ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 224 หน้ามึนงง
ตอนที่ 224 หน้ามึนงง
ฉันปลูกต้นไม้ต้นหนึ่ง ในที่สุดมันก็ออกดอกออกผล วันนี้ช่างเป็นวันที่ยอดเยี่ยมเสียจริง…
ในเวลานี้ ผลไม้ถูกเคี้ยวละเอียดและกลายเป็นควันสีเขียว แผ่ซ่านกระจายออกจากหู ตา จมูก ปากของโจวเจ๋ออย่างช้าๆ จากนั้นปกคลุมลงมาตามลำตัวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้คอของโจวเจ๋อเกือบจะขาดแล้ว แต่เขาก็ยังกินผลไม้อยู่ เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีผลไม้ลูกนี้ไม่จำเป็นต้องผ่านหลอดอาหารไปย่อยโดยตรง
ส่วนรากไม้นั้นหลังจากสูญเสียผลไม้ที่เดิมทีซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดไป ก็เริ่มเหี่ยวเฉาอย่างช้าๆ มันแฝงไปด้วยความไม่ยินยอมอย่างแรงกล้า และแฝงไปด้วยความเคียดแค้นยากที่จะพรรณนาได้
มันไม่คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ ว่าจนถึงตอนท้ายที่สุดแล้ว จุดจบกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้
สวรรค์ลงโทษ
แก้แค้น
ผลกรรม
สุดท้ายกลายเป็นประโยคที่ไร้สาระสิ้นดี อย่างน้อยสำหรับมันแล้วเป็นเช่นนี้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง
ทันใดนั้นร่างพังเละก็สั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง และพุ่งตรงไปหาโจวเจ๋อ รากไม้แก่ใช้เศษเสี้ยวแก่นแท้สุดท้ายของชีวิตแปลงเป็นเปลวไฟแห่งการแก้แค้นโหมรุนแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันต้องการให้โจวเจ๋อตาย!
เพียงแต่ว่า เมื่อตอนที่ร่างพังเละนั้นเข้าไปใกล้โจวเจ๋อ จู่ๆ มันก็หยุดนิ่ง ไม่เพียงหยุดนิ่งเท่านั้น มันยังเอื้อมมือไปประคองศีรษะของโจวเจ๋อที่ใกล้จะขาดร่วงลงมาก่อนหน้านี้ และปล่อยให้แสงสีเขียวล้อมรอบตรงนั้นเอาไว้
“ร่างนี้…เจ้าทิ้งไว้…ให้…ตัวเจ้าเองเหรอ”
น้ำเสียงของโจวเจ๋อแฝงไปด้วยการหยอกล้อ ราวกับเป็นหมากล้อมกระดานหนึ่ง เขาได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว และตอนที่คู่ต่อสู้หมดหนทางแล้ว ค่อยแสดงความคิดเห็นสักหน่อย สาแก่ใจมากทีเดียว
“เขา…เป็นคนสวน…ที่ข้าทิ้งไว้เอง”
ร่างพังเละเอื้อมมือมาก่อน จากนั้นฉีกกระชากใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของมันออกไป การเคลื่อนไหวทั้งหมดกระด้างกระเดื่องมาก จากนั้นเอานิ้วสอดเข้าไปในเบ้าตาของมันและจัดการดึงหญ้าข้างในออกมาอย่างแรง
แม้ว่าสิ่งที่กระชากออกมาจะเป็นต้นหญ้า แต่ความรู้สึกของฉากนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าการฉีกเลือดเนื้อของมันเองเลย
การโต้กลับเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์
แสงสีเขียวในดวงตาของโจวเจ๋อกำลังจางลงอย่างช้าๆ แต่ตรงคอของเขานั้นกลับมีเนื้องอกขึ้นมาใหม่ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“หืม”
น้ำเสียงแสดงถึงความสงสัยเปล่งออกมาจากตัวโจวเจ๋อ
“เจ้า…กำลังทรยศข้าเหรอ”
คล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง จริงๆ แล้ว ก็คุยกับตัวเองจริงๆ นั่นแหละ
“ไม่มีข้า เจ้าคงตายไป…ไม่รู้กี่ครั้ง…ไปตั้งนานแล้ว…”
น้ำเสียงเหมือนกับตอนที่เผชิญหน้ากับรากไม้ก่อนหน้านี้ทุกประการ
ทันใดนั้น แสงสีเขียวในดวงตาของโจวเจ๋อเริ่มสั่นระริกไม่หยุด บางครั้งก็ชัดเจน บางครั้งก็สับสนระคนสงสัย บางครั้งก็โกรธแค้น และบางครั้งก็ดูเหมือนลังเลมาก
“เจ้าเกิด…มาจากสติปัญญาของข้า…แต่เจ้า…ต้องรู้ว่า…เจ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่ง…ของข้าเช่นกัน!”
‘วืด!’
ตัวของโจวเจ๋อเริ่มสั่นสะท้าน การต่อต้านที่เกิดจากภายในแบบนี้แฝงไปด้วยท่าทีที่ไม่ยอมใครง่ายๆ
วินาทีต่อมา
แสงสีเขียวในเบ้าตาของโจวเจ๋อเริ่มมลายหายไป จากนั้นร่างกายเริ่มลอยขึ้นไปอย่างเชื่องช้า
แต่ร่างพังเละนั้นกลับซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอย่างเงียบเชียบ และค่อยๆ ดำดิ่งลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับรากไม้เก่าที่ผุกร่อนและเหี่ยวเฉา
เห็นได้ชัดว่าความลึกของน้ำน่าพิศวงนัก ในเวลานี้มันเหมือนกลายเป็นเหวลึกที่น่ากลัว กลืนกินทั้งสองเข้าไปพร้อมกัน และไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจะตกลงไปที่ไหนกันแน่
โลก มีกฎเกณฑ์ของโลก สิ่งใดที่ไม่ใช่ของโลกล้วนแล้วแต่ถูกยับยั้งและลบล้างไป คนธรรมดามีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ใครก็ตามที่บังอาจแตะต้องสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ก็จำเป็นต้องได้รับการลงทัณฑ์เช่นกัน
เมื่อแปดสิบปีก่อน
ชาวญี่ปุ่นที่แทบจะเสียสติไปแล้วได้พบร่างพังเละนี้ และส่งมันมาที่นี่ พยายามจะเพิ่มพลังที่เหนือขีดจำกัดความคิดของมนุษย์ ผลสุดท้ายซากศพกลับคลุ้มคลั่ง จนเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นนรกบนดิน
ท่ามกลางความมืดมิด
ราวกับมีมือข้างหนึ่ง กำลังปรับเปลี่ยนและแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างในความมืด
มันให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่งและแยกความแตกต่างอย่างชัดเจน
…
‘บุ๋ง…บุ๋ง…บุ๋ง…’
น้ำ น้ำอีกแล้ว เป็นเจ้าน้ำนี่อีกแล้ว
ตอนนี้โจวเจ๋อเกลียดน้ำเอามากๆ เกลียดเข้าไส้ เขาเบื่อเสียงของเหลวที่อื้ออึงอยู่ในแก้วหูของเขา และเกลียดความรู้สึกหายใจไม่ออกตอนที่ปอดของเขาถูกบีบอัดเต็มทีแล้ว
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เขามองเห็นตัวเองนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ไป๋อิงอิงสวมชุดว่ายน้ำกำลังอาบน้ำขัดเนื้อขัดตัวให้เขาอยู่
อีกอย่าง
ไป๋อิงอิงหันหลังให้กับเขา กำลังช่วยเช็ดเขาด้วยผ้าและนวดตรงต้นขาให้เขาในน้ำร้อน
ใครที่มีความรู้ทางการแพทย์เล็กน้อยจะรู้ดีว่า ถ้าคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานจะเกิดแผลกดทับได้ง่ายมาก กระทั่งสามารถนำไปสู่โรคอื่นๆ ตามร่างกายได้
มีลูกกตัญญูนอนเฝ้าหน้าเตียงผู้ป่วยเรื้อรังหรือไม่นั้น สามารถดูได้จากบนตัวผู้ป่วยว่ามีแผลกดทับหรือไม่
ในขณะที่โจวเจ๋อกำลังจะขยับนั้น จู่ๆ ความรู้สึกเจ็บแปลบชัดเจนและรุนแรงมากก็ส่งมาจากทั่วร่างกาย ความรู้สึกเจ็บแปลบแบบนี้ไม่ได้มาจากเนื้อหนัง แต่มาจากเส้นประสาท
‘พรืด…’
เมื่อร่างกายสั่นสะท้าน โจวเจ๋อก็ลื่นลงไปในอ่างอาบน้ำทันที พาไป๋อิงอิงที่กำลังเขย่งเท้าขึ้นเช็ดตัวให้โจวเจ๋อล้มลงมาด้วย
ชั่วขณะหนึ่ง แม้ว่าน้ำในอ่างจะร้อนก็ตาม แต่ความเย็นจัดแบบนี้ก็ทำให้ทนรับไม่ไหวอยู่ดี
โดยเฉพาะผู้ป่วยอย่างโจวเจ๋อที่ร่างกายอ่อนแอและบอบบางมาก กระทั่งสามารถพูดได้ว่าใกล้จะแตกสลายแล้ว ทันใดนั้นเหมือนมีคนเอาน้ำแข็งขนาดเท่าก้อนอิฐมาทุบหน้าเขา
‘บุ๋ง…’
ชั่วพริบตาโจวเจ๋อตกอยู่ในอาการโคม่าอีกครั้ง
“กรี๊ด เถ้าแก่!”
ไป๋อิงอิงร้องกรี๊ด รีบลุกขึ้นและดึงใบหน้าโจวเจ๋อขึ้นจากผิวน้ำอีกครั้ง
เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าโจวเจ๋ออย่างกังวลเล็กน้อย หลังจากพิจารณาแล้วว่าลมหายของโจวเจ๋อเป็นปกติ ไป๋อิงอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับยกของหนักออกจากอก
หากเถ้าแก่ของนางถูกใบหน้ามึนงงของนาง แล้วกลั้นใจตายจริงๆ นั่นมันคงเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ
…
เมื่อฟื้นขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง ก็เป็นเวลาสองวันต่อมาแล้ว เมื่อตื่นขึ้นโจวเจ๋อก็พบว่าตัวเองนอนอยู่…เอ่อ ตอนนี้ฉันนอนอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย
ข้างล่างไม่ใช่เตียง แต่เป็นราวตากผ้าตรงริมหน้าต่าง ตัวของเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศจริงๆ!
นี่เป็นความฝันอีกแล้วเหรอ อย่างนั้นฉันนอนต่อก็แล้วกัน
เมื่อหลับตาลง หลังจากรอประมาณสองถึงสามนาที โจวเจ๋อลองลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ทำไมเขาถึงยังอยู่ในความฝันนี้อีก ลอยอยู่ตรงริมหน้าต่าง แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่เขา
ในเวลานี้ โจวเจ๋อหันหน้ามาและพบว่าถังซือกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง
“ทำอะไรน่ะ”
ถังซือเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อ จากนั้นหยิบแก้วกาแฟข้างๆ มาจิบ
ไม่ต้องคิดเลย โจวเจ๋อรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องดื่มกาแฟขี้แมวราคาแพงที่เขาซื้อมาเป็นพิเศษอยู่แน่ๆ!
ในร้านมีเนสกาแฟตั้งเยอะตั้งแยะ คุณก็ไปดื่มอันนั้นสิโว้ย!
“สำหรับผู้ป่วยแล้วการได้รับแสงแดด ดูเหมือนจะมีประโยชน์ คุณเป็นหมอก็น่าจะรู้ความจริงข้อนี้ดี”
“อย่างนั้นคุณพาผมนั่งบนรถเข็นวีลแชร์และเข็นออกไปรับแสงแดดก็ได้นะ” โจวเจ๋อยิ้มเล็กน้อย
ปล่อยพลังจิตพาเขาลอยออกไปแขวนตากแดดบนระเบียงเหมือนเสื้อผ้าอย่างไรอย่างนั้น น่าอายมากจริงๆ
“เอารถเข็นวีลแชร์ไหมล่ะ นักพรตเฒ่ามีรถเข็นวีลแชร์อยู่ตรงนั้นคันหนึ่ง เป็นตัวที่กดปุ่ม ‘ตู๊ดๆๆ’ แล้ววิ่งเองได้แบบนั้นน่ะ ฉันคิดว่าคุณคงจะไม่ชอบก็เลยไม่พาคุณไปนั่งบนนั้น”
“ขอบคุณ” โจวเจ๋อขอบคุณจากใจจริง
รถเข็นวีลแชร์ของนักพรตเฒ่ายังอยู่เหรอ
เมื่อลองจินตนาการดูแล้ว อีกหน่อยเกิดมีอยู่วันหนึ่งนักพรตเฒ่าหรือสวี่ชิงหล่างหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดวิดีโอให้เขาดู และในวิดีโอนั้นเขากำลังนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้าแถมยังเปิดเพลงเด็กดัง ‘ตู๊ดๆๆ’ อยู่ข้างๆ อีกละก็ นี่คงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายที่สุดแน่ๆ เลย
“ตอนนี้ ปล่อยผมลงมาก่อน”
ถังซือพยักหน้า โจวเจ๋อถูกย้ายจากตรงริมหน้าต่างไปที่เตียง
“คุณฟื้นแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” ถังซือถาม “คุณสลบไปยี่สิบวันเต็ม นานพอตัวจริงๆ”
“ทำไมคุณยังไม่กลับเซี่ยงไฮ้ไปอีกล่ะ” โจวเจ๋อเอ่ยถาม
เรื่องราวได้รับการจัดการแล้ว ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีก
คุณอยู่ที่นี่แล้ว ก็ช่างเถอะ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ช่วยต้อนรับแขกและไม่ก็ช่วยหาเงินด้วย และเป็นเรื่องดีแค่ไหนแล้วที่คุณไม่เอาปากกาแทงลูกค้าตาย แต่คุณอยู่ที่นี่แล้วไม่พอ ยังดื่มกาแฟขี้แมวของผมอีกน่ะเหรอ
ถังซือไม่ได้ตอบคำถามนี้ นิสัยของเธอก็เป็นอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะโจวเจ๋อช่วยชีวิตเธอเอาไว้ที่ศูนย์วิจัยในคืนนั้น เธอรู้สึกว่าเธอควรจะอยู่ที่นี่รอให้โจวเจ๋อฟื้นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นก็จะรู้สึกแย่เล็กน้อย แต่ถ้าจะให้เธอพูดออกมาน่ะ ยาก
“หรือจะให้ฉันไปเรียกไป๋อิงอิงล่ะ” ถังซือถาม
“ยังไม่ต้อง ผมมีเรื่องอยากถามคุณนิดหน่อยน่ะ” โจวเจ๋อพูด
“เรื่องอะไร”
“ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในตัวผม”
“เห็นแล้วละ เหมือนกับแปลงร่างเป็นอุลตร้าแมนอย่างไรอย่างนั้นเลย” ถังซือจิบกาแฟอีกครั้ง
“คืนนั้น คุณตกลงไปแล้วคุณก็ลอยขึ้นมา จากนั้นเรื่องราวก็ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว”
ในใจของโจวเจ๋อเหมือนมีเลือดหยด
“เป็นอะไรไป คนธรรมดาทั่วไปเขาอิจฉากันจะตายไป ผนึกเก้าหางของนารูโตะ การแปลงร่างของอุลตร้าแมน ใครบ้างไม่อยากให้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ผนึกเอาไว้ในร่างกาย”
ถังซือพูดพลางเกี่ยวนิ้วก้อยเล่น “ท่าทีของคุณที่มีต่อฉันเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นเพราะว่าคุณอาศัยความแข็งแกร่งของพลังนั้นหรือไง”
“ประเด็นสำคัญก็คือ มันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง”
โจวเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังมาก
“ตอนแรก ผมสามารถสัมผัสมันได้ มันไม่มีจิตสำนึก เป็นสิ่งที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ ไม่สำคัญอะไรใช่ไหมล่ะ ผมอยากจะใช้เมื่อไรก็เอามาใช้ได้เลย ผลข้างเคียงไม่มีอะไรมากไปกว่าการนอนซมเป็นเวลาครึ่งเดือน
แต่ตอนนี้ จำนวนครั้งที่ใช้เพิ่มมากขึ้น ผมพบว่ามันเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมรับรู้ถึงจิตสำนึกของมันอย่างชัดเจน จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าจิตสำนึกและความคิดของมันพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผมกระตุ้นให้มันตื่นครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็กำลังซ่อมแซมตัวมันเองเช่นกัน
คล้ายกับมนุษย์ มันต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง และฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งในตอนที่ผมใช้มันรับมือเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ในขณะที่มันช่วยผมจัดการปัญหาเหล่านั้นก็ได้รับอาหารเสริมบำรุงตัวมันเองในเวลาเดียวกันด้วย ศัตรูและคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ของผมล้วนกลายเป็นเสบียงของมัน”
เมื่อถังซือได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา ขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้น
“ดังนั้น คุณก็เลยกังวลอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ผมกังวล กระทั่งเริ่มรู้สึกกลัว เพราะมันเป็นไปได้ว่า เมื่อผมปล่อยให้มันฟื้นขึ้นมาในครั้งต่อไปนั้น จะเป็นตอนที่มันเข้ามาแทนที่ตัวผมอย่างสมบูรณ์”
……………………………………………………