ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 222 ลากลงน้ำ!
ตอนที่ 222 ลากลงน้ำ!
ใบหน้าครึ่งซีกโผล่ขึ้นมาจากโพรงทันที อุณหภูมิรอบๆ เริ่มลดลงฮวบเช่นกัน
โจวเจ๋อสูดอากาศเย็นโดยไม่รู้ตัว สถานการณ์ที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็ยังคงปรากฏขึ้นอยู่ดี
อันที่จริง ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อก็เคยคิดมาก่อน ในเมื่อตอนนี้เขาคือโจวเจ๋อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณหรือความทรงจำก็ตาม อย่างน้อยมันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแปดสิบปีที่แล้วจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ตัวเขาที่ถูกขังในศูนย์วิจัยถูกชาวญี่ปุ่นใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัยได้เคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ปรากฏออกมา
นั่นหมายความว่า ร่างกายนี้ก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วใช่หรือไม่
แต่โจวเจ๋อก็ยังคิดผิด ร่างนี้ยังอยู่และมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะพิเศษเกิดขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ถังซือพูดว่ามีปีศาจอยู่ที่นี่ โจวเจ๋อกลับไม่รู้สึกถึงมันเลยสักนิด
แต่ว่า
ชื่อเสียงของคนก็เหมือนเงาของต้นไม้ เคยเห็นฉากที่ร่างพังเละนี้สังหารหมู่ในความฝันมาก่อนหน้านี้ และประจักษ์แก่ตาว่ามันเริ่มบ้าคลั่งอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อได้เผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ โจวเจ๋อยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
‘วืด!’
ระลอกคลื่นกระจายออกไป
ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่บนใบหน้าครึ่งซีกได้ลืมตาขึ้น ในเบ้าตายังมีความว่างเปล่าที่คุ้นเคย ราวกับว่าไม่มีลูกตาอยู่เลย แต่ในวินาทีต่อมา สิ่งที่เหมือนกับรากหญ้าฟางโผล่ออกมาจากลูกตา ทั้งยังค่อยๆ ขยายแผ่ออกไปกระทั่งเติมเต็มรายละเอียดเค้าโครงใบหน้าซีกขวาที่หายไป ทำให้ใบหน้านี้ดูเหมือน ‘สมบูรณ์’ ขึ้นมา แต่ความเป็นจริงแล้วมันกลับดูแปลกและไม่เข้ากันมากกว่า
‘ปัง!’
มือโครงกระดูกยื่นออกมาที่ริมขอบ และหลังจากจิกที่พื้นแล้ว ร่างของเขาก็เริ่มปีนขึ้นมาด้านบนอย่างช้าๆ
เคลื่อนตัวช้ามาก ดูเชื่องช้ายืดยาดเล็กน้อย คล้ายกับตุ๊กตาของเล่นที่ถูกศิลปินฝึกหัดฝีมือหยาบคนหนึ่งควบคุมเอาไว้ และเหมือนว่าจะดูออกถึงความยากลำบากของเขาเช่นกัน
แต่ออร่าแบบนั้นกลับดูเหมือนเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด แม้ว่าร่างกายของเขาจะพังเละ แม้ว่าจิตวิญญาณเดิมที่อยู่ในร่างของเขาไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมาบ้างจนสุดท้ายถึงได้มาลงเอยอยู่กับโจวเจ๋อที่นี่
‘แปะ!’
เขาคลานออกจากโพรง แต่ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มล่าถอยอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับว่ามีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นกดทับเขาเอาไว้อยู่
ประกายไฟได้ปรากฏขึ้นบนพื้น พอที่จะมองเห็นถึงความรุนแรงระหว่างแรงปะทะ
‘โฮก!’
เขาอ้าปาก ปากที่เหลือเพียงครึ่งซีกอ้าออกในลักษณะที่เกินจริงและน่าสยดสยองสุดขีด ใบหน้าครึ่งซีกอีกด้านที่ถักทอด้วยรากหญ้าฟางยุบและแตกกระจายทันที เขากำลังแผดคำรามโดยไร้เสียง เห็นได้ชัดว่าโกรธกับสถานการณ์แบบนี้มาก
‘จ๋อม…’
ทั้งโจวเจ๋อและถังซือยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงมองร่างพังเละที่เพิ่งจะปีนขึ้นมาอย่างลำบากคุกเข่าล้มลงกับพื้นอีกครั้ง จากนั้นก็ถูกลากเข้าไปในโพรง
ภาพรวมและกระบวนการดูแล้วน่าขันนิดหน่อย ปรากฏตัวอย่างอลังการและสง่างามราวสายรุ้ง จากนั้นกลับถูกลากลงไปอย่างอธิบายไม่ได้ มันเหมือนกับนักแสดงที่เพิ่งขึ้นมาบนเวทีแล้วม่านปิดลงก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรด้วยซ้ำ
แต่ว่า สถานการณ์อย่างนี้ก็ทำให้ความกดดันของโจวเจ๋อและคนอื่นๆ ลดลงไปไม่น้อยเลย ความหนักอึ้งที่สะสมในใจมลายหายไปมากทีเดียว
“เถ้าแก่ นี่คือเจ้าเมื่อในอดีตหรือ” นักพรตเฒ่าถามโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า
“ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติในร่างนี้นะเนี่ย มีหญ้าขึ้นบนหัวแล้วจริงๆ”
โจวเจ๋อคร้านจะสนใจเขา แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตเฒ่าจะพูดเองเออเองจนติดเป็นนิสัยแล้ว เขาพูดต่อไปอีกว่า “เถ้าแก่ รู้สึกเหมือนเจ้าโชคไม่ดีจริงๆ หลุมฝังศพของเจ้ามักจะถูกขโมยอยู่เสมอ อย่างซากศพของชาติที่แล้วก่อนหน้านี้ก็ถูกคนเอาผงเถ้ากระดูกไปกินเป็นงาดำไปเสียได้
จากนั้นศพนี้ก็ถูกคนปลูกเป็นดอกไม้ในกระถาง จุ๊ๆ เถ้าแก่ หน้าที่ของข้าคือการช่วยดูหลุมฝังศพให้คนอื่น ครั้งหน้าถ้าเจ้าวางแผนจะตายอีกครั้งละก็ เรียกหาข้าด้วยนะ ข้าจะเลือกที่ปลอดภัยสำหรับเจ้าอย่างแน่…”
นักพรตเฒ่ารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อได้เห็นสายตาของโจวเจ๋อ เสียงของเขาก็ค่อยๆ เบาลง
“ไปดูข้างหน้าหน่อยสิ ด้านล่างนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่” โจวเจ๋อบอกนักพรตเฒ่า
“หืม”
นักพรตเฒ่าตกใจ
บ้าเอ๊ย ข้าเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องคนหนึ่ง แค่รับผิดชอบเก็บของและตะโกนว่าเยี่ยมยอดอยู่ข้างๆ แต่นี่เจ้าจะใช้ให้ข้าไปดูข้างหน้าอย่างนั้นน่ะหรือ
นักพรตเฒ่าย้ายสายตาไปมองถังซือ หวังว่าคุณถังจะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของเถ้าแก่ที่เห็นได้ชัดว่าอาศัยอำนาจแก้แค้นส่วนตัว
แต่คิดไม่ถึงว่าถังซือจะพยักหน้าทันทีพร้อมพูดเสริม
“ก็ดีนะ”
“…” นักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงกลั้นใจเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ไม่ต้องกังวลมากไปหรอก เมื่อสักครู่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเจ้านั่นถูกจำกัดไว้ที่นี่ ดังนั้นตลอดแปดสิบปีที่ผ่านมา มันเกิดการกลายพันธุ์ไปแล้วอย่างชัดเจน กระทั่งถูกอะไรบางอย่างยึดเป็นรังไปแล้วด้วย แต่ก็หมดหนทางออกไปจากที่นี่เหมือนเคย
ส่วนฉันและเถ้าแก่ของคุณต่างก็เป็น ‘ผี’ แต่คุณเป็นคนที่มีชีวิต ไม่ไปกระตุ้นสิ่งที่อาจจะมีตัวตนอยู่ข้างล่างนั่นหรอกน่า” ถังซือธิบายให้นักพรตเฒ่าฟังจากทางด้านหลัง
เมื่อได้ยินดังนี้ นักพรตเฒ่าก็รู้สึกอุ่นใจไม่น้อย หลังจากเข้าไปใกล้ก็ใช้ไฟฉายส่องลงไปข้างล่าง แล้วโผล่หัวยื่นไปเหลือบมองอย่างรวดเร็ว
“เถ้าแก่ ข้างล่างเหมือนจะเป็นบ่อน้ำ มีน้ำอยู่ด้วย” นักพรตเฒ่าร้องทัก
จากนั้นโจวเจ๋อและถังซือถึงได้เข้าไปใกล้ แท้จริงแล้วด้านล่างไม่ใช่โพรงถ้ำอะไร แต่เป็นบ่อน้ำ
“จะเอายังไงกับข้างล่างนั่น ใครจะไปรู้ว่าตอนแรกจิตวิญญาณของคุณออกไปได้ยังไงน่ะ” ถังซือนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ และจัดทรงผมของเธออย่างช่วยไม่ได้ “หรือไม่พวกเราก็ออกไปกันเถอะ รอวันพรุ่งนี้ให้ทีมผู้เชี่ยวชาญลงมา หลังจากที่พวกเขาพบสถานที่นี้แล้วให้พวกเขาคิดหาวิธีใช้ระเบิดระเบิดเขาทิ้งไปซะ ถึงอย่างไรเขาก็หนีออกไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“คุณคิดจะระเบิดเขางั้นเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม “ถ้าพวกเขาพบร่างนี้ละก็”
“หืม”
“ร่างที่เห็นๆ กันอยู่ว่าตายไปอย่างนี้แล้วยังสามารถเคลื่อนไหวได้ นี่ไร้เส้นพรมแดน ไร้จิตสำนึก พวกเขาจะต้องอดไม่ได้ที่จะนำกลับไปเป็นตัวอย่างในการวิจัยแน่ๆ”
“นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ถือเป็นการอุทิศตนของคุณให้กับการแพทย์แผนปัจจุบัน” ถังซือมีท่าทีเฉยเมย
“คุณดูสวยจัง” โจวเจ๋อพูดขึ้น
“ขอบคุณ”
“แต่ตอนนี้คุณรู้หรือไม่ว่ามีชายหนุ่มมากน้อยแค่ไหนไม่มีที่ระบายความต้องการทางร่างกายที่สะสมอยู่ทุกวัน เพราะว่าไม่มีเงินและไม่มีโอกาส ทำไมคุณไม่ไปช่วยพวกเขาล่ะ”
แสงสีม่วงในดวงตาของถังซือหายวับไป เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธ
เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนโจวเจ๋อไม่ได้เป็นแบบนี้ คนเราสามารถเปลี่ยนไปได้จริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อคุณพบศักยภาพของตัวเองแล้วก็ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้กับคนตรงหน้าอีกต่อไป นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ และคนที่ไม่คุ้นชินที่สุด มักจะเป็นฝ่ายที่เคยยืนอยู่บนที่สูงมาก่อน
“เฮ้ๆๆ ทั้งคู่เลย เลิกทะเลาะกัน เลิกทะเลาะกันได้แล้ว น้ำข้างล่างเริ่มเดือดแล้ว”
นักพรตเฒ่าชี้ไปข้างล่างและพูดขึ้น เขารู้นิสัยของถังซือ และรู้ดีว่าเถ้าแก่ของเขาก็รู้สึกโกรธหลังจากที่เคยผ่านประสบการณ์ถูกขโมยศพไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้เขายังพบว่าศพของเขาเกิดปัญหาอีกแล้ว แน่นอนว่าเป็นการยากที่จะยอมรับได้
น้ำในบ่อเริ่มเดือด ‘ปุดๆ’ ขึ้นมา ทันใดนั้น ผิวน้ำก็เริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าน้ำพุใต้ดินเริ่มพุ่งทะลักออกมา
เพียงชั่วขณะ ระดับน้ำถึงกับท่วมเลยโพรงและเริ่มทะลักออกไปรอบๆ จังหวะและความเร็วนี้น่ากลัวยิ่งกว่าหัวจ่ายดับเพลิงระเบิดเสียอีก
หนูตัวแล้วตัวเล่าถูกกระตุ้นให้วิ่งขึ้นมาข้างบนอีกครั้ง ตามด้วยสิ่งที่คล้ายกับต้นหญ้าและกิ่งก้านมากมาย
ความเร็วของน้ำพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกรีดร้องอยู่ข้างล่าง และความเร็วในการไหลของน้ำก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
เพียงชั่วขณะ ระดับน้ำในศูนย์วิจัยท่วมสูงถึงระดับเอวของคนแล้ว
ร่างของถังซือถอยกรูดออกไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้น้ำรอบๆ อยู่ห่างจากเธอเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมา จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งคว้าข้อเท้าของเธอใต้น้ำ
‘ฟุบ!’
แผ่นกระจกสองชิ้นตัดแหวกลงไปใต้น้ำทันที แต่เห็นเพียงสายน้ำด้านล่างปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น ถังซือถูกคว้าและพลิกตกลงไปใต้ในน้ำทั้งตัว
หลังจากลงไปใต้น้ำ ถังซือถึงได้มองเห็นร่างพังเละที่ก่อนหน้านี้เพิ่งปีนออกมาแล้วถูกลากกลับลงไป อีกฝ่ายกลับคลานออกมาอีกครั้งโดยไร้ซุ่มเสียง
ท่ามกลางความเจ็บปวดเสียดกระดูกและความหนาวเหน็บที่ข้อเท้า เธอใช้พลังจิตควบคุมกระแสน้ำรอบตัวของเธอพุ่งเข้าใส่ร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่อีกฝ่ายเปรียบเสมือนเหล็กแผ่นหนักเป็นตัน แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน!
‘จ๋อม!’
และในเวลานี้เอง
โจวเจ๋อจมลงไปใต้น้ำและพุ่งตัวตรงไปทางร่างพิการนั้น เล็บทั้งสิบนิ้วแทงเข้าที่กะโหลกของอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น เขาไม่คิดจะยั้งมือไว้ไมตรีเพราะอีกฝ่ายเป็นร่างเดิมของเขาเลยแม้แต่น้อย
‘โฮก!’
ร่างพิการอ้าปาก คลายข้อเท้าของถังซือออก จากนั้นคว้าหมับเข้าที่คอของโจวเจ๋อแน่น ทั้งสองพัวพันต่อสู้ปลุกปล้ำกัน
‘ปุดๆ…ปุดๆ…ปุดๆ…’
เริ่มมีเสียงดังลอดมาจากใต้น้ำอีกครั้ง นักพรตเฒ่าในเวลานี้กลับยืนอยู่บนโต๊ะทำงาน หัวของเขาใกล้จะแตะถึงเพดานอยู่แล้ว เมื่อเห็นถังซือลอยโผล่ผิวน้ำ ก็รีบยื่นมือออกไปดึงเธอเข้ามาทันที
“เถ้าแก่ล่ะ เถ้าแก่ล่ะ”
ถังซือมีสีหน้าหนักอึ้ง และไม่คำนึงว่าตรงข้อเท้าของเธอมีเลือดไหลอยู่ ใช้มือทั้งสองข้างจุ่มลงใต้ผิวน้ำแล้วตะโกนออกมาดังๆ
‘ครืน…’
ผิวน้ำที่เกือบจะท่วมมิดห้องทดลองห้องนี้แยกออกทันที เผยให้เห็นร่างของโจวเจ๋อและร่างพิการนั้น
ร่างพิการนั้นฉุดดึงโจวเจ๋อเอาไว้อย่างต่อเนื่อง แต่เล็บทั้งสิบนิ้วของโจวเจ๋อกลับฝังลงในกะโหลกของอีกฝ่ายแน่น
แต่ทว่า สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของร่างพิการนั้นไม่ใช่โจวเจ๋อแต่อย่างใด เขายังคงเดินเข้ามาอย่างมั่นคงในทิศทางเดียว ซึ่งก็คือทิศทางที่ถังซืออยู่นั่นเอง
ชั่วขณะหนึ่ง ท่ามกลางความมืดมิด ถังซือเกิดลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง
สิ่งที่สิ่งนั้นต้องการ ไม่ใช่โจวเจ๋อที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเขา แต่กลับเป็นตัวเธอเอง!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
‘ซ่าๆๆ…ซ่าๆๆ…’
กระแสน้ำเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว หนังสือเอกสารที่ลอยว่อนปกคลุมไปทั่วห้องทดลองก่อนหน้านี้เริ่มตกลงอย่างรวดเร็ว คล้ายกับอ่างที่เติมน้ำจนเต็มแล้วถูกถอดจุกออก
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่นั้นมีแรงดูดตามธรรมชาติ นอกจากนี้หลังจากสูญเสียที่พักพิงและที่กำบังอย่างน้ำเหล่านี้แล้ว ร่างพิการที่คลานออกมาจากโพรงอีกครั้ง ก็รู้สึกได้ถึงพลังการขับไล่และการกักขังที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้นอีกครา ร่างของเขาเริ่มเลื่อนถอยกลับอย่างรวดเร็วด้วยความไม่เต็มใจถึงขีดสุด ก่อนจะตกลงไปในโพรงอีกครั้ง
และโจวเจ๋อที่จับเขาเอาไว้แน่น ครั้งนี้ก็ไม่รอดเช่นกัน
ได้ยินเพียงเสียงก้อนหินตกลงไปในน้ำ
โจวเจ๋อก็ตกลงไปในบ่อน้ำพร้อมกับร่างพิการนั้น
รอบตัวตกอยู่ในความสงบนิ่ง กระทั่งบนพื้นไม่เหลือน้ำแม้แต่หยดเดียว ยังคงแห้งสนิท
……………………………………………………