ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 345 การแสดงช่างเหนื่อยนัก
บทที่ 345 การแสดงช่างเหนื่อยนัก
……….
บทที่ 345 การแสดงช่างเหนื่อยนัก
ตอนแรกหลิงเยว่คิดจะซื้อไข่หรือซากศพของเผ่าพันธุ์อื่นจากร้านค้าเสียเลย แต่เมื่อคำนวณดูแล้ว การแลกเปลี่ยนกับพวกมันยังคงประหยัดกว่า และยังสามารถใช้ข้ออ้างในการแลกเปลี่ยนเพื่อพูดคุยกับพวกมันได้ เช่น การชักชวนให้พวกมันมาอยู่ฝ่ายมนุษย์และไปก่อเรื่องด้วยกัน
ในขณะที่หลิงเยว่กำลังเจรจาการค้าไม่ค่อยราบรื่นนัก โม่จวินเจ๋อกลับเข้าสู่ดินแดนของเผ่าอสรพิษเก้าเศียรได้สำเร็จ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
แต่เมื่อมองดูอาหารมีชีวิตที่วางอยู่บนโต๊ะ เขากลับไม่มีความอยากกินเลยแม้แต่น้อย
“ท่านไม่พอใจอาหารเหล่านี้หรือ?”
จิ่วหั่วมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย นอกจากราชาปีศาจแล้ว สิ่งที่สนมปีศาจที่สี่โปรดปรานที่สุดก็คือสัตว์อสูรชั้นสูงและเผ่าปีศาจจากป่าปีศาจที่วางอยู่บนโต๊ะนี้ แล้วทำไมนางถึง…
โม่จวินเจ๋อไม่ได้ส่งเสียง แต่มองไปทางเหวปีศาจอย่างเงียบงัน เขาเพิ่งรู้ว่าสถานที่ที่ราชาปีศาจหลับใหลอยู่นั้นคือเหวปีศาจ
เขาอยากเข้าไปสำรวจดูสักครั้ง
“ท่านคงคิดถึงราชาปีศาจ จึงกินไม่ลงสินะ?” จิ่วหลีผู้มีใบหน้าแต่งแต้มสีสันอย่างงดงามยืนหัวเราะอยู่ข้าง ๆ พลางกล่าวว่า “ท่านโปรดวางใจ ท่านจะได้พบราชาปีศาจในไม่ช้าเจ้าค่ะ”
โม่จวินเจ๋อซึ่งใช้แหวนเร้นกายเป็นสนมปีศาจที่สี่หัวเราะออกมาเบา ๆ “เช่นนั้นก็ดี”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านเบื่ออาหารหรือไม่? พวกข้ามีมนุษย์ตัวเป็น ๆ ที่เพิ่งจับมาได้ จะให้พาไปชมหรือไม่เจ้าคะ?”
จิ่วหลีลุกขึ้นอย่างงามสง่า
มนุษย์ตัวเป็น ๆ งั้นรึ?
หรือว่าจะเป็นผู่ตาน?
โม่จวินเจ๋อพยักหน้า “นำทางไปเถิด”
เมื่อนางลุกขึ้น เหล่าอสรพิษเก้าเศียรที่อยู่ในที่นั้นต่างลุกขึ้นพร้อมเพรียง แล้วเดินตามนางออกไป
ส่วนอาหารเป็น ๆ บนโต๊ะต่างก็อ่อนแรง ล้มพับลงบนโต๊ะ ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและทรมาน ครั้งนี้มันรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ครั้งหน้า…
โม่จวินเจ๋อพิจารณามนุษย์ที่ถูกทรมานจนหนังเละเป็นย่อม ๆ ตรงหน้าอย่างพินิจ พอเห็นว่ามิใช่ผู่ตานและมิใช่หัวหน้าตะขาบมรกต เขาเลยคลายความกังวลได้บ้าง พลางย่อกายแล้วใช้ปลายนิ้วเชยคางของบุรุษที่สลบไสลขึ้น
เหตุใดชายผู้นี้จึงดูคุ้นตายิ่งนัก?
เหล่าอสรพิษบริวารเห็นโม่จวินเจ๋อจ้องมองบุรุษผู้นั้นไม่วางตา จึงเอ่ยปากถาม “มิทราบว่า ในบรรดามนุษย์เหล่านี้ ท่านรู้จักบุรุษผู้นี้หรือ?”
“มิใช่เช่นนั้น แต่ข้ารู้จักทายาทของเขา”
ลู่เป่ยเหยียนมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายชายผู้นี้ยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ล้วนมีแก่นปราณอัคคีเพียงธาตุเดียว โม่จวินเจ๋อเลยยากจะเชื่อว่าทั้งสองมิได้มีความเกี่ยวข้องกัน
หรือว่าชายผู้นี้จะเป็นทายาทของตระกูลลู่ที่ถูกขังอยู่ในเขตแดนปีศาจ? และดูจากกระดูกแล้วคนผู้นี้คงอายุไม่เกินร้อยปีเป็นแน่
“นำตัวเขาไปขังไว้ ดูแลให้ดี ต่อไปเราอาจจะใช้ประโยชน์จากเขาได้”
“น้อมรับคำบัญชา!”
โม่จวินเจ๋อหันกลับไปมองจิ่วหลีที่รับคำสั่ง “เจ้าทำได้ดีมาก”
เมื่อจิ่วหลีได้รับคำชม จึงถูกเหล่าอสรพิษตนอื่นมองด้วยความริษยา
“ต่อไปหากจับมนุษย์ได้ ข้าต้องการให้จับเป็นเท่านั้น!”
เสียงขานรับคำสั่งดังกึกก้อง โม่จวินเจ๋อฝืนยิ้มมุมปาก การแสดงนี้ เพิ่งจะเริ่ม เขาก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอให้พวกงูพิษพวกนี้นำพาไปดูสิ่งที่เรียกว่าภารกิจที่สำเร็จลุล่วงโดยเร็วด้วยเถิด!
ส่วนเหวปีศาจ ไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะย่างกรายเข้าไปได้ในตอนนี้
โม่จวินเจ๋ออ้างเรื่องอื่น แล้วกลับไปยังที่พักอันหรูหราที่พวกมันจัดเตรียมไว้ให้
ทันทีที่จากมา พวกอสรพิษเก้าเศียรก็เริ่มซุบซิบกัน
“พวกเจ้าไม่รู้สึกบ้างรึว่านางช่างแปลกประหลาดนัก!”
“จริงด้วย ยิ่งหลังจากที่นางแปลงเป็นมนุษย์ พลังก็ลดลงไปมาก!”
“แม้แต่อาหารโปรดก็ไม่สนใจ ทั้งที่นางไปถึงป่าปีศาจเป็นที่แรก…”
ทันใดนั้น จิ่วหั่วก็เย้ยหยันขัดการสนทนาของพวกมัน “สนมปีศาจที่สี่เพียงแต่บาดเจ็บ ครู่เดียวก็หายแล้ว!”
“นางบอกเจ้าแล้วรึ?” จิ่วโหยวเม้มปาก
“นางบอกข้าแล้ว” จิ่วหลีก้าวออกมา มองสหายร่วมทางอย่างเย่อหยิ่ง “ลมปราณและพลังที่ไม่คงที่เช่นนี้ เป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อเข้าสู่เขตแดนปีศาจ พวกเจ้าไม่รู้หรือ?”
พวกอสรพิษเก้าเศียรไม่รู้เรื่องนี้ รวมทั้งจิ่วหั่วด้วย
จิ่วหลียิ่งลำพองใจ “นางยังบอกอีกว่า บัดนี้โพรงหนอนได้ครอบคลุมไปทั่วแดนมนุษย์แล้ว เมื่อถึงเวลาที่เขตแดนปีศาจเปิดออก หอคอยกระดูกที่พวกเราวางไว้เชื่อมต่อกับโพรงหนอน เหล่ามนุษย์จะถูกปีศาจดูดกลืน!”
“จริงหรือ… ?”
พวกอสรพิษเก้าเศียรต่างตื่นเต้นออกนอกหน้า
จิ่วหลีพยักหน้ายิ้ม ๆ คำพูดของสนมปีศาจที่สี่จะถือเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไรกัน?
“เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจงรีบไปตรวจสอบสิ่งที่อาจตกหล่น อย่าให้ถึงคราที่นางมาตรวจ แล้วพบว่า…”
พูดไม่ทันจบ เหล่าอสรพิษเก้าเศียรต่างเร่งรีบจากไปทันที โครงกระดูกปีศาจนั้นสำคัญยิ่ง แม้ว่าทุกปีพวกมันจะตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็ตาม ทว่ายังคงมิอาจวางใจได้ ต้องทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด!
มิฉะนั้น หากเกิดเรื่องขึ้นที่ใดที่หนึ่ง พวกมันอย่าหวังเลยว่าจะได้ก้าวข้ามขอบเขตพ้นโลกีย์
โม่จวินเจ๋อที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่ในห้องพลันลืมตาขึ้น คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะวางแผนเช่นนี้!
ก่อนหน้านี้ เขาเคยลองเอ่ยถึงเรื่องโพรงหนอนให้จิ่วหลีฟัง นางเพียงแต่ปรายตามองมาด้วยสายตามประมาณว่า ‘เจ้าก็รู้’ ทำให้โม่จวินเจ๋องุนงงอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดตอนนี้…
หากทำลายหอคอยกระดูกได้ โพรงหนอนของสนมปีศาจที่สี่คงไร้ประโยชน์กระมัง?
โม่จวินเจ๋อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย เพียงแต่หลังจากทำลายแล้ว เกรงว่าเขาคงใช้สถานะนี้ต่อไปไม่ได้… เขาจึงไม่ควรรีบร้อน
เมืองหลวงในเขตแดนปีศาจ
ผู่ตานเพิ่งจะไล่ผู้หญิงคนหนึ่งไป อีกคนก็มาอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นางช่างงดงามยิ่งกว่าผู้หญิงคนก่อนหน้าเสียอีก งามราวกับเป็นสตรีในฝัน! และอีกอย่างคือ นางเป็นมนุษย์!
ดูท่าชีวิตนางจะสุขสบายกว่าเขาและพวกมนุษย์ที่ตกเป็นทาสในเมืองหลวงแห่งนี้เสียอีก
สนมปีศาจที่หกจ้องมองผู่ตานอย่างเหม่อลอย “เจ้า…”
“ข้าเป็นอันใด?” ผู่ตานลูบใบหน้าตนเอง ครั้นยังอยู่ในโลกมนุษย์ เหตุใดสตรีทั้งหลายจึงไม่หลงใหลในตัวเขาเช่นนี้บ้าง?
สงสัยพวกนางคงตาบอดกันหมดกระมัง!
สนมปีศาจที่หกโบกมือไปทางบริวาร ทันใดนั้น ค่ายกลกักขังก็ปรากฏขึ้นมาขังนางและผู่ตานไว้ภายใน
“พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใด!”
ผู่ตานเรียกอสรพิษเพลิงออกมา อสรพิษเพลิงพุ่งเข้าหาสนมปีศาจที่หก ทว่ากลับมอดดับลงก่อนจะถึงตัวนางเสียอีก
จบสิ้นแล้ว นางแข็งแกร่งยิ่งนัก!
“มีสิ่งใดพวกเราค่อยพูดจากันดี ๆ พวกเราล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ควรช่วยเหลือกัน มิใช่รังแกกันเช่นนี้!” สนมปีศาจที่หกก้าวเท้าเข้ามา ในขณะที่ผู่ตานถอยหลังไปหลายก้าว
“เจ้าเข้ามาในเขตแดนปีศาจได้อย่างไร?”
สนมปีศาจที่หกถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาฉายแววร้อนรนแวบหนึ่ง
“ก็… เข้ามาแบบนี้อย่างไรเล่า”
แม้ความตายอาจมาเยือนในพริบตา แต่ผู่ตานไม่คิดทรยศหลิงเยว่
เมื่อสนมปีศาจที่หกก้าวเข้ามาใกล้ ผู่ตานก็ถอยหลังไปสิบก้าวพลางพยักหน้ารัว “ใช่ ๆ มังกรปีศาจนั่นแหละพาข้าเข้ามา”
“เจ้าโกหก!”
ผู่ตาน “…”
“ข้าแอบตามนางเข้ามาต่างหาก”
ถ้าตอบแบบนี้คงไม่ติดขัดอันใดกระมัง?
“เจ้าเข้ามาในเขตแดนปีศาจมีจุดประสงค์อันใด?”
ผู่ตานคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “ข้าอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ได้แล้ว ก็เลยมาที่นี่น่ะสิ!”
“อยู่… ไม่ได้หรือ?”
สนมปีศาจที่หกถึงกับตกตะลึง “พวกเขารู้ตัวตนของเจ้าแล้วหรือ?”
“ไม่ ไม่มีทาง ตราผนึกบนตัวเจ้าไม่มีร่องรอยว่าถูกปลดออก พวกเขาไม่มีทางรู้ได้หรอก”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เสื้อคลุมสีแดงของผู่ตานถูกถอดออก เผยให้เห็นร่างท่อนบนเปลือยเปล่า
สตรีในเขตแดนปีศาจ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขาทนไม่ไหวแล้ว!
……….