ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 333 มังกรปีศาจมาแล้ว!
บทที่ 333 มังกรปีศาจมาแล้ว!
……….
บทที่ 333 มังกรปีศาจมาแล้ว!
หลิงเยว่นั้นทะเยอทะยานยิ่งนัก นางรู้ดีว่าเพียงอาศัยพลังบรรพบุรุษมาเข้าร่าง คงไม่อาจขึ้นเป็นรองผู้นำเผ่าผู้ทรงอำนาจได้ แต่นางมีแผนการอันแยบยล ครั้งนี้จะต้องไม่ล้มเหลวกลางคันเป็นแน่!
หลิงเยว่แอบมายังถ้ำเล็ก ๆ ริมเกาะ นั่งเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นานก็รู้สึกว่า โม่จวินเจ๋อเริ่มขยับเขยื้อน
“เจ้าฟื้นแล้วรึ!” หลิงเยว่ถาม พลางแก้มัดให้อีกฝ่าย
“รอสักครู่ ข้าจะใช้วิชาการรักษาขั้นสูงให้ แผลของเจ้าจะได้หายเร็วขึ้น”
“ว่าแต่ เจ้ากับศิษย์พี่สี่ไปอยู่ในมิติของหอคอยกระดูกนั่นได้อย่างไร?”
โม่จวินเจ๋อเพียงแต่จ้องมองหลิงเยว่ด้วยแววตาไร้เดียงสา
“ระบบ เขาฟังข้าไม่ออกรึ?”
[เป็นเช่นนั้น]
เช่นนั้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่านางจะพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์หมดเลยหรือ?
[สื่อสารด้วยภาษาปลาหมัวอิน ราคาหนึ่งล้านค่าพลังวิญญาณ ต้องการซื้อหรือไม่?]
หลิงเยว่เอ่ย “แล้วไม่ซื้อได้ด้วยหรือ?”
นางกัดฟันแน่น ก่อนตัดสินใจซื้อมันให้โม่จวินเจ๋อ เพราะหากอยู่ในเขตของเผ่าปลาหมัวอิน การอยู่ในร่างมนุษย์นั้นอันตรายเกินไป!
[การซื้อสำเร็จ]
หลิงเยว่เอ่ยถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง โม่จวินเจ๋อมีแววตระหนกฉายในดวงตากลมโต เขา… เข้าใจสิ่งที่นางพูดแล้ว!
“เดิมทีข้ากับผู่ตานเข้ามาในหุบเขาโบราณตะวันตกเพื่อตามหาเผ่าวิญญาณผู้พิทักษ์ แต่น่าเสียดายที่พวกข้าหาพวกมันมาหนึ่งปียังไม่พบร่องรอยใด…”
โม่จวินเจ๋อเล่าเรื่องราวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เข้ากับร่างกายเล็กจิ๋วของเขาเท่าฝ่ามือเลยสักนิด
เดิมที หอคอยกระดูกคือเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างดินแดนตะวันตกและดินแดนทางตอนเหนือ นางสนมปีศาจที่สี่ต้องการสิ่งใดกันแน่?
ทว่าในตอนนี้นางสนมปีศาจคงไม่อาจทำสิ่งใดได้ เพราะหัวใจมังกรยังอยู่ในมือของหลิงเยว่ นางไม่อาจกลับคืนร่างเดิมได้ พลังย่อมลดลงมาก แม้แต่เขตแดนปีศาจก็กลับไปไม่ได้ คงต้องหลบซ่อนตัวไปอีกนาน
ส่วนเรื่องความวุ่นวายในโลกมนุษย์ แม้ว่าหลิงเยว่จะอยู่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะนางยังฝึกฝนวิชาการรักษาไม่สำเร็จ เทียบกับดอกบัวเพลิงทองคำและดอกบัวเพลิงสีม่วงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ดอกบัวทั้งสองนั้นมีประโยชน์กว่านางมากนัก!
“เช่นนั้น เจ้าและพี่สี่ก็ไม่ได้รับของขวัญจากข้าหรือ?”
“ของขวัญอันใดหรือ?”
“ตำแหน่งของเพลิงพิสดาร”
มุมปากของโม่จวินเจ๋อเผยยิ้มน้อย ๆ หลิงเยว่ทำตามสัญญาจริง ๆ แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
เหตุใดนางจึงสามารถพาพวกเขามายังเขตแดนปีศาจได้?
เหตุใดเขาจึงสามารถอยู่ในร่างของลูกปลาหมัวอินได้นานเช่นนี้?
ชาแปลงร่างล้วนมีเวลาจำกัด เหตุใดครั้งนี้จึงไม่มี?
โม่จวินเจ๋อเพิ่งจะเอ่ยปากถาม หลิงเยว่ก็รีบส่งเสียง “ชู่” นางได้ยินเสียงฝีเท้า เหมือนมีปลาว่ายมาทางนี้
“ค้นให้ละเอียด! ต้องหาเจ้าปลาวายร้ายที่ขโมยของไปให้พบก่อนมืด!”
เจ้าปลาวายร้าย… คงไม่ได้หมายถึงนางกระมัง?
หลิงเยว่ก้มมองปลาตัวน้อย
พอโม่จวินเจ๋อได้ยินประโยคนั้น เขาก็มองหลิงเยว่เป็นคนแรกเหมือนกัน
ดูท่าเจ้าปลาวายร้ายคงจะหมายถึงนางจริง ๆ แต่ไม่ใช่นี่… น้ำแกงในหม้อนางก็ทำเอง ส่วนปลาที่ถูกแล่เนื้อก็ยอมให้แล่เองแท้ ๆ!
อืม… นางแค่หยิบโครงปลากลับไปด้วยอีกอันก่อนจะจากมา ถ้าจะเรียกว่าเจ้าปลาวายร้ายก็นับว่า… ไม่ผิดกระมัง…
หลิงเยว่รีบนำร่างของโม่จวินเจ๋อแขวนไว้กับตัว แล้วรีบร้อนออกจากถ้ำแห่งนี้ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ต้องหาที่ที่ปลอดภัยเพื่อรักษาโม่จวินเจ๋อเสียก่อน นางถึงจะเริ่มแผนการได้!
ปลาสามตัวที่มาตามหานางนั้นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก!
ในขณะที่หลิงเยว่หลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่นั้น ปลาสามตัวที่นางเอ่ยถึงก็กำลังสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก พวกมันนั่งลงบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหม้อหินใบใหญ่
“หากพวกเจ้ายังไม่ยอมปริปากบอกที่ซ่อนของพวกเดียวกันที่ลักขโมยหม้อนั่น วันนี้ ข้าผู้นำเผ่าจะต้องสังหารพวกเจ้าให้สิ้น!”
“จะ… จะเรียกว่าขโมยได้อย่างไรเล่า? ในเมื่อนางเป็นคนทำเอง”
ถึงแม้ปลาตัวนั้นจะนำเนื้อของพวกมันไปก็จริง แต่พวกมันหาได้โทษนางไม่ พวกมันเชื่อมั่นว่านางจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน!
ปลาน้อยตัวหนึ่งเลียริมฝีปากด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ถึงแม้ผู้นำเผ่าจะสังหารพวกมัน พวกมันก็ยินดีตายโดยไม่เสียใจ…
เพราะอย่างน้อย พวกมันก็ได้ลิ้มลองอาหารที่แสนอร่อยที่สุดในโลก เพียงแต่น่าเสียดายที่ชามใบนั้น ภายหลังที่กินเนื้อปลาและซดน้ำแกงจนหมดแล้ว มันกลับจมหายไปในบ่อลงทัณฑ์จนหมดสิ้น
เมื่อเห็นว่าเหล่าปลาผู้กระทำผิดหาได้สนใจคำข่มขู่ของผู้นำเผ่าไม่ มหาปุโรหิตจึงชี้ไปยังโครงกระดูกบรรพบุรุษ “เช่นนั้น หากหม้อศิลานั่นเป็นของนางจริง พวกเจ้าจะอธิบายเรื่องโครงกระดูกของบรรพบุรุษที่หายไปอีกร่างได้อย่างไร? ”
แต่เดิมมันเห็นแก่น้ำแกงแปลงร่างบรรพบุรุษแล้วตั้งใจจะอภัยให้ความผิดที่นางเคยก่อไว้ แต่บัดนี้ ฮึ…
เว้นแต่ว่านางจะนำน้ำแกงและโครงกระดูกบรรพบุรุษกลับมา แล้วสอนมันวิธีทำน้ำแกงแปลงร่างบรรพบุรุษนั่นอีกครั้ง!
“บางทีอาจถูกลมพัดกระจัดกระจายแล้วถูกฝังลงดินไปแล้วกระมัง?”
“ใช่แล้ว อย่างไรพวกข้าก็ไม่เห็นว่ามีใครเอาไป เห็นแต่พวกเจ้าทั้งสามสลบไปเท่านั้น”
เหล่าปลาอ้าปากพูดเหลวไหล ทั้งยังมีปลาบางตัวที่ไม่กลัวตายโผล่หัวออกมาขอให้ฆ่าอีกด้วย
ปลาผู้นำโกรธมาก จนรู้สึกชั่วขณะหนึ่งว่าอยากฆ่าปลาสักตัวเพื่อข่มขวัญเหล่านักโทษที่ไม่ยอมเชื่อฟังพวกนี้จริง ๆ!
“แล้วลูกปลาน้อยที่ข้าวางไว้ตรงนี้เล่า?”
ปุโรหิตน้อยชี้ไปที่ก้อนหินใหญ่ที่หลิงเยว่เคยใช้ทำแพนเค้ก ที่จริงในใจก็รู้แล้วว่าปลาตัวไหนเป็นคนทำ ทั้งยังได้ส่งนักรบและหน่วยลาดตระเวนในทะเลสาบออกตามหานางทันที แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย
พวกปลาที่ทำผิดมองหน้ากันไปมา ราวกับถามพวกพ้องของตนว่า ‘เคยมีลูกปลาน้อยนอนอยู่บนก้อนหินหรือ?’
ปลาทั้งหลายต่างส่ายหัว พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาด้วยซ้ำ
คราแรกกลิ่นหอมเย้ายวนจนยากจะละสายตา ใครเล่าจะสนใจปลาน้อยเพียงตัวเดียว
“พวกเจ้าว่า ปลาตัวนั้นอาจเป็นมนุษย์ที่หายไปคนใดคนหนึ่งหรือไม่?”
แน่นอนว่าผู้นำย่อมไม่โง่งม ในกะโหลกปลาของมันยังพอมีสติปัญญาอยู่บ้าง
“นางจ้องปลาน้อยตัวนั้นตาเป็นมัน…” ปุโรหิตน้อยเสริม
จากนั้นปลาทั้งสามต่างจ้องตากัน แล้วก็ได้คำตอบที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ปลาน้อยตัวนั้นเป็นพวกเดียวกับนางแน่นอน! และตอนนี้พวกมันคงหนีออกจากทะเลสาบไปแล้ว! แถมยังเอาโครงกระดูกบรรพบุรุษกับน้ำแกงแปลงร่างบรรพบุรุษไปด้วย…
จะหนีไปก็ช่างเถิด แต่เหตุใดไม่ทิ้งสูตรไว้ให้บ้างเล่า!
มหาปุโรหิตเศร้าสร้อย มนุษย์ไม่ใช่หรือที่ควรตอบแทนน้ำใจแม้เพียงน้อยนิด ที่พวกเขาช่วยรักษาเพื่อนของนางแท้ ๆ
“ท่านอาจารย์ น้ำแกงนั้นพวกข้าได้ลองลิ้มรสมาแล้ว หากต้องการเลียนแบบย่อมมิใช่เรื่องยาก”
คำกล่าวของปุโรหิตน้อย ทำให้ดวงตาของผู้นำปลาเป็นประกาย “ถูกแล้ว! ความสามารถของเจ้าก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด พวกเจ้าต้องทำสำเร็จได้แน่!”
“พวกเจ้าเอาโครงกระดูกเหล่านี้ไปปรุงน้ำแกงดูเถิด รับรองว่าพวกเขาจะไม่ตำหนิพวกเราหรอก”
เหล่าปุโรหิตต่างมองผู้นำปลาด้วยสายตาแปลกประหลาด เหตุใดถึงกลับคำได้ง่ายเช่นนี้เล่า?
เมื่อผู้นำปลาเอ่ยเช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะกล้าขัดได้อย่างไร? เหล่าปุโรหิตจึงขนเอาหม้อดินสามขาใบเดิม มาวางยังตำแหน่งเดียวกับที่หลิงเยว่เคยใช้
อีกทั้งพวกเขายังไต่ถามปลาในบ่อลงทัณฑ์ถึงวิธีการจัดการสมุนไพรปีศาจของหลิงเยว่ด้วย เพราะพวกเขาต้องการเลียนแบบทุกอย่างให้เหมือนเป๊ะ!
น่าเสียดายที่ปลาเหล่านั้นกลับตอบไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว ทำเอาผู้นำปลาโกรธจัด จับปลาพวกนั้นมาลงทัณฑ์อย่างทารุณ เสียงร้องโหยหวนก้องไปทั่ว
พวกมันไม่รู้จริง ๆ เพราะตอนที่หลิงเยว่เคี่ยวน้ำแกง พวกมันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดู!
“พวกโง่เขลา!”
ผู้นำปลาสบถ ก่อนจะโยนปลาที่บาดเจ็บลงไปในบ่อลงทัณฑ์ดังเดิม
ตู้ม!
เสียงดังขึ้นเมื่อร่างนั้นร่วงลงสู่ผืนน้ำ ตามมาด้วยเสียงคำรามกึกก้องของมังกร สร้างความหวาดผวาให้แก่ปลาหมัวอินเป็นอย่างยิ่ง
“มังกร! มังกรปีศาจมาแล้ว!”
มหาปุโรหิตจำได้ดีถึงเสียงคำรามอันน่าเกรงขาม ร่างกายของมันสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่น
……….