ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 313 นางไปก่อเรื่องแล้ว
บทที่ 313 นางไปก่อเรื่องแล้ว
บทที่ 313 นางไปก่อเรื่องแล้ว
ครานี้โม่จวินเจ๋อและผู่ตานมาถึงดินแดนตะวันตก เบื้องหน้าคือท้องทะเลกว้างใหญ่ที่พวกเขาคุ้นเคย
ท้องทะเลสีครามในอดีต บัดนี้ถูกพลังปีศาจย้อมจนกลายเป็นสีเทา ฝูงปลาน้อยใหญ่ลอยหงายท้องอยู่เหนือผิวน้ำ แต่ยังไม่พบร่างของอสูรทะเลแต่อย่างใด
บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันอาศัยอยู่ใกล้กับภูเขามากเกินไป จึงได้รับผลกระทบจากพลังปีศาจไม่มากนัก
โม่จวินเจ๋อจ้องมองซากปูและเปลือกหอยที่ตายเกลื่อนอยู่บนพื้น หลิงเยว่ชอบกินสิ่งเหล่านี้มาก แต่ตอนนี้กลับ…
“ไปกันเถอะ” ผู่ตานเอ่ยเร่ง พร้อมกับดึงโม่จวินเจ๋อเข้าไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว
“ตามข้ามา!”
เมื่อกลับถึงบ้าน เฝิ่นอีก็อาสาเป็นผู้นำทางทันที
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ตอนที่พวกเขาก้าวเข้าไปในหุบเขา มีชายร่างท้วมคนหนึ่งสะกดรอยตามเข้ามาติด ๆ
ณ สำนักเหอตง นอกดินแดนตะวันตก ได้มีเปลวเพลิงกองหนึ่งตกลงมา
อีกาสุริยันตัวน้อยยืนอยู่กลางป่าทึบ ดวงตาเป็นประกายไฟนางจ้องมองไปยังต้นไม้ยักษ์ “ออกมาเถิด เข้ารู้ว่าเจ้าหลบอยู่ที่นี่!”
ก้อนเพลิงหนึ่งโยนไปยังต้นไม้ยักษ์จนต้นไม้นั้นล้มลง แต่มนุษย์ที่อีกาสุริยันตัวน้อยค้นหาไม่ได้ปรากฏตัว แสดงว่าหนีไปก่อนที่เปลวเพลิงแห่งสวรรค์จะฟาดลงไป
“หนีเก่งนักนะ! ข้าชักอยากเห็นแล้วว่าเจ้าจะหนีไปได้นานสักแค่ไหน!”
อีกาสุริยันตัวน้อยไล่ตามร่องรอยที่เหลือจากเผ่าปีศาจต่อไป อีกสี่สัตว์เทพโบราณก็ยังไม่ได้ประมือกับนางสนมปีศาจ!
หรือว่านางสนมปีศาจที่เผยตัวอย่างกะทันหันหลายคนนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพวกข้า?
กิเลนไฟลังเลและตัดสินใจไม่ไล่ตามอีก ชิงหลงก็ทำเช่นเดียวกัน สัตว์เทพโบราณทั้งสองตนหนึ่งเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก ส่วนอีกตนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังดินแดนทางตอนเหนือ
ขณะนั้นสำนักที่พวกเขาปกป้องก็ได้รับคำสั่งให้เปิดโล่ป้องกันของสำนักด้วย
ด้วยกลัวว่าเผ่าปีศาจจะบุกโจมตีทั้งทางตะวันออกและตะวันตก
นายท่านตระกูลเซี่ยหรือปีศาจเซี่ยเฝ้าดูแลสถานการณ์ที่เหอตงอย่างซื่อสัตย์ เขาจับมือฮูหยินเซี่ยแน่น “ข้าจะไปดินแดนตะวันตกเพื่อปกป้องลูกก่อน แล้วค่อยไปดินแดนทางตอนเหนือ”
“แต่ท่านได้รับคำสั่งจากเผ่าปีศาจ”
ฮูหยินเซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ด้วยความมั่นคง หากเขาคิดร้ายต่อหลิงเยว่แม้เพียงน้อย นางย่อมปลิดชีพบุรุษตรงหน้าเพื่อลูกสาวโดยไม่ลังเล!
นายท่านตระกูลเซี่ยรู้สึกถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากภรรยา จึงหัวเราะอย่างขบขัน
“ข้าจะทำร้ายลูกสาวและอาจารย์ของนางได้อย่างไร?”
ใบหน้าของฮูหยินเซี่ยยิ่งเย็นชา “แล้วคำสั่งคือสิ่งใด?”
“นางสนมคนที่สิบเอ็ดมีบัญชาให้เผ่ามารที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์ โจมตีทุกสำนักที่พลังป้องกันอ่อนแอ ก่อความวุ่นวายไปทั่วทั้งดินแดน และให้จับตัวหญิงสาวที่ยังคงมีกลิ่นอายของราชินีปีศาจมาให้ได้”
“หลิงเยว่งั้นรึ?”
“อาจจะ”
แม้ว่าจะมีเพียงข้อมูลเรื่องเพศและกลิ่นอายของราชินีปีศาจ แต่พวกเขากลับคิดถึงหลิงเยว่เป็นคนแรก
ทั้งสองรู้ดีว่าหลิงเยว่และพวกสังหารราชินีปีศาจในทะเลทรายต้องห้าม แม้จะมีหญิงสาวอีกสามนางร่วมเดินทางไปด้วย
แต่พวกเขามั่นใจว่าราชินีปีศาจหมายหัวหลิงเยว่ไว้แน่!
“ข้าจะไปแจ้งข่าวแก่ทุกสำนัก แล้วข้าจะไปดินแดนทางตอนเหนือเอง เจ้าจงรออยู่ที่สำนักเหอตงเสีย”
ฮูหยินเซี่ยพอใจในความซื่อตรงของนายท่านเซี่ยอยู่บ้าง แต่นางยังไม่เห็นด้วยที่เขาจะไปดินแดนทางตอนเหนือ พวกปีศาจต่างตามหาเผ่าพันธุ์เดียวกันได้ด้วยกลิ่นอาย หากพลาดพลั้งเปิดเผยเรื่องของหลิงเยว่ไป ฮวนฮวนก็จะไม่รอดเช่นกัน!
นายท่านเซี่ยไม่พอใจคำตัดสินใจของฮูหยินเซี่ยนัก ให้เขาอยู่ที่สำนักเหอตงอย่างนั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แม้จะไม่ได้ไปดินแดนทางตอนเหนือ เขาก็จะไปดินแดนตะวันตก คอยอยู่เคียงข้างบุตรชาย หากพวกปีศาจตามรอยมา เขายังพาเซี่ยซิ่นรุ่ยหนีเข้าไปในสนามรบโบราณได้
เมื่อฮูหยินเซี่ยจากไป นายท่านเซี่ยก็ออกเดินทางทันที
ตระกูลเซี่ยไร้ซึ่งภรรยาและบุตรเช่นนี้ จะอยู่ไปไย
เซี่ยซิ่นรุ่ยเห็นนายท่านเซี่ยของตนแล้วนึกว่าตนเองเหนื่อยล้าจนตาฝาดไป จึงขยี้ตาเบา ๆ ยืนยันว่าเป็นนายท่านเซี่ยมาเยือนจริง ๆ คำแรกที่เอ่ยออกมาก็คือ “น้องสาวอยู่ที่ดินแดนทางตอนเหนือ”
“ข้ารู้”
นายท่านเซี่ยพยักหน้าอย่างสงวนท่าที เมื่อเห็นบุตรชายเช่นนี้ เขาเริ่มครุ่นคิดว่าที่ผ่านมาตนเองสนใจไยดีบุตรชายน้อยเกินไปหรือไม่?
“หากท่านพ่อรู้แล้ว เหตุใดจึงยังยืนอยู่…”
“ที่นี่มีสองทางให้เลือก จะไปฆ่าอสูรหรือจะไปหาน้องสาว” เซี่ยซิ่นรุ่ยเกือบจะหลุดปากพูดว่าอย่ามาขวางหูขวางตาข้า แต่เกรงว่าจะไปกระทบจิตใจอันบอบบางของนายท่านเซี่ยเข้า
นายท่านเซี่ยล้มเลิกการความคิดของตนเอง แล้วจ้องเขม็งไปที่ลูกชายก่อนจะคว้าปาท่องโก๋ในมือไปด้วยความโกรธ
ผู้บำเพ็ญที่ยืนต่อแถวรอปาท่องโก๋ยื่นมือออกมา พูดกับนายท่านเซี่ยที่จากไปไม่ออก
ปาท่องโก๋พวกนั้นเป็นของเขา… ซึ่งเขารอนานมาก!
“ข้าจะทอดให้เจ้าใหม่” เซี่ยซิ่นรุ่ยไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีแปลกประหลาดของนายท่านเซี่ย แต่หันไปทุ่มเทให้กับงานอันยิ่งใหญ่ในการทำอาหารปราบมารต่อไป
นอกจากนักเรียนชั้นพิเศษและผู้บำเพ็ญแห่งเมืองฮั่วหยางแล้ว เหล่านักเรียนจำนวนไม่น้อยที่มีฝีมือการรักษาไม่สูงนัก ทั้งยังไม่เชี่ยวชาญการกลั่นโอสถมากนัก ก็ถูกอาจารย์ส่งตัวไปยังเขตอาหารปราบมารเพื่อฝึกฝนและช่วยงาน
เขตอาหารปราบมารในยามนี้ขยายกว้างใหญ่กว่าแต่ก่อน ผู้คนต่างคลาคล่ำมากกว่าเดิม!
“ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์หลิงจะออกจากการฝึกตนเมื่อใด?” จื่อเฉาอวี่พูดขึ้นเบา ๆ ในยามที่ความวุ่นวายสงบลงชั่วครู่
“อีกไม่นานหรอกกระมัง”
ผ่านมาหกปีแล้ว คงอีกไม่นาน ซีชางเงยหน้าขึ้นกินโจ๊กในชามจนหมด หางตาเหลือบไปเห็นแสงสีม่วงวูบไหวท่ามกลางพลังมารเพียงชั่วพริบตา
“!!!”
หรือว่าท่านอาจารย์นำเปลวเพลิงพิสดารมาด้วยแล้ว!
“เจ้าเห็นหรือไม่?” ซีชางดึงแขนเสื้อซีหลินที่นั่งกินไปหลับไปอยู่ข้าง ๆ
ซีหลินสะดุ้งตื่น เอ่ยอย่างงัวเงียว่า “อีกไม่นานข้าก็กินเสร็จแล้ว ไม่ต้องเร่ง”
ดูท่าทางแล้วคงไม่เห็นสินะ
ซีชางไร้คำพูด
แสงสีม่วงวูบวาบขึ้นชั่วครู่ แต่หาใช่หลิงเยว่ หากแต่เป็นดอกบัวเพลิงอันผุดผ่อง!
มันบุกเข้าไปในกระโจมของผู้อาวุโสมู่อย่างมิรอช้า แล้วใช้เปลวเพลิงสีม่วงโอบล้อมเขาไว้!
ด้วยความช่วยเหลือจากดอกบัวเพลิง ผู้อาวุโสมู่ที่อาการหนักใกล้สิ้นลมจนต้องใช้โอสถระดับสูงประทังชีวิต สีหน้าจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย
เพราะนางสนมปีศาจคนที่สามใช้วิธีร้ายกาจบางอย่างที่แม้แต่ชิงยวนและลู่เว่ย รวมทั้งจานโจวต่างจนปัญญา ไม่อาจรักษาได้ ต้องยื้อชีวิตไว้เพียงชั่วคราว!
“หลิงเยว่มาแล้วหรือ?” ชิงยวนซักถามดอกบัวเพลิง ด้วยใบหน้าซีดเผือด
กระดาษแผ่นหนึ่งลอยลงสู่มือของชิงยวน นางรีบเปิดอ่าน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
จานโจวรีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นไป ลู่เว่ยพลันชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ ๆ
ท่านอาจารย์ ข้าไปแดนปีศาจแล้ว ขอให้พวกมันได้ลิ้มรสความโกลาหลในแดนปีศาจบ้าง!
ช่างเป็นเป้าหมายที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก!
จานโจวและลู่เว่ยต่างมีสีหน้าปนเประหว่างขบขันและจนใจ แฝงแวววิตกกังวลอยู่ราง ๆ
ซองจดหมายสองซองตกลงบนมือของพวกเขา ตัวอักษรบนซองจดหมายเผยให้เห็นชัดว่าเป็นลายมือของหลิงเยว่ นอกจากชื่อของพวกเขาแล้ว ยังมีคำว่าของกำนัลอีกด้วย
จานโจวไม่มีความกังวลเช่นนั้น จึงเปิดออกดู พบว่าไม่มีข้อความใด ๆ มีเพียงที่อยู่และภาพวาดเปลวเพลิงที่ดูเลือนราง
เป็นเช่นที่เขาคิดจริงๆ !
ลู่เว่ยเข้าใจความหมาย หัวใจของเขาพลันเต้นรัว
จานโจวยังคงเต็มไปด้วยคำถาม แต่ยังถูกลู่เว่ยดึงตัวตามไปด้วย
ชิงยวนไม่ได้สนใจพวกเขา และยังคงครุ่นคิดว่าสิ่งที่หลิงเยว่ เขียนในจดหมายนั้นเป็นความจริงหรือไม่?
ดอกบัวเพลิงสีม่วงไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุขัยให้กับผู้อาวุโสมู่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารอีกด้วย
สหายในดินแดนตะวันตกทุกคนได้รับของกำนัลที่หลิงเยว่ทิ้งไว้ มีเพียงที่อยู่และภาพวาดเปลวเพลิงที่ดูเลือนรางอยู่ด้านล่างเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องของผู่ตานและท่านโม่จวินเจ๋อนั้น ดอกบัวเพลิงสีม่วงจำต้องเลือกระหว่างการส่งข้อความกับการช่วยชีวิต และนางเลือกที่จะช่วยชีวิต
“เหตุใดจึงยังไปไม่ถึงอีก?!”
หากผู่ตานคำนวณไม่ผิด พวกเขาเดินทางวนเวียนอยู่ในหุบเขานี้มาเกือบปีแล้ว แต่ยังหาจินหนิงไม่พบ!
“วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย เจ้าจำผิดหรือไม่?” ท่านโม่จวินเจ๋อเองก็เริ่มสงสัย
“เหตุใดถึงจำบ้านของตนเองไม่ได้เล่า”
“ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น!”
เฝิ่นอีร้อนใจยิ่ง นางจำได้ชัดเจนว่าบ้านของนางอยู่ที่นี่!
“ลมหายใจของพี่ใหญ่ เหตุใดจึงเลือนรางเช่นนี้?”
โม่จวินเจ๋อมองต้นไม้ที่เหมือนกันไปหมด เขาเองรู้สึกสับสนเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเคยมาที่นี่แล้วก็ตาม…