ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 346 ช่างกล้าหาญเหลือเกิน!
บทที่ 346 ช่างกล้าหาญเหลือเกิน!
……….
บทที่ 346 ช่างกล้าหาญเหลือเกิน!
ผู่ตานไม่เพียงถูกปลดเปลื้องจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในแค่ตัวเดียว แต่ยังถูกสนมปีศาจที่หกพาตัวไป โดยไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย
เมื่อผู้ติดตามคนแรกและผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขามาถึง นางกลับไม่พบแม้แต่เงาของผู่ตานแล้ว
“เขาไปไหน! ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าดูแลเขาดี ๆ หรอกหรือ!?” นางตบโต๊ะในห้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ จ้องมองเสื้อคลุมสีแดงที่ตกอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าคลุมเครือ
กล้าลักพาตัวชายที่นางหมายปองไป ช่างกล้าหาญเหลือเกิน!
เจ้าของโรงเตี๊ยมตัวสั่นเทา คุกเข่าลงพลางกล่าวว่า “ขอคุณหนูโปรดละเว้นชีวิตด้วย เป็น… เป็นสนมปีศาจที่หกที่พาชายผู้นั้นไป ข้าน้อยไม่อาจห้ามได้”
อีกทั้งไม่กล้าห้ามด้วย
“นังคนป่วยนั่นน่ะหรือ?” คุณหนูคนนั้นเอ่ยขึ้น จากนั้นสีหน้าของนางพลันดำมืดลง ช่างเป็นคนที่กล้าหาญนัก!
“ไป ไปเอาตัวเขาคืนมาจากนาง!”
คุณหนูที่ยังคงคุกรุ่นด้วยโทสะ ก้าวเท้าออกไปนอกประตูบานใหญ่ ทว่าบริวารทั้งหลายกลับไม่มีผู้ใดกล้าขยับกายตาม แม้แต่จะเงยหน้ามองนางก็มิกล้า ฝ่าเท้าที่ยืนหยัดอยู่กลับสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่นยิ่งกว่าเก่า
“คุณหนู…”
เหล่าปีศาจมากมายต่างพากันคุกเข่า ก้มจนศีรษะแทบจะแนบชิดพื้นดิน
“ท่านพ่อมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือเจ้าคะ?” นางหาได้หวาดหวั่นบิดาของตนแม้แต่น้อย
แม้บุรุษผู้นั้นจะมีรูปลักษณ์งามสง่า ผิวพรรณผ่องใสราวกับสตรี ทว่าทุกย่างก้าวที่เหยียบลงบนพื้น เหล่าปีศาจที่อยู่รายล้อมกลับต้องกลั้นหายใจ ยั้งลมหายใจของตนมิให้เล็ดลอดออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ข้ามาดูลูกสาวที่บังอาจจะพาพวกมนุษย์บุกเข้ามายังวังของพวกเรา เพียงเพราะบุรุษคนเดียว! ช่างโง่งมสิ้นดี!”
คนที่เป็นลูกสาวถึงกับไปต่อไม่ถูก แต่นางรู้สึกขุ่นข้องใจยิ่งนัก ก่อนจะเอ่ยสิ่งใด นางกลับถูกอุ้มขึ้นด้วยฝ่ามือของบิดาเสียแล้ว
“ท่านพ่อ ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ…”
ร่างของทั้งสองหายลับไป เหล่าบริวารที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ต่างฉุดร่างที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้น พวกมันโชคดีนักที่วันนี้อีกฝ่ายอารมณ์ดี มิเช่นนั้นคงต้องตายตกไปอยู่เบื้องล่างนานแล้ว
หัวหน้าตะขาบมรกตและฮวนฮวนที่ถูกปล่อยตัวออกมาค่อย ๆ ถอยหลังกลับไปในตรอกเล็ก ๆ จนกระทั่งพ้นสายตา พวกเขาจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทั้งสองนั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุมหนึ่ง ฮวนฮวนหันหน้าดมกลิ่นไปทางหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าได้กลิ่นพี่ผู่ตานแล้ว”
แต่หัวหน้าตะขาบไม่ได้สนใจผู่ตานแม้แต่น้อย “เจ้าไม่ได้กลิ่นของหลิงเยว่บ้างหรือ?”
“ไม่มีนะ อาจารย์หลิงคงไม่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ไม่รู้ถูกโยนไปที่ใด?” ฮวนฮวนเบ้ปาก
หัวหน้าตะขาบมรกตถอนหายใจอย่างเสียดาย รู้อย่างนี้ตอนเข้ามาเขาควรจะทิ้งแมลงไว้กับหลิงเยว่สักตัวก็ยังดี อย่างน้อยจะได้ตามกลิ่นพวกเดียวกันได้
แต่พวกเผ่าปีศาจรังเกียจมนุษย์ขนาดนี้ หลิงเยว่กับโม่จวินเจ๋อไม่ถูกจับไปเป็นทาส ก็คงถูกฆ่าทิ้งแล้วกระมัง?
พวกมนุษย์ช่างอ่อนแอ ตัวบางยิ่งกว่าผู่ตานเสียอีก มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียว!
ทั้งสองมิได้สังเกตเห็นเจ้าเมืองหลวงที่วกกลับมาอีกครั้ง บัดนี้ยืนอยู่เบื้องหลังพวกเขา พลางจ้องมองฮวนฮวนอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งฮวนฮวนหันกลับมา
เมื่อทั้งสองสบตากัน…
เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วตรอก แต่เมื่อคนอื่น ๆ มาถึง กลับไม่พบร่องรอยผู้ใด
หัวหน้าตะขาบมรกตและฮวนฮวนถูกเจ้าเมืองหลวงจับแขนคนละข้างไปแล้ว!
มีผู้บุกรุกล่วงเข้ามาสามรายด้วยกัน ประกอบด้วยสัตว์อสูรสองตนและดอกไม้โลหิตปีศาจหนึ่งดอก ในพริบตาเดียวก็ถูกจับตัวไปเสียแล้วถึงสาม ส่วนอีกรายที่สามารถเข้าไปในค่ายศัตรูได้เพียงลำพังนั้น ก็ดูไม่ต่างอะไรกับถูกจับไปเช่นกัน
ส่วนชิงหลงเล่า อยู่ที่ใด?
ชิงหลงมิได้สุขสบายนัก นางถูกกักขังไว้ภายในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกปีศาจ คาดว่าคงออกมาได้ยากในเวลาอันสั้น
เหลือเพียงหลิงเยว่ที่ยังคงมุ่งมั่นทำภารกิจต่อไป
เผ่านกปีศาจจระเข้นั้นไม่ยินยอมแลกเปลี่ยนไข่วิญญาณให้ แต่นางก็ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งก่อนมาไม่น้อย แม้ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นจะมีดีเพียงความอร่อยลิ้น แต่ไร้ผลลัพธ์พิเศษอันใด
หรือว่าจะมีสิ่งใดผิดพลาดไปกันนะ?
“เผ่านกปีศาจจระเข้มีสถานที่เก็บรักษากระดูกของบรรพบุรุษเช่นนี้หรือไม่…”
หลิงเยว่ยังเอ่ยถามไม่ทันขาดคำ ปุโรหิตน้อยข้างกายก็ส่ายหน้ารัว “ไม่มี แต่พวกมันมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าปักษาวิสุทธิ์ เป็นสถานที่เก็บขนนกของบรรพบุรุษที่สิ้นชีพไปแล้ว”
“เจ้าหนูน้อย เจ้าอย่าบอกนะว่า เจ้าคิดจะลอบขโมยขนนกด้วย?”
เหล่าปลาผู้กระทำผิดถึงกับไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง กระดูกของบรรพบุรุษพวกมัน อย่างน้อยยังสามารถนำไปเคี่ยวเป็นน้ำแกงได้ แต่ลองจินตนาการถึงการนำขนนกไปต้มดูสิ มันจะดื่มได้จริงหรือ?
เหล่าปลาน้อยในที่นั้นต่างแสดงท่าทีรับไม่ไหวออกมา
“แม้ขนนกจะกลืนลงคอยากสักหน่อย แต่…” หลิงเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน นางก็ยังคิดวิธีปรุงขนนกไม่ออก มันคงกินไม่ได้จริง ๆ
แม้จะกินไม่ได้ แต่น่าจะสกัดเพื่อนำไปผสมในอาหารได้กระมัง?
เช่นเดียวกับการสกัดสมุนไพรปีศาจ มันต้องทำได้สิ!
เมื่อผู้นำเผ่านกปีศาจจระเข้ได้ยินว่าหลิงเยว่ไม่เพียงแต่หมายตาไข่วิญญาณและหินวิญญาณเพลิงภายในเผ่าของมันเท่านั้น แม้แต่ขนนกของบรรพบุรุษ นางก็ยังต้องการ มันแทบจะขัดขืนพันธนาการออกมาต่อสู้จนตัวตายไปข้างหนึ่ง!
นางรังแกกันมากเกินไปแล้ว!
“พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มานาน ยังมิอาจคาดเดาถึงสาเหตุที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปลาหมัวอินแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหรือ?”
“ไข่วิญญาณกับขนนก พวกเจ้าก็กินมันเข้าไปมิใช่หรือ? ขนนกเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งการบูชาเท่านั้น ตอนนี้ข้าเพียงแต่นำมันมาทดลองเท่านั้น หากสำเร็จ พลังแห่งเผ่าพันธุ์นกปีศาจจระเข้ย่อมเพิ่มพูนขึ้น บรรพบุรุษผู้หลงเหลือขนนกเหล่านี้ไว้คงพึงใจยิ่งนัก”
“เพราะนับเป็นการช่วยเหลือลูกหลานมิใช่หรือ?”
หลิงเยว่พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยความอดทน แต่เผ่าพันธุ์นกปีศาจจระเข้ยังไม่ยอมคลายความกังวลใจ
“เอาเถิด ในป่าแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์ถึงสามร้อยเผ่า ย่อมต้องมีเผ่าพันธุ์อื่นที่ยินดีร่วมมือกับข้านอกจากเผ่าพันธุ์ปลาหมัวอินอยู่แล้ว พวกเจ้าปล่อยพวกมันไปเถิด”
หลิงเยว่หมดความอดทนแล้ว ดังที่นางได้กล่าวไว้ ย่อมต้องมีเผ่าพันธุ์ที่ยินดีร่วมมือกับนาง เช่น เผ่าพันธุ์ช้างวัวปีศาจ!
แม้แต่ผู้นำปลาหมัวอินยังดูถูกความดื้อรั้นของเผ่าพันธุ์นกปีศาจจระเข้ เพียงขนนกเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ขนาดมันยังยอมสละแม้กระทั่งซากศพของบรรพบุรุษ หรือแม้แต่เนื้อของมันเองด้วยซ้ำ
ไม่ต้องพูดถึงการกินเนื้อของตัวเอง นอกจากจะแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ถือว่ามันค่อนข้างอร่อยทีเดียว!
เผ่าพันธุ์นกปีศาจจระเข้ที่ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระต่างตกตะลึง นางจะปล่อยพวกมันง่าย ๆ เช่นนี้หรือ?
“รีบไปเถิด”
มหาปุโรหิตโบกมือทักทายหัวหน้าเผ่านกปีศาจจระเข้อสูร แล้วเข้าร่วมขบวนการทำอาหารต่อ นอกจากนี้ พวกเขายังได้เรียนรู้อาหารอร่อย ๆ อีกมากมาย เพื่อเตรียมนำไปตั้งแผงขายในเมืองแล้ว
หัวหน้าเผ่านกปีศาจจระเข้พยายามบินหนี จนกระทั่งบินพ้นเขตทะเลสาบไปแล้ว เผ่าปลาหมัวอินก็ไม่ได้ไล่ตาม ทำให้มันรู้สึกสับสนยิ่งนัก
ฮึ! ร่วมมือกับมนุษย์คงไม่มีจุดจบที่ดีแน่!
ส่วนหลิงเยว่ นางไม่ได้ตั้งใจจะเจรจาความร่วมมือทีละเผ่า เพราะจะทำให้ความคืบหน้าช้าเกินไป นางจึงเชิญหัวหน้าเผ่าอื่น ๆ มาโดยตรง ที่นี่มีตั้งสามร้อยเผ่า อย่างน้อยก็น่าจะมีสักสิบกว่าเผ่าที่เต็มใจร่วมมือกับนาง ใช่ไหม?
ผลลัพธ์ออกมาไม่ใช่แค่แย่ แต่เรียกว่าแย่มาก!
นอกจากเผ่าปลาหมัวอินและเผ่าช้างวัวปีศาจแล้ว มีเพียงเจ็ดเผ่าเท่านั้นที่ยอมร่วมมือกับนาง!
หลิงเยว่รู้สึกจนปัญญา แต่ดีที่ภารกิจจำกัดให้แต่ละเผ่าทำอาหารพิเศษได้เพียงสองอย่าง ซึ่งก็เพียงพอให้นางทำภารกิจสำเร็จแล้ว!
ในจำนวนนี้ เผ่าผึ้งยุงปีศาจยินดีมอบน้ำผึ้งส่วนหนึ่งและเหล็กในบรรพบุรุษที่เก็บรักษาไว้ให้หลิงเยว่นำไปศึกษา ส่วนอีกหกเผ่าที่เหลือยังต้องพิจารณาก่อน
พิจารณาอะไรกัน?
มาถึงแล้ว ยังจะพิจารณาอะไรอีก?
หลิงเยว่นำอาหารและสุราเลิศรสออกมาพลางเจรจาเกลี้ยกล่อม เหล่าเผ่าพันธุ์ทั้งหกที่เหลืออยู่ให้ดื่มสุราจนมึนเมา จนพวกเขาต่างรับปากเป็นเสียงเดียวกัน
“หากเจ้าต้องการเนื้อ ข้ายินดีมอบให้ หากเจ้าต้องการบรรพบุรุษ ข้ายินดีมอบให้ นอกจากชีวิตแล้ว พวกข้าล้วนยินยอม!”
หลิงเยว่พอใจยิ่งนัก นางจึงนำวัตถุดิบมากมายเข้าไปในสุสานและศึกษาค้นคว้าร่วมกับเหล่าศิษย์
ภายในสุสานอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวาน ชวนให้ลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง!
……….