ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1001 ท้าทาย
ตอนที่ 1001 ท้าทาย
……………………………………………………………………..
การวิเคราะห์ของเย่เชียนนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นไปตามคาดเพราะตามข้อมูลที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนให้มาเรื่องโครงการดัดแปลงพันธุกรรมในประเทศจีนแบบเดียวกันกับ CIA นั้นยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามร่างของ CIA เหล่านั้นอยู่ในการครอบครองของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติแล้วดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาไม่กล้าเคลื่อนไหวไปอีกสักพักใหญ่ๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศนั้นทางรัฐบาลได้ส่งบุคลากรนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยระดับแนวหน้าจำนวนมากมาทำการทดลองและวิจัยแต่ยังไม่ได้นำด็อกเตอร์หลี่ฉีมาเข้าร่วมโครงการด้วย เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนั้นเป็นที่แน่นอนว่าสำนักความมั่นคงแห่งชาติจะเตรียมพร้อมมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะดำเนินการณ์ใดๆในประเทศจีนอีก
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเย่เชียนจึงสั่งให้แจ็คส่งคนมาที่นี่ซึ่งจะรับประกันความปลอดภัยของหลี่ซือได้อย่างดี
“บอส!..แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ?” ม่อหลงถาม
“เราก็แค่ไปบุกบ้านของหวังหว่านยู่แล้วฆ่าเขาซะ!” หลี่เหว่ยตะโกน
เย่เชียนกลอกตาไปมาและมองเขาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “นายเคยใช้สมองคิดก่อนหรือเปล่า?..การฆ่าไม่ใช่ทางออกที่ดีและกุญแจสำคัญคือเราจะฆ่าเขาด้วยวิธีไหนถึงจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบ..ต่อให้เราฆ่าหวังหว่านยู่ไปมันก็จะมีหวังหว่านยู่คนใหม่โผล่มาอีก..ดังนั้นสิ่งที่เราทำไม่ใช่เพราะการแก้แค้นให้ดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือแต่จุดประสงค์หลักของเราคือการควบคุมดินแดนนี้ในกำมือ..ส่วนใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสนับสนุนหวังหว่านยู่นั้นฉันก็ไม่สนใจ..ตอนนี้เราควรไปที่โรงแรมที่จือเหวินพักอยู่แล้วค่อยหาวิธีแก้ไขกันทีหลัง”
หลี่เหว่ยก็ทำหน้ามุ่ยและไม่พูดต่อเพราะเขาไม่ได้ไตร่ตรองมากถึงขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่ แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่เย่เชียนจะสื่อและโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ได้คัดค้าน เพราะหลายปีที่ผ่านมาเย่เชียนมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ และเป็นความจริงที่ว่าเย่เชียนนั้นวางแผนได้เก่งมากและหลี่เหว่ยก็ชื่นชมเย่เชียนอย่างมาก
รถก็ค่อยๆขับไปยังใจกลางเมืองซีหนิงในย่านที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ซึ่งโรงแรมแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุด แต่เมื่อเทียบกับโรงแรมในเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นเพียงโรงแรมสามดาวเท่านั้นและการตกแต่งของที่นี่ก็ดูธรรมดามาก
หลังจากจอดรถแล้วเย่เชียนและทั้งสี่ก็เดินเข้ามาที่ห้องล็อบบี้ จากนั้นเขาก็เหลือบมองพนักงานต้อนรับที่ดูขี้เกียจและเบื่อหน่ายที่กำลังทำเล็บอยู่แล้วถามว่า “ขอโทษนะครับมีแขกชื่อจือเหวินพักอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
พนักงานต้อนรับก็เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ทางโรงแรมของเรามีกฎห้ามเปิดเผยข้อมูลของแขกหากไม่ได้รับอนุญาต..คุณจะมาพักที่โรงแรมหรือเปล่า?..หากคุณต้องการให้ลงทะเบียนเข้าใช้บริการแต่ถ้าไม่ก็รบกวนออกไปจากโรงแรมของเราด้วยค่ะ” แน่นอนว่าทัศนคติของเธอไม่ได้แย่เพราะในสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับทัศนคติของพนักงานในอุตสาหกรรมบริการเป็นอย่างมาก แต่คำพูดของพนักงานต้อนรับหญิงคนนี้ค่อนข้างที่จะเสียมารยาทไปหน่อยแต่โชคดีที่เย่เชียนและคนอื่นๆขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจคนแบบนี้
“เราเป็นเพื่อนของคุณจือเหวินเพราะงั้นรบกวนตรวจสอบให้ที..กฎของโรงแรมน่ะเหรอมันกินไม่ได้หรอก” ขณะที่ชิงเฟิงพูดเขาก็หยิบเงินสองร้อยหยวนออกมาแล้วยัดเข้าไปในมือของพนักงานต้อนรับ
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเงินสองร้อยหยวนเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเธอจริงๆเพราะเงินเดือนของเธอนั้นก็ห้าร้อยหยวนแล้ว ดังนั้นเงินสองร้อยหยวนเป็นรายได้ที่มากสำหรับเธอจริงๆ นอกจากนี้เธอก็แค่ตรวจสอบข้อมูลลูกค้าเท่านั้นเองมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “ตกลง..ฉันจะช่วยคุณตรวจสอบให้” พนักงานต้อนรับยัดเงินลงในกระเป๋าของเธออย่างเป็นธรรมชาติและมองไปที่สมุดการลงทะเบียนของแขกที่มาพัก
“ใช่ค่ะ..มีแขกคนหนึ่งชื่อจือเหวิน..แต่เธอเช็คเอาท์ไปแล้วเมื่อสองวันก่อน” ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับพูด
“เช็คเอาท์?” คิ้วของเย่เชียนอดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากันและรู้ได้ว่ามีอะไรผิดปกติ เนื่องจากจือเหวินบอกกับเขาโดยตรงว่าเธอจะรอเธออยู่ที่นี่ดังนั้นเธอจะไม่ไปไหนโดยไม่มีเหตุผลเด็ดขาด เหตุผลเดียวคือมีบางอย่างเกิดขึ้นนั่นเอง “เป็นไปได้ไหมว่าหวังหว่านยู่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว?” เย่เชียนคิดอย่างลับๆและเจตนาฆ่าก็ระเบิดออกมาในดวงตาของเขา
จากนั้นม่อหลงก็ถามพนักงานต้อนรับว่า “แล้วบอสรู้มั้ยว่าทำไมเธอถึงเช็คเอาท์?”
“ฉันก็ไม่รู้แต่ฉันเห็นผู้หญิงที่ดูเหมือนผู้ชายไปกับเธอในวันนั้น..ซึ่งมือของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บและเธอก็มีเลือดออกตลอดทาง” พนักงานแผนกต้อนรับพูด
“ผู้หญิงที่ดูเหมือนผู้ชาย?” เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและม่อหลงก็ถามว่า “บอสเราควรทำยังไงดี?” หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเย่เชียนก็พูดว่า “เราพักกันก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีจะดีกว่า”
“ได้” ม่อหลงก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอเช็คอินห้องVIPสองห้อง”
การหายตัวไปอย่างกะทันหันของจือเหวินทำให้เย่เชียนเป็นกังวลอย่างมากเพราะถ้าหากหวังหว่านยู่เคลื่อนไหวเย่เชียนก็กลัวว่าจือเหวินจะเป็นนอะไร หลังจากนั่งบนโซฟาในห้องแล้วเย่เชียนก็ครุ่นคิดจนเจตนาฆ่าระเบิดออกมารอบๆและทั่วทั้งห้องก็ดูเยือกเย็นในทันที หากมีอะไรเกิดขึ้นกับจือเหวินล่ะก็เย่เชียนจะทำให้ภาคตะวันตกเฉียงเหนือตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแน่นอนและถึงแม้ว่าหวังหว่านยู่จะตายเป็นพันครั้งหรือหมื่นครั้งก็ไม่สามารถชดเชยได้เลย
ถ้าหากเย่เชียนมาพร้อมกับจือเหวินล่ะก็สิ่งต่างๆคงไม่เป็นแบบนี้ ซึ่งทำไมเขาถึงอยากทำภารกิจไร้สาระแบบนั้นจนลืมสิ่งที่สำคัญไปดังนั้นเย่เชียนจึงรู้สึกเสียใจและโทษตัวเองจนสีหน้าของเขาดูเจ็บปวดใจอย่างมาก
เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เชียนแล้วม่อหลงและทั้งสามก็รู้ว่าเย่เชียนนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี “ผมจะไปจับหวังหว่านยู่มาถ้าหากเขาทำอะไรพี่สะใภ้จริงๆ” หลี่เหว่ยพูด
“อย่าล้อเล่นตอนนี้” ม่อหลงจ้องไปที่หลี่เหว่ยและพูด
หลี่เหว่ยไม่เต็มใจแต่เขาก็นั่งลงและหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ตอนนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะตามที่พนักงานต้อนรับพูดว่าจือเหวินถูกพาตัวไปเมื่อสองวันก่อนเพราะงั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็คงเกิดไปแล้ว..ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของหวังหว่านยู่..ส่วนจือเหวินนั้นฉันเชื่อว่าเธอจะไม่เป็นอะไร” ประโยคสุดท้ายทำให้เย่เชียนสบายใจขึ้นมาก
“เดี๋ยวฉันไปสืบมาให้” ม่อหลงตอบและไปมองหลี่เหว่ยกับชิงเฟิง เห็นได้ชัดว่าม่อหลงต้องการให้พวกเขาคอยดูแลเย่เชียนนั่นเอง
เย่เชียนนั้นจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพี่น้องของเขาหมายถึงอะไร เมื่อตระหนักถึงสิ่งต่างๆแล้วเย่เชียนก็รู้สึกเป็นหนี้พวกเขามากมายและเขาก็ยังไม่สามารถมอบบ้านที่มั่นคงแก่พวกเขาได้ สิ่งนี้ทำให้เย่เชียนรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนอาจบอกว่าเย่เชียนเจ้าชู้แต่ทว่าไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้เลยว่าเหล่าผู้หญิงที่รักเย่เชียนนั้นพวกเธอรักเขาอย่างจริงใจและรักอย่างสุดซึ้ง แต่ชีวิตของเขาถูกกำหนดให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างหยุดยั้ง ดังนั้นบางทีจนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดจริงๆแล้วเขาอาจจะหยุดก้าวไปข้างหน้าก็เป็นได้
เย่เชียนก็โบกมือแล้วพูดว่า “หลี่เหว่ย..ชิงเฟิงพวกนายทั้งสองก็ควรกลับไปพักผ่อนซะ..เรานั่งรถกันมาตั้งนานเพราะงั้นฉันเชื่อว่าทุกคนจะต้องเหนื่อยมากอย่างแน่นอน” จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองม่อหลงแล้วพูดว่า “ส่วนพี่ม่อหลงผมรบกวนด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นม่อหลงก็พยักหน้าแล้วหันหลังและออกจากห้องของเย่เชียนไป ส่วนหลี่เหว่ยกับชิงเฟิงก็มองหน้ากันและทั้งคู่ก็ลุกขึ้นแล้วออกไป
เมื่อเห็นพวกเขาออกไปเย่เชียนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งและเอนตัวลงบนโซฟา ในใจของเย่เชียนนั้นรู้สึกอึดอัดอย่างมากเพราะฐานะที่เป็นผู้นำแล้วเย่เชียนก็มั่นคงเสียก่อน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วค่อยจัดการกับสิ่งต่างๆ
ในบ้านของหวังหว่านยู่ก็มีลูกน้องหลายๆคนคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและสั่นไปทั้งตัว แน่นอนว่าหวังฉิงเซิงก็ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของเขา
“ไอพวกขยะไร้ประโยชน์..แม้แต่ผู้หญิงพวกแกยังทำอะไรได้เลยเพราะงั้นพวกแกยังมีหน้ากลับมาอยู่อีกเหรอ?” หวังหว่านยู่พูดเพราะเขาส่งคนเหล่านี้ไปหาข้อมูลของผู้หญิงที่พาจือเหวินไป แต่ใครจะไปรู้ว่าขยะเหล่านี้จะกลับมาอย่างน่าสมเพชจนราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนืออับอายขายหน้าอย่างมาก
“หัวหน้าครับผู้หญิงคนนั้นเก่งเกินไปจนพวกเราทำอะไรเธอไม่ได้เลย..เธอบอกว่าถ้าหากหัวหน้าต้องการตัวจือเหวินก็ไปหาเธอด้วยตัวเอง” หนึ่งในลูกน้องของหวังหว่านยู่พูด
“หืม..กล้าดีจริงๆ..เธอเป็นใคร?” ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า “แล้วพวกแกรู้หรือเปล่าว่าเธอชื่ออะไร?”
“เธอบอกว่าชื่อของเธอคือหยานซื่อฉุยและเธอก็รอให้หัวหน้าไปหาเธอเมื่อไรก็ได้..แต่ว่า..” เมื่อพูดอย่างนั้นลูกน้องก็เหลือบมองหวังหว่านยู่แล้วกลัวจนไม่กล้าพูดต่อ
“อะไรนะ..พูดมาสิ” หวังหว่านยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“เธอบอกว่า..ถ้า..ถ้าหัวหน้ากล้ามากพอก็ให้ไปเผชิญหน้ากับเธอ” ลูกน้องพูดอย่างสั่นเทา
“ปัง” หวังหว่านยู่ทุบโต๊ะข้างๆเขาและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “หยานซื่อฉุยอย่างงั้นเหรอ?..หืม..แกเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหรือเปล่า?” ขณะที่เขาพูดหวังหว่านยู่ก็หันไปมองหวังฉิงเซิง
“ไม่เลย..ผมคิดว่าเธอเป็นแค่คนอวดดีที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลย” หวางฉิงเซิงพูด อันที่จริงแล้วความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้คือยิ่งมีคนมาคุกคามหวังหว่านย่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แน่นอนว่าคนที่กล้าเผชิญหน้ากับหวังหว่านยู่ได้คงจะไม่ใช้คนธรรมดาๆอย่างแน่นอนเพราะไม่มีใครอยากที่จะทนทุกข์ทรมานและอยากตายถึงขนาดนั้นอย่างแน่นอน
“หืม..ใครกันที่กล้าท้าทายฉันคนนี้?..ฉันอยากรู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะแน่สักแค่ไหน!” หวังหว่านยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ออกไปจากที่นี่ซะ”
.
.
.
.
.