ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 825 ขยับตัวไม่ได้
ตอนที่ 825 ขยับตัวไม่ได้
“โอ้ะ คุณอย่าเพิ่งขยับสิ อดทนหน่อยนะ ฉันจะล้างแผลให้คุณก่อน” ฟางฟางมองปฏิกิริยาของผู้หญิงตรงหน้าขณะหยิบยาฆ่าเชื้อให้เธอ
หญิงสาวสวมชุดเดรสสีดำ ท่าทางดูเหมือนจะอายุยี่สิบต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือสัดส่วนค่อนไปทางดูดีมากทีเดียว
ดึกดื่นค่อนคืนแถมตอนนี้ฤดูหนาวยังไม่ผ่านพ้นไปด้วยซ้ำ ดันสวมชุดน้อยชิ้นเดินเตร่อยู่ข้างนอก นี่มันน่าแปลกจริงๆ
เมื่อนึกถึงบาดแผลบนหน้าผากของหญิงสาว ฟางฟางก็แอบถอนหายใจ เดาว่าหญิงสาวน่าจะไปร่วมงานอะไรมาแล้วเกิดเรื่องขึ้น ถึงได้วิ่งไปตามถนนราวกับคนเสียขวัญ ขณะที่ฟางฟางใส่ยาฆ่าเชื้อให้เธอก็สังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ
นี่ต้องได้รับการกระทบร้ายแรงขนาดไหน ถึงได้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย น่าสงสารมาก
หลังจากฆ่าเชื้อและทายาแล้ว ฟางฟางก็หยิบผ้ากอซออกมาพร้อมกับปลอมประโลมและเตรียมพันแผล “ไม่ต้องห่วง น่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอะไร ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้อย่างเซื่องซึม นอกจากลูกตาขยับไปมาเป็นบางครั้งแล้ว นับตั้งแต่เข้ามาในร้านขายยาจนถึงตอนนี้ยังไม่ปริปากพูดออกมาเลยสักคำ โชคดีที่ฟางฟางรูปร่างอ้วนท้วนแถมยังใจกว้างอีกต่างหาก แค่คิดว่าคนเขาไม่ชอบพูด เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกอะไร
‘เคร้ง!’
เสียงถาดโลหะกระทบพื้นดังมาจากห้องผู้ป่วยข้างๆ ฟางฟางรีบผุดลุกขึ้นและพูดกับหญิงสาว “น้องสาวจ๊ะ อย่าเพิ่งขยับนะ ฉันจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วยห้องข้างๆ”
คนที่อาศัยอยู่ห้องผู้ป่วยถัดไปคือโกวซิน เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ อาศัยความสามารถฟื้นฟูผลประกอบการร้านขายยาขนาดใหญ่ตลอดทั้งปีด้วยตัวเขาเอง!
นี่อาจจะเป็นแม่ไก่สามารถวางไข่เป็นทองคำได้ แน่นอนว่าฟางฟางให้ความสำคัญมาก
เมื่อเปิดประตูห้องผู้ป่วย ฟางฟางก็เห็นโกวซินนอนตะแคงอยู่ตรงนั้น พอเห็นเธอเดินเข้ามา โกวซินก็ยิ้มแห้งๆ ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยและพูด “มือลื่นเลยทำถาดคว่ำตกลงไป”
“โอ้ ฉันบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะ ถ้ามีอะไรก็ให้กดกริ่งอันนั้น อยากทำอะไรฉันจะเข้ามาจัดการให้ค่ะ”
“นั่นก็ต้องรบกวนนะสิ”
“จะเกรงใจอะไรเล่า คุณอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นพระเจ้า” ฟางฟางเก็บถาดขึ้นมาและพูด “คุณรอเดี๋ยวนะ มีคนเจ็บมาห้องข้างๆ น่ะ ฉันขอไปดูแลเธอก่อน แล้วค่อยมาปลอกผลไม้ใส่ถาดให้คุณ”
“ขอบคุณครับ”
“ดูคุณสิ ยังจะเกรงใจอีก”
ฟางฟางหยิบถาดออกไปแล้ว โกวซินก็นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ขาทั้งสองข้างของเขายังใส่เฝือกห้อยไว้สูงอยู่ ส่วนตรงหน้าอกยังมีกระดูกร้าวซึ่งกำลังรอผสานคืนอย่างช้าๆ
โชคดีที่ตอนนี้มือทั้งสองข้างสามารถฝืนขยับได้บ้างแล้ว หน้าห้องผู้ป่วยของเขายังมีสมาร์ททีวีหนึ่งเครื่องและเสียบพีเอส 4 ไว้ โกวซินถือจอยเกมไว้ในมือพลางมองทีวีแล้วเล่นฟุตบอลโปรอีโวลูชัน 2008
สภาพของเขาในตอนนี้คล้ายกับเจ้าลิงในการทดลองลิงอันโด่งดัง ลิงถูกขังไว้ในกรง กรงเชื่อมต่อเข้ากับไฟฟ้า ขอแค่ลิงสัมผัสกรงก็จะถูกไฟดูด หากโดนไฟดูดหลายครั้งเข้า แม้ว่าในอนาคตกรงจะตัดไฟฟ้าแล้วก็ตาม แต่เจ้าลิงก็ไม่กล้าสัมผัสกรงอีกต่อไป
เมื่อโกวซินพบว่าถ้าตัวเขาไม่อยากออกโรงพยาบาล ทั้งหลังจากนี้ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยแล้ว เขาก็ค่อยๆ คลายลงและละทิ้งความคิดที่จะจากไปชั่วคราว
ที่แท้คือถูกทำให้กลัวไปแล้ว เคยได้มีเทวดาสัมผัสที่หัวให้พร จนตัวเองได้โชคใหญ่ แต่ตอนนี้ทำได้แค่นอนอยู่ที่นี่และค่อยๆ ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เหงาหงอยเศร้าซึมมาก ไม่ควรอย่างยิ่งใช่ไหม
แน่นอนสิ!
แต่เมื่อเทียบกับการออกไปแล้วเจอกับใบหน้าแก่ๆ นั้นทุกครั้ง โกวซินก็รู้สึกว่าในเวลานี้ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยได้ยังเป็นเรื่องที่สวยงามขนาดไหน สวรรค์รู้ดีว่าหลังจากออกโรงพยาบาลในครั้งหน้า เขาจะยังมีชีวิตกลับมานอนอยู่อีกหรือเปล่า
หลังจากจบเกมแข่งฟุตบอล โกวซินแพ้แล้ว ไม่ใช่ ‘คอมพิวเตอร์’ เก่งเกินไป แต่เป็นเพราะตัวเขาเอาแต่หนาวสั่นไม่หยุดจนไม่สามารถควบคุมจอยเกมได้นั่นเอง
ซี๊ด แปลกจริง ปีใหม่ผ่านไปแล้ว ทำไมจู่ๆ อากาศถึงเย็นลงล่ะ
ปลายฤดูใบไม้ผลิแล้วเหรอ
ผ่านไปพักหนึ่ง ฟางฟางยกขนมบัวลอยจีนเข้ามาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงโกวซินและพูดอย่างสนิทสนม “สหาย สุขสันต์วันเทศกาลโคมไฟ!”
“ขอบคุณครับ”
“เอาล่ะ คุณกินไปก่อนนะ ฉันจะออกไปคิดเงิน” ฟางฟางเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ร้านขายยา หญิงสาวมีผ้ากอซพันศีรษะยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ถือโทรศัพท์มือถือในมือพร้อมที่จะจ่ายเงิน
“ทั้งหมดแปดสิบหยวนจ๊ะ” ฟางฟางพูดพลางยิ้ม ราคาถูกมากๆ แล้ว นี่ต้องขอบคุณโกวซินคนที่อยู่ข้างในเลยนะเนี่ย มีเขาอยู่ที่นี่รับประกันกำไรขาดทุนของร้านขายยา ร้านขายยาไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ในด้านอื่น ก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อตอบแทนสังคมตามกำลังสามารถได้
ตอนนี้มีคนมาซื้อยาถึงหน้าร้าน ยาหลายชนิดขายในราคาถูก การเสียสละของหนึ่งคนนำความสุขมาสู่ครอบครัวนับล้านจริงๆ
หญิงสาวยื่นโทรศัพท์ให้ ฟางฟางก็หยิบเครื่องชำระเงินเตรียมแสกนรับเงิน แต่แล้วก็ต้องชะงักไป เพราะหน้าจอโทรศัพท์ของหญิงสาวแตกละเอียด ไม่ได้แตกเฉพาะแค่รอยแตกบางๆ แต่โทรศัพท์เครื่องนี้มันพังชนิดที่พร้อมทิ้งได้เลย!
“น้องสาวจ๊ะ” ฟางฟางมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง
คนเอื่อยเฉื่อยอย่างเธอ ในที่สุดก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติในเวลานี้
หญิงสาวหันหลังแล้วเดินไปข้างนอก นี่กำลังจะออกไป
“เอ่อ น้องจ๊ะ น้องสบายดีไหม บาดเจ็บตรงศีรษะหรือเปล่า” ฟางฟางไม่สนใจเงินแปดสิบหยวน ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นหมอหลินหรือฝั่งร้านหนังสือข้างๆ เถ้าแก่ทั้งสองคนไม่สนรายได้ที่แท้จริงของร้านขายยาแห่งนี้มากนัก สิ่งที่ฟางฟางสนใจก็คือกลัวมีบางอย่างผิดปกติกับสมองของผู้หญิงคนนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นลักษณะที่ต่างออกไปต้องเคลื่อนย้ายส่งตัวไปดูอาการที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่
หญิงสาวยังคงเดินออกไปและไม่ตอบสนองต่อเสียงของฟางฟางโดยสิ้นเชิง
ฟางฟางเอื้อมมือไปคว้าต้นแขนของหญิงสาวและพูดอย่างกังวล “ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลใหญ่ดีกว่า อาการบาดเจ็บของคุณอาจจะ…”
‘ตุ้บ!’ ฟางฟางที่รูปร่างอวบอ้วน ถูกแรงแขนหญิงสาวที่กำลังเดินอยู่สะบัดเหวี่ยงลงกับพื้น
“โอ้ย!” ฟางฟางปล่อยมือ มือข้างหนึ่งกุมเอวของตัวเองและร้องโอดครวญด้วยความเจ็บระบม
หญิงสาวเดินออกไปข้างนอกอีกสองสามก้าวแล้วจึงหยุดฝีเท้าลง ผ้ากอซที่เพิ่งพันไว้บนหน้าผากเริ่ม ‘นูน’ ขึ้นราวกับมีอะไรบางอย่างดันออกมาตลอดเวลา เพียงแต่เพราะว่าเธอหันหลังให้ฟางฟางอยู่ ฟางฟางจึงมองไม่เห็นเหตุการณ์นี้
“น้องสาวจ๊ะ ยังไงก็ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลเถอะ ปัญหาเรื่องสมอง ให้ระวังไว้ก่อนก็ดี” ฟางฟางยืนขึ้นและยังพูดโน้มน้าวผู้หญิงคนนี้ต่อไป
บางคนมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นอะไร แต่ผ่านไปไม่กี่วันต่อมา จู่ๆ ก็เกิดปัญหาร้ายแรงกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็มี
สมองเป็นส่วนที่สำคัญและเปราะบางที่สุดของร่างกายมนุษย์
แต่ทว่า ในเวลานี้เนื้อหนังบนหน้าผากหญิงสาวค่อยๆ ยืดยาวออกมาจนน่าตกใจ เนื้อผิวหน้าตึงขึ้นและส่งผลให้ทั้งใบหน้าดูดุร้ายเล็กน้อย มีบางอย่างต้องการออกมาจากร่างของหญิงสาว แต่หญิงสาวดูเหมือนจะสับสนเอามากๆ และดูเหมือนจะไร้ความรู้สึก
พฤติกรรมและนิสัยทั้งหมดของเธอราวกับจะคงไว้เพียงโหมดการทำงานขั้นพื้นฐานเท่านั้น อย่างเช่น เมื่อได้รับบาดเจ็บก็ต้องหาหมอ เมื่อจ่ายเงินก็ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแสกนจ่าย แต่รายละเอียดอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่รับรู้ไม่สนใจมันอีกแล้ว หรือเพราะสมองมีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษไปแล้วจริงๆ
ผิวหนังบนหน้าผากแตกแขนงออกอย่างช้าๆ คล้ายกับเปลือกส้มที่ค่อยๆ ใช้เล็บเจาะและฉีกออก มีบางอย่างดำทมึน ขนดกหนาอยู่ข้างในราวกับจะทะลุออกมา เหมือนกับลูกไก่ในเปลือกไข่ที่เพิ่งฟักตัวออกมา แต่ลูกไก่ไม่มีขนหนาขนาดนั้น
ในเวลานี้ดวงตาของหญิงสาวกลับมาดูสดใสขึ้นบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะกลับมารู้เนื้อรู้ตัวบางส่วนบ้างแล้ว
ในแววตาเริ่มปรากฏอารมณ์ต่างๆ เช่น การดิ้นรน ไม่เต็มใจและความโกรธเกรี้ยว รอยแตกนูนบนหน้าผากคล้ายๆ กับค่อยๆ ถูกฝืนดันกลับไปอย่างช้าๆ และเริ่มหายไป จนในที่สุดก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม แถมยังมีท่าทางซึมกระทือ รวมไปถึงแววตาของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าอีกด้วย
เลือดบนหน้าผากเริ่มไหลรินลงมาอีกครั้ง การทำงานหนักของฟางฟางก่อนหน้านี้แทบจะไร้ผล และไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ
ฟางฟางยังทุบๆ นวดๆ เอวตัวเองอยู่ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหยุดชะงักก็นึกว่าตกลงแล้ว จึงรีบพูดอย่างร้อนใจต่อทันที “เอางี้แล้วกัน ฉันจะไปเรียกรถพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาล”
ฟางฟางรู้สึกจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะได้รับการกระทบกระเทือนสมองจนทำให้ ‘สมอง’ ได้รับความเสียหายจริงๆ
บังเอิญในเวลานี้ นักพรตเฒ่าที่ทำความสะอาดถนนไปแล้วครึ่งทางจากร้านหนังสือไปยังร้านขายยา และกำลังเดินกลับมาทางนี้พร้อมกับทุบเอวของเขาไปด้วย พอเดินผ่านประตูร้านขายยา นักพรตเฒ่าก็หันหน้าไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูก่อน เมื่อผ้ากอซบนหน้าผากของเธอเปรอะไปด้วยเลือด จึงหันหน้าไปตะโกนบอกฟางฟางที่ยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาว
“น้องฟาง เอาน้ำมันดอกคำฝอยมาให้อาตมาหนึ่งขวด”
ฟางฟางรีบไปที่เคาน์เตอร์และหยิบสมุนไพรแก้ฟกช้ำยี่ห้อดิทตาโจวเข้ามาและมองนักพรตเฒ่าที่กุมเอวไว้เหมือนตัวเองเปี๊ยบ พลางถามขึ้น “เป็นอะไรไปคะ ค่ำขนาดนี้แล้วยังมัวมาทำความสะอาดอยู่ทำไมเนี่ย”
“เฮ้อ การปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ข้าน่ะอายุมากแล้ว นับวันก็ยิ่งชอบงานการกุศลมากขึ้นเรื่อยๆ แค่รู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ละก็ชีวิตในชาตินี้ก็จะไม่สูญเปล่าแล้ว”
“โอ้โห นักพรตเต๋ามีคุณธรรมสูงส่งนะเนี่ย แต่คุณต้องระวังเอวของคุณด้วยสิ ไม่อาจ…”
“ไม่ใช่เพราะการทำความสะอาดหรอก เมื่อกี้โชคไม่ดีเหยียบพลาดจนลื่นล้มเอวกระแทกจนเคล็ดน่ะ ความจริงแล้วเอวอาตมายังดีอยู่!”
พูดถึงขนาดนี้ แต่แค่คิดว่าอีกเดี๋ยวจะต้องทำความสะอาดถนนฝั่งตรงข้ามด้วย นักพรตเฒ่าก็รู้สึกแย่
ฟางฟางตบหน้าผากและรีบพูดกับนักพรตเฒ่า “นักพรตเต๋าคุณช่วยส่งผู้หญิงคนนี้ไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลในเครือหน่อยได้ไหมคะ” ฟางฟางพูดและชี้ไปที่สมองของเธอ “ได้รับบาดเจ็บตรงนี้น่ะ ต้องไปตรวจดูสักหน่อย”
“หือ ได้ ไม่มีปัญหา”
นักพรตเฒ่าอยากจะวางไม้กวาดกับที่ตักผงตอนนี้จนใจจะขาด เขารีบเดินเข้ามาและเดินมาอยู่ตรงหน้าเด็กสาว และถามด้วยความร้อนใจ “มาสิ อาตมาจะไปส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย รถของอาตมาจอดอยู่ข้างนอกนู่น ขึ้นรถเลย ฟรี ไม่เสียเงิน”
หญิงสาวเงยหน้ามองนักพรตเฒ่าตรงหน้าด้วยความสับสน
“ยังมัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่ ไปสิ เรื่องเกี่ยวกับสมองจะชักช้าไม่ได้นะ อาจจะเกิดเรื่องใหญ่เอาได้”
ในเวลานี้ฟางฟางพูดโน้มน้าว “ใช่จ๊ะ น้องสาวไปกับผู้เฒ่าเต๋าเถอะจ๊ะ ผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนดี คุณโชคดีจริงๆ ที่ได้พบกับเขาคืนนี้”
……………………………………………………………..