ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 905 ปู่กับหลาน (1)
ตอนที่ 905 ปู่กับหลาน (1)
สำหรับครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลชางกวนแล้วความขัดแย้งแบบนี้ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ยามเหล่านั้นก็ไม่กล้าทำอะไรมากเกินไปเพราะท้ายที่สุดนี่ชางกวนเจ้อก็เป็นสายเลือดของตระกูล ซึ่งถ้าหากพวกเขาทำให้ชางกวนเจ้อขุ่นเคืองล่ะก็วันไหนที่ชางกวนเจ้อมีสถานะที่ดีในตระกูลพวกเขาก็คงจะตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน ยามเหล่านั้นก็ไม่ได้โง่พอที่จะทำให้ชางกวนเจ้อขุ่นเคืองเพราะมันไม่คุ้มเลย
ซึ่งพวกเขาเองก็ได้รับการอนุมัติจากชางกวนซินหยางแล้วดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยชางกวนเจ้อเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อเข้าไปในบ้านเขาก็เห็นชางกวนซินหยางนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเขา ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจากฉีเยว่ที่กำลังตัวสั่นเทาแต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้กลัวแต่ค่อนข้างโกรธเกรี้ยวและมีความไม่พอใจและความขุ่นเคืองในดวงตาของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนอย่างฉีเยว่จะมีความเกลียดชังอย่างแรงกล้าในหัวใจของพวกเขาเพราะทุกสิ่งที่ตระกูลชางกวนทำกับเขานั้นทำให้เขาเกลียดจนสุดขั้ว ดังนั้นคนอย่างฉีเยว่จึงไม่กลัวความตายเลย
ใบหน้าและขาทั้งสองข้างของฉีเยว่นั้นเต็มไปด้วยรอยแผลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นสิ่งนี้ชางกวนเจ้อก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร อย่างไรก็ตามชางกวนเจ้อนั้นก็เป็นคนที่มีเหตุผลมากและเขาไม่ทำกับฉีเยว่อย่างงั้นแน่นอนเพราะมันไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น
“คุณปู่ครับได้โปรดรับของขวัญของผมด้วย” ชางกวนเจ้อยื่นของขวัญในมือด้วยความเคารพและพูด
ชางกวนซินหยางก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆเขาก็รับของขวัญจากชางกวนเจ้อ “ท่านปู่ผมประมาทในเรื่องนี้และผมจะหาทางแก้ไขให้มันดีขึ้นเอง” ชางกวนเจ้อพูด “ผมไม่ได้ตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เกิดปัญหา..ผมรับผิดชอบเรื่องนี้เอง..ฉีเยว่คนนี้เป็นคนที่สมรู้ร่วมคิดกับเย่เชียนและจงใจวางกับดักนี้”
“หืม..นี่แกกำลังจะบอกฉันว่าที่ฉันทำมันไม่ถูกต้องงั้นเหรอ?” ชางกวนซินหยางถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูด
“ไม่ครับ..ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ซางกวนเจ้อพูดอย่างเร่งรีบ
“ชางกวนเจ้อ..อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่..แกเกลียดพวกเรามานานหลายปีแล้วใช่ไหม..แกคงคิดว่าเราปฏิบัติต่อแกไม่ดีเหมือนลูกหลานในสายเลือดเพราะงั้นแกก็เลยต้องการที่จะแก้แค้นเรา..แต่แกไม่คิดว่าวิธีการนี้มันดูตลกไปหน่อยเหรอ?” ชางกวนซินหยางสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชาและพูดว่า “อย่ามาพูดว่าเงินยี่สิบล้านมันไม่สามารถที่จะทำให้รากฐานของตระกูลชางกวนสั่นคลอนและถึงแม้ว่าแผนของแกจะประสบความสำเร็จก็ตามแกคิดว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะให้ประโยชน์มากมายกับแกงั้นเหรอ?..อย่าลืมสิว่าเราเป็นญาติและครอบครัวของแก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของชางกวนซินหยางแล้วชางกวนเจ้อก็โกรธเกรี้ยวจนจะระเบิดออกมา ญาติไร้สาระแบบไหนกันเพราะตระกูลชางกวนนั้นมองว่าตนเองเป็นญาติตั้งแต่เมื่อไหร่? เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พวกเขาไม่ได้สนับสนุนตัวเองจนเกือบจะอดตายเมื่ออยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีความเกลียดชังมากเพียงใดในตอนนี้ชางกวนเจ้อก็ต้องเก็บมันเอาไว้ในใจของเขาอย่างแน่นหนา จากนั้นชางกวนเจ้อก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ถึงผมจะไร้ความสามารถแค่ไหนแต่ผมก็ไม่คิดที่จะทรยศตระกูลชองเรา..สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าตระกูลของเราแล้ว”
“จริงเหรอ?..แล้วนี่คืออะไร?” ชางกวนซินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามและโยนกองเอกสารในมือลงไปต่อหน้าชางกวนเจ้อ
ชางกวนเจ้อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและหยิบกองเอกสารขึ้นมาดูและเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะนี่มันคือเอกสารลับที่เขารวบรวมมาตั้งนานเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ถือหุ้นหลักในบริษัททะเลสี่ทิศใช่หรือไม่? ซึ่งมีภาพและหลักฐานสิ่งที่ไม่น่าดูของผู้ถือหุ้นเหล่านั้นด้วย อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ไปอยู่ในมือของชางกวนซินหยางได้อย่างไรและชางกวนเจ้อก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปครู่หนึ่งและความรู้สึกที่ไม่สบายใจก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
ชางกวนเจ้อคุกเข่าพร้อมเสียง “พรึบ” โดยไม่ลังเลใดๆแล้วพูดว่า “ใช่ครับคุณปู่ของพวกนี้เป็นของผมจริงๆแต่ผมก็นึกถึงบริษัทด้วยเพื่อกันคนพวกนี้ลับหลังพวกเรา..มันเป็นความผิดที่ยกโทษให้ไม่ได้เพราะถ้าเรายังอนุญาตให้คนเหล่านี้ถือหุ้นของบริษัทล่ะก็ไม่ช้าก็เร็วบริษัททะเลสี่ทิศก็จะถูกทำลายด้วยมือของพวกเขาเอง..ผมจึงรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อป้องกันสิ่งต่างๆเพราะงั้นคุณปู่เลิกให้คนเหล่านี้ถือหุ้นเถอะครับ..ผมไม่มีเจตนาอื่นจริงๆ”
“หืม..แกคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุสามขวบงั้นเหรอ?” ชางกวนซินหยางก็ยืนขึ้นอย่างโกรธจเกรี้ยวและพูดว่า “ฉันรู้ดีว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่..แกต้องการที่จะแก้แค้นพวกเราใช่ไหม?..ฉันได้มันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วและมันเป็นข้อมูลในมือของแกแล้วแกยังกล้าพูดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแกอีกเหรอ?”
ชางกวนเจ้อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์จะดำเนินไปเช่นนี้ “คุณปู่ต้องเชื่อผมนะ..ถ้าผมไม่ทำเพื่อตระกูลจริงๆผมจะทำไปทำไม..ถ้าผมสามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าคนอื่นก็หาได้เหมือนกันแน่นอน”
“แน่นอนฉันรู้ว่ามันมีคนที่พยายามโจมตีตระกูลของเราเพราะหยานยู่ถูกจับตัวและควบคุมตัวในมาเก๊าและพ่อของแกก็กำลังรีบไปช่วยเขาแล้ว..ฉันเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเพื่อจะทำลายตระกูลของเราและคนบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดก็คือแกใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ครับคุณปู่” ซ่างกวนเจ้อพูดอย่างเร่งรีบ
“หืม!” ชางกวนซินหยางถอนหายใจอย่างเย็นชาและเตะชางกวนเจ้ออย่างกะทันหัน “ปัง” และทุบตีเขาอย่างแรงและในขณะนั้น มีดของชางกวนเจ้อก็ตกลงมาจนใบหน้าของชางกวนซินหยางก็โกรธเกรี้ยวอย่างมาก “หืม..นี่แกพกมีดมาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ..อะไรนะนี่แกต้องการฆ่าฉันงั้นเหรอ?” ใบหน้าของชางกวนซินหยางนั้นดูมืดมนอย่างมาก
ชางกวนเจ้อก็ถึงกับตัวสั่นและรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “คุณปู่ครับผมไม่ได้คิดอย่างงั้นเหรอ..ผมเพิ่งผ่านร้านขายของเก่าและเห็นว่ามีดเล่มนี้ดูดีมากผมก็เลยซื้อมาให้เป็นของขวัญแต่ผมรู้สึกประหม่าเกินไปก็เลยลังเล..คุณปู่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ..ผมไม่กล้าฆ่าคุณปู่หรอกครับเพราะคุณเป็นปู่ของผมเพราะงั้นถ้าผมฆ่าคุณปู่มันคงจะเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะยอมรับได้”
“ฮ่าฮ่า…” ฉีเยว่ที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาดังๆเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกอย่างมาก “ตระกูลชางกวนเป็นตระกูลที่น่าสงสารจริงๆ..แกในฐานะสมาชิกตระกูลแต่ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้มีสถานะที่ดีในตระกูลชางกวนเลยเพราะงั้นแกจะทำเพื่อตระกูลไปทำไม?” ฉีเยว่พูดพร้อมกับฉีกยิ้ม “ถ้าฉันเป็นแกฉันจะปล่อยให้ตระกูลชางกวนพังทลายไปทีละนิดและรอวันเหยียบย่ำให้จมดิน”
“แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ..ดูเหมือนว่าบทเรียนที่แกได้รับมันจะยังไม่พอสินะ” ชางกวนซินหยางก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “โยนมันออกไปซะแล้วสั่งสอนมันให้หนักเหมือนกับหมาข้างถนน”
“ชางกวนซินหยางถึงแม้ว่าฉันจะตายแต่ฉันก็จะจองเวรจองกรรมตระกูลชางกวนตลอดไป” ฉีเยว่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขานั้นก็ไม่ได้เกินจริงเพราะเขาไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย
ตาของชางกวนเจ้อก็ฉายแววเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ดีว่าโอกาสรอดชีวิตกลับไปในวันนี้คงจะเป็นเรื่องยากเพราะชางกวนซินหยางนั้นถือได้ว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมอย่างมาก หลังจากที่เห็นว่าชางกวนซินหยางกำลังหันไปสนใจฉีเยว่อยู่นั้นชางกวนเจ้อก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆชางกวนซินหยางและรีบคว้ามีดที่ตกอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ
สิ่งต่างๆได้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้วดังนั้นชางกวนเจ้อจึงไม่มีทางเลือกอื่นและไม่ว่าชางกวนซินหยางจะตายหรือเขาเองที่จะเป็นฝ่านตายก็ตามแต่เขาก็จะไม่ยอมให้ตัวเองตายไปอย่างไร้ประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะเขายังหนุ่มยังแน่นและมีอนาคตที่สดใสเพราะงั้นเขาจะยอมตายที่นี่ได้ยังไง? ขณะที่เขาเข้าใกล้ชางกวนซินหยางเขาก็ออกแรงอย่างกะทันหันและมีดในมือของเขาก็แทงตรงเข้าไปในช่องท้องของชางกวนซินหยางทันที
ภายใต้ความเจ็บปวดชางกวนซินหยางก็หันกลับมาและเตะชางกวนเจ้อออกไปโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตามชางกวนเจ้อก็ตอบสนองทันและกระโดดออกไปทันทีที่มีดปักเข้าไปในท้องของชางกวนซิยหยาง ดังนั้นการเตะของชางกวนซินหยางจึงไม่โดนชางกวนเจ้อ
ชางกวนซินหยางก็จับท้องของเขาและมองลงมาแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไอ้เวรนี่ดูเหมือนว่าฉันจะเลี้ยงแกเสียข้าวสุกไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ..แกกล้ามากเลยที่ทำแบบนี้..ฆ่าพวกมันให้หมด!” ประโยคสุดท้ายเขาพูดกับเหล่าลูกศิษย์ของเขาในบ้านเพราะชางกวนซินหยางจัดเตรียมเรื่องนี้ในตอนเช้าเพื่อฆ่าชางกวนเจ้อและไม่คิดที่จะปล่อยเขารอดชีวิตกลับไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามลูกศิษย์เหล่านั้นก็ไม่ขยับไปไหนราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำพูดของชางกวนซินหยางเลยจนชางกวนซินหยาง อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกแกทำอะไรกันอยู่..ทำไมแกไม่รีบไปฆ่ามันซะ!” คำพูดของชางกวนซินหยางนั้นแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะดูเหมือนว่าเขาจะเสียเลือดมากเกินไป
.
.