ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 211 บนดิน!
ตอนที่ 211 บนดิน!
หลายคนเคยเห็นภาพฝูงหมาป่าและแมวป่าฟัดกันแย่งอาหารบนถนนสายเล็กๆ การฟัดกันแบบนั้น การยื้อแย่งกันอย่างไม่คิดชีวิตแบบนั้น ทุ่มสุดกำลังความสามารถโดยไม่เสียดายอะไรทั้งนั้น
เป็นเพราะสัตว์มันรู้ดีว่า หากไม่มีอาหาร มันเองก็จะเจอทางตันเช่นกัน
มนุษย์อ้างตนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐ และอ้างตนว่าเป็นเทพเจ้าของทุกสรรพสิ่งอยู่เสมอ
ก็เหมือนชาวทงเฉิงบางคน เมื่อถูกเรียกว่าเป็นคนมณฑลเจียงซูเหนือ ก็จะโต้กลับอย่างเผ็ดร้อนเหมือนแมวโดนเหยียบหางแล้วร้องคำรามออกมาว่า เขาเป็นคนมณฑลเจียงซูกลาง ไม่ใช่คนมณฑลเจียงซูเหนือ ซึ่งมันดูน่าขำยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อหลายปีก่อน มนุษย์ก็ดำรงชีวิตด้วยการกินขนดื่มเลือดเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน แต่ปัจจุบันนี้ผู้คนมักเรียกการประพฤติตัวเกินเหตุว่า ‘พฤติกรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน’
มีอารยธรรมแล้ว ฉลาดปราดเปรื่องแล้ว ก็อยากสลัดความเกี่ยวข้องกับ ‘สหาย’ ในอดีตอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับตอนนี้ที่โจวเจ๋อกำลังเฝ้าดูคนกลุ่มนี้แย่งชิงโซ่ตรวน พวกเขายื้อแย่งอย่างลืมตัว แย่งชิงกันอย่างหมุกมุ่น วุ่นวายพัลวัน อากาศในห้องขังเดิมทีก็ว่าเลวร้ายมากแล้ว กลับถูกพวกเขาตะลุมบอนเตะฝุ่นฟุ้งกระจายอีกครั้งจนอากาศแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
ในตอนท้าย มีชายคนหนึ่งยืนขึ้นพร้อมกับชูโซ่ตรวนในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสัน มีรอยฟกช้ำมากมายบนตัว ปลายคิ้วก็แตกและมีเลือดหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง
นี่คือผู้ชายของหญิงสาวคนนี้ ผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ยังอาลัยอาวรณ์ป้อนข้าวด้วยความรักอยู่เลย
เหมือนสิงโตตัวผู้ที่ออกไปล่าเหยื่อและนำอาหารกลับมาให้สิงโตตัวเมีย เขาทำสำเร็จแล้ว
ชายชุดดำเอื้อมมือไปเคาะกรงเหล็ก ให้สัญญาณว่าโซ่ตรวนนั้นมีเจ้าของแล้ว
นี่ทำให้ผู้คนรอบๆ ที่วางแผนคิดจะลุกฮือขึ้นไปต่อสู้แย่งชิง จำเป็นต้องยุติการโจมตี
อันที่จริง ในตอนที่แจกจ่ายอาหารตอนแรกๆ นั้น คนอื่นๆ ในห้องขังต่างก็แสดงให้เห็นถึงความอดกลั้นอย่างหนัก พวกเขารู้ว่ายังมีหญิงตั้งครรภ์อยู่ในเรือนจำแห่งนี้ด้วย
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะมีปรานีในการแย่งชิงโซ่ตรวนครั้งต่อไป การจะกินข้าวช้าหรือการกินน้อยลงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย แต่ทว่าโซ่ตรวนเส้นนี้กลับมีความหมายมากกว่านั้น
ชายหนุ่มถือโซ่เดินมาตรงหน้าหญิงสาว ก่อนจะก้มตัวลงเอาโซ่คล้องเท้าหญิงสาว
‘แกร๊ก’
เมื่อล็อกแล้ว จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
เขากำลังยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุข
ในสายตาของโจวเจ๋อ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ เหมือนกับเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน เขาก็เกิดความรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ลึกๆ
โซ่ตรวนเส้นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่
ทำไมนักโทษเหล่านี้ถึงได้กระตือรือร้นกับมันถึงขนาดนี้
แต่สิ่งหนึ่งที่โจวเจ๋อมั่นใจได้ก็คือ โซ่เหล็กเส้นนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดนั้น
ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีฝันร้ายให้ยังคงอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรอก
ความฝันนี้ชัดเจนมาก รายละเอียดทุกอย่างก็ชัดเจนอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น โจวเจ๋อกลับรู้สึกว่าที่นี่ยังคงมีชั้นหมอกหนาทึบที่มองไม่เห็นแผ่ปกคลุมไว้อยู่
มันกำลังปกคลุมข้อเท็จจริงเอาไว้
บางครั้งสิ่งที่ยิ่งเป็นจริงมากเท่าไร ก็มักจะหมายความว่ายิ่งปลอมมากขึ้นเท่านั้น
โจวเจ๋ออ้าปาก
เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ยังคงไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้ เหลือเพียงแค่เสียงพึมพำแหบแห้งเท่านั้น
จากนั้น ชายหนุ่มประคองหญิงสาวขึ้นมา ชายชุดดำเปิดกรงขัง และด้านข้างก็มีชายชุดดำเดินตามเข้ามาอีกสองสามคน พวกเขาประคองรับหญิงสาวมาจากมือของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มอยากจะตามออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่กลับถูกชายชุดดำสองคนผลักกลับเข้าไป
จากนั้นกรงเหล็กก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ชายหนุ่มเกาะกรงแน่นพลางมองหญิงสาวสลับกับมองครรภ์ของหญิงสาว
เขายังคงมีความสุขมาก
โคตรมีความสุข
มีความสุขสุดๆ
มีความสุขเสียจนโจวเจ๋อคิดว่าถ้าตัวเองมีโอกาสละก็ จะวิ่งกลับไปตะบันหน้าเขาสักยก
‘ครืด…ครืด…ครืด…’
เสียงโซ่ตรวนลากกระทบพื้น
โจวเจ๋อก็ออกไปเช่นกัน
แต่เนื่องจากร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป ดังนั้นชายชุดดำจึงคอยพยุงเขาเอาไว้ทั้งสองฝั่ง
ตลอดทางที่เดิน ทั้งหนาวเหน็บและโดดเดี่ยว มีเพียงเสียงโซ่เหล็กกระทบกับพื้นเท่านั้นที่ดังชัดเจนจนแสบแก้วหู
แต่ทว่า
ในขณะที่เดินผ่านกรงขังกรงอื่นๆ โจวเจ๋อเห็นฉากที่คล้ายกับก่อนหน้านี้
บรรดานักโทษทั้งหมดในกรงขังต่างรวมตัวกันหน้ากรงเหล็กและยื่นหัวออกมามองโจวเจ๋อ มองดูหญิงสาวที่ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนคนนี้
ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
เป็นความอิจฉาที่ปรารถนาอยากจะเข้ามาแทนที่
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้ยินเสียงโซ่ตรวนเส้นนี้ พวกเขายังแสดงสีหน้าท่าทางเพลิดเพลินสนุกสนานอีกด้วย
คนเหล่านี้ป่วยทางจิตกันหรือเปล่า
ใบหน้าของโจวเจ๋อในตอนนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ‘???’
เดินและก็เดิน เดินต่อไปเรื่อยๆ
ทางเดินเส้นนี้ยาวมาก บวกกับโจวเจ๋อที่เดินช้ามากเข้าไปอีก
แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายชุดดำสองคนที่อยู่ข้างๆ ไม่ใช้กำลัง เห็นได้ชัดว่าถ้าหากพวกเขาจะทำ ก็สามารถลากหญิงสาวคนนี้ไปข้างหน้าได้ภายในไม่กี่นาทีเสียด้วยซ้ำ
แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะตั้งครรภ์ แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าภายใต้สภาพแวดล้อมและการบำรุงเช่นนี้ มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่เธอยังสามารถรักษาครรภ์ไม่ให้แท้งบุตรไว้ได้ ที่จริงแล้วเธอผอมมาก ก็แค่ดีกว่าหนังหุ้มกระดูกนิดเดียวเท่านั้นเอง
ที่เธอกับลูกของเธอสามารถยืนหยัดมาได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
โจวเจ๋อมองว่า ชายชุดดำพวกนี้จงใจเดินช้าๆ มากกว่า
พวกเขาเหมือนเดินขบวนพาเหรดอย่างไรอย่างนั้น เดินไปพร้อมกับหญิงสาวอย่างช้าๆ
เหมือนเป็นแชมเปี้ยนที่ได้รับความสนใจและเสียงร้องเฮจากผู้ชมที่รายล้อมอย่างล้นหลาม ดูเหมือนว่าจะจงใจถ่วงเวลาออกไปให้นานอีกหน่อย
แต่โจวเจ๋อก็ยังคงสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
ดูเหมือนว่าจะไปผิดทางแล้วนะ
โซ่ตรวนก่อนหน้านี้ที่ผ่านกรงขังของเขามาจากทางขวาไปทางซ้าย แต่ครั้งนี้เขาถูกประคองจากทางซ้ายไปทางขวา โจวเจ๋อสังเกตความแตกต่างอย่างระมัดระวัง
ไม่ว่าหนทางจะยาวไกลแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีจุดสิ้นสุด
มีประตูเหล็กปรากฏขึ้นตรงด้านหน้า
ประตูถูกเปิดออก โจวเจ๋อถูกผลักเข้าไป
ด้านในมีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะนั้นมีอาหารและน้ำสะอาดวางอยู่
โจวเจ๋อไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
ให้เถ้าแก่โจวกินอาหารโดยปราศจากเครื่องชูรสชาติอื่นใด มันก็ไม่น้อยไปกว่าการลงโทษแบบโหดร้ายทารุณเลยจริงๆ
แต่ครู่ต่อมา แรงกระตุ้นหนึ่งดังขึ้นในใจของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อเริ่มยื่นมือออกไปหยิบอาหารและน้ำยัดเข้าปากตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
โจวเจ๋อรู้ว่านี่เป็นเพียงความฝัน และเขาได้มองเรื่องราวต่างๆ ในมุมมองของหญิงสาวคนหนึ่ง
ดังนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนเคลื่อนไหว แต่เป็นความปรารถนาของหญิงสาวที่ต้องการอยู่รอด ที่บังคับให้เธอเริ่มกินอาหาร พยายามกินอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะว่าเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะยังมีลูกน้อยในครรภ์ของเธออยู่อีกคน
เธอรู้เป็นอย่างดีว่าลูกของเธอต้องการสารอาหาร
กินอย่างตะกละตะกลามอยู่เป็นเวลานาน ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะกินไม่อิ่มสักที แต่ชายชุดดำที่อยู่ข้างๆ หยุดเธอและขัดจังหวะการกินต่อของเธอ
ในฐานะที่โจวเจ๋อเคยเป็นหมอมาก่อนเขารู้ดีว่า ในช่วงที่ขาดอาหารถึงขีดสุดหากกินมากเกินไปแล้วละก็ จะเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้ง่ายมาก
ในสมัยโบราณมี ‘ศาลเตี้ย’ ชนิดหนึ่งที่ในห้องขังเรียกกันว่า ‘การสั่งตาย’
เป็นการทำให้นักโทษหิวโหยอยู่ตลอดเวลา และให้อาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังไว้ไม่ให้อดตาย แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้กินอิ่ม แน่นอนว่าขั้นตอนนี้สามารถละเว้นได้ ในสมัยโบราณหากคิดว่าจะได้กินอิ่มในห้องขังนั้นยังเป็นเรื่องเพ้อฝันและหวังลมๆ แล้งๆ อีกด้วย
จากนั้นอยู่มาวันหนึ่ง ผู้คุมจะจัดเหล้าชั้นดีและอาหารชั้นเลิศวางเรียงกันบนโต๊ะให้คุณอิ่มหนำสำราญ กระทั่งเมื่อตอนที่คุณกินจนพุงกางแล้ว ผู้คุมสองคนก็จะเข้ามาขนาบสองข้าง คนหนึ่งจับหัวของคุณและอีกคนหนึ่งจับเท้าทั้งสองข้างของคุณเอาไว้ และยกคุณขึ้นมาเล่นท่า ‘ยืดหยุ่น’ พักหนึ่งหดตัว พักหนึ่งยืดตัว
ทำซ้ำๆ ไปมาอยู่สักพักหนึ่ง คุณก็จะตาย
วิธีการตายแบบนี้ ด้วยระดับความสามารถในการชันสูตรศพของขุนนางในสมัยโบราณจะตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ และไม่พบบาดแผลอื่นๆ บนร่างกาย บรรดาผู้คุมมักจะใช้วิธีนี้รับเงินใต้โต๊ะเพื่อช่วยคนให้ได้แก้แค้นในคุก
พออิ่มปุ๊บ ร่างกายก็ดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นทันใด
ชายชุดดำคนหนึ่งเข้ามาพร้อมปืนฉีดน้ำ และปืนฉีดน้ำก็เริ่มระดมยิงใส่หญิงสาว
น้ำเย็นจัดพุ่งเข้ามาและกระเซ็นกลับออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
หญิงสาวนอนอยู่บนพื้น โอดครวญไม่หยุดหย่อน
เถ้าแก่โจวก็เปียกโชกเป็นหมาตกน้ำตามไปด้วย แบบนี้มันไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไร
หลังจากนั้น ชายชุดดำนำชุดคลุมสีขาวมาเปลี่ยนให้หญิงสาว นำหญิงสาวที่ร่างกายยังเปียกอยู่บ้างแต่สะอาดกว่าแต่ก่อนผลักออกไปนอกประตูเหล็ก
‘ครืด…ครืด…ครืด…’
โซ่ตรวนยังคงลากถูอยู่บนพื้น
ทางที่เคยเดินมาก่อนหน้านี้ก็ต้องกลับไปเดินใหม่อีกรอบ
โจวเจ๋อรู้สึกสับสนเล็กน้อย
การแย่งชิงโซ่ตรวนนี้เพียงเพื่อให้ได้กินอิ่มสักมื้อและได้อาบน้ำสักครั้งหรืออย่างไร
ใช่หลักการเดียวกันกับการแย่งชิงตั๋วกินข้าวและแย่งตั๋วอาบน้ำอย่างนั้นหรือไม่
ระหว่างเดินทางกลับไปอีกครั้ง ผู้คนในกรงเหล็กทั้งสองด้านยังคงมองโจวเจ๋อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอยู่เหมือนเดิม
เดินไปข้างหน้าต่อไป
เมื่อเดินมาถึงห้องขังที่โจวเจ๋อถูกคุมขังไว้ ชายหนุ่มที่ป้อนข้าวคนนั้นก็กำลังมองหญิงสาวอยู่ข้างๆ ราวกรงเช่นกัน เขาตื่นเต้นมาก และก็ปลื้มปีติมีความสุขมาก
มันทำให้โจวเจ๋อนึกถึงเพลงของเรเน่ หลิวขึ้นมาเพลงหนึ่ง
‘รักมาก รักเธอมากถึงได้ยอมปล่อยเธอไป ไปสู่ที่ที่มีความสุขมากกว่านี้…’
โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าต่อ โซ่ตรวนยังคงลากถูอยู่กับพื้นไปเรื่อยๆ
ชายชุดดำไม่ได้ส่งเขากลับไปยังห้องขังที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ
เดินไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดไป
เดินไปเรื่อยๆ มีพรมปรากฏขึ้น
เดินไปเรื่อยๆ มีประตูเหล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ประตูถูกเปิดออก มีแสงสว่างอยู่ด้านใน
มันทำให้เกิดภาพลวงตาว่าสามารถหลบหนีจากขุมนรกนี่ไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
คนที่ไม่เคยติดคุกจะไม่สามารถเข้าใจถึงความโหยหายอิสรภาพตอนที่อยู่ในกรงขังได้เลย เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่เมื่อป่วยขึ้นมาถึงได้ตระหนักอย่างแท้จริงว่า การมีชีวิตอย่างปกติสุขและสุขภาพแข็งแรงนั้นเป็นเรื่องที่วิเศษแค่ไหน
โจวเจ๋อสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีความรู้สึกตื่นเต้นและปีติยินดีเกิดขึ้นในตัวผู้หญิงคนนี้ มันมากเสียจนกระทั่งร่างกายของเธอสั่นเทาไม่หยุด
เธอเดินเข้าไปแล้ว โซ่ตรวนก็ยังคงลากไปกับพื้น
ส่งเสียงดังชัดครั้งสุดท้ายในพื้นที่แคบๆ แห่งนี้
‘ปัง…’
หลังจากที่เดินเข้าไป ประตูเหล็กก็ถูกปิดลง
ด้านหน้าถูกปกคลุมด้วยบางสิ่งสีขาวๆ คล้ายกับโรงเรือนที่ชาวนาใช้ตอนปลูกผักนอกฤดู
และบริเวณพื้นที่ทั้งสองด้านก็มีบางอย่างคล้ายกับหัวฝักบัวอาบน้ำที่ทุกอันมีรูเล็กๆ อยู่หลายรู
เหมือนจะเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะอย่างไรอย่างนั้น ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะอาบน้ำได้ไม่สะอาดพอ ยังต้องอาบใหม่อีกรอบ
อารมณ์ของหญิงสาวยังคงตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง
เธอยังเดินตรงไปข้างหน้าช้าๆ แต่หลังจากที่โจวเจ๋อเห็นผังบริเวณรอบๆ แล้ว หมอกที่น่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมลงมาทันที
หญิงสาวไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ว่าเขารู้น่ะสิ!
แย่แล้ว
ออกไป ต้องออกไป ที่นี่มันไม่ใช่ห้องอาบน้ำห่าเหวอะไรเลย
ที่นี่คือแดนแห่งการชำระบาป
มันคือนรกบนดินอย่างแท้จริง!
…………………………………………………………….