ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 902
ตอนที่ 902
แต่ละเมืองนั้นมีลักษณะเฉพาะของตนเองหรืออาคารที่โดดเด่นหรืออุตสาหกรรมที่โดดเด่นและภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมบางประเภท ซึ่งสิ่งที่เย่เชียนชอบมากที่สุดก็คือการได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารท้องถิ่นทุกครั้งที่ไปเมืองต่างๆและของแบบนี้ก็มักจะพบในแผงขายของตามท้องถนนและตรอกซอกซอยแต่ในโรงแรมนั้นไม่มี ดังนั้นหลังจากบอกลาเฟิงหลานและตู้ซุนแล้วเย่เชียนก็พาซูเหว่ยไปเที่ยวเล่นรอบๆมาเก๊า
ในขณะที่ชื่นชมทิวทัศน์และกินอาหารในท้องถิ่นแล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างสบายและผ่อนคลายอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็ต้องการดูแลซูเหว่ยและพาเธอไปพักผ่อนเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมาซูเหว่ยนั้นซูบผอมลงมาเพราะเขาอีกทั้งยังสุขภาพจิตเสียด้วย ดังนั้นเย่เชียนจึงต้องการพาเธอไปพักผ่อนและช่วยให้เธอคลายความกดดันในหัวใจ
ซูเหว่ยนั้นติดหนึบเย่เชียนมากเพราะเธอเอาแต่คว้าแขนของเย่เชียนไปควงตลอดทางและไม่ยอมปล่อยราวกับว่าเธอกลัวว่าถ้าเธอปล่อยเย่เชียนจะหายไปอีกครั้ง ซึ่งเย่เชียนก็ได้แต่หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้และเอ็นดูผู้หญิงคนนี้อย่างมาก
หลังจากเที่ยวเล่นมาทั้งวันเย่เชียนก็พาซูเหว่ยไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน อันที่จริงหลังจากกินอาหารท้องถิ่นตลอดทั้งวันทั้งสองก็ไม่ได้หิวมากนัก ซึ่งซูเหว่ยก็มาจากประเทศไต้หวันและเธอก็ชอบอาหารตะวันตกมากกว่าแต่เย่เชียนนั้นไม่ค่อยชอบอาหารตะวันตกแต่เนื่องจากซูเหว่ยชอบมันเย่เชียนจึงอยากพาเธอไปด้วยโดยธรรมชาติ
“ซูเหว่ยวันนี้เธอสนุกมั้ย” เย่เชียนถาม
“ตราบใดที่นายอยู่เคียงข้างฉันแบบนี้ฉันก็มีความสุข” ซูเหว่ยพูด
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ฉันอยากจะบอกอะไรกับเธอบางอย่างแต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่เข้าใจผิด..ฉันคิดว่าการที่เธอมอบบริษัทให้ทีมผู้บริหารดูแลมันไม่ถูกต้องและการที่เธอเอาแต่เที่ยวเล่นทั้งวันแบบนี้มันก็ไม่ดี..ซึ่งฉันไม่ได้มีเวลาอยู่กับเธอมากขนาดนั้นด้วย”
“ฉันเข้าใจที่นายพูด..นายอยากให้ฉันกลับไปที่ไต้หวันเลยงั้นเหรอ?” ซูเหว่ยพูด
“ฉันเวียนหัวจริงๆ..ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องเข้าใจผิด” เย่เชียนพูด “ฉันไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้เพราะเสน่ห์ที่แท้จริงของผู้หญิงอยู่ที่ความมั่นใจในตนเองแต่มองดูเธอตอนนี้สิเธอกำลังจะสูญเสียมันไป..คุ้มกันหรือเปล่า?..ถึงแม้ว่าคุณภาพของผู้จัดการมืออาชีพเหล่านั้นจะยอดเยี่ยมแต่มันก็จำเป็นต้องมีใครที่ไว้ใจบริหารเองด้วย..บริษัททะเลสี่ทิศเป็นอุตสาหกรรมที่พ่อของเธอทำงานอย่างหนักเพื่อได้มันมาและถ้าเธอทำมันพังแบบนี้เธอจะอธิบายให้พ่อฟังว่ายังไง”
ซูเหว่ยก้มศีรษะลงเงียบๆและไม่พูดอะไร
“เธออยากรู้ตัวตนของฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?..ได้!..ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกเธอให้รู้เดี๋ยวนี้แหละ” เย่เชียนพูด “ฉันเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างนานาชาติเขี้ยวหมาป่า..มีรหัสโค้ดเนมว่าราชาหมาป่า..ซึ่งฉันคือCEOตัวจริงของบริษัทเครือน่านฟ้ากรุ๊ปและทหารชั้นจอมพลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษจากรัฐบาลจีนและยังเป็นผู้ควบคุมองค์กรใต้ดินในหลายๆเมืองของประเทศจีน..ในโลกนี้มีแต่คนที่อยากให้ฉันตายๆไป..ยกตัวอย่างมาเก๊าแห่งนี้ที่ซงหยานเจิ้งลูกชายของราชาพนันแห่งมาเก๊าก็เป็นหนึ่งในนั้น..การต่อสู้ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนและถ้าเธอยังอยู่มาเก๊าต่อเธอจะอันตรายอย่างแน่นอน..ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเข้าใจมั้ย?”
ซูเหว่ยอดไม่ได้ที่จะตกใจและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมาก สำหรับเธอแล้วตัวตนนี้ไม่คาดคิดเลยและทหารรับจ้างนานาชาติกับองค์กรใต้ดินทั่วประเทศนั้นดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลจากโลกที่เธออยู่อย่างมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอชอบคือเย่เชียนแต่ไม่ใช่สิ่งที่เย่เชียนทำใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเธอจะแปลกใจมากแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่งของเย่เชียนในใจของเธอเลย
ซูเหว่ยก็พยักหน้าเงียบๆและมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “เย่เชียน..ฉันรู้ว่าในฐานะผู้หญิงฉันไม่ควรจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ชายที่ฉันรัก..เพราะงั้นฉันจะกลับไปที่ไต้หวันในพรุ่งนี้เช้า..แต่นายช่วยสัญญากับฉันอย่างหนึ่งจะได้มั้ย?”
“พูดมาเถอะ” เย่เชียนพูด
“นายต้องไปหาฉันที่ไต้หวันบ้าง..ตกลงมั้ย” ซูเหว่ยพูด “ฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าชีวิตของฉันจะเป็นยังไงถ้าไม่มีนาย”
“ตกลงฉันสัญญาว่า..ถ้าอีกหนึ่งเดินที่จะถึงนี้ฉันยังไม่ตายฉันจะไปหาเธอที่ไต้หวันอย่างแน่นอน” เย่เชียนพูด “ซูเหว่ยฉันหวังว่าเธอจะใช้เวลานี้คิดเกี่ยวกับมันเพราะคนเรามีโอกาสตายได้ตลอดเวลา..เหมือนสมัยก่อนที่แม่ทัพมักจะตายก่อนศึกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และถ้าฉันตายไปฉันหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีต่อและหาความสุขของตัวเองให้เจอรู้มั้ย?”
“ไม่!..นายจะตายได้ยังไง..ฉันไม่อนุญาตให้นายตาย!..นายห้ามพูดแบบนี้อีกนะ” ซูเหว่ยพูด “เย่เชียนถ้านายตายล่ะก็ฉันจะตายตามนายไป!”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและมองไปที่ซูเหว่ยด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของเธอแล้วเย่เชียนก็ไม่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพูดเลยเพราะผู้หญิงคนนี้สามารถทำในสิ่งที่เธอพูดได้จริงๆ ซึ่งในตอนนี้เหลือเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่เขาตกลงกับไป๋ฮวยเอาไว้และเย่เชียนก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถอยู่กลับมาได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่ออย่างมั่นคงว่าจุดประสงค์ของการต่อสู้ระหว่างไป๋ฮวยและตัวเขาเองคือศึกแห่งความตายแต่เขาก็รู้ดีถึงนิสัยของไป๋ฮวย ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้เย่เชียนจะทำอย่างไร? ถ้าเขาไม่สามารถทำได้ไป๋ฮวยก็ต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอนดังนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะอยู่รอดกลับมาได้หรือเปล่าในเวลานั้น ดังนั้นเขาจึงพูดคำเหล่านั้นกับซูเหว่ยเพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นมากเกินไป
“เอาเถอะๆฉันก็แค่พูดไปงั้นแหละ” เย่เชียนพูด “กินข้าวเสร็จหรือยัง..ถ้ากินเสร็จแล้วเรากลับกันเถอะ..คืนนี้ฉันมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ” เมื่อพูดแล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาที่มุมปากของเขา ถ้าเป็นอย่างที่เย่เชียนคาดเอาไว้คืนนี้ชางกวนอู๋เต๋อจะต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอนและเนื่องจากเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ต้องเตรียมรับมือชุดใหญ่เช่นกัน
“คืนนี้เธออยู่ในห้องและห้ามออกไปไหนเข้าใจมั้ย?” เย่เชียนพูด “คืนนี้โรงแรมจะวุ่นวายมาก”
ซูเหว่ยก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้แต่เธอก็รู้ว่าเย่เชียนมีบางอย่างที่ต้องทำและในฐานะผู้หญิงของเขาแล้วเธอก็ต้องการสนับสนุนเขาโดยธรรมชาติ
เมื่อกลับถึงโรงแรมก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆแล้และ มีแขกมาเล่นที่คาสิโนมากกว่าตอนกลางวันเป็นและเป็นช่วงที่ครึกครื้นที่สุดจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งมีคนงานหลายคนที่ตกงานหรือชนชั้นแรงงานบางคนก็มาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชคเพื่อหวังว่าพวกเขาจะโดนค้อนทองคำแห่งเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งทุบและร่ำรวยในชั่วข้ามคืนนั่นเอง
เย่เฉียนส่งซูเหว่ยเข้าไปในห้องและพูดคุยกับเธอสองสามคำแล้วก็จากไปแล้วสั่งซูเหว่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้อยู่ในห้องของเธอและห้ามออกไปไหนจากนั้นเย่เชียนก็เดินออกมาอย่างสบายใจเพราะถ้าชางกวนอู๋เต๋อและซงหยานเจิ้งรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของซูเหว่ยกับเขาล่ะก็พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจับซูเหว่ยเพื่อข่มขู่เย่เชียน ซึ่งเย่เชียนก็ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้ไม่เช่นนั้นเย่เชียนคงจะรู้สึกผิดอย่างแน่นอน
เฟิงหลานและตู้ซุนได้จัดการทุกอย่างแล้วและหลี่เหว่ยก็เดินไปรอบๆล็อบบี้คาสิโนโดยที่สายตาของเขานั้นจับจ้องแต่หญิงสาวสวยๆที่มาที่นี่เพื่อเล่นการพนันและพวกเธอต่างก็เป็นลูกหลานครอบครัวที่ร่ำรวยและไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวหรือสาวใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนพวกเธอก็มีเสน่ห์ที่รุนแรงมากทั่วร่างกายของเธอ
เมื่อหันไปมองเฟิงหลานแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “เป็นยังไงบ้าง..ทุกอย่างพร้อมหรือยัง”
เฟิงหลานก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้วแค่รอให้พวกนั้นเข้ามา..บอสบอกว่าพวกนั้นอาจจะไม่มางั้นเหรอแล้วถ้าพวกนั้นไม่มาจริงๆพวกเราจะทำยังไง?”
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นไปไม่ได้..เพราะผมจงใจสร้างสถานการณ์เมื่อตอนกลางวันและผมก็คิดว่าชางกวนอู๋เต๋อและซงหยานเจิ้งก็ไม่พร้อมที่จะทำเพราะถ้าพวกเขาต้องการจัดการกับเราพวกเขาก็ต้องช่วยชางกวนหยานยู่ก่อน..ไม่งั้นพวกเขาจะหวาดระแวงว่าเราจะฆ่าชางกวนหยานยู่เมื่อไหร่..ซึ่งต่อให้พวกเขาไม่มาเราก็ยังสามารถทำตามแผนสองได้”
“รับทราบครับบอส” เฟิงหลานพยักหน้าตอบ “เราพร้อมแล้วและคนเหล่านั้นก็เป็นคนของคุณเปี๋ย”
เย่เชียนรู้ว่าเฟิงหลานหมายถึงอะไรและเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องตายในสนามรบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเฟิงหลานก็ไม่ต้องการให้คนจากบริษัทไอร่อนบลัดต้องมาเสี่ยงเพราะงั้นเขาจึงใช้คนเหล่านี้แทน ซึ่งเย่เชียนก็เข้าใจได้และเมื่อมองไปที่หลี่เหว่ยที่กำลังคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ล็อบบี้เย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “พี่เฟิงช่วยสั่งสอนไอ้หมอนั่นที..เจ้านั่นไม่ควรที่จะทำแบบนี้ทั้งวันและผมก็คิดว่าซือจื้อนั้นเหมาะกับเขาที่สุดแล้วเพราะงั้นเขาควรจะจริงจังกับเธอมากกว่านี้”
เฟิงหลานก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “บอสก็รู้จักเจ้านั่นดี..เขาหน้าด้านเกินกว่าจะห้ามแล้ว..มันไร้ประโยชน์มากถ้าจะไปพูดอะไรกับเขา”
“ดูเหมือนว่าผมจะต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่จริงๆจังๆบ้างแล้ว” เย่เชียนพูดต่ออย่างเป็นทางการในแบบทหารว่า “เฟิงหลาน..จากนี้ไปผมแต่งตั้งให้คุณเข้าร่วมสังกัดหน่วยลงทัณฑ์เขี้ยวหมาป่าเพื่อดัดนิสัยหลี่เหว่ย!..ผมเชื่อว่าคุณต้องมีวิธีจัดการกับหลี่เหว่ยอย่างแน่นอนและผมก็ให้สิทธิ์คุณในการตัดสินใจอย่างเต็มที่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฟิงหลานก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ให้ฉันทำจริงๆงั้นเหรอ?” เมื่อเห็นเย่เชียนพยักหน้าเฟิงหลานก็เดินตรงไปทางหลี่เหว่ย ซึ่งเขากำลังเล่นบาคาร่ากับหญิงสาวที่แอบชอบอยู่ในขณะนี้และเขาก็ฉวยโอกาสด้วยการเอามือข้างหนึ่งโอบเอวเธอ เฟิง หลานเดินไปโดยไม่กล่าวทักทายจากนั้นก็เตะหลี่เหว่ยอย่างแรงจนหลี่เหว่ยไม่มีเวลาตอบสนองได้เลยจากนั้นเขาก็กระเด็นออกไปในทันที ซึ่งโชคดีที่หลี่เหว่ยเองก็ได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จีนโบราณเช่นกันดังนั้นเมื่อร่างกายของเขากำลังจะล้มลงกับพื้นเขาก็พลิกตัวกลับขึ้นไปในอากาศและยืนอย่างมั่นคงบนพื้นดินโดยทำท่าราวกับว่าเขาพร้อมที่จะต่อสู้กลับ
.
.
.
.