ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน
ตอนที่ 205 โซ่ตรวนที่ก่อกวน
ตำรวจจราจรมาแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็เกิดเหตุการณ์ลักพาตัว ถึงแม้โครงเรื่องจะไร้สาระและยากที่จะเข้าใจ คาดว่าแม้แต่ภาพยนตร์ของโจวซิงฉือก็ไม่กล้าเอาโครงเรื่องนี้มาถ่ายทำ เพราะอาจจะถูกประชาชนด่าเละหาว่าไม่มีสมองไร้ตรรกะ แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
บางทีตอนแรกที่ข่าวแพร่กระจายไปตามเวยป๋อหรือกระทู้ หลายคนอาจจะบ่นว่า ‘เปิดฉากด้วยภาพหนึ่งภาพ ที่เหลือแต่งขึ้นทั้งหมด’ ทว่าเมื่อความจริงปรากฏ ก็มากพอให้ทุกคนต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง
และสิ่งที่บังเอิญก็คือ คนที่ ‘เฝ้าเวร’ และสอนวิชาการปกครองให้โจวเจ๋อเมื่อคืนนี้ ก็ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วย ท่าทางเหมือนหัวหน้าใหญ่คอยแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ดูเหมือนเขาจะชื่อว่าจางเยี่ยนเฟิง โจวเจ๋อพอจำได้อยู่บ้าง
แต่ก็จริง ตำรวจที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความยุติธรรม จะเป็นแค่คนเฝ้าห้องขังได้อย่างไร
เขาก็เห็นโจวเจ๋อเหมือนกัน จากนั้นจึงขมวดคิ้วอย่างแรง แล้วเดินเข้ามา โจวเจ๋อเพิ่งจะทำบันทึกคำให้การแบบคร่าวๆ เสร็จ อันที่จริงรูปคดีก็ชัดเจนแล้ว ทางตำรวจล็อกตัวตนของผู้ต้องสงสัยและบันทึกภาพของผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว งานที่เหลือก็คืองานจับกุมตัว
“เจอกันอีกแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงยื่นมือตบไหล่ของโจวเจ๋อเบาๆ โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเป็นคนรักสะอาด และไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทมาแตะต้องร่างกายของตัวเอง ดังนั้นตอนที่ตำรวจเอามือออก โจวเจ๋อจึงยื่นมือปัดไหล่ของตัวเองเป็นพิเศษ
“…” ตำรวจจาง
“ผมขอพูดอีกครั้ง ผมไม่ได้ผลิตยาเสพติด” โจวเจ๋อพูดซ้ำด้วยความจนใจ
ภายในร้านหนังสือของตัวเอง ไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด และโจวเจ๋อก็เป็นคนขี้เกียจ เรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโทรแจ้งความเขาจะไม่ลงมือเองเด็ดขาด เขาไม่สนใจที่จะเป็นผู้ชมคอยดูการเล่นเกมตัดสินนอกกฎหมายอะไรแบบนั้น
เขาเชื่อว่าตำรวจของประชาชนมีความซื่อสัตย์ยุติธรรมและบริการเพื่อประชาชนจริงๆ นอกจากนี้หลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่สิบเก้า ชื่อเสียงและกฎระเบียบข้อบังคับของตำรวจได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นกำลังและหลักประกันที่แข็งแกร่งที่สร้างขึ้นเพื่อสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน!
“ทำไม่ทำ พวกเราจะสืบต่อไป” ตำรวจจางพูด
“แต่ผมชอบบรรยากาศในห้องขังมากนะครับ” โจวเจ๋อเอ่ย
ตำรวจจางตกตะลึง จากนั้นพูดทันทีว่า “ผมพอเข้าใจว่านี่คือการท้าทายได้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ครับ ก็เหมือนกับที่เด็กวัยรุ่นพูดว่าได้เดินทางไปทิเบตหนึ่งครั้งเหมือนได้ชำระล้างจิตใจ ผมรู้สึกว่าได้เข้าไปในห้องขังหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำให้อารมณ์ที่หุนหันพลันแล่นของผมสงบลงได้ครับ”
“เหอะๆ” ตำรวจจางหัวเราะแหยะๆ
โจวเจ๋อยักไหล่ จะทำอย่างไรได้ เขาไม่สามารถพูดได้ว่าที่สถานีตำรวจมีผี และผมจะช่วยจับผีให้พวกคุณฟรีๆสนใจไหม
“ผมมีนามบัตรของคุณ ผ่านไปสักระยะหนึ่งผมจะติดต่อคุณครับ ผมหวังว่าจะได้เข้าไปคุยในห้องขัง” โจวเจ๋อเอ่ย
“ยินดีต้อนรับครับ”
โจวเจ๋อสั่งให้นักพรตเฒ่าเรียกแท็กซี่คันใหม่ ไม่ว่าอย่างไรกลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาเหนื่อยพอสมควรอยากจะกลับไปนอนหลับพักผ่อนที่ร้านหนังสือ
แต่เนื่องจากรถติดเพราะกรณีนี้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงเดินก่อนช่วงหนึ่งแล้วค่อยเรียกรถอีกที
เถ้าแก่โจวเดินและหาวไปด้วย แต่ครั้งนี้เสียง ‘ครืดๆๆ’ ดังขึ้นข้างหูของเขาอีกครั้ง โจวเจ๋อนิ่งเหม่อไปทั้งตัว หยุดเดินทันที และฟังอย่างตั้งใจ
‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ ใช่แล้ว เสียงโซ่ตรวนที่ลากอยู่บนพื้น ใกล้มาก ใกล้มากๆ และอยู่ข้างกายตัวเอง!
เขาออกมาแล้วเหรอ เดินตามตัวเองออกมาจากสถานีตำรวจเหรอ แถมยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ แบบนี้! ทำไมไม่ไว้หน้ากันบ้าง ทำไมบ้าขนาดนี้ ทว่าเหมือนกับเมื่อคืน โจวเจ๋อยังคงได้ยินเสียง แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใด ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้โจวเจ๋อไม่พอใจเป็นอย่างมาก และไม่ชินเลยจริงๆ
ความกลัวของคนเรามาจากความไม่รู้ และสิ่งที่มองไม่เห็นได้แต่คิดเอาเองแบบนี้ก็ช่างทรมานคนที่สุด ก็เหมือนฉากที่น่ากลัวที่สุดในภาพยนตร์สยองขวัญไม่ใช่ตอนที่ผีโผล่ออกมาแล้วมาสู้กับคุณ แต่เป็นตอนที่ผียังไม่ออกมาแล้วตัวเอกเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อึมครึมพร้อมกับเพลงประกอบที่สร้างแรงกดดัน
“หยุดก่อน” โจวเจ๋อยื่นมือ เพื่อบอกให้นักพรตเฒ่ากับสวี่ชิงหล่างหยุดเดิน
นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อด้วยความงงอย่างบอกไม่ถูก สวี่ชิงหล่างก็เช่นกัน แม้แต่โจวเจ๋อก็ยังมองไม่เห็นสิ่งนั้น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาทั้งสองคน
ตอนที่โจวเจ๋อหยุดเดิน เสียงโซ่ตรวนนั่นได้หายไปเช่นกัน เหมือนเดินออกไปไกลแล้ว
แต่ท่ามกลางการมองไม่เห็น โจวเจ๋อกลับสามารถจินตนาการได้ว่า ไอ้หมอนั่นที่ถูกใส่โซ่ตรวนที่เท้าได้เดินผ่านตัวเองไปเมื่อครู่
เขาจะไปที่ไหน เขาอยากจะทำอะไร วิญญาณที่สามารถเดินไปมาอยู่ในสถานีตำรวจได้ เป็นบุคคลแบบไหนกันแน่
ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีกะจิตกะใจอยากจับปลาตัวใหญ่แล้ว และเริ่มเป็นห่วงว่าเจ้าสิ่งนี้จะทำลายสังคมให้เสียหายหรือไม่ จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือเปล่า
ก็เหมือนกับสาวน้อยโลลิในตอนแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับผีนักรบซามูไรที่รีสอร์ตน้ำพุร้อนโดยไม่สามารถถอยหลังได้ นี่คือหน้าที่ นรกจะไม่สนใจการฆ่าแกงหรือรับเงินพิเศษของยมทูตระดับต่ำอย่างพวกคุณ แต่ถ้าพวกคุณทำงานไม่ดีนรกมีวิธีลงโทษโดยเฉพาะ
โจวเจ๋อมองไปรอบๆ พบว่ามีโรงพยาบาลลำไส้ใหญ่และทวารหนักอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องจากตรงนี้ไปหน่อย โอเค ด้วยความรู้สึกตามสัญชาตญาณ สถานที่อย่างโรงพยาบาลสามารถเห็นผีได้ง่ายเสมอ โจวเจ๋อจึงเดินไปที่หน้าประตูโรงพยาบาลเมื่อรู้ตัว
โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใหญ่มาก มีตึกใหญ่หนึ่งหลังเท่านั้น ถือว่าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาดเล็ก เมื่อเดินมาถึงประตูทางเข้าของโรงพยาบาล โจวเจ๋อจึงนั่งลงที่บันได
“ช่วยบังผมหน่อย” โจวเจ๋อพูดกับนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองคนพยักหน้า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโจวเจ๋อคิดจะทำอะไร แต่พวกเขาเลือกที่จะให้ความร่วมมือ
เล็บข้างขวาของโจวเจ๋องอกยาวออกมา ขณะเดียวกันไอสีดำเป็นสายเริ่มวนไปรอบๆ จากนั้นโจวเจ๋อใช้เล็บแตะไปที่กระเบื้องบนพื้นดิน แล้วไอสีดำก็แทรกซึมลงไป ทว่าครั้งนี้พื้นดินกลับไม่มีรอยเท้าสีดำปรากฏออกมา เมื่อก่อนโจวเจ๋อทดลองหลายครั้งก็ไม่เคยพลาด เขาไม่สามารถเล่นหายตัวเหมือนสาวน้อยโลลิได้ แค่ ‘ฟิ้ว’ นิดเดียวก็หายตัว ‘ฟิ้ว’ นิดเดียวก็กลับมา
แต่เขาก็มีวิธีจับผีเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ผีตนนี้ไม่เพียงแต่ตัวเองมองไม่เห็น แม้แต่รอยเท้าก็ไม่ปรากฏออกมา มันคือ…อะไรกันแน่
โจวเจ๋อลุกขึ้น เขาเดินลงบันได ตอนนี้ปัญหากลายเป็นปม ไม่สามารถหาเจ้าสิ่งนั้นเจอ แล้วจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ทว่าในเวลานี้ เสียง ‘ครืดๆๆ’ ดังขึ้นอีกครั้ง โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ กำหมัดแน่น เขาโกรธแล้ว โกรธแล้วจริงๆ อีกฝ่ายกำลังท้าทายและหาเรื่องเขาอยู่ นี่คือไม่เห็นเขาที่เป็นยมทูตอยู่ในสายตาเลย!
ต่อให้เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านจะเล็กแค่ไหน อย่างน้อยก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช่ไหมล่ะ
ในใจของเถ้าแก่โจวกระทั่งเกิดความคิดว่าจะเปิดใช้วิชาอู๋ซวงเพื่อจับไอ้ตัวอวดเก่งนั่น อย่างมากก็แค่เป็นอัมพาตไปอีกครึ่งเดือน
แต่เถ้าแก่โจวก็เป็นกังวลว่า หลังจากตัวเองกลายเป็นผีดิบแล้วยังจับเจ้าสิ่งนั้นไม่ได้ นั่นหมายความว่าอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
‘ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’ เสียงยังคงดังอยู่ โจวเจ๋อหลับตา เริ่มใช้หูฟังอย่างเงียบๆ อยู่ทางซ้าย เสียงทางซ้ายค่อนข้างชัดเจน!
โจวเจ๋อลืมตาขึ้น ทางซ้ายคือทางเข้าตึกใหญ่ของโรงพยาบาล โจวเจ๋อผลักนักพรตเฒ่ากับสวี่ชิงหล่างที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินพุ่งเข้าไปโดยตรง
‘ครืดๆๆ..ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…!!!!!!!!’ ดูเหมือนจะจงใจแกล้งโจวเจ๋อ ตอนที่โจวเจ๋อเริ่มวิ่งไปทางนั้น เสียงของโซ่ตรวนดูรีบเร่งขึ้นและวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนไอ้หมอนั่นกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าตัวเอง
นักพรตเฒ่ากับสวิ่ชิงหล่างได้แต่วิ่งตามหลังโจวเจ๋อ ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าโจวเจ๋อกำลังวิ่งตามอะไรกันแน่ แต่วิ่งตามไปอย่างเดียวก็พอ
อันที่จริง โจวเจ๋อก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งตามอะไร เขากระทั่งเริ่มสงสัยว่า สิ่งที่ตัวเองกำลังไล่ตามใช่ผีตนหนึ่งหรือเปล่า
ถ้าเป็นผีละก็ เป็นไปไม่ได้ที่ตัวเองจะมองไม่เห็น หรือว่าจะเป็นปีศาจภูเขา ใช้วิธีอำพรางตาชนิดพิเศษ ดังนั้นตัวเองจึงไม่เห็นอะไร แต่บนตัวของมันถูกคล้องด้วยโซ่ตรวนนี่
โจวเจ๋อมีประสบการณ์กับเจ้าลิงก่อนหน้านั้น ดังนั้นจึงระมัดระวังการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตจำพวกปีศาจเป็นสำคัญ ไม่ว่าอย่างไร เถ้าแก่โจวจะไม่เอาชีวิตเข้าสู้แบบโง่ๆ เหมือนตอนนั้นอีก เสียงยังคงรีบเร่งต่อไป ดังข้างหูของโจวเจ๋อไม่หยุด โจวเจ๋อ…โจวเจ๋อ…โจวเจ๋อวิ่งไม่ไหวแล้ว ร่างกายสวี่เล่อเฮงซวย สมรรถภาพทางร่างกายแย่ขนาดนี้เชียว!
หารู้ไม่ ว่าใครกินข้าวน้อยกันแน่ แถมวันๆ ยังเอาแต่นอนอ่านหนังสือพิมพ์ดื่มกาแฟอยู่บนโซฟา ยามว่างแม้แต่ในร้านหนังสือก็ยังขี้เกียจเดิน
วิ่งไปวิ่งมา ข้างหน้าเป็นทางตัน นั่นเป็นกำแพงตัน และทางซ้ายของกำแพงมีห้องน้ำอยู่แห่งหนึ่ง
โจวเจ๋อเริ่มเดินช้าลง ขณะเดียวกันเสียงของโซ่ตรวนนั่นก็ลดความเร็วลงเช่นกัน อีกฝ่ายน่าจะวิ่งมาถึงทางตันแล้วและเริ่มเดินช้าลงกำลังคิดว่าจะไปทางไหนดี
โจวเจ๋ออ้าแขนทั้งสองข้าง กระโจนเข้าไป การกระทำนี้ ดูเหมือนคนโง่กำลังแสร้งทำเหมือนว่ามีผู้หญิงกำลังกอดกับตัวเอง แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่โจวเจ๋อสามารถเลือกได้ในตอนนี้
ไม่มีความรู้สึกใดๆ ไม่มีอะไรเลย โจวเจ๋อเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำ
สภาพห้องน้ำของโรงพยาบาลถือว่าไม่เลว มีคนรับผิดชอบทำความสะอาดโดยเฉพาะ กระเบื้องบนพื้นก็เพิ่งถูไปห้องน้ำเล็กๆ นี้ถูกกั้นเป็นสามห้อง โจวเจ๋อผลักประตูทีละบาน ยื่นมือโบกไปมาข้างในเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ให้ตายเถอะ เจ้าสิ่งนั้นวิ่งไปไหนกันแน่! โจวเจ๋อเดินไปตรงหน้าอ่างล่างหน้า เปิดก๊อกน้ำล้างหน้า เริ่มหายใจหอบแฮก
“แม่งเอ๊ย เถ้าแก่…เจ้ารีบวิ่งขนาดนี้ ก็เพราะอยากเข้าห้องน้ำเหรอ” ตอนนี้นักพรตเฒ่าได้วิ่งมาถึงประตูหน้าห้องน้ำ สองมือเท้าเอวหายใจหอบ จากนั้นนักพรตเฒ่าจึงหยิบกระดาษเช็ดหน้าออกมาครึ่งห่อ แล้วยื่นให้โจวเจ๋อ “ต้องใช้ไหม”
โจวเจ๋อไม่ตอบ แล้วล้างหน้าต่อ
“อย่างนั้นข้าขอฉี่ก่อนนะ” นักพรตเฒ่าลูบเป้ากางเกง หยิบยันต์กระดาษออกมาใบหนึ่งแล้วแปะที่กระจกของอ่างล้างหน้า จากนั้นจึงเดินเข้าไปที่โถฉี่ ปลดเข็มขัดแล้วเริ่มฉี่ออกมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าความเคยชินที่ยันต์กระดาษมักจะถูกซ่อนอยู่ที่เป้ากางเกงของเขามาได้อย่างไร หากพูดตามการแซวเล่นของสวี่ชิงหล่างก็คือ เมื่อก่อนตอนที่นักพรตเฒ่าไปนวดตัวเกือบโดนผีสาวดูดพลังหยางไป ยันต์กระดาษที่อยู่ตรงเป้ากางเกงนี้คือเส้นป้องกันสุดท้ายที่เผื่อไว้
โจวเจ๋อใช้เสื้อเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนใบหน้า ก่อนจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องน้ำ เพื่อรอนักพรตเฒ่าทำธุระเสร็จแล้วออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” สวี่ชิงหล่างยืนถามอยู่หน้าประตู
“ฉันไม่รู้…” โจวเจ๋อตอบพลางมองไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง เพราะออกมาห่างจากกระจกตรงอ่างล้างหน้า ตัวเองที่อยู่ในกระจกจึงถูกลดขนาดให้เล็กลงสะท้อนให้เห็นหมดทั้งตัว วินาทีต่อมาโจวเจ๋อตกตะลึง เพราะยันต์กระดาษของนักพรตเฒ่าที่แปะอยู่ตรงกระจก ทำให้เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่า ตรงเท้าทั้งสองข้างของตัวเอง มีโซ่ตรวนที่เป็นสนิมเส้นหนึ่งพันอยู่ซึ่งยาวและหนามาก…
…………………………………………………………………………