ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 829 อาหารของท่านมาถึงแล้ว
ตอนที่ 829 อาหารของท่านมาถึงแล้ว
……….
หาวจื้อ เป็นอาหารอันโอชะที่ธรรมชาติจัดสรรให้มนุษยชาติ เพียงแต่ว่าทุกคนในร้านหนังสือยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของรสชาติการทำอาหารนี้อย่างถ่องแท้
ณ ตอนนี้เวลานี้ หาวจื้อดูสง่าน่าเกรงขามจริงๆ หากมันยืนอยู่นิ่งๆ ตรงนี้จะดูเหมือนรูปปั้นที่มีชีวิต หัวหมูเป็นสง่าช่างน่าน่าเกรงขามและดุร้ายเป็นพิเศษเสียขนาดนี้ นับว่าน่าทึ่งจริงๆ
บังเอิญว่าปีนี้เป็นปีกุนซึ่งถือได้ว่าเป็นปีนักษัตรของมันด้วย
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่ามันโกรธ จึงทำการแบ่งแยกต้นกำเนิดของตัวเองออกส่วนหนึ่งแล้วเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปเพื่อแยกฝังไว้ในตัวผู้แปรพักตร์แต่ละคนให้พวกเขาช่วยนำมันแอบขึ้นมาบนแดนมนุษย์ นี่เป็นแผนของมัน
เพียงแต่ตอนนี้ได้เกิดปัญหาขึ้นกับแผนนี้ มันเคยคาดการถึงปัญหาที่ต้องเกิดขึ้น จึงได้ทิ้งมาตรการตอบโต้บางอย่างไว้ ขณะเดียวกันก็วางแผนแบกรับต้นทุนสูงสุดไว้ด้วย
แต่ทว่า ฉากนี้ในตอนนี้เป็นสิ่งที่มันไม่อยากเห็น การรวมตัวของต้นกำเนิดแสดงพลังโจมตีและสถานะป้องกันของตัวเอง ในระดับหนึ่งเป็นการเผาไหม้ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันเบนซินนี้เป็นต้นกำเนิดของมันเอง จะต้องกินอาหารเลือดภายใต้หูตาของสวรรค์มากแค่ไหนถึงจะชดเชยการขาดดุลเช่นนี้กลับมาได้!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ คนพวกนี้ คนกลุ่มนี้มีเป้าหมายและแบ่งงานกันในองค์กรชัดเจนมาก เป้าหมายของพวกเขามีแค่มันตัวเดียวจริงๆ หรือ หรือว่า…กวาดเรียบไม่ให้เหลือกันเล่า
“พวกเจ้า น่าตายนัก!” หาวจื้อคำรามและพุ่งตรงใส่เหล่าจาง หัวหมูเร็วดุจสายลม!
เหล่าจางรู้สึกเพียงเศษทรายซัดใส่หน้าเขาอย่างรุนแรง เขาจึงยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาเพียงรู้สึกว่าตัวเองลอยกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังและถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไป
หากไม่ใช่เพราะร่างของเหล่าจางปล่อยแสงสีขาวออกมาหักล้างในจังหวะที่ปะทะกันละก็ ป่านนี้เหล่าจางอาจจะเป็นเหมือนมะเขือเทศที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็ได้ จากคนเละเป็นหาดคนไปเลย แต่ถึงกระนั้น หลังจากเหล่าจางร่วงพื้นก็ยังคล้ายกับน้ำเต้ากลิ้งพลิกหลายสิบตลบ พอหยุดก็บวมช้ำไปทั้งหน้า
หาวจื้อไม่ได้ยั้งมือและรุดหน้าอีกครั้ง หนามแหลมคมบนตัวแทงเหล่าจางโดยตรง หนามแหลมทั่วตัวเป็นสีปูนซีเมนต์ แต่ปลายของมันมีความแวววาวสีดำ สามารถแทงทะลุวิญญาณ ขณะเดียวกันยังสลายตัวและดูดซับไปพร้อมๆ กันด้วย!
แม้ว่าจะมีเพียงหัวเดียว แต่พลังแห่งอสูรร้ายโบราณก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ง่ายๆ !
ไกลออกไป
โจวเจ๋อเลียฝีปากพลางทอดถอนใจ “นี่มันเหมาะกับคำพูดประโยคนี้จริงๆ ต่อให้เป็นหัวหมู ตราบใดที่มันมีชีวิตยืนยาวพอก็แปรเปลี่ยนเป็นความน่ากลัวได้”
“เจ้า…ก็…ทำ…ได้…”
โจวเจ๋อชูนิ้วกลางใส่ตัวเอง
“เพื่อช่วยเอาอาหารมาให้แก ตอนนี้ทุกคนยุ่งยากและลำบากมากขนาดนี้ แกจะเลิกเหน็บแนมได้หรือยัง พูดอะไรที่มันปลอบปะโลมหน่อยสิ หรือรอให้เรื่องนี้จบลงจะให้แกยืมร่างแป๊บหนึ่งแล้วออกมาตบไหล่พวกเขาทีละคน ก็คงจะได้ผลดีทีเดียว”
ผลประโยชน์คุ้มค่ามาก แต่สามารถทำให้พวกทนายอันซาบซึ้งและสะเทือนใจได้เช่นกัน
เจ้าโง่เงียบขรึม จากนิสัยเคยชินของเขา บางครั้งก็อดฆ่าตัวตายไม่ได้ นี่ถือเป็นการอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับโจวเจ๋อแล้ว
อิงอิงออกโรงได้ทันเวลา จับหางของหาวจื้อจากด้านหลัง หางที่ก่อตัวจากปูนยังมีเกลียวอยู่ด้วย
‘เอี๊ยด!!!!!’
การเคลื่อนไหวของหาวจื้อหยุดนิ่งทันที แต่ในวินาทีต่อมา เสียงหางหักดัง ‘เป๊าะ’ จนหลุดจากการควบคุมอิงอิงทันที หนามแหลมบนตัวแทงทะลุเหล่าจางตรงๆ!
ตามสัญชาตญาณแล้ว จากมุมมองของมัน คนที่สยบมันได้มากที่สุดไม่ใช่ผีดิบสาวที่ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนคนโง่เง่าคนนี้ต่างหาก
เมื่อครู่นี้อีกฝ่ายกอดมันเหมือนคนโง่เขลาก็ไม่ปาน จากนั้นพลังของมันก็ถูกสยบเอาไว้ในชั่วพริบตา ฉะนั้น หาวจื้อคิดจะจัดการเหล่าจางทิ้งก่อน
เหล่าจางเงยหน้าขึ้น ในระหว่างนี้เอง หนามแหลมของหาวจื้ออยู่ห่างจากใบหน้าของเขาอยู่เพียงไม่ถึงสิบเซนติเมตร ความตายใกล้เข้ามาเยือนแล้ว!
ในชั่วพริบตาเดียว ไม่ต้องพูดถึงสวี่ชิงหล่างและพวกเดดพูล แม้โจวเจ๋อจะออกโรงก็สายเกินไป แต่เถ้าแก่โจวกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หากเหล่าจางถูกฆ่าตายง่ายขนาดนี้ งั้นอสูรวิเศษที่ชอบเล่นร่างแยกนับล้านเดาว่าคงต้องปาดคอหอยด้วยความอับอายหลังจากนั้นแล้วล่ะ
เป็นไปตามคาด
“โฮก!” พลังแห่งเซี่ยจื้อถูกปลดปล่อยออกมาในทันที!
หาวจื้อใจเต้น ‘ตุ้มๆ ต่อมๆ’ ครู่หนึ่ง
ฉิบหาย
อสูรวิเศษ!
หากก่อนหน้านี้หาวจื้อแค่ปักใจจากกลิ่นอายคลุมเครือราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตโบราณกำลังจัดการกับมันด้วยละก็ เช่นนั้น ตอนนี้หลักฐานก็เป็นประจักษ์แล้ว!
อีกทั้งความตกตะลึงที่หลักฐานแน่ชัดยิ่งทำให้หาวจื้อกดดันมากไปอีก!
ร่มเงาต้นไม้ของมนุษย์อันโด่งดัง นอกเหนือจากความอัปยศอดสูเขาหักในทะเลแห่งความตายแล้ว อิทธิพลของอสูรวิเศษก็ยังน่ากลัวมาก!
แม้ว่าหาวจื้อตัวนี้เคยสร้างปัญหาในนรกมาช่วงหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของยุคโบราณเช่นกัน หลังจากที่อิ๋งโกวล้มลงมันก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ลุกขึ้นดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ยังไม่มีทางเทียบได้กับนายท่านผู้อาวุโสเก่าแก่เหล่านั้นในสมัยโบราณได้
เหล่าจางใช้มือซ้ายคว้าหนามแหลมคมของหาวจื้อไว้
‘แกรก!’
ภายใต้เสียงดังคมชัด หนามแหลมของหาวจื้อแตกหักในทันที จากนั้นเหล่าจางใช้หนามแหลมคมในมือเป็นหอกย้อนแทงทะลุร่างของหาวจื้ออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
‘ฉึก!’
หาวจื้อส่งเสียงกรีดร้องอย่างอนาถ
เจ็บปวด!
ต่อมา เหล่าจางคว้าหนามแหลมคมอีกสองอันหักมันอย่างแรงและเจาะทะลุร่างของหาวจื้ออีกครั้งในชั่วพริบตา!
ลีลาโหดแบบนี้ทำเอาคนอื่นๆ ในร้านหนังสือตะลึงอ้าปากค้าง พวกเขารู้ว่าเจ้านั่นในร่างเหล่าจางไม่ควรไปยั่วยุด้วย แต่ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้!
ต่อไปนั้น ดูเหมือนว่าทุกคนไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่ยืนปรบมือเป็นตัวประกอบแล้วตะโกน ‘เยี่ยมๆๆๆ’ พร้อมอุทานว่า ‘น่ากลัวจังเลย’ จากที่ตรงนี้ก็พอแล้ว จากนั้นก็เฝ้าดูเหล่าจางเปลี่ยนหาวจื้อเป็นไม้จิ้มฟันเสียบไม้ทีละนิดๆ
“มันง่ายขนาดนี้เชียว” โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยและคลำบุหรี่ออกมา ไม่รีบร้อนจุดไฟ แต่กลับครุ่นคิดและเอ่ย “ครั้งต่อไปเราแค่ต้องตีเหล่าจางแรงๆ เพื่อกระตุ้นเขาก่อนจะสู้ใช่หรือไม่”
ทุบตีเหล่าจางและทำให้อับอายในบ้านก่อนสักรอบ หลังจากเมื่อเหล่าจางระเบิดเคว้งเข้าสู่จักรวาลเล็กๆ แล้วค่อยปล่อยออกไปตีคนอื่น
“เหอะ…เหอะ…”
“แกหัวเราะอะไร”
“จะ…รอ…ช้า…ไม่…ได้…”
“อ๋อ ปัญหานั่นจะร้ายแรงมาก”
“เจ้า…สา…หัส…ยิ่ง…กว่า…มัน…อีก…”
“…” โจวเจ๋อ
แม้ว่าในใจจะอดรนทนรอคืนออเดอร์อาหารแทบไม่ไหว แต่เถ้าแก่โจวก็ยังให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมเป็นอันดับแรก และตะโกนบอกทุกคนในร้านหนังสือตรงนั้น “อย่าเอาแต่ยืนโง่ๆ ลงมือจัดการพร้อมกันสิ!”
‘แควก!!!!’ เหล่าจางใช้มือทั้งสองข้างฉีกขาข้างหนึ่งของหาวจื้อ ขณะเดียวกันก็บทุบกำปั้นบนศีรษะของหาวจื้อจนทำให้ศีรษะบุบยุบเข้าไป
เมื่อหาวจื้อถูกสกัดกั้นจากเกมรุกและพลังพร้อมๆ กันจนตกอยู่สภาพอันน่าสังเวชอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ร่างกายของเหล่าจางก็สั่นสะท้าน ทั้งมือและเท้าทั้งสองเริ่มสั่นไหวคล้ายกับเป็นโรคพาร์กินสัน จากนั้นน้ำลายฟูมปาก ลูกตาเหลือก ตามด้วยเสียงดัง ‘ตุ้บ’ คุกเข่าลงกับพื้นทั้งตัวและกระตุกไม่หยุด
โจวเจ๋อเคยเห็นฉากนี้ตอนที่เขาช่วยเหลือคนเสพยาบ้าเกินขนาดมาก่อน
เจ้าโง่เพิ่งจะบอกอยู่หยกๆ ว่าเหล่าจางอาจจะทนได้ไม่นาน แต่เถ้าแก่โจวคิดไม่ถึงว่าจะกินเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
โชคดีที่เหล่าจางมีส่วนร่วม ทั้งยังมีส่วนร่วมมากอีกด้วย การป้องกันของหาวจื้อแทบจะถูกเขาฉีกทึ้งเพียงคนเดียว ทำให้งานหลังจากนี้ก็ง่ายขึ้น
จิ้งจอกขาวห้าหางกางออกพร้อมกัน เงาสีขาวทอดยาวออกมาจากร่างแล้วตกลงลงมาตรงๆ กรงเล็บของนางตะปบตรงไปที่ศีรษะของหาวจื้อ
เหล่าจางเพิ่งจะเปิดตรงนี้และการโจมตีต่อไปนี้จะวนเวียนอยู่ในจุดนี้อย่างแน่นอน
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต ใจลึกล้ำคือธรรมะ ลมมรณะ!” สวี่ชิงหล่างปักธงรูปคำสั่งค่ายกลเล็กๆ ในมือลงบนพื้น ส่วนสาวน้อยโลลิและยมทูตตนอื่นๆ รีบทำตามทันที
ลมมรณะกลายเป็นพลังกระชากอย่างรุนแรงและเริ่มฟาดไปที่หัวของหาวจื้ออย่างบ้าคลั่ง!
เถาวัลย์หนาหลากหลายเส้นผุดขึ้นบนพื้น น้ำผลไม้มีฤทธิ์กัดกร่อนน่าสะพรึงกลัวสลายตัวจากเถาวัลย์ราดลงบนหัวของหาวจื้อ
‘โครม!’
‘โครม!’
ภายใต้การโจมตีหลายครั้งทำเอาหัวของหาวจื้อเกือบขาดครึ่งและส่งเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ครั้งนี้มันได้รับบาดเจ็บจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันลมแกร่งสีดำทมิฬได้ห่อหุ้มศีรษะของมันเอาไว้ ป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
เด็กชายก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและพุ่งไปด้านหน้าอิงอิง พร้อมกับตะโกนเสียงต่ำ “ยืมแรง!”
อิงอิงรับทราบ จับแขนเด็กชายด้วยมือข้างเดียว หมุนตัวไปครึ่งหนึ่งจากนั้นส่งแรงเหวี่ยงขึ้นไปบนตัวเด็กชาย
‘ฟุ่บ!’
เสียงทะลุอากาศดังขึ้น เด็กชายเปรียบเสมือนลูกศรดีดจากเชือกและฟาดเข้าใส่หาวจื้ออย่างรวดเร็ว
‘ปัง!’
‘แกรก!’
แรงของผีดิบสองตัว ประกอบกับความแข็งของร่างกายผีดิบ ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่จากอาวุธปืนรุ่นแรก กระแทกการป้องกันบนศีรษะของหาวจื้ออย่างแรงจนแตกเป็นเสี่ยง
เด็กชายประสานมือผนึก “ยมโลกย่อมมีกฎระเบียบของมัน กฎแห่งความตายไร้ความปราณี ทำลาย!”
‘ตู้ม!’
“อ๊ากกกกกกก!!!!!!!!!”
ศีรษะของหาวจื้อถูกทลายอย่างสมบูรณ์จนกลายเป็นรัศมีสีเขียว ส่วนร่างที่ก่อตัวรวมกันก่อนหน้านี้กลายเป็นเถ้าถ่านลอยว่อนในชั่วพริบตา
“เยส!” ทนายอันกำหมัดฮุค
สะใจ
กำจัดอสูรร้ายโบราณได้สำเร็จ ความสำเร็จในชีวิตสว่างสไวขึ้น!
แม้ว่าจะเป็นแค่หัวหมู
แม้ว่าจะเปิดต้นกำเนิดเพียงแค่ส่วนหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของส่วนหนึ่งของต้นกำเนิด
แต่หากมัวแต่ใส่ใจรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วมากจนเกินไปจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้หรือไม่
“แม้แต่สิ่งนี้เจ้าก็สอนเขาด้วย เจ้าไม่กลัวโยมโลกถามเอาความรับผิดชอบหรือ” ทารกบนหลังทนายอันเอ่ยพูด
“ข้าเต็มใจ เจ้าก้าวก่ายได้หรือ” ขณะที่พูด ทนายอันชี้ไปที่รัศมีสีเขียวที่ลอยว่อนอยู่ในอากาศตรงหน้าแล้วเยาะเย้ย “เจ้าของพรรค์นี้ยังต้องพึ่งพาพวกเราปราบมันอยู่เลย คนของยมโลกเล่า ไปกินขี้กันหมดแล้วหรือไง”
ทันใดนั้นหางของจิ้งจอกขาวอาศัยจังหวะที่ทนายอันกำลังคุยโวโอ้อวดขดตัวไปเก็บเกี่ยวรัศมีสีเขียวเข้มหนากลุ่มนั้น จากนั้นดีดตัวกระโดดขึ้นทะยานไปด้านหน้าโจวเจ๋ออย่างรวดเร็วและก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ
เสียงอ่อนหวานและมีเสน่ห์เอ่ยขึ้น “เถ้าแก่อาหารของท่านมาถึงแล้ว”
“…” ทนายอัน
………………………………………………………….