ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1009 ซื้อใจคน
ตอนที่ 1009 ซื้อใจคน
……………………………………………………………………..
คำถามของหลินโรวโร่วทำให้เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งและไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะหลินโรวโร่วเป็นแฟนคนแรกของเย่เชียนดังนั้นเย่เชียนจึงรู้ดีว่าหลินโรวโร่วจะเสียใจมากกว่าฉินหยู,หูวเค่อและจ้าวหยากับซ่งหลันอย่างแน่นอน ซึ่งผู้หญิงอย่างหลินโรวโร่วเธอไม่สนใจหรอกว่าเย่เชียนจะมีผู้หญิงมากมายแค่ไหน
ไม่มีผู้หญิงคนใดที่เต็มใจแบ่งปันสามีของเธอกับผู้อื่นและหลินโรวโร่วเองก็ไม่มีข้อยกเว้นแต่เธอรักเย่เชียนอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะให้เขาทำตามใจชอบอย่างไม่มีเงื่อนไขและหวังเพียงว่าจะมีตำแหน่งในหัวใจของเย่เชียนที่เป็นของเธอเอง แน่นอน ว่าเธอไม่รังเกียจเลย เพราะเมื่อเธอเผชิญหน้ากับฉินหยูครั้งแรกเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะครองหัวใจของเย่เชียนแต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และจับมือสงบศึกกับฉินหยูเพราะเธอใจดีและใจกว้างอย่างมาก
ดังนั้นสำหรับเย่เชียนแล้วหลินโรวโร่วจึงเป็นคนที่เขารักมากที่สุดและเป็นคนที่เขารู้สึกผิดกับเธอมากที่สุดนั่นเอง
แม้ว่าเย่เชียนกับซ่งหลันจะรู้จักกันเร็วกว่าหลินโรวโร่วก็ตามแต่ซ่งหลันนั้นมักจะแสดงความรักต่อเย่เชียนในแบบครอบครัวเสมอ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลินโรวโร่วก็เป็นแฟนสาวคนแรกของเขาที่เปิดเผยต่อสาธารณะและถึงแม้ว่าหลินโรวโร่วจะไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆในอาชีพของเย่เชียนก็ตามแต่อาจกล่าวได้ว่าหลินโรวโร่วเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งที่สุดสำหรับเย่เชียนและความอ่อนโยนของเธอก็มีผลอย่างมากต่อเย่เชียน
คราวนี้เย่เชียนมาที่เมืองซีหนิงแน่นอนว่าเพื่อช่วยแม่ม่ายดำจือเหวินและความสัมพันธ์กับเธอก็ยังอยู่ในสถานะที่เป็นความลับ ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่รู้ว่าจะบอกหลินโรวโร่วอย่างไรดี
เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เชียนแล้วหลินโรวโร่วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ามันพูดไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร..พรุ่งนี้ฉันมีงานที่ต้องทำแต่วันนี้เราไปช้อปปิ้งกันเถอะ” การที่เย่เชียนไม่ได้ตอบคำถามหลินโรวโร่วนั้นเธอก็ไม่ได้โกรธเพราะเธอใจดีและมีเหตุผลอยู่เสมอ
“โรวโร่วอันที่จริงผมมาที่นี่เพื่อช่วยจือเหวิน” เย่เชียนพูดหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
หลินโรวโร่วก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก..ฉันเข้าใจว่าชีวิตของคุณไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้และฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะเป็นของฉันคนเดียว” แน่นอนว่าหลินโรวโร่วตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่างแต่เธอก็ใจดีและไม่อยากที่จะขัดขวางชีวิตของเย่เชียน บางคนอาจเรียกเธอว่าโง่แต่ไม่มีใครปฏิเสธตำแหน่งสำคัญที่ของหลินโรวโร่วในใจของเย่เชียนได้เลย
เย่เชียนไม่ได้พูดต่อเพราะจริงๆแล้วหลินโรวโร่วเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและอ่อนไหวง่าย เธอรู้หลายสิ่งหลายอย่างแต่เธอแค่ไม่อยากพูดเพราะถ้าเธอเป็นคนงี่เง่าแล้วเธอจะดูแลโครงการมูลนิธิเพื่ออนาคตได้อย่างไร? และเธอจะจัดการและรับมือกับครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อรับเงินบริจาคได้อย่างไร? ซึ่งซ่งหลันเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าฝึกหลินโรวโร่วให้เก่งได้เธอจะเป็นซ่งหลันอีกคนในแวดวงธุรกิจอย่างแน่นอน
หวังหว่านยู่นั้นเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วและกองกำลังของเขาก็นำทีมโดยหวังฉิงเซิง สำหรับจุดประสงค์คราวนี้หวังฉิงเซิงก็ตื่นเต้นมากกับความพยายามที่หวังหว่านยู่จะจัดการกับหยานซื่อฉุยเพราะเขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นหวังฉิงเซิงจึงเป็นคนที่กระตือรือร้นมากในการฉวยโอกาส แต่บางทีพระเจ้าอาจจะจงใจแกล้งเขาเพราะสิ่งที่เขาได้มานั้นมันไม่เหมาะสมกับความสามารถของเขาเลย เพราะเขาคู่ควรกับตำแหน่งราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือมากกว่าหวังหว่านยู่
ซึ่งคนที่กล้าทำร้ายร่างกายหวังหว่านยู่อย่างบ้าคลั่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือในเมืองซีหนิงและยีงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลโอ่วหยางแบบนี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าภูมิหลังของหยานซื่อฉุยไม่ธรรมดา ดังนั้นหวังฉิงเซิงจะปล่อยให้เธอตายได้อย่างไร? เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างหยานซื่อฉุยกับหวังหว่านยู่นั่นเอง
ในเวลานี้หวังฉิงเซิงกับเหล่าลูกน้องจำนวนมากก็มุ่งตรงไปยังที่พักของหยานซื่อฉุนและไม่ว่าหวังหว่านยู่จะถือว่าหวังฉิงเซิงเป็นสุนัขของตัวเองหรือไม่ก็ตามแต่ในเวลานี้เขาเพียงต้องการใช้คนทั้งหมดเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งนอกจากหวังหว่านยู่แล้วหวังฉิงเซิงก็มีอำนาจเด็ดขาดกับลูกน้องเหล่านี้
แน่นอนว่าหลายๆคนที่ยังอยู่ก็เพียงเพื่อเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและพวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำงานหนักเพื่อหวังหว่านยู่จริงๆและนี่คือความจริงที่เป็นนิรันดร์ การที่หวังหว่านยู่มักจะทำอะไรที่มันโหดเหี้ยมและรุนแรงแบบนี้ใครจะยอมทำเพื่อเขาอย่างจริงใจและใครจะยอมตายเพื่อเขา? ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะต่อให้หวังหว่านยู่จะมีอำนาจมากแค่ไหนแต่ถ้าเขาโหดร้ายและสร้างปัญหามากเกินไปใครๆก็ต้องหนีใช่ไหม? สิ่งที่หวังหว่านยู่บอกกับทุกคนว่าเขาถือว่าทุกเป็นเหมือนพี่น้องและจะดูแลครอบครัวของพวกเขานั้นแน่นอนว่าพวกเขาไม่เชื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสวงหาความสำเร็จในทุกสิ่งที่หวังหว่านยู่สั่งและถ้าหากเป็นไปได้พวกเขาก็เลือกที่จะหนี
รถหยุดอยู่ไม่ไกลจากที่พักของหยานซื่อฉุยมากนักและหลังจากเรียกทุกคนให้ลงจากรถแล้วหวังฉิงเซิงก็เหลือบมองไปที่เหล่าลูกน้องแล้วพูดว่า “ทุกคนรู้ใช่มั้ยว่าครั้งนี้ต้องทำอะไร?”
ทุกคนไม่พูดอะไรและมองไปที่หวังฉิงเซิงและรู้ว่าเขามีอะไรจะพูด “คราวนี้คนที่เราจะเผชิญหน้าด้วยไม่ใช่คนธรรมดา..ขนาดหัวหน้าของเรายังถูกเธอคุกคามและทำร้ายจนบาดเจ็บ..เพราะงั้นฉันจำเป็นต้องบอกทุกคนว่าผลที่จะตามมาหลังจากเหตุการณ์นี้จะเป็นยังไงและนี่คือความรับผิดชอบของฉันเพราะพวกแกคือพี่น้องน้องของฉัน!..ฉันไม่ต้องการให้พวกแกตายแต่หลังจากนี้จะมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมายอย่างแน่นอนหรือแม้กระทั่งเผชิญอันตรายจนต้องหลบหนี..ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วครอบครัวและลูกๆของเราล่ะ?..หัวหน้าจะสามารถดูแลพวกเขาได้เป็นอย่างดีหรือเปล่า..ฉันคิดว่าไม่?..หลังจากติดตามหัวหน้ามานานหลายปีฉันก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง..แน่นอนว่าฉันไม่กลัวถ้าพวกแกจะไปบอกหัวหน้าว่าฉันพูดอะไรในตอนนี้เพราะฉันเป็นห่วงพวกแกทุกคนและอนาคตของพวกแกทั้งหมด..ฉันไม่ต้องการให้อนาคตของพวกแกมาถูกทำลายลงที่นี่”
เมื่อเสียงของหวังฉิงเซิงจบลงเหล่าลูกน้องของเขาทุกคนก็เริ่มประหม่าและลังเล ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับหวังหว่านยู่ดังนั้นสิ่งแรกที่หวังฉิงเซิงต้องทำคือการซื้อใจลูกน้องทุกคนและเปลี่ยนทุกคนให้มาอยู่ฝั่งตนเอง ซึ่งหากเป็นแบบนั้นเขาจะไม่เพียงแค่จัดการกับเย่เชียนและหยานซื่อฉุยเท่านั้นแต่ยังกำจัดหวังหว่านยู่ได้อีกด้วย
“ฉันอยากจะบอกว่าพวกเราทุกคนไม่สามารถทำอะไรคนที่อยู่ข้างในนี้ได้เลยแต่หัวหน้ากลับสั่งให้พวกเรามาตายฟรีๆและต่อให้เราฆ่าคนที่อยู่ข้างในได้ล่ะก็หัวหน้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทั้งหมดและโยนความผิดมาให้เรา..ถ้าเป็นแบบนั้นครอบครัวของพวกเราก็จะตกอยู่ในอันตราย..อย่าลืมสิว่าพวกแกทุกคนมาที่นี่เพื่อหาเงินและมีชีวิตที่ดีแต่ไมได้จะมาตายแบบนี้!” หวังฉิงเซิงพูด “ถ้าทุกคนเชื่อในคำพูดของฉันล่ะก็ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง..พวกแกเป็นเหมือนพี่น้องของฉันเพราะงั้นฉันไม่อยากให้พวกแกตายไปอย่างไร้ประโยชน์เพราะคำสั่งโง่ๆ”
ภายใต้การยุยงและคำสวยหรูของหวังฉิงเซิงนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่เต็มใจที่จะเชื่อฟังคำพูดของเขและถึงขั้นสาบานว่าจะจงรักภักดีไปจนตาย แน่นอนว่าคำสาบานเหล่านี้ไม่สามารถเชื่อได้อย่างเต็มที่แต่นี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหวังฉิงเซิงนั้นมักจะทำตัวเป็นมิตรต่อลูกน้องอยู่เมอและจุดประสงค์ก็เพื่อเอาชนะใจพวกเขาและแนวทางกับทัศนคติของเขาก็ดีกว่าหวังหว่านยู่มากจนทำให้หลายๆคนเชื่อมั่นในตัวเขา
หวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มในใจแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจของพวกแก..ซึ่งครั้งนี้ถ้าเราไม่ลงมือทำเราก็จะไม่สามารถกลับไปอธิบายให้หัวหน้าฟังได้เพราะงั้นเราจะจัดการบ้านทีหลังและพยายามใช้กระสุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้หลีกเลี่ยงการปะทะหรือห้ามฆ่าใครถ้าไม่จำเป็นและปล่อยให้พวกเขาหนีไปซะ..ตราบใดที่เราลงมือทำจริงก็จะไม่มีใครเชื่อว่าเราปล่อยมันไป..ส่วนหลังจากนั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะรับผิดเพียงคนเดียวและฉันจะไม่พาดพิงถึงพวกแกอย่างแน่นอน”
“พวกเรายินดีทำตามคำสั่งของคุณครับ” ลูกน้องตะโกนอย่างแน่วแน่
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังฉิงเซิงก็รู้สึกดีใจอย่างมากและดูเหมือนว่าเขาจะทำสำเร็จแล้ว จากนั้นเจตนาฆ่าที่รุนแรงก็โผล่เข้ามาในดวงตาของเขา ‘หวังหว่านยู่ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือน่ะเหรอ?..หึ..ไม่ช้าก็เร็วแกจะต้องมาคุกเข่าต่อหน้าฉันและเป็นสุนัขรับใช้ของฉัน..ฉันจะทำลายศักดิ์ศรีของแกเอง’ หวังฉิงเซิงคิดในใจ
แน่นอนว่าหยานซื่อฉุยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอไม่เคยคิดว่าหวังหว่านยู่จะกล้าถึงขนาดนี้และกล้าที่จะแก้แค้นเธอจริงๆ เมื่อเธอได้ยินเสียงปืนมาจากข้างนอกหยานซื่อฉุยก็เตรียมพร้อมส่วนจือเหวินที่หลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย
ส่วนตู้ฟู่เหว่ยเองก็ขมวดคิ้วแน่นและเหลือบมองไปที่หยานซื่อฉุยแล้วพูดว่า “ซื่อฉุยออกไปดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?..ใครกล้ามายิงปืนที่นี่?” จากนั้นเขาก็หันไปเหลือบมองที่จือเหวินแล้วพูดว่า “คุณจือไม่ต้องกังวลไปเพราะเราจะไม่ทำร้ายคุณเมื่อคุณถ้าเรานับไม่เจอกับเย่เชียนและเราจะปกป้องคูณด้วยเพาะงั้นไม่ต้องกลัว”
“ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเย่เชียนเพราะงั้นถ้าคุณคิดที่จะใช้ฉันเพื่อล่อลวงเย่เชียนล่ะก็ฉันว่าคุณคิดผิดแล้ว” จือเหวินพูด
การเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของตู้ฟู่เหว่ยแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลคุณไปคุณจือเราจะไม่ทำร้ายเย่เชียนเพราะเราแค่อยากพบเพื่อนของเย่เชียนเท่านั้นเอง..ฉันไม่มีความสนใจเลย..เท่าที่ฉันรู้เย่เชียนมาที่เมืองซีหนิงแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะมาเพราะคุณจริงๆ
เมื่อได้ยินแบบนั้นจือเหวินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและถอนหายใจด้วยความโกรธแต่ไม่พูด ซึ่งในใจของเธอเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเองเพราะถ้าเธอไม่บอกเย่เชียนล่ะก็เย่เชียนคงไม่มาและเธอก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้เลย
.
.