ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 326 ไม่จำเป็นต้องทำพิธีใหญ่โตเช่นนี้
บทที่ 326 ไม่จำเป็นต้องทำพิธีใหญ่โตเช่นนี้
บทที่ 326 ไม่จำเป็นต้องทำพิธีใหญ่โตเช่นนี้
หลิงเยว่แอบย่องเข้าไปในเขตที่เรียกว่าพื้นที่รักษาบาดแผล ที่นี่มีปลาบาดเจ็บนอนอยู่มากมาย นางมองไปรอบ ๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังด้านในสุด
โม่จวินเจ๋อ ลูกปลาตัวน้อยถูกล้อมรอบด้วยปลานักรบ ภายในวงล้อมของปลานักรบยังมีสองชั้น รวมทั้งหมดสามชั้น ชั้นในสุดมีสามตัว ภายในนั้นมีอยู่สองตัวที่ดูรักสวยรักงาม ตัวหนึ่งสวมเครื่องประดับกระดูกปลาบนหัว อีกตัวถือกระดูกหางปลาที่ดูคุ้นตา คล้ายกับมีดปลาที่หลิงเยว่ใช้เมื่อครู่
ส่วนที่เหลืออีกตัวน่าจะเป็นปลาโตเต็มวัยหมายเลขสองที่พูดพร่ำโดยไม่หายใจเมื่อคืนนี้ หลิงเยว่รู้สึกว่านอกจากปลาสองตัวที่ดูรักสวยรักงามแล้ว พวกที่เหลือในสายตานางก็ดูเหมือนกันไปหมด
ลูกปลาตัวน้อยที่ถูกปลาโตเต็มวัยล้อมรอบดูน่าสงสารนัก หลิงเยว่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ดึงดูดความสนใจของปลานักรบเสียแล้ว ก่อนที่พวกมันจะเดินมาสอบถาม นางก็รีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
โลหิตวิเศษในร่างโม่จวินเจ๋อดูมีชีวิตชีวา อาการบาดเจ็บน่าจะทุเลาลงมาก นางยังคงไม่เข้าไปใกล้…
“เจ้าวิ่งหนีทำไม!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะหยุด ถ้าหากพูดไม่รู้เรื่องแล้วโยนนางลงบ่อลงทัณฑ์อีกจะทำอย่างไร?
หลิงเยว่รีบวิ่งเร็วขึ้น คราวนี้นางเริ่มรู้สึกถึงผลของการกินอาหารวิเศษเสียที เพราะนางวิ่งได้เร็วมาก ครีบด้านหลังของนางเริ่มโบกพัด นาง… สามารถขยับปีกได้ อีกนิดเดียวก็จะบินได้แล้ว!
น่าเสียดายนัก นางช้าไปเพียงก้าวเดียว
หลิงเยว่จึงถูกจับอีกครั้ง ปลานักรบสองตัวจับครีบของนางไว้ข้างละตัว
“วิ่งเร็วนักนะ!”
ตาสองคู่จ้องมองนางอย่างดุร้าย พวกมันออกแรงกระชากแล้วโยนหลิงเยว่ไปยังกลางพื้นที่รักษา
“บรรพบุรุษเรียกเจ้าไปพบ!”
เสียงเพิ่งหายไป หลิงเยว่ก็ล้มคว่ำอยู่แทบเท้าของผู้ที่เรียกว่าบรรพบุรุษเสียแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องคำนับใหญ่โตเช่นนั้น ลุกขึ้นเถิด”
ปลาเฒ่าสวมเครื่องประดับกระดูกปลาบนศีรษะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจแยกแยะอารมณ์ได้
“บอกข้ามาว่าเจ้าพบลูกปลาบาดเจ็บที่ใดกัน?” ปลาเฒ่าที่ถือไม้เท้ากระดูกหางปลาถามขึ้น
“ริมฝั่ง แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหน” หลิงเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางเบนสายตาไปยังร่างน้อยของโม่จวินเจ๋อที่นอนแน่นิ่ง บาดแผลที่ท้องของเขาดูเหมือนจะจางลงอย่างที่ปลาใหญ่หมายเลขสองกล่าวไว้
ไม่รู้ว่าน้ำแกงปลาสมุนไพรจะได้ผลกับโม่จวินเจ๋อหรือไม่
ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก พวกมันมาขวางทางนางที่จะป้อนน้ำแกงให้โม่จวินเจ๋ออีกแล้ว!
ไม่ได้การ นางต้องหาวิธีไล่พวกมันออกไป แล้วค่อยป้อนน้ำแกงให้เขา…
ดวงตากลมโตของหลิงเยว่ฉายแววขึ้นมา นางคิดแผนการได้แล้ว แต่ต้องรอให้นางออกไปจากที่นี่ก่อนจึงจะลงมือได้
“ประหลาดนัก เหตุใดมังกรจึงปล่อยอาหารอันโอชะเช่นนี้ไปได้”
“หรือว่ามันตัวเล็กไป”
ปลาเฒ่าเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองไปที่โม่จวินเจ๋อ ตัวแค่นี้คงเล็กกว่าซอกฟันมังกรอีกกระมัง คาดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุมากกว่า
แต่ตรวจสอบจำนวนปลาในเผ่าแล้ว นอกจากพวกที่ตายเพราะแก่ ตายเพราะต่อสู้ และตายเพราะกินพืชมากเกินไป จำนวนปลาก็ยังคงเท่าเดิม
ซึ่งจำนวนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจระบุได้แน่ชัด ทำได้เพียงคาดคะเนคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะในแต่ละวันมีลูกปลาวัยเยาว์เกิดใหม่หลายร้อยล้านตัว ใครเล่าจะมีเวลานับทีละตัวกัน?
ในเมื่อมังกรปีศาจปรากฏตัวแล้ว เหตุใดจึงยังไม่มากินอีก?
มันกำลังเก็บงำอะไรอยู่หรือ?
ปลาเฒ่าถอนหายใจ แล้วเหลือบมองหลิงเยว่ด้วยสายตาดูแคลน พลางพ่นฟองอากาศ “เจ้ายังอยู่ที่นี่ทำไมกัน?”
ให้บอกตำแหน่งที่แน่ชัดยังบอกไม่ได้ จะเก็บนางไว้ทำไม!
หลิงเยว่ที่ถูกดูแคลนเดินจากไปอย่างร่าเริง กระโดดโลดเต้นส่ายหางไปมา ทำให้สามผู้ยิ่งใหญ่ต้องเบือนหน้าหนีพร้อมกัน เพราะเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ พวกมันอดไม่ได้ที่จะตระหนักถึงความน่าเกลียดของตน!
หลิงเยว่นำปลาโตเต็มวัยสิบแปดตัวเข้าไปในสุสานบรรพบุรุษ แรกเริ่มพวกมันไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นไข่นกปีศาจสิบกว่าฟอง พวกมันก็ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนเองได้ แล้วเดินตามเข้าไปทันที…
พอเข้าไปยังมิทันได้คารวะบรรพบุรุษ กลิ่นหอมของน้ำแกงก็โชยมา
อะไรกัน… หอมเช่นนี้เชียวหรือ?
เหล่าปลาตัวโตว่ายตามกลิ่นหอมมาถึงบ่อลงทัณฑ์ แล้วเบิกตากว้าง
“พวกเจ้า… ถูกขังอยู่ในบ่อลงทัณฑ์เช่นนี้ ยังคิดจะกินอีกหรือ!”
“พวกเจ้ากล้าลงมือกับพวกเดียวกันเชียวหรือ!”
“เนื้อมากมายปานนี้ ค่ำ ๆ คงมีสักสองตัวที่ต้องกลายเป็นเหยื่อ…”
ปลาตัวโตที่ถูกจ้างวานก็จ้องมองหลิงเยว่ด้วยสายตาเหี้ยมโหด พวกเดียวกันที่อยู่ในบ่อไม่มีทางปีนขึ้นมาได้ คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเจ้าเด็กนี่!
หรือว่าที่หลอกล่อพวกเขาเข้ามาในสุสานบรรพบุรุษ ก็เพราะคิดจะฆ่าพวกเขากิน!
“พล่ามอะไรกัน นั่นข้าแล่เนื้อตัวเองกินต่างหาก เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า!?”
“ถ้าพวกเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจะกินพวกเจ้าให้หมดนี่แหละ!”
ในขณะที่ปลาทั้งสิบแปดตัวกำลังจะลงมือ พวกปลาในบ่อก็ข่มขู่ พวกมันต่างพูดขึ้นมาคนละคำสองคำ ซึ่งสามารถหยุดยั้งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้
พวกปลาที่ถูกลากมาไม่ได้หยุดเพราะถูกข่มขู่ แต่เพราะได้ยินพวกปลาในบ่อพูดว่ากรีดเนื้อตัวเอง พวกมันถึงกับตกตะลึงจนหยุดมือไป
“พวกเจ้าพูดว่าอะไรนะ? กรีดเนื้อตัวเอง?”
“ไม่ได้ไปทำร้ายปลาตัวอื่น?”
“พวกเจ้า…”
พี่ใหญ่ในบ่อลงทัณฑ์ขยับตัวอย่างยากลำบาก เผยให้เห็นร่างกายที่ถูกพันด้วยเปลือกไม้และมีรอยบุ๋ม ปลาตัวอื่นที่อยู่ข้าง ๆ ก็ทำตามปลาที่ร่างกายขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดทำให้เหล่าปลาที่ถูกลากมาถึงกับตาค้าง พวกมันรู้สึกสับสนไปหมด
สมองของพวกมันโดนหญ้าหมัวอินสะกดหรืออย่างไร ถึงได้ทำเรื่องน่าตกตะลึงเช่นนี้ลงไปได้!?
“เจ้าเป็นคนทำรึ?”
หลิงเยว่ที่ถูกถามพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย และเล่าถึงคำขอร้องของเหล่าปลาในบ่อให้ฟัง
ถึงแม้จะติดอยู่ในย่อลงทัณฑ์ก็มิอาจหยุดยั้งความตะกละของพวกมันได้ หากมิให้กินพวกเดียวกัน พวกมันก็จะกินกันเอง แม้แต่ตัวเองก็มิเว้น!
“…” ปลาที่ถูกลากมาได้แต่นิ่งเงียบ
เกิดมานานเพิ่งเคยพบเคยเห็นการกระทำอันน่าพิศวงเช่นนี้ แล้วยังเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันอีกด้วย!
“หากมิแบ่งให้ข้าบ้าง ข้าจะไม่ยอมทำเด็ดขาด!” ปลาที่ถูกลากมาเอ่ยขึ้น
ปลาอีกสิบเจ็ดตัวเบิกตากว้าง จ้องมองไปยังปลาที่เอ่ยปาก จนปลาตัวนั้นต้องร้องว่า “ผ่าก็ผ่าแล้ว ทำก็ทำแล้ว หากไม่ลองแล้วปล่อยโอกาสหลุดลอยไป ภายภาคหน้าอาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก”
มีเหตุผล
ปลาที่ถูกลากมาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
เพราะพวกมันล้วนอยากรู้รสชาติของอาหารอันโอชะที่มังกรกลืนกินทั้งนั้น
“แบ่งให้ข้าสามส่วน ข้าจึงจะยอมป้อนพวกเจ้า แล้วยังต้องมีไข่นกปีศาจมาแลกเปลี่ยนด้วย!”
ไข่นกปีศาจที่อยู่ในมือของหลิงเยว่ถูกแย่งชิงไป เหล่าปลาพวกนั้นจึงยกชามไม้ขึ้นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ใช้ช้อนตักเนื้อปลามาหนึ่งชิ้น แล้วป้อนเข้าปากปลาที่อยู่ในบ่อลงทัณฑ์
พวกมันกล้าป้อนจริง ๆ หรือ…
ปลาในบ่อซึ่งกำลังคิดด่าทอเหล่าปลาพวกนั้น เมื่อได้ลิ้มรสเนื้อของตนเองในตอนนี้ รู้สึกว่าต่อให้ต้องตายในทันทีก็คุ้มค่า!
ที่แท้เนื้อของพวกมันก็อร่อยเช่นนี้ หากพวกมันเป็นมังกร คงจะกินเผ่าพันธุ์ปลาหมัวอินให้หมดสิ้นเช่นกัน!
“เป็นอย่างไรบ้าง? อร่อยหรือไม่?”
ปลาที่ทำหน้าที่ป้อนเอ่ยถามพลางน้ำลายไหล บางตัวอดใจไม่ไหว จึงตักเนื้อปลาเข้าปากตนเองอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมกับซดน้ำแกงเข้าไปด้วย
เพียงคำเดียวเท่านั้น วิญญาณก็ลอยออกจากร่าง!
ที่แท้เนื้อของเผ่าพันธุ์พวกมันช่างหวานนุ่มเช่นนี้ อืม… ชิ้นเดียวไม่จุใจ ขออีกชิ้นกับซดน้ำแกงอีกหนึ่งคำแล้วกัน…