ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 900 การเจรจาล้มเหลว
ตอนที่ 900 การเจรจาล้มเหลว
ตระกูลซงในมาเก๊าเปรียบเสมือนจักรพรรดิที่มีอำนาจเด็ดขาดจนเหล่าเฟียในมาเก๊าไม่กล้าที่จะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าซงรุ่ยราชาพนันจะจากไปแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถเขย่าและท้าทายอำนาจของตระกูลซงในมาเก๊าเลย
ซงหยานเจิ้งในฐานะผู้สืบทอดตระกูลซงแล้วเขาจึงเป็นตัวแทนของตระกูลซงทั้งหมดและไม่มีใครกล้าทำให้เขาขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของเย่เชียนในวันนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมากเพราะนี่เป็นเพียงการเพิกเฉยต่อเขาและตระกูลซง
เย่เชียนรู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อเฟิงหลานพูดว่าชสงกวนอู๋เต๋อเชิญซงหยานเจิ้งมาด้วยเขาก็รู้ได้ว่าชายชราคนนี้ต้องการใช้ซงหยานเจิ้งเพื่อปราบปรามเขา แน่นอนว่ามังกรนั้นไม่สามารถทำให้งูเจ้าที่กลัวได้ดังนั้นถึงแม้ว่าอิทธิพลของตระกูลชางกวนในเมืองปักกิ่งจะไม่ได้อ่อนแอแต่ในมาเก๊าเขาก็ไม่ได้มีอำนาจใดๆ ซึ่งโชคดีที่ความสัมพันธ์กับตระกูลชางกวนกับตระกูลซงนั้นดีเสมอมาเขาเลยไปหาซงหยานเจิ้งเพื่อให้ช่วยเรื่องนี้และแน่นอนว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเพราะตราบใดที่ลูกชายของเขาปลอดภัยเขาก็ยอม ดังนั้นในฐานะที่ตระกูลซงมีอำนาจสูงสุดในมาเก๊าซงหยานเจิ้งก็น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เดิมทีซงหยานเจิ้งก็ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองสำหรับเรื่องแบบนี้แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าคาสิโนแห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาในมาเก๊าและอยู่ภายใต้การดูแลของมาเฟียประเทศรัสเซียแล้วซงหยานเจิ้งจึงต้องมาด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นเรื่องของตระกูลชางกวนดังนั้นซงหยานเจิ้งก็ต้องเข้ามาเพื่อแสดงความจริงใจของเขาด้วย อย่างไรก็ตามใครจะไปรู้ว่าผู้คุมคาสิโนแห่งนี้จะเย่อหยิ่งเกินไปและเขาก็ไม่ยอมก้มหัวให้ตัวเองเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเขาให้เกียรติมาที่นี่ด้วยตัวเองแต่กลับถูกเพิกเฉยเช่นนี้แล้วถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในอนาคตแล้วล่ะก็หน้าตาของตระกูลซงในมาเก๊าจะเป็นอย่างไร
เย่เชียนสามารถรู้ตัวตนของชายสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาได้อย่างรวดเร็วเพราะคนทางซ้ายค่อนข้างคล้ายกับชางกวนเจ้อและชางกวนหยานยู่ซางเห็นได้ชัดว่าเขาคือชางกวนอู๋เต๋อ ส่วนคนทางขวาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หรูหราและเรียบร้อยและมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ระหว่างคิ้วของเขา ดังนั้นโดยไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าเขาคือซงหยานเจิ้ง
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้จัดการตู้ทำไมคุณไม่แนะนำให้ผมรู้จักล่ะว่าสุภาพบุรุษทั้งสองคือใคร?”
“ครับ” ตู้ซุนรีบพูด “คุณเย่ครับนี่คือคุณชางกวนอู๋เต๋อจากตระกูลชางกวนในเมืองปักกิ่ง..ส่วนนี่คือลูกชายคนโตของซงรุ่ยราชาพนันที่มีชื่อเสียงที่สุดในมาเก๊าซงหยานเจิ้ง..เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลซงในปัจจุบัน..ส่วนนี่คือคุณเย่เจ้าของคาสิโนของเรา”
เย่เชียนก็แสร้งทำเป็นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ผู้จัดการตู้ทำไมคุณถึงไม่โทรหาผมและบอกว่าแขกผู้มีเกียรติสองท่านนี้มาขอพบผมล่ะ?..คุณจะละเลยพวกเขาไม่ได้นะ” จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขอโทษให้ทั้งสองแล้วพูดว่า “ผมต้องขอโทษจริงๆครับเมื่อคืนผมนอนดึกไปหน่อยเลยทำให้ตื่นสาย..หวังว่าพวกคุณจะไม่ขุ่นเคืองนะครับ”
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่านี่คือการแสดงของเย่เชียนอย่างชัดเจน เมื่อเห็นเช่นนั้นซงหยานเจิ้งก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณเย่เป็นบุคคลที่ทรงเกียรติมากเพราะงั้นก็เหมาะสมแล้วที่คนตัวเล็กๆอย่างเราจะต้องรอคุณ” คำพูดเป็นหยินและหยางและเห็นได้ชัดว่าเขาพูดตรงกันข้ามอย่างชัดเจน
“ดูที่คุณพูดสิที่นี้คือมาเก๊าและใครจะไม่รู้ว่าตระกูลซงเป็นจักรพรรดิของที่นี่..เรามาที่นี่เพื่อทำธุรกิจเพราะงั้นเราไม่กล้าทำให้คุณขุ่นเคืองหรอกครับ” เย่เชียนพูดต่อ “ทั้งสองจะดื่มอะไรหรือเปล่า..มื้อเที่ยงวันนี้ผมจะเป็นเจ้าภาพให้เอง” ขณะที่เขาพูดเย่เชียนก็นั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน
“คุณเย่อย่ามัวแต่เสแสร้งเลยเรามาคุยกันตรงๆดีกว่า..ลูกชายของผมอยู่ที่ไหน” ชางกวนอู๋เต๋อพูดอย่างหยิ่งผยอง ในความเห็นของเขานั้นถ้าหากมีซงหยานเจิ้งอยู่ที่นี่เขาก็ไม่กลัวว่าเย่เชียนจะกล้าทำอะไรเว้นแต่ว่าเย่เชียนจะไม่อยากจะอยู่ที่มาเก๊าอีก
“ลูกชายของคุณ?” เย่เชียนพูดอย่างงุนงง “ผู้จัดการตู้เกิดอะไรขึ้นที่นี่งั้นเหรอ?”
ตู้ซุนนั้นก็มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากและคิดกับตัวเองว่าเย่เชียนนั้นเป็นเจ้าแห่งการแสดงและทักษะของเขาก็เปรียบได้กับนักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์อย่างไงอย่างงั้น หลังจากหยุดไปชั่วขณะตู้ซุนก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “เอ่อ..มันเป็นแบบนี้ครับ..ชางกวนหยานยู่ลูกชายของคุณชางกวนอู๋เต๋อได้กู้ยืมเงินในคาสิโนของเราไปมากกว่าสองร้อยล้านหยวนแต่เขาไม่สามารถจ่ายคืนได้..ดังนั้นเราจึงเรียกผู้ปกครองของเขามาที่นี่”
“โอ้ใช่..ว่าแต่คุณไม่ได้ทำให้นายน้อยชางกวนลำบากใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด “มันก็แค่เงินเพราะงั้นทำไมตระกูลชางกวนจะจ่ายให้เราไม่ได้?”
“ใช่ครับ..พวกเราไม่รอบคอบเอง” ตู้ซุนพูด
เย่เชียนก็หันไปมองชางกวนอู๋เต๋อแล้วพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยครับคุณชางกวนที่ลูกน้องของผมไม่สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้..หากมีอะไรที่ทำให้คุณขุ่นเคืองผมก็หวังว่าคุณจะยอมปล่อยผ่านสักครั้ง”
“หืม!” ชางกวนอู๋เต๋อก็พูดต่อ “ผมอยู่ที่นี่แล้วเพราะงั้นคุณเย่ช่วยปล่อยเขาหน่อยจะได้ไหม..ทางเรามีเงินพร้อมแล้ว..เดี๋ยวผมจะเขียนเช็คเงินสดให้คุณทันที”
“ดูที่คุณพูดสิทำไมคุณถึงจริงจังขนาดนี้..พวกเราต่างก็เป็นนักธุรกิจและผมก็เชื่อว่าคุณชางกวนก็เข้าใจความลำบากของผมเช่นกัน..เอาเถอะเราค่อยคุยเรื่องนี้กันหลังมื้อเที่ยงก็แล้วกัน” เย่เชียนพูด
“ไม่..ลูกชายของผมยังถูกพวกคุณควบคุมตัวอยู่เลยเพราะงั้นคุณคิดว่าผมสามารถกินอะไรได้งั้นเหรอ?” ชางกวนอู๋เต๋อพูด
“ผมนัดกับคุณชางกวนเอาไว้แล้วว่าจะไปทานอาหารเย็นที่บ้านของผมหลังจากเสร็จเรื่องนี้” ซงหยานเจิ้งพูด “คุณเย่ควรจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะผมยังมีธุระที่ต้องทำอยู่”
สีหน้าของเย่เชียนก็เปลี่ยนไปแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณซงนี่คุณไม่ได้ให้เกียรติผมเลยงั้นเหรอ?..ผมเชิญคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่คุณกลับพูดแบบนี้..นี่คุณกำลังดูถูกผมอยู่งั้นเหรอ?..ที่นี่เป็นที่ของผมเพราะงั้นคุณจะมาพูดแบบนี้อย่างงั้นเหรอ?..ถ้างั้นเราก็ไม่ต้องคุยกันแล้วเรื่องเงินก็ช่างมันผมไม่สนใจ”
เย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินออกไป เมื่อเห็นเช่นนั้นซงหยานเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็รู้ปวดหัวกับทัศนคติของเย่เชียนซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเกินความคาดหมายของพวกเขา
“คุณเย่ถ้าคุณยังต้องการให้คาสิโนของคุณเปิดทำการในมาเก๊าต่อคุณก็อย่าทำแบบนี้..ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะทำแบบนี้ก็อย่าหาว่าผมหยาบคายก็แล้วกัน” ซงหยานเจิ้งพูดอย่างเย็นชา
“อะไรกันคุณซงมาที่นี่เพื่อข่มขู่ผมงั้นเหรอ..คุณเห็นผมเป็นคนโง่ที่กลัวคำข่มขู่ของคนอื่นเหรอ?..ผมล่ะชอบจริงๆคนที่มั่นใจในตัวเองแบบนี้..ผมขอบอกเลยนะว่ามันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะข่มขู่ผม” เย่เชียนพูด “ผมเชิญคุณไปทานอาหารเย็นและเตรียมที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างสงบแต่คุณกลับทำตัวโออ่าวางท่าแบบนี้..แต่ก็นะไม่แปลกหรอกเพราะคุณเป็นถึงทายาทตระกูลซงผู้ยิ่งใหญ่ในมาเก๊าะและนั่นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเองด้วยใช่มั้ย?..พวกคุณมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “เอาล่ะถ้าพวกคุณอยากที่จ่ายนักล่ะก็..เฟิงหลานคำนวณให้พวกเขาทีว่าชางกวนหยานยู่เป็นหนี้เรามากแค่ไหน”
“ได้ครับ!” เฟิงหลานตอบแล้วพูดกับซ่างกวนอู๋เต๋อและซงหยานเจิ้งตามวิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่เขาพูดกับชางกวนหยานยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง
“คุณเย่..เห็นได้ชัดเลยว่าคุณไม่ต้องการที่จะเจรจา..กฎหมายการคิดดอกเบี้ยมันไม่มีแบบนี้ในประเทศของเราแล้วคุณใช้วิธีในการคำนวณดอกเบี้ยแบบนี้ได้ยังไง” ซงหยานเจิ้ง
“คุณซงอย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้สิ..คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่ากฎเกณฑ์ของพวกเรามันไม่เหมือนกันไปซะทุกอย่างหรอกใช่มั้ย?..ตอนที่นายน้อยชางกวนกู้ยืมเงินของเราในตอนนั้นพวกเราก็ยื่นเอกสารสัญญาการกู้ยืมให้เขาแล้วระบุเงื่อนไขเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วและเขาก็ลงนามเต็มใจของทั้งสองฝ่าย..ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นการโกงแต่อย่างใด” เย่เชียนพูด “ผมยุติธรรมในธุรกิจของผมมาโดยตลอด..อีกอย่างผมไม่ใช่พระเจ้าที่จะให้ใครยืมเงินแล้วผมไม่ได้กำไรหรือผลตอบแทนและผมก็เชื่อว่ามันไม่มีใครทำแบบนั้นกันหรอก”
“หืม..คุณกำลังจงใจสร้างปัญหาอย่างงั้นเหรอ?” ซงหยานเจิ้งยืนขึ้นทันทีและพูดว่า “คุณเป็นคนอวดดีมากเกินไป..ในมาเก๊าแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่คุณจะพูดแบบนี้ได้หรอกนะ..ผมจะชี้แจงกับคุณในวันนี้ให้ชัดเจนว่าคุณต้องปล่อยลูกชายของเขาไปไม่งั้นผมจะทำให้คาสิโนของคุณต้องปิดไปตลอดกาล!”
“เย่เชียนคุณอวดดีเกินไปพวกเรายอมมาคุยกับคุณดีๆแต่คุณกลับทำแบบนี้มันไม่ไร้มนุษยธรรมไปหน่อยเหรอ..แน่นอนว่าคนหนุ่มสาวจำเป็นต้องมีความเย่อหยิ่งในตัวเองแต่ก็ต้องให้มันพอดีด้วย” ชางกวนอู๋เต๋อพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่ามาพูดแบบนี้กับผม” เย่เชียนพูด “คุณเป็นคนทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้เอง..อย่าคิดว่าคุณจะแสดงเขี้ยวเล็บของคุณออกมาเพียงเพราะคุณมีอำนาจหรืออิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า..ผมจะพูดครั้งสุดท้ายว่าหลังจากที่คุณจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยแล้วผมจะปล่อยเขาไปแต่ถ้าคุณไม่ยอมจ่ายก็เตรียมรอรับเขาในแบบที่เป็นศพก็แล้วกัน”
“แกกล้าดียังไง!” ชางกวนอู๋เต๋อพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าลูกชายของฉันเป็นอะไรไปล่ะก็ฉันจะให้พวกแกชดใช้อย่างสาสมเลยคอยดู!”
“คุณชางกวนดูเหมือนว่าพวกเราคงไม่ต้องคุยกันแล้ว..กลับกันเถอะ” ซงหยานเจิ้งพูด “เย่เชียน..คุณอย่าลืมก็แล้วกันว่าคุณเป็นคนยั่วยุให้เกิดข้อพิพาทนี้เอง..อย่ามาหาว่าผมโหดเหี้ยมก็แล้วกัน..ผมรู้ว่าคุณเป็นพวกมาเฟียรัสเซียแต่อย่าลืมว่าที่นี่คือมาเก๊าและมันเป็นถิ่นของผม!”
หลังจากพูดจบแล้วซงหยานเจิ้งก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความโกรธจากนั้นก็เดินออกไป
“เดี๋ยว!” เย่เชียนตะโกน “คุณคิดว่านี่คือสวนหลังบ้านของคุณงั้นเหรอ..คุณคิดว่ามันเป็นที่ที่คุณจะเข้าแล้วออกตอนไหนก็ได้ที่คุณต้องการอย่างงั้นเหรอ?”
ซงหยานเจิ้งก็ขมวดคิ้วแล้วหันกลับมาพร้อมกับพูดว่า “อะไร?..นี่คุณจะทำอะไรพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
.