ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 337 พวกมันเข้าใจผิดอะไรไปหรือไม่
บทที่ 337 พวกมันเข้าใจผิดอะไรไปหรือไม่?
……….
บทที่ 337 พวกมันเข้าใจผิดอะไรไปหรือไม่?
เหล่าปลาที่บาดเจ็บซึ่งถูกบรรพบุรุษเข้าสิงได้ต่อสู้กับปุโรหิตน้อย!
พวกมันไม่เพียงแต่ลงมือเอง แต่ยังเรียกปลาโตเต็มวัยบนเกาะมาร่วมโจมตีในฐานะมหาปุโรหิตคนที่สาม แม้ปุโรหิตน้อยจะมีเพียงคนเดียว แต่ไม่ใช่ว่าจะต่อกรได้ง่าย ๆ เพราะมันยังสามารถเรียกเหล่าปลานักรบมาช่วยสู้ได้เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนทะเลสาบ เสียงโจมตีกลายเป็นเสียงแหลมที่แสบแก้วหู
เหล่าปลาที่ยังไม่โตเต็มวัยในทะเลสาบต่างกระโดดขึ้นฝั่งและใช้ปากกัดคู่ต่อสู้
ปลานักรบที่เฝ้าสุสานอยู่เดิมจะทนเห็นปุโรหิตน้อยที่พวกมันเคารพรักถูกรังแกได้อย่างไร พวกมันจึงวิ่งไปช่วยทั้งหมด!
หลิงเยว่ “???”
ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงได้ต่อสู้กันเช่นนี้?
นางเพียงแค่ให้พวกมันลองชิมน้ำแกงเท่านั้นนะ!
“ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่สั่งให้พวกข้าดื่มน้ำแกงแปลงร่างบรรพบุรุษแล้วสั่งสอนปุโรหิตน้อยกับปลานักรบให้ดี?” หัวโจกผู้ก่อเรื่องย้อนถาม พร้อมกับเหล่าปลาตัวอื่นที่หันมามองหลิงเยว่เช่นกัน
“ข้าพูดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด?” หลิงเยว่งุนงง
ปลาหมายเลขสองผู้ก่อเรื่องทวนคำพูดของหลิงเยว่ก่อนหน้า จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยแววตาฉงนยิ่งกว่า “มิใช่เจ้าที่บอกใบ้ให้พวกข้าทำเช่นนี้รึ?”
หลิงเยว่นิ่งเงียบ
แท้จริงนางเพียงแค่ให้พวกมันผลัดกันดื่ม ลองทดสอบผลลัพธ์ของน้ำแกงที่ปรับปรุงใหม่เท่านั้น ใครเล่าจะคาดคิดว่าจะถูกเข้าใจผิดเช่นนี้
แล้วจะแก้ไขสถานการณ์เช่นไรดี?
หลิงเยว่มองดูความโกลาหลบนท้องฟ้า เสียงอึกทึกครึกโครมราวกับเสียงดนตรีจากแดนนรกแผดลั่น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกอยากเข้าร่วมด้วย แต่ยังควบคุมใจตนไว้ได้
ด้วยความเป็นมนุษย์ นางจึงสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ปลาบาดเจ็บที่เหลือไม่อาจควบคุมตัวเองได้แล้ว พวกมันพากันพุ่งออกไปพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง
ในสุสานขนาดใหญ่เลยเหลือเพียงหลิงเยว่และหม้อดินสามใบ
ขณะที่การต่อสู้กำลังจะทวีความรุนแรงขึ้น ทันใดนั้นผลของน้ำแกงก็หมดลง
น่าเสียดายยิ่งนัก พวกปลานั้นล้วนคลุ้มคลั่งจนตาแดงก่ำ มิได้ยอมหยุดมือแม้แต่น้อย
หลิงเยว่ในฐานะผู้ที่ยังคงมีสติอยู่เพียงผู้เดียว นางนึกไม่ออกว่าควรห้ามปรามเช่นไรดี?
จริงสิ! ของอร่อย!
หลิงเยว่รีบนำขนมโก๋ถั่วเขียวที่มีฤทธิ์ในการรักษาบาดแผลออกมาจากแหวนมิติ กองขนมเล็ก ๆ กองนั้นค่อย ๆ กลายเป็นภูเขาขนมขนาดย่อม แล้วยังมีขนมโก๋ถั่วแดงที่มีสรรพคุณห้ามเลือด…
“ตั้งโต๊ะได้!” หลิงเยว่เอ่ยเสียงใส
“ขนมหวานแสนอร่อยของมนุษย์ที่พวกเจ้าไม่เคยกินมาก่อนอย่างแน่นอน!”
ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยพลังวิเศษดังแว่วไปถึงโสตประสาทของปลาแต่ละตัว พวกมันชะงักงัน หันมามองยังหลิงเยว่… ที่เบื้องหน้านางมีกองขนมตั้งตระหง่านอยู่สองกอง
ของกิน!
เหล่าลูกปลาวัยเยาว์ที่อยู่ใกล้กับขนมมากที่สุดหยุดเคลื่อนไหว พวกมันกระโดดโลดเต้นอย่างยากลำบากเพื่อไปหาภูเขาขนมหวาน พอจะอ้าปากลิ้มลอง ก็ถูกปลาที่แข็งแกร่งกว่าโยนกลับลงไปในน้ำอย่างไร้ความปรานี!
พวกปลาที่กินหญ้ามาตลอด เมื่อเห็นอาหารสองกองที่ไม่เคยพบมาก่อนก็ดุร้ายยิ่งกว่าตอนทะเลาะกันเสียอีก หลิงเยว่ที่ตั้งใจจะห้ามปรามถึงกับอึ้งไป
ปุโรหิตน้อยเดินกะเผลกมานั่งยอง ๆ ข้างกายหลิงเยว่ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความแค้น “แต่เดิมเผ่าปลาหมัวอินของพวกข้านั้นอยู่กันอย่างสงบสุข”
หลิงเยว่ฟังแล้วรู้สึกผิดอยู่บ้าง “แม้ข้าไม่มา ความสงบสุขของพวกเจ้าคงอยู่ไม่ได้นานนักหรอก”
“มังกรปีศาจสูญเสียหัวใจมังกรไปแล้ว ไม่อาจทำร้ายเผ่าปลาหมัวอินได้อีกต่อไป!”
ปุโรหิตน้อยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ หลิงเยว่เห็นดังนั้นจึงส่งชานมสมุนไพรให้อีกฝ่ายถ้วยหนึ่ง
“ในโลกมนุษย์ขณะนี้มีราชินีปีศาจ นางสนมปีศาจที่สอง ที่สี่และสิบเอ็ดปรากฏตัวแล้ว การปรากฏของพวกนางหมายความว่าประตูเขตแดนปีศาจกำลังจะเปิด ราชาปีศาจก็จะฟื้นคืนชีพ สงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง”
ในเมื่อปุโรหิตน้อยใจเย็นลงแล้ว หลิงเยว่จึงเล่าสถานการณ์ในโลกมนุษย์ให้ฟังทันที
“ในวินาทีที่สงครามปะทุขึ้น ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดรักษาความสงบสุขไว้ได้หรอก”
ปุโรหิตน้อยอ้าปากค้าง ความตกตะลึงไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้
“จุดประสงค์ของข้า ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าจะร่วมมือกับมนุษย์หรือไม่?”
“เจ้าให้เผ่าปลาหมัวอินทรยศ แล้วออกจากเขตแดนปีศาจหรือ?!”
ปุโรหิตน้อยโมโหจนแทบจะบีบถ้วยชานมสมุนไพรแตกอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเขายังควบคุมไว้ได้ นี่เป็นเครื่องดื่มที่อร่อย ไม่ควรทิ้งให้เสียเปล่า!
“แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า? พวกเจ้าก็แค่ถูกใช้เป็นอาหารเท่านั้น”
ความจริงทำร้ายจิตใจที่สุด ปุโรหิตน้อยพลันหดหู่ มันจ้องหลิงเยว่อย่างไม่พอใจ แล้ว… จิบชานมสมุนไพรในมือ
ชานมสมุนไพรหวานหอม มีกลิ่นพิเศษที่ปุโรหิตน้อยแยกแยะไม่ออก แต่รสชาติโดยรวมคืออร่อยมาก!
ไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีผลในการรักษาอีกด้วย!
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อเผชิญกับแววตาฉงนของปุโรหิตน้อย หลิงเยว่ยกยิ้มมุมปาก แววตาเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ “เขตแดนมนุษย์นั้นสิ่งดีงามล้วนมีมากมายนัก อยู่กับข้าย่อมดีกว่าเป็นอาหารในปากมังกรเป็นไหน ๆ”
“ข้าจะอยู่กับเจ้า!”
“ข้าด้วย! ข้าด้วย!”
“พี่สาวมนุษย์ เขตแดนมนุษย์มีอาหารที่อร่อยกว่าขนมนี้หรือไม่?”
“ถ้ามีเช่นนั้น ข้าก็…”
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่รอบกายของหลิงเยว่และปุโรหิตน้อยเต็มไปด้วยปลาน้อยใหญ่ที่นอนกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่ปลาที่โตเต็มวัยก็ยังเข้ามาฟังอย่างเงียบ ๆ
“ตกลงตามที่เขาขอเถิด!”
“ใช่ ๆ ขนมสีแดงนี่อร่อยจริง ๆ!”
“อืม อร่อย!”
ปลาน้อยใหญ่ต่างถูกขนมเพียงชิ้นเดียวซื้อใจไปจนหมดสิ้น ปุโรหิตน้อยได้แต่มองฟ้าด้วยแววตาว่างเปล่า เมื่อมหาปุโรหิตและผู้นำเผ่ากลับมา มันจะอธิบายกับพวกท่านอย่างไรดี?
“นางไม่ประสงค์ดีหรอก พวกเจ้าอย่าลืมสิ นางอาจจะหลอกล่อพวกเราไปยังเขตแดนมนุษย์เพื่อเป็นอาหารก็ได้!”
กลางฝูงปลา มีปลานักรบตัวหนึ่งว่ายออกมา พลางพูดแล้วเลียขนมอย่างเอร็ดอร่อย
เลียขนมไปได้คำหนึ่ง มันก็ชี้ไปที่ปลาที่ได้รับบาดเจ็บถูกพันด้วยเปลือกไม้ “นี่แหละ จุดจบของพวกเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้”
เหล่าปลาที่บาดเจ็บต่างมองบาดแผลของตนเองแล้วเบะปาก “พวกข้าเต็มใจ!”
“มนุษย์ผู้นั้น นางมิได้แตะต้องอาหารเลย และยกให้พวกเรากินจนหมด”
“ไม่เพียงเท่านั้น นางยังมอบสิ่งดี ๆ ให้พวกเรามากมาย…”
ปลาที่ได้รับการว่าจ้างเกือบจะหลุดปากเผยความลับเรื่องอาหารอร่อยชนิดอื่น จึงรีบปิดปากเงียบ มันเชื่อมั่นในตัวมนุษย์ผู้นี้ นางไม่มีทางทำร้ายพวกมันอย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นว่าเหล่าปลาบาดเจ็บต่างปกป้องหลิงเยว่ ปุโรหิตน้อยก็ครุ่นคิด เขาเคยได้ยินว่าในแดนมนุษย์มีวิชาชั่วร้ายมากมาย เช่น วิชาสะกดใจ เป็นต้น
ตอนนี้เหล่าปลาที่ทำผิดก็ดูเหมือนถูกหลิงเยว่สะกดอยู่ใจมิใช่หรือ?
ตอนนี้เป็นเพียงไม่กี่ร้อยตัว อนาคตอาจจะทั้งเผ่าพันธุ์ก็เป็นได้ ถึงตอนนั้น พวกมันคงยินดีมอบเนื้อและกระดูกให้หลิงเยว่ไปต้มกินเป็นแน่
เรื่องนี้ช่างน่าหวาดกลัวนัก!
ปุโรหิตตัวน้อยถึงกับตัวสั่นเทา มนุษย์นั้นขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์เพทุบาย แม้ตอนนี้จะทำตัวเป็นมิตร แต่ใครจะรู้ว่าต่อไปจะร้ายกาจเพียงใด…
หลิงเยว่นั้นอ่านความคิดของปุโรหิตน้อยไม่ออก แต่พอเห็นสีหน้าก็พอเดาได้ว่า มันคงคิดว่านางเป็นคนชั่วช้าเลวทรามเป็นแน่
ยิ่งอธิบายมากเท่าไหร่ ปุโรหิตน้อยยิ่งคิดมากขึ้นเท่านั้น สู้ทำให้มันดูไปเลยดีกว่า
ทำน้ำแกงปลานักรบดีไหมนะ?
สามชามคงกินลำบาก หลิงเยว่จึงคิดจะทำจากโครงกระดูกบรรพบุรุษทั้งหมดทีเดียว จากนั้นค่อยลองทำอาหารชนิดอื่น ๆ นางยังเหลืออีกตั้งแปดอย่างกว่าจะครบตามที่ภารกิจกำหนดไว้
“ไปกันเถอะ ข้าจะสอนสูตรน้ำแกงแปลงร่างบรรพบุรุษให้เจ้าเอง”
ปุโรหิตน้อยไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับลากขาที่ยังไม่หายดีเดินตามนางไปอย่างอ่อนแรง
มิใช่ว่ามันยอมร่วมมือ แต่มันตกลงกับนางไว้แล้ว หากไม่เรียนก็จะเสียเปล่า!
แต่ในสายตาของปลาตัวอื่น การกระทำนี้คือการยอมแพ้ ปลาที่เคยมองหลิงเยว่ในฐานะมนุษย์อย่างไม่เป็นมิตร จึงได้แต่เก็บงำความรู้สึกไว้
พวกมันจะเฝ้าสังเกตการณ์มนุษย์ผู้นี้ไปก่อน หากนางคิดร้าย พวกมันจะสังหารนางเสีย!
……….