ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 170 โอ๊ะโอ๊ะโอ๊ย!
ตอนที่ 170 โอ๊ะโอ๊ะโอ๊ย!
ด้านบนของตัวอักษรเซ่อมีมีดเล่มหนึ่ง[1] ไอ้หมอนี่เป็นคนลามกประเภทไหนกันแน่ แท้จริงแล้วมันบ่งบอกชัดเจนแล้ว
ในความเป็นจริงนั้น ไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือยุคปัจจุบัน สำหรับคำว่า ‘เจ้าชู้’ คนเรามักจะให้ความผ่อนปรนอยู่เสมอ
ความเจ้าชู้ของบัณฑิตในสมัยโบราณ แม้ไปเดินในแหล่งกามารมณ์ก็ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องที่สวยงาม ถึงแม้จะเป็นยุคปัจจุบัน สำหรับคนที่คุยโม้ว่าตัวเองเป็นราชาเรื่องอย่างว่านั้น คุณสามารถไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ชีวิตของเขา แต่คุณก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรแบบนั้น
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคนสองคนเป็นพื้นฐาน
สามารถพูดได้ว่า ‘พูดเพราะปะเหลาะเอาใจ’ สามารถพูดได้ว่า ‘คนเหงามาเจอกัน’ สามารถพูดได้ว่า ‘จ่ายเงินเคลียร์สินค้า’ ในด้านนี้หลายคนยังมองออกและปลงตกอยู่บ้าง
แต่พวกลามกที่ชอบบังคับเล่นอะไรที่ต่ำช้า มักจะถูกดูหมิ่นและประณามจากสังคม ได้ยินว่าในคุกนักโทษที่อยู่ระดับต่ำที่สุดก็คือนักโทษคดีข่มขืน
ผู้ชายคนนั้นคุกเข่าโขกศีรษะคำนับโจวเจ๋อไม่หยุด เขาหวังว่าโจวเจ๋อจะไว้ชีวิตตัวเองสักครั้ง ในร้านหนังสือจริงๆ แล้วเป็นสถานที่ลงโทษของโจวเจ๋อ โดยเฉพาะหลังจากที่โจวเจ๋อได้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำแล้ว ที่นี่ก็คือสถานที่ทำงานเฉพาะกิจ ผีที่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกอยากจะเข้าใกล้ร้านหนังสือแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่ตัวเองเปิดประตูร้านหนังสือเข้ามาเองอย่างงงๆ ก็ถูกอย่างอื่นสิงร่างหรือไม่ก็ใช้วิธีอื่นเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับร้านหนังสือแห่งนี้
เถ้าแก่โจวตกปลา มีคนยินดีติดเบ็ดตกปลา
จริงๆ แล้วตอนแรกโจวเจ๋อมองไม่ออกว่ามีผีสิงร่างของนักเรียนชายตัวอ้วนอยู่ ใช่แล้ว รวมทั้งสวี่ชิงหล่างก็มองไม่ออก โจวเจ๋อแค่สังเกตเห็นนักเรียนชายตัวอ้วนแอบใส่ยาลงไปในชานม แต่ว่าเป็นยาอะไรนั้น คิดว่าทุกคนคงรู้ดี ไม่ใช่ยาแก้ไข้หวัดแน่นอน
เดิมทีที่นี่เป็นร้านของเขาเอง ตามกฎแล้วลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านของเขา เขาจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของพวกเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นเถ้าแก่โจวจึงต้องยุ่ง
“นี่ คุณมองออกนานแล้วเหรอ” สวี่ชิงหล่างพูดกับโจวเจ๋อ
“อ้อ ใช่” โจวเจ๋อพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างกายรู้สึกว่าคุณเก่งคุณสุดยอดก็พอ ความเข้าใจผิดที่สวยงามแบบนี้ จงปล่อยให้เข้าใจผิดต่อไป
“เหอะๆ คุณเลยเดินเข้าไปตบหน้าไอ้หมอนั่นให้ผีกระเด็นออกมา พูดตามจริง น่าแปลกใจมากจริงๆ เหมือนวิธีการของเทียนซือที่อยู่บนภูเขามังกรเสือเลย”
เหล่าสวี่กำลังคุยโวให้เขา โจวเจ๋อเงียบต่อไป ยินดีรับคำชมเหล่านี้
จริงๆ แล้วเขาอยากจะพูดว่า ตอนนั้นเขาแค่อยากตบหน้าไอ้หมอนั่นให้หลาบจำเท่านั้นเอง ตัวเองทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปตบเขา มากสุดก็แค่ต่อยเขาอีกหน่อยแล้วกลับไปเผาเงินกระดาษ แต่กลับเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด ผีลามกที่สิงร่างของนักเรียนชายตัวอ้วนอยู่ถูกตัวเองตบหน้ากระเด็นออกมา
ความจริงโจวเจ๋อลองพิจารณาดูแล้วว่า ทำไมก่อนหน้านั้นตัวเองกับสวี่ชิงหล่างถึงมองไม่เห็นผีลามกตนนี้ คิดว่าสาเหตุน่าจะมีอย่างเดียว นั่นก็คือในจิตใจของคนเราทุกคน ล้วนมีความลามกอยู่ในตัว
มีทั้งความวู่วามพรรค์นั้น มีทั้งความกระสับกระส่ายร้อนรนพรรค์นั้น มีทั้งความปรารถนาพรรค์นั้น ความต้องการเหล่านี้คล้ายกับการแสวงหาเงินและอำนาจ เป็นการแสดงออกตามธรรมชาติของมนุษย์อย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ผีลามกจึงอาศัยสิ่งนี้อำพรางตัวเอง
ไม่ว่าเขาจะมีตัวตนอยู่หรือไม่ นักเรียนชายตัวอ้วนคนนั้นจริงๆ แล้วก็มีความลามก ดังนั้นจึงเป็นการอำพรางตัวที่ดีที่สุดของเขา
โจวเจ๋อเปิดประตูแห่งนรก มือหนึ่งจับผีลามกตัวเล็กเตี้ย เตรียมจะส่งมันไปลงนรก
“ปล่อยผมไปเถอะ ปล่อยผมไปเถอะนะ ปล่อยผมไป…” ผีลามกพูดขอร้อง แต่เขานอกจากอ้อนวอนแล้วก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลย อย่างเช่นถ้าปล่อยผมไปผมจะให้อะไรคุณ อย่างเช่นถ้าปล่อยผมไปผมจะบอกข้อมูลสำคัญอะไรกับคุณ
อืม ในสถานการณ์แบบนี้ เถ้าแก่โจวต้องเกลียดคนทำผิดปฏิบัติอย่างยุติธรรมโดยไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้นสุดท้ายผีลามกตนนั้นก็ถูกส่งเข้าไปในประตูแห่งนรก รายได้ของคืนนี้ถือว่าเพิ่มมาอีกก้อน
“คุณคิดว่า ผีลามกทุกตัวจะมีมีดเสียบอยู่บนศีรษะไหม” สวี่ชิงหล่างถาม
“ยังจำได้ไหมที่เจออาจารย์ใส่หมวกทรงสูงเมื่อคราวก่อน” โจวเจ๋อย้อนถาม
“อืม แต่นั่นถูกใส่ความ น่าจะไม่นับ”
อาจารย์ที่ใส่หมวกทรงสูงทั้งๆ ที่ถูกใส่ร้าย แต่ปากหลายปากสามารถละลายทองคำได้[2] หมวกทรงสูงที่อยู่บนศีรษะใบนั้นแม้แต่เล็บของโจวเจ๋อก็ไม่สามารถช่วยแกะลงมาได้
บางทีในนรกอาจจะมีประเพณีอย่างนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่านรกใหญ่มากเกินไป และคนที่อยู่ในนรกก็ค่อนข้างขี้เกียจ ดังนั้นจึงชอบใช้วิธีแบบเดียวกันในการแก้ปัญหาทุกอย่าง และส่วนใหญ่ก็เป็น ‘วิธีการ’ ที่ต่อเนื่องมาจากโลกมนุษย์
ใส่หมวกก็ส่วนใส่หมวก สลักชื่อก็ส่วนสลักชื่อ โลกมนุษย์มีบทสรุปอย่างไร นรกก็มีบทสรุปอย่างนั้น จะได้ลดภาระงานของนรก ส่วนจะถูกใส่ความหรือไม่ ขอโทษนะ ไม่มีใครสนใจ
วันนี้ทำงานแล้ว โจวเจ๋อก็ขี้เกียจอดหลับอดนอนถึงตอนเช้า เขาเดินไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนอนขึ้นไปข้างบน
สวี่ชิงหล่างมองเงาหลังของโจวเจ๋อที่เดินขึ้นไปข้างบน แล้วดื่มไวน์แดงอีกหนึ่งที สายตาทอดมองไปยังชานมแก้วที่มีปัญหาที่โจวเจ๋อหยิบมาก่อนหน้านั้น ชานมถูกดื่มหมดแล้ว
สวี่ชิงหล่างบิดขี้เกียจ แน่นอน สวี่ชิงหล่างรู้ว่าใครเป็นคนดื่มมัน และคนที่ดื่มมันก็น่าจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงแอบขึ้นไปข้างบนก่อนหน้านี้แล้ว เหอะๆ สายตาของเหล่าสวี่กวาดมองไปมา กำลังรอดูเรื่องสนุก
โจวเจ๋อผลักประตูห้องนอนแล้วรู้สึกเย็นเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนขี้หนาว แต่อุณหภูมิในห้องนอนกับข้างนอกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงดึงดูดความสนใจของโจวเจ๋อ
เขาเงยหน้ามองไปที่แอร์ ไม่ได้เปิดแอร์ แล้วทำไมถึงเย็นขนาดนี้
บนเตียง ไป๋อิงอิงนอนห่มผ้าอยู่ตรงนั้น และขยับตัวไปมาไม่หยุด โจวเจ๋อไม่ค่อยพอใจเท่าไร เพราะบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าถ้าไม่อาบน้ำอย่าขึ้นมานอนบนเตียง มันเป็นการไม่เคารพเตียงนอนอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือเถ้าแก่โจวเป็นคนอนามัย
ไม่ว่าคุณจะหน้าตาดีแค่ไหน ถ้าคุณกล้าไม่อาบน้ำแล้วขึ้นมาบนเตียงของฉัน ขอโทษนะ ฉันจะถีบเธอลงไป
“อะแฮ่มๆ…” เขายืนกระแอมอยู่ข้างเตียง
หากเป็นเมื่อก่อน ไป๋อิงอิงจะตกใจรีบลุกขึ้นมายอมรับผิดทันที และรับรองว่าวันหลังตัวเองจะไม่กล้าทำอีก แต่ครั้งนี้ไป๋อิงอิงกลับนอนอยู่บนเตียง ไม่ขยับเขยื้อน
ไม่สิ เธอขยับตัวอยู่บ้าง เขาจึงเปิดผ้าห่มดู
“ฉี่รดที่นอนเหรอ” โจวเจ๋อถาม
ตัวทำลายบรรยากาศ ตัวทำลายอารมณ์สุนทรีย์ ผู้ชายน่าจะถูกจับไปย่างไฟ…โอ๊ย แล้วยังจะอธิบายถึงสาเหตุที่ตัวเองเป็นโสดตอนอายุสามสิบปีเมื่อชาติที่แล้วอีก
ไป๋อิงอิงกัดนิ้วมือ พยายามบิดตัวเองช้าๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง จากนั้นใช้สองมือพาดไปที่ไหล่ของโจวเจ๋อแล้วพูดออดอ้อนว่า “เถ้าแก่…โอ๊ะๆๆ…”
โจวเจ๋อหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่จนใจอยู่บ้าง เขาก้มหน้าดูผ้าห่มที่ตัวเองเปิดแล้วโยนทิ้งไปบนพื้นเมื่อครู่ก่อนซึ่งแข็งจนสามารถทำเป็นเขียงได้ แล้วมองไป๋อิงอิงอีกที
ร่างกายของฉันเป็นมนุษย์ธรรมดา ถ้าให้เธอแล้ว วันพรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาลหาหมอหลินเพื่อตัดแขนขาเพราะถูกแช่แข็ง
“ชานมแก้วนั้น คุณดื่มเหรอ” โจวเจ๋อพลันนึกอะไรได้จึงเอ่ยถาม
“ชานม…ชานมอะไรเหรอ…โอ๊ยๆๆ…โอ๊ยๆๆ…” ขณะที่พูดไป๋อิงอิงก็กระโดด สมรรถภาพทางร่างกายของเธอหากโจวเจ๋อไม่ได้เปิดอู๋ซวงก็ไม่สามารถต้านทานนางได้ โจวเจ๋อถูกเธอทับลงมาโดยตรง มีเสียงดัง ‘เคร้ง’ ดังมาจากพื้น
สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มองด้วยความอ้างว้าง มองด้วยความเศร้าใจ จากนั้นเขาจึงรินไวน์แดงอีกหนึ่งแก้ว
นักพรตเฒ่าที่กำลังเล่นไพ่กับเจ้าลิงก็เงยหน้าเช่นกัน มองไปบนเพดานด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
“เถ้าแก่ ข้าชอบกลิ่นบนตัวท่าน ชอบมากจริงๆ งือๆๆ…”
โจวเจ๋อเผยสีหน้าจนปัญญาออกมา “อิงอิง ลงไป”
…
ด้านล่าง สวี่ชิงหล่างกำลังดื่มไวน์แดง ได้สำลักไวน์แดง ‘พรวด’ ออกมา เขาเงยหน้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยดุเดือดขนาดนี้เชียว
นักพรตเฒ่าตกใจจนไพ่ร่วงจากมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานอีกครั้ง
แม่งเอ๊ย เถ้าแก่แสดงพลังอำนาจแล้ว เหล่าสวี่กับนักพรตเฒ่ารู้สึกเจ็บหนักทั้งคู่ไปชั่วขณะ นั่นคือความเศร้าและขมขื่นในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถยอมแพ้ในด้านนี้ได้
…
ผ่านไปนานพักหนึ่ง โจวเจ๋อจึงเก็บเล็บ ไป๋อิงอิงที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มได้สติกลับมาในที่สุด เหมือนได้ปลดปล่อยแล้ว นางมองโจวเจ๋ออย่างงุนงงแล้วถามว่า “เถ้าแก่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“คุณบอกว่าคันหลัง ผมจึงช่วยเกาให้คุณ”
“อ้อ ขอบคุณเถ้าแก่”
“คุณลงไปอาบน้ำเถอะ” โจวเจ๋อกล่าว
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
ไป๋อิงอิงประคองตัวไปตามกำแพงเดินลงมาข้างล่างอย่างช้าๆ ตอนที่เดินมีตัวเอียงเล็กน้อย เดินลำบากมาก
นางเห็นสวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่ามองนางด้วยสายตาเห็นใจ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเป็นเวลานานมาก ไม่ว่าจะเป็นสวี่ชิงหล่างหรือนักพรตเฒ่า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นต่อหน้าโจวเจ๋อเลย
ตามคำพูดของนักพรตเฒ่า
พูดโม้ไม่ไหวแล้ว พูดโม้ไม่ได้จริงๆ เขามองหาผู้หญิงทำงานขายบริการ แต่เถ้าแก่กลับจัดการผีดิบได้หนึ่งตัว แล้วจะเทียบได้อย่างไร
…………………………………………………………………………
[1] ด้านบนของตัวอักษรเซ่อมีมีดเล่มหนึ่ง ตัวอักษรเซ่อ (色) มีส่วนประกอบของตัวอักษรเตา (刀) ที่แปลว่ามีดอยู่ด้านบน สำนวนนี้หมายถึง คนที่ลุ่มหลงในกามราคะย่อมนำพาชีวิตสู่หายนะได้โดยง่าย
[2] ปากหลายปากสามารถละลายทองคำได้ หมายถึง ปากของคนจำนวนมากที่พูดไปพูดมาย่อมสามารถทำให้ผิดกลายเป็นถูก ถูกกลายเป็นผิดได้