่สามารถมอบความสงบสุขแก่พวกเธอได้
จนกระทั่งเขายืนดูเครื่องบินค่อยๆบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปในเมฆและเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและขับรถกลับไปที่คาซิโนฟอลเลนพาราไดซ์ทันที
บุคลากรของบริษัทไอร่อนบลัดก็มาถึงมาเก๊าในตอนเช้าและภายใต้การจัดการของเฟิงหลานนั้นพวกเขาก็ได้เริ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นทางการในคาสิโนฟอลเลนพาราไดซ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะไม่ใช่สมาชิกประจำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่พวกเขาล้วนเป็นทหารผ่านศึกและยอดฝีมือในกองทัพทั้งนั้นและพวกเขาก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดดังนั้นสมาชิกแต่ละคนก็ค่อนข้างที่จะมีฝีมืออย่างมาก
เนื่องจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจมากมายรวมถึมงานธนาคารด้วย ดังนั้นแจ็คจึงยื่นขอใบอนุญาตพกปืนตั้งแต่เนิ่นๆและเมื่อคนเหล่านี้เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยของคาสิโนพวกเขาจะแตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดและน่าเกรงขามอย่างมาก ซึ่งเมื่อมีพวกเขาที่เย่เชียนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ระหว่างทางกลับเย่เชียนก็ได้รับโทรศัพท์จากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเมื่อได้ยินสิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปครู่หนึ่งและเห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพราะซางกวนเจ้อเข้ายึดบริษัททะเลสี่ทิศอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากและคาดไม่ถึงเลย อย่างไรก็ตามมันก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันเพราะในที่สุดพวกนั้นก็ต่อสู้กันเองและแย่งชิงอำนาจกัน
“ตอนนี้ชางกวนซินหยางหายตัวไปและไม่มีข่าวคราวใดๆเลย..แต่ฉันจะเริ่มสืบค้นต่อไปและฉันเชื่อว่าชางกวนซินหยางถูกชางกวนเจ้อฆ่าตายไปแล้วหรือไม่ก็กักขังเอาไว้ในบริเวณบ้าน..เพราะงั้นเอ็งควรจะปล่อยให้ชางกวนอู๋เต๋อกลับมาและอย่าฆ่าเขาที่มาเก๊าล่ะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงเจ้าไม่พูดผมก็ไม่ทำหรอก..ผมชอบพวกที่ฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจน่ะ..เอาเถอะเมื่อผมได้สิ่งที่ผมต้องการแล้วผมจะปล่อยพวกเขาไป” หลังจากนั้นเย่เชียนก็พูดต่อ “โอ้..ผมเกือบลืมบอกบางอย่างกับปู่..มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อซงหยานเจิ้งและเขาก็ต้องการฆ่าผมเพราะงั้นปู่คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโง่ไปหน่อยเลยซงหยานเจิ้งคนนี้ไม่ธรรมดา..พ่อของเขาคือซงรุ่ยราชาพนันแห่งมาเก๊าซึ่งมีอำนาจและอิทธิพลค่อนข้างกว้างขวาง..เขาเป็นสมาชิกของคณะกรรมการสภากลางของจีน..เขาเป็นทั้งนักวิชาการดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยดังต่างๆและได้รับแต่งตั้งเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ ฯลฯ ..เขามีชื่อเสียงมากในประชาคมระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของเขาก็มีทั้งการขนส่งและโรงแรมและความบันเทิง..ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วแต่ตระกูลซงก็ยังยิ่งใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง..พวกนายรีบๆกลับมาได้แล้วอย่าสร้างปัญหาอะไรล่ะ..อย่าทำให้มาเก๊าไม่สงบสุขตอนนี้เลย” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดอย่างเร่งรีบ
“มันไม่ใช่ความผิดของผม..ซงหยานเจิ้งจงใจมายั่วโมโหผมก่อนเพราะงั้นผมนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกเพราะนั่นหมายความว่าผมกลัวไม่ใช่เหรอ?” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูโกรธเกรี้ยวราวกับว่าซงหยานเจิ้งบังคับให้เขาทำสิ่งต่างๆ
“ฉันเตือนเอ็งไปแล้วว่าอย่าทำอะไรเลย..เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง..ฉันจะไปคุยกับตระกูลซงเกี่ยวกับเรื่องนี้และอีกอย่างตระกูลซงก็กำลังวุ่นวายเรื่องมรดกอยู่เพราะงั้นเอ็งไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงในเวลานี้หรอก..ปล่อยให้พวกนั้นต่อสู้กันเองจะดีกว่ามั้ย?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“เอาเถอะในเมื่อปู่พูดอย่างนั้นผมจะไปทำอะไรได้อีก..เอาล่ะผมจะกลับไปทันทีที่เรื่องที่นี่เสร็จสิ้น..เอาเป็นว่าก่อนอื่นปู่ต้องไปคุยกับตระกูลซงก่อนเพราะถ้าตระกูลซงมายุ่งวุ่นวายกับผมอีกล่ะก็ปู่จะโทษผมไม่ได้แล้วนะ” เย่เชียนพูด
“ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง..ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรในชาติที่แล้วที่ต้องมาเผชิญกับหายนะที่เอ็งก่ออยู่ตลอดเวลา..เอาเถอะฉันจะวางสายแล้ว” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดด้วยความขมขื่นและวางสายโทรศัพท์ไป เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและฉีกยิ้มโดยไม่ตั้งใจและขับรถไปยังคาสิโนฟอลเลนพาราไดซ์ต่อ
ตอนนี้มีปัญหามากพอแล้วและเย่เชียนก็ไม่ต้องการเพิ่มปัญหาใดๆอีกและอีกอย่างอิทธิพลของตระกูลซงในมาเก๊านั้นก็ยิ่งใหญ่มาก ถ้าเขาเผชิญหน้ากับพวกนั้นจริงๆมันจะลำบากแน่นอนและเย่เชียนก็ไม่อยากคิดที่จะสร้างปัญหาใดๆในตอนนี้ เนื่องจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเต็มใจที่จะเป็นผู้สร้างสันติด้วยตัวเองและแน่นอนว่ามันจะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นด้วยวิธีนี้เขาจะไม่เสียหน้าและปล่อยให้ซงหยานเจิงรู้ถึงพลังของเขาเพื่อไม่ให้ตระกูลซงหยิ่งผยองกับเขาในอนาคตอีก
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงปักกิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับเย่เชียนจริงๆ ซึ่งชางกวนเจ้อได้เข้ายึดบริษัททะเลสี่ทิศอย่างสมบูรณ์แบบและดูเหมือนว่าชางกวนเจ้อคนนี้ไม่ใช่คนที่เรียบง่ายจริงๆ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักต่อแผนการของเย่เชียนเพราะชางกวนเจ้อนั้นถือหุ้นอยู่เพียง 40% ของทั้งหมดและถึงแม้ว่าทุกอย่างจะตกไปอยู่ในมือของชางกวนเจ้อแล้วก็ตามถึงยังไงเขาก็เป็นเพียงผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ซึ่งเย่เชียนนั้นมีหุ้นของชางกวนหยานยู่ที่รวมกับของชางกวนอู๋เต๋อ 20% บวกกับหุ้นที่ซือจื้อไล่ซื้อกลับมาในตลาดหุ้นอีก 20% และอีก 10% จากผู้ถือหุ้นสาขาอื่นๆ ดังนั้นเย่เชียนจึงมีหุ้นอยู่ในมือถึง 50% และชางกวนเจ้อก็จะไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอีกต่อไป ที่สำคัญกว่านั้นเมื่อชางกวนอู๋เต๋อกับชางกวนหยานยู่กลับไปยังเมืองหลวงพวกเขาจะต้องเริ่มต่อสู้กับชางกวนเจ้อดังนั้นเย่เชียนจึงใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์
เมื่อลองคิดภาพที่ตระกูลชางกวนกำลังต่อสู้กันเองนั้นมันดูสนุกและน่าสนใจอย่างมาก
รถจอดอยู่ที่ประตูคาสิโนฟอลเลนพาราไดซ์และเย่เชียนก็เดินตรงเข้ามาซึ่งเมื่อเขามาถึงสำนักงานเฟิงหลานกับตู้ซุนก็กำลังคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ส่วนหลี่เหว่ยก็กำลังดื่มชาอย่างสบายๆและเมื่อเห็นเย่เชียนเข้ามาทั้งสามก็ลุกขึ้นยืนทีละคนและทำความเคารพเมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนโบกมือให้พวกเขานั่งลง จากนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองเฟิงหลานและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง..สิ่งต่างๆเรียบร้อยดีมั้ย?”
“เรียบร้อยแล้วบอส..บุคลากรจากบริษัทไอร่อนบลัดเตรียมพร้อมแล้ว..ฉันเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะมีเสถียรภาพและจะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “อย่าให้เกิดเรื่องเด็ดขาดเพราะเมื่อกี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพิ่งจะโทรมาและบอกให้ผมเลิกยั่วโมโหตระกูลซงเพราะเขาจะไปคุยกับตระกูลซงและบอกให้พวกนั้นหยุดทุกการกระทำและไม่เข้ามายุ่งกับพวกเราอีก..ที่สำคัญตอนนี้ที่ปักกิ่งเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นและเราต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”
“เกิดอะไรขึ้นที่ปักกิ่งงั้นเหรอ?” เฟิงหลานถามอย่างสงสัย
เย่เชียนก็หันไปมองหลี่เหว่ยและพูดว่า “ทำไมนายถึงกลับมาที่นี่?
หลี่เหว่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว..ส่วนเอกสารการโอนหุ้นก็อยู่นี่..แต่เรายังคงต้องดูว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อ”
เย่เชียนก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อยและหยิบเอกสารโอนหุ้นจากมือของหลี่เหว่ยด้วยความสับสนและดูมันจากนั้นก็พูดว่า “นี่มันลายเซ็นการโอนหุ้นของชางกวนหยานยู่ไม่ใช่เหรอ..เราต้องการหุ้น10%ของชางกวนอู๋เต๋อไม่ใช่ของเขา!”
“นี่คือหุ้น10%ชองชางกวนอู๋เต๋อ” หลี่เหว่ยพูด
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
หลี่เหว่ยยิ้มอย่างร่าเริงและเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อย่างครบถ้วน “ชางกวนหยานยู่โอนหุ้น10%ของชางกวนอู๋เต๋อไปเป็นชื่อของเขาเองจากนั้นก็ลงนามในเอกสารการโอนหุ้นอีกที..ซึ่งนั่นหมายความว่าหุ้น10%ของชางกวนอู๋เต๋อนั้นเป็นของเราแล้ว”
เย่เชียนถึงกับผงะจากนั้นก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ครอบครัวนี้ช่างตลกจริงๆ..ชางกวนหยานยู่ไอหม้อนี่ค่อนข้างใช้ได้เลย..เขานี่แหละที่จะเป็นคนฆ่าพี่ชายของตัวเอง..ตอนนี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนายลองเดาสิว่าเขาพูดอะไร..ชางกวนเจ้อเข้ายึดบริษัททะเลสี่ทิศอย่างเป็นทางการแล้ว..ส่วนชางกวนซินหยางก็หายตัวไปและสันนิษฐานว่าไม่ตายก็ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านโดยชางกวนเจ้อ”
ยกเว้นตู้ซุนที่มึนงงและไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรส่วนเฟิงหลานและหลี่เหว่ยก็อดไม่ได้ที่ผงะไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ชางกวนเจ้อไม่ธรรมดาจริงๆ..ไอ้หมอนี่โหดเหี้ยมไม่เบา” เฟิงหลานพูด
“อันที่จริงพวกนั้นไม่สามารถตำหนิซ่างกวนเจ้อได้เพราะการกระทำของตระกูลชางกวนนั้นมากเกินไปที่เขาจะทนได้จริงๆเพราะงั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ชางกวนเจ้อจะมีความโกรธแค้น” เย่เชียนพูด “เราวางแผนกันเอาไว้ว่าจะปล่อยสองพ่อลูกชางกวนอู๋เต๋อและชางกวนหยานยู่กลับไปเพราะผมอยากเห็นเรื่องตลกของตระกูลชางกวน..พี่เฟิงหลานไปจองตั๋วเลยเราจะบินกลับปักกิ่งกันในคืนนี้”
“คุณจะกลับไปเลยงั้นเหรอ?..คุณเย่ครับคุณไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันเหรอครับ..ผมยังไม่ได้พาคุณไปเยี่ยมชมธุรกิจต่างๆเลย” ตู้ซุนพูด
“ทุกคนเป็นครอบครัวเพราะงั้นคุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอก” เย่เชียนพูดต่อ “ผมคิดว่าตระกูลซงไม่กล้าทำอะไรใดๆทั้งสิ้นเพราะงั้นผมจึงสามารถวางใจได้..ผู้จัดการตู้จำเอาไว้ว่าเป็นลูกผู้ชายต้องแน่วแน่และเด็ดขาดเพราะงั้นคุณจะยอมให้คนอื่นข่มเหงและเอาเปรียบไม่ได้..ถ้าใครกล้าสร้างปัญหาให้คุณก็มาบอกผมเดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
.