ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 805 ด้อยกว่า
ตอนที่ 805 ด้อยกว่า
สายลมยามค่ำที่หรงเฉิง พัดผ่านมาเหมือนสายลมกระทบใบหน้าเพียงแผ่วเบา ไม่หนาวเหน็บเข้ากระดูกเท่าเจียงหนาน แต่อบอุ่นมาก โจวเจ๋อที่นั่งอยู่ริมถนนและคาบบุหรี่ไว้ในปากก็ยังอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ค่ำคืนที่ยาวนาน เดิมทีเขาควรจะเพลิดเพลินไปกับความเอาใจใส่จากสาวใช้บนเตียงน้ำของโรงแรม แต่ตอนนี้เขากลับรอเวลาที่จะเข้าไปในห้องดับจิตของโรงพัก
เอาเถอะ แม้ว่าห้องดับจิตสำหรับเขาแล้วจะเหมือนการได้กลับบ้านจริงๆ ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับบริการนวดน้ำแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่ดีใช่ไหมล่ะ
เถ้าแก่โจวไม่ได้แจ้งให้ทนายอันและเด็กชายรับรู้ด้วย แค่บอกไปว่าเขาเหนื่อยแล้ว ยกเลิกมื้อดึก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรโจวเจ๋อรู้สึกว่า ถ้าจู่ๆ เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของชาวบ้านตอนอยู่ต่างถิ่น มักจะเกิดความรู้สึก ‘ละอาย’ อย่างบอกไม่ถูก
อันที่จริง แม้แต่ในตอนนี้โจวเจ๋อก็ไม่ได้กะว่าจะเสียเวลาไปกับการรับสืบทอดภารกิจของสาวบ๊องจริงๆ ที่มาจัดการเรื่องนี้ เพราะเขาอยากจะดูว่าสาวบ๊องสวมกางเกงหนังขับบิ๊กไบค์คนนี้กำลังคุกเข่าศิโรราบอยู่หรือเปล่ามากกว่าต่างหาก
ในที่สุดการสืบสวนฝั่งนั้นน่าจะจบลงแล้ว คนที่ควรเลิกงานก็เลิกงานแล้ว
ครั้งนี้โจวเจ๋อและอิงอิงเดินเข้าไปในสถานีตำรวจมาถึงห้องนิติเวชฝั่งนั้น เปิดประตูออกอย่างง่ายดาย แล้วก็เห็นศพผู้หญิงนอนอยู่บนเตียงเหล็ก
ศพผู้หญิงสภาพอนาถเล็กน้อย จะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นร้ายแรงแค่ไหน ถูกชนกระแทกจนทั้งตัวแทบจะเสียรูป ส่วนใบหน้าเสียหายรุนแรงยิ่งกว่า ราวกับถูกคนจงใจใช้สากไม้ทุบตีเข้าที่ใบหน้าหลายต่อหลายครั้ง ถ้าใส่ต้นหอม ขิง กระเทียม และเติมพริกชี้ฟ้าลงไปหน่อยก็สามารถทำ ‘สมองหมูที่ชวนหลงใหล’ ได้แล้ว
แต่ว่าสายตาของโจวเจ๋อก็ยังจับจ้องไปที่ร่างกายส่วนล่างของศพผู้หญิง มีรอยช้ำที่ท้องส่วนล่างชัดเจน น่าจะเป็นเธอนั่นแหละ นี่เป็นรอยที่เกิดขึ้นตอนโดนเขาเตะที่ร้านอาหาร
โจวเจ๋อเดินไปข้างๆ ศพผู้หญิงและเอื้อมมือไปจิ้มแขนเธอ “นี่ ตายแล้วจริงๆ เหรอ”
ไร้เสียงขานรับ
ผลลัพธ์ที่หนึ่งคือ หลังจากเธอประสบอุบัติเหตุรถชน เป็นเพราะร่างกายเละเสียหายทำให้วิญญาณไร้ที่พึ่งพิง จึงลงไปรายงานตัวที่นรกแล้ว
หรืออีกผลลัพธ์คือ บางทีตอนที่เกิดเรื่อง วิญญาณของเธอก็เกิดเรื่องด้วย
ผลลัพธ์ที่สองมันค่อนข้างน่ากลัวหน่อย แม้โจวเจ๋อจะไม่รู้ว่าสาวบ๊องคนนี้กำลังไล่ล่าตามหาตัวอะไรอยู่กันแน่ แต่ของสิ่งนั้นอาจจะอวดดีมากจนกล้าลงมือฆ่ายมทูตไปแล้วหรือเปล่า
อิงอิงยืนอยู่ข้างๆ มองดูศพบนแผ่นเหล็กอย่างเงียบๆ บางทีนับตั้งแต่เข้าวงการมา นี่อาจจะเป็นคู่แข่งที่จากไปเร็วสุดๆ เท่าที่เคยเห็นมาเลยละมั้ง
โจวเจ๋อจุดบุหรี่พลางส่ายหน้าและพูดว่า “เอาละ เรากลับกันเถอะ จองตั๋วเครื่องบินแล้วใช่ไหม”
“จองแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี ตอนเช้าเรากลับกันเถอะ” ขณะที่พูด โจวเจ๋อก็หยิบเงินกระดาษปึกเล็กๆ ออกมาและใช้ไฟแช็กจุดเผาข้างๆ เตียงเหล็ก
การพบกันถือเป็นวาสนา แต่ช่างน่าเสียดายกางเกงหนังของคุณ
โอเค จบเรื่องแล้ว แยกย้าย
ความยุ่งเหยิงในหรงเฉิง ใครอยากจะไปก็ไป เขาเถ้าแก่โจวต้องรีบกลับทงเฉิงด่วนเพื่อปกป้องผู้คนในทงเฉิง
หลังเดินออกจากสถานีตำรวจ และเดินเคียงข้างอิงอิงภายใต้แสงไฟสลัวๆ บนถนน โจวเจ๋อรู้สึกว่าความหดหู่เล็กๆ น้อยๆ ในใจของเขาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ดันรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย
“อิงอิงเอ๋ย”
“หาร้านมื้อดึกอะไรก็ได้ที่ยังเปิดอยู่แถวๆ นี้หน่อย”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่ อืมมมม…เถ้าแก่ แถวนี้มีร้านตับน้อยเสียบไม้แห่งหนึ่ง ไปกินไหมเจ้าคะ”
“ไปสิ หาอะไรรองท้องหน่อยดีกว่า”
…
‘ซู้ด!’ จิบเหล้าขาวลงท้อง พลางหันหน้ารับลมนอกหน้าต่าง ทนายอันรู้สึกสบายใจมาก
จริงๆ แล้ว อาหารแสนอร่อยที่จดจำฝังลึกอยู่ในหัวสำหรับคนส่วนใหญ่ น่าจะเป็นแก้วเหล้าใบเล็กในมือของพ่อและเพื่อนๆ ของเขาเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ยืนอยู่ริมโต๊ะอาหารพลางมองดูผู้ใหญ่จิบเหล้าและอ้าปากร้อง ‘อ่า!’
เสียงซู้ดปากเหมือนได้ลองลิ้มชิมรสอาหารอร่อยที่สุดในโลกเสียอย่างนั้น
ตอนเด็กๆ ทนายอันจำได้ว่าพ่อของเขาและญาติสนิทมิตรสหายเหล่านั้นมักจะทำแบบนี้ประจำ เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มที่โต๊ะด้วย
หลังจากทนายอันทั้งดื่มทั้งกินเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป พออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูห้องพัก
“จะไปอีกแล้วหรือ” เด็กชายนั่งจับขาการ์ฟิลด์อยู่บนเตียงด้วยมือข้างเดียวพลางถามออกมา
ฉากนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแลลูกๆ ที่บ้านสังเกตเห็นสามีตัวเองขโมยเงินของครอบครัวออกไปเล่นการพนันจริงๆ
“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ตูเจียงเยี่ยน นั่นน่ะแค่ผ่อนคลายความกังวล ตอนนี้เป็นการเผชิญกับชีวิตอย่างสงบ ไม่เหมือนกัน มันต่างกัน”
“เอาเถอะ” เด็กชายพยักหน้า
“ผมแค่เปิดอีกห้องที่ชั้นบน มีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้”
เด็กชายเมินประโยคนี้ หากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เจ้าไม่มีเวลาใส่กางเกงด้วยซ้ำจะมาทำไม
ที่จริง มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทนายอันไม่ได้เอ่ยถึง นั่นก็คือตูเจียงเยี่ยนเป็นเพียงเทศมณฑลเล็กๆ จะสามารถเทียบคุณภาพกับหรงเฉิงที่มีประชากรหลายสิบล้านคนได้อย่างไร
“ฉันยิ้มอย่างมีชัย ฉันหัวเราะอย่างภูมิใจ…” ทนายอันเดินฮัมเพลงขึ้นไปข้างบนจนมาถึงหน้าห้องพักห้องหนึ่ง แล้วเคาะประตู
หญิงสาวหน้าตาสะสวยมากคนหนึ่งเปิดประตูให้ เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและห่อผ้าเช็ดตัว ใบหน้าอมชมพูด้วยความเขินอาย สัดส่วนดูดี พอเหมาะทีเดียว
แต่สีหน้าของทนายอันพลันเคร่งขรึมลงและพูดขึ้น “ชุดเครื่องแบบล่ะ”
“จะรีบใส่เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“งั้นก็ดี”
เมื่อเดินเข้าไปก็ปิดประตู พอคิดว่าเด็กชายอยู่ชั้นล่างก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก และเป็นจุดที่เขามักจะล้อเถ้าแก่ของตัวเองในใจประจำ
แข็งแกร่ง โชคดี ชะตาชีวิตดีแล้วอย่างไรล่ะ
หึๆ
“ม๊วฟ!”
ทนายอันลุกจากเตียงและพูดกับหญิงสาวบนเตียง “ร้องต่อไป”
จากนั้นทนายอันสวมใส่เสื้อผ้าสองสามชิ้น หยิบบุหรี่และเปิดประตูห้องเดินออกไปข้างนอก
ทนายอันเพิ่งจะจุดบุหรี่ก็ต้องหันมองด้วยความประหลาดใจ ที่พบว่ามีชายคนหนึ่งก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ประตูฝั่งตรงข้ามเช่นกัน และมีเสียงดังเล็ดลอดจากในห้องของเขาเช่นกัน
ชายทั้งสองมองหน้าสบตายิ้มให้กันด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
หลังจากสูบบุหรี่ไปสามมวน ชายทั้งสองก็เดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อจบการแข่งขันทางอาวุธที่ยาวนานนี้เช่นกัน
จ่ายค่าน้ำเสร็จทนายอันก็แต่งตัวและเดินลงบันไดไป ในทางเดินเย็นนิดหน่อย แต่กลับทำให้รู้สึกเย็นสบายมาก
เมื่อทนายอันเดินกลับมาชั้นที่เด็กชายอยู่ มีพี่ชายพนักงานเดลิเวอรี่คนหนึ่งเดินเข้ามา กำลังตามหาหมายเลขห้องพักพร้อมกับของเดลิเวอรี่ในมือ เพราะว่าเร่งรีบเกินไปจึงไม่ทันสังเกตจนเกือบชนเข้ากับทนายอัน
“พี่ชาย โทษทีครับ” อีกฝ่ายรีบขอโทษทันที
ทนายอันส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องทนายอันก็เคาะประตู ตอนที่รอเด็กชายเปิดประตู ทนายอันเห็นว่าพี่ชายพนักงานเดลิเวอรี่อีกคนหนึ่งโผล่มาทางด้านซ้ายมือของเขา
เฮ้อ ช่วงตรุษจีนน่ะ ไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่ง่ายสำหรับคนอื่น และก็ไม่ง่ายสำหรับเขาเช่นกัน
แต่ทว่า ขณะที่พี่ชายพนักงานเดลิเวอรี่อีกคนหันกลับมา ดวงตาของทนายอันพลันแข็งทื่อ
ทำไมเป็นคุณอีกแล้ว เป็นไปไม่ได้ เวลาไม่ได้เดินเร็วขนาดนั้น ต่อให้วิ่งขึ้นไปชั้นถัดไปแล้วกลับมาใหม่ มันก็ไม่เร็วขนาดนั้น!
ทนายอันก้าวไปข้างหน้าและจับคอของอีกฝ่ายเอาไว้ ถุงเดลิเวอรี่ในมืออีกฝ่ายหล่นลงพื้นจนน้ำซุปกระเด็นหกเลอะเต็มพื้น
“คุณทำอะไรเนี่ย!” พี่ชายพนักงานเดลิเวอรี่ตะโกนอย่างเดือดดาล
ทนายอันยื่นมือไปตบหน้าพี่ชายพนักงานเดลิเวอรี่เบาๆ ดูแล้วก็เหมือนของจริงนี่นา ไม่มีกลิ่นอายของผีหรือปีศาจสักนิด อย่างนั้นเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็นเป็นใครล่ะเนี่ย ถึงตอนนี้เขาอาจจะขาอ่อนแรงลงไปนิดหน่อย แต่ตาไม่ได้บอดสักหน่อย
ทนายอันขมวดคิ้วและคลายมือออก หยิบเงินสองร้อยหยวนในกระเป๋าส่งให้เขา ขณะเดียวกันก็เอ่ยเสริม “ช่วงตรุษจีนก็พักผ่อนกับครอบครัวให้เต็มที่ อย่าโหมงานหนักมากสิ”
ทนายอันยัดเงินกลับเข้ากระเป๋าสตางค์และเกาหัว
เฮ้อ เป็นคนดีนี่มันลำบากขนาดนี้เลยแฮะ ต่อให้คุณจะงานยุ่งจนถวายชีวิตให้แค่ไหน คุณต้องใจดีกับทุกคนที่คุณเจอในชีวิตแล้วรู้สึกว่างี่เง่า เพราะเป็นไปได้มากทีเดียวที่คุณจะเป็นไอ้งั่งในสายตาของอีกฝ่าย
“เป็นอะไรไป” เวลานี้เด็กชายเปิดประตูถาม
“โรงแรมแห่งนี้มีบางอย่างผิดปกติ ออกมาตรวจสอบสักหน่อย จริงสิ เจ้าแมว…เตียวตัวนี้” ทนายอันเอื้อมมือออกไปถอดผ้าพันคอออกจากคอของเด็กชายแล้วโยนลงพื้นไป
ฮวาหูเตียวลากขาใส่เฝือกพลางมองทนายอันด้วยหน้าตาน่าสงสาร
จริงๆ แล้วล้วนแกล้งทำทั้งสิ้น แม้ว่าตำแหน่งของเจ้าฮวาหูเตียวในร้านหนังสือก่อนหน้านี้จะไม่สูงเท่าไร แต่นอกจากเถ้าแก่ลูบก้นเหมือนเป็นสุนัขคอร์กี้เป็นครั้งคราวแล้ว อันที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าลิง แต่ใครใช้ให้มันทรยศล่ะ คนทรยศไม่สมควรได้รับความเห็นใจ
“อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าแกพยักหน้าละก็ ฉันจะคิดว่าแกไร้ประโยชน์จริงๆ และคืนนี้จะได้กินหม้อไฟฮวาหูเตียว”
ฮวาหูเตียวตัวสั่น เพราะถูกกระตุ้นจึงหมอบลงกับพื้นและใช้จมูกดมฟุดฟิด ตอนแรกมันสับสนเล็กน้อย เพราะมันไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรเลยจริงๆ
เดิมทีสัตว์ปีศาจมีการรับรู้ไวกว่ามนุษย์ เจ้าลิงน้อยในร้านหนังสือก็เป็นเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะมาพร้อมทักษะบั๊กทะลุผ่านหมอกได้
เจ้าฮวาหูเตียวตัวนี้มีสายเลือดโบราณ แน่นอนว่าไม่มีทางแย่จนเกินไป
ดมไปดมมา ทันใดนั้นสีหน้าฮวาหูเตียวพลันเปลี่ยนไป
“จี๊ดๆ จี๊ดๆ!!!!!”
ฮวาหูเตียวร้องและเหยียดกรงเล็บชี้ไปทางด้านบน ชี้ไปทางด้านล่าง ชี้ไปทางด้านซ้าย และชี้ไปทางด้านขวา จากนั้นใช้ฝ่าเท้าที่ยังใช้ได้ หมุนและชี้เป็นวงกลม
“แกแกล้งฉันเล่นเหรอ นี่มันหมายความว่ายังไง” ทนายอันต่อว่า
เด็กชายพูดช้าๆ “ถูกซุ่มโจมตีจากทุกด้าน”
………………………………………………………….