ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 169 มีดเล่มหนึ่ง
ตอนที่ 169 มีดเล่มหนึ่ง
“นี่มันคืออะไร”
นักพรตเฒ่ามองผู้ใหญ่ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีดำเดินลงมาจากรถ พลางคิดว่าพวกเถ้าแก่ออกไปแก้แค้นไม่ใช่เหรอ สมาชิกไม่ลดลงก็แล้วไปเถอะ แต่ทำไมตอนกลับมาถึงมีเพิ่มมาอีกหนึ่งคน และคนคนนี้ก็ดูแปลกมากจริงๆ ถูกคลุมผ้าทั้งตัวไม่เห็นแม้แต่ลูกตา จึงแยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ท่าทางลึกลับจริงๆ
สายลับชุดดำเหรอ อืม ไม่ใช่ เนื้อตัวหอมมาก เหมือนเป็นกลิ่นเนื้อย่างสไตล์บราซิล นักพรตเฒ่าเอาจมูกของตัวเองเข้าไปดมตัวชายคนนั้น หอมจริงๆ หอมเหลือเกิน จากนั้นจึงหันหน้าไปถามโจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ พวกเจ้าไปกินเนื้อย่างมาเหรอ”
“อ้วก…” สาวน้อยโลลิที่อยู่ถัดไปทนดูต่อไม่ไหวจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่นักพรตเฒ่าเอาจมูกเข้าไปดมตัวเจ้าสิ่งนี้น่าสะอิดสะเอียนมาก
เธอดีใจเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้ตัวเองไม่ได้ไปด้วยกายเนื้อ ไม่อย่างนั้นคงอาเจียนออกมาจริงๆ
“พากลับมาช่วยคุณทำงานบ้าน ต่อไปมีเรื่องอะไรก็ให้เขาช่วยคุณทำนะ” โจวเจ๋อกล่าว
“ว่าไงนะ” นักพรตเฒ่าตกใจทันที แม่งเอ๊ย! ก่อนหน้านั้นตัวเองยังหัวเราะไป๋อิงอิงที่นางเอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานกับสาวน้อยโลลิตลอดวัน ผลสรุปคือตัวเองกลับถูกบุกรุกแทนเหรอ
แม้แต่งานทำความสะอาดทุกวันและคอยสังเกตสีหน้าของผี แถมไม่มีเงินเดือนและยังต้องทำงานให้ผีตลอดเวลาก็ยังคิดมาแย่งกับข้า ช่วยมีเหตุผลกันหน่อยได้ไหม! ตอนนี้การแย่งงานดุเดือดมากจริงๆ!
“พาไปอาบน้ำก่อน เบามือหน่อยนะ” โจวเจ๋อพูด
“อาบน้ำ” นักพรตเฒ่าตกตะลึง จากนั้นถามว่า “เธอเป็นผู้หญิงเหรอ”
“ใช่ เป็นผู้หญิง ดังนั้นคุณต้องอ่อนโยนหน่อย เขาเป็นออทิซึมแบบรุนแรง”
นักพรตเฒ่าได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะฮิๆ แล้วถูมือที่หยาบกระด้างของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“อันนี้ จะเหมาะเหรอ”
“ผมเชื่อใจคุณอยู่แล้ว” โจวเจ๋อยื่นมือตบไหล่ของนักพรตเฒ่าเบาๆ เพื่อบอกว่าผมตั้งใจดูคุณอยู่ จากนั้นโจวเจ๋อจึงพูดกับคนที่ปิดหน้าว่า “ตามเขาไป เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำแบบนั้น”
คนที่ปิดหน้าเดินไปอยู่ข้างๆ นักพรตเฒ่า เชื่อฟังอย่างยิ่ง นักพรตเฒ่าอายเล็กน้อย แต่ก็ยังพาเขาไปห้องน้ำ
โจวเจ๋อและคนอื่นๆ เดินเข้าไปในร้านหนังสือ ไป๋อิงอิงช่วยรินกาแฟให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้ว โจวเจ๋อยกกาแฟขึ้นมาจิบหนึ่งที จากนั้นพูดว่า “ไปล็อกประตูห้องน้ำ”
“ได้เลย” ไป๋อิงอิงรีบไปล็อกประตูห้องน้ำทันที
ไม่นานนัก ก็มีเสียงร้องตกใจสุดขีดของนักพรตเฒ่าดังมาจากในห้องน้ำ จากนั้นนั้นพรตเฒ่าก็เริ่มทุบประตูห้องน้ำไม่หยุดด้วยท่าทางทุกข์ระทมอยากจะตาย
“เถ้าแก่ ปล่อยข้าออกไป ปล่อยข้าออกไปสิ”
“ล้างให้สะอาดก่อน” โจวเจ๋อกล่าว
“…” นักพรตเฒ่า
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง นักพรตเฒ่าเดินออกมา ใบหน้าเดี๋ยวเขียวปัดเดี๋ยวขาวซีด ไม่กินข้าวเย็น เขานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดทบทวนชีวิตอยู่คนเดียว
ผลกระทบทางสายตาแบบนั้นมันรุนแรงมากจริงๆ แรงมากจนนักพรตเฒ่าแทบใจสลาย
สาวน้อยโลลิกลับไปแล้ว วิญญาณของเธอออกจากร่างนานเกินไป จำเป็นต้องกลับไปพักผ่อน
เมื่อถึงเวลากินข้าวเย็นสวี่ชิงหล่างยังไม่กลับมา คาดว่าเขากำลังเศร้าอยู่ โจวเจ๋อจึงได้แต่สั่งอาหารข้างนอก
ไป๋อิงอิงทำตามคำสั่งของโจวเจ๋อออกไปซื้อเสื้อผ้าสองสามชุด ต้องการเสื้อผ้าที่สามารถคลุมได้ทั้งตัว แต่เสื้อผ้าประเภทนี้ค่อนข้างหายาก ไป๋อิงอิงจึงได้แต่ซื้อชุดสไปเดอร์แมนกับไอรอนแมนกลับมาสองสามชุด หลังจากให้ไอ้หมอนั่นใส่แล้วจึงดูปกติขึ้นมาก
หลังจากนี้เขาก็สามารถเคลื่อนไหวในร้านหนังสือได้อย่างปกติ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำคนอื่นตกใจ
หลังจากกินข้าวแล้ว โจวเจ๋อจึงมองนักพรตเฒ่าที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างอกสั่นขวัญแขวน เขารู้สึกสงสารอยู่บ้าง รู้สึกละอายใจอยู่ในใจ
จากนั้นโจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปยืนตรงหน้านักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อด้วยความอึ้ง ข้าเสียใจนะ ข้าอยากร้องไห้
“เถ้าแก่…”
“ไม่เป็นไรแล้ว ปล่อยวางหน่อยสิ” โจวเจ๋อพูดปลอบใจ
“เถ้าแก่ ครั้งหน้าถ้าเป็นแบบนี้อีกช่วยบอกข้าให้ทำใจก่อนได้ไหม”
ไม่ใช่นักพรตเฒ่าไร้เดียงสา แต่เป็นเพราะผีที่อยู่รอบตัวมีแต่ตัวประหลาดทั้งนั้น และใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่สาวขี้อายจะขอให้เขาช่วยอาบน้ำพูดคุยปัญหาชีวิต
แต่ตอนที่เขาเปี่ยมไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น หลังจากที่ช่วยคนคนนั้นถอดเสื้อผ้าออก กลับเผยให้เห็นผิวหนังที่ไหม้เกรียมไปทั่ว น้ำหนองไหลออกมาทุกแห่งหน…
เขาจินตนาการไปมากล้น แต่ความเป็นจริงกลับแห้งเหือด ความแตกต่างที่ห่างกันมากขนาดนี้ทำให้นักพรตเฒ่าพังทลายได้มากพอ กระทั่งนักพรตเฒ่ารู้สึกว่าตัวเองอาจจะเจอปัญหาเดียวกันกับเถ้าแก่เพราะเรื่องนี้
นี่คือการแก้แค้นของเถ้าแก่ จะต้องแก้แค้นแน่ๆ ใครสั่งให้ตัวเองเอาแต่เล่าเรื่องที่ตัวเองไปหาสาวๆ ต่อหน้าเถ้าแก่ทุกวันเล่า
แบบนี้เหมือนกับเล่าเรื่องของลูกชายตัวเองต่อหน้าขันทีว่าดื้อไม่เชื่อฟังแค่ไหน สงสัยอยากตายไว
“วางใจได้ ครั้งหน้าจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
“อืม ขอบใจเถ้าแก่” นักพรตเฒ่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า “เถ้าแก่ นี่คืออะไร”
ไอ้หมอนั่น ไม่สามารถนับว่าเป็นคนได้
“เป็นบาทหลวงคนนั้น” โจวเจ๋อตอบ
“อะไรนะ” นักพรตเฒ่าตกใจ
“เรื่องรายละเอียดเป็นยังไงคุณไปถามไป๋อิงอิง ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ปลอดภัยแล้ว อยู่ในการควบคุมของผมอย่างสิ้นเชิง ต่อไปคุณสามารถเรียกเขาไปช่วยทำความสะอาดได้”
“ได้เลย” พอฟังถึงตรงนี้ นักพรตเฒ่าจึงสบายใจเสียที
“คุณอายุมากแล้ว วันหลังงานแบบนี้ไม่เหมาะจะทำเยอะเกินไป คุณเองก็ต้องรักษาสุขภาพบ้าง”
“วางใจได้ เถ้าแก่ ร่างกายของข้ายังแข็งแรงอยู่ หนึ่งครั้งทำนานครึ่งชั่วโมง เพื่อให้พวกเธอรู้สึกว่าได้เงินจากข้าไม่ทรมานเกินไป”
“อ้อ”
ตอนนี้สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาจากข้างนอก เขาเดินมาที่เคาน์เตอร์รินไวน์แดงหนึ่งแก้วแล้วดื่มหมดรวดเดียว
เห็นได้ชัดว่าเขายังหดหู่ใจมาก
โจวเจ๋อจึงตบไหล่ของนักพรตเฒ่าแล้วพูดว่า “วางใจได้ ครั้งหน้าถ้าให้คุณทำอะไร ผมจะบอกคุณแน่นอน”
“ขอบใจเถ้าแก่”
“ต่อไปเขาจะอยู่ห้องเดียวกับคุณ นอนกับคุณ จึงแจ้งคุณเรื่องนี้ก่อน”
“…” นักพรตเฒ่า
โจวเจ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าสวี่ชิงหล่างแล้วเอ่ยว่า “เป็นอะไร ยังเศร้าอยู่เหรอ”
“พอได้ แต่ยังคิดไม่ตก” สวี่ชิงหล่างแลบลิ้นออกมาเลียปากของตัวเอง จากนั้นจึงรินไวน์แดงอีกหนึ่งแก้วแล้วดื่มต่อ
โจวเจ๋อก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไร คาดว่าผ่านไปสักพักหนึ่งเขาจะเดินออกมาได้ด้วยตัวเอง
“เหล่าโจว คุณคิดว่า บนโลกนี้มีเทพเจ้าจริงไหม” สวี่ชิงหล่างถาม
“น่าจะมี เพราะยังไงฉันก็เป็นยมทูต”
มีหนึ่งจึงเกิดสอง มีสองจึงเกิดสาม มีสามจึงเกิดทุกสรรพสิ่ง
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า “ดังนั้น ก็มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลใช่ไหม”
“นายคิดว่ามี ก็น่าจะมี”
“เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ไม่ใช่คนดีเลยจริงๆ”
“บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คน อาจจะเป็นเต่าที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุผลก็เป็นได้”
ที่หน้าประตูร้านมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนที่เดินนำหน้าเป็นนักเรียนหญิงคนหนึ่ง อายุประมาณสิบแปดปี น่าจะเป็นเด็กชั้นมัธยมปลาย
“เถ้าแก่ พวกเราคนเยอะ ลดราคาหน่อยได้ไหม”
“ลดราคาอะไร ฉันเลี้ยงเอง” นักเรียนชายตัวอ้วนพูด
จากนั้นพวกนักเรียนก็นั่งล้อมวง แล้วเริ่มลอกการบ้านกัน ทุกคนลอกการบ้านอย่างจริงจังและตั้งใจมาก ราวกับว่าทำเองจริงๆ
“เหมือนได้ย้อนกลับไปเมื่อก่อน” สวี่ชิงหล่างมือข้างหนึ่งถือแก้ว อีกมือหนึ่งชี้ไปที่นักเรียนแล้วพูด
“ฉันไม่เคยลอกคนอื่น มีแต่คนอื่นมาลอกฉัน” โจวเจ๋อพูด
“รู้แล้วน่า ว่าคุณเป็นเด็กเรียนเก่ง เด็กอัจฉริยะ” สวี่ชิงหล่างรินไวน์ให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้ว
“ขอชานมให้ทุกคนคนละแก้วครับ” นักเรียนชายตัวอ้วนกวักมือเรียก
“โอเค”
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในครัวเริ่มทำชานม ผ่านไปสักพักหนึ่ง นักเรียนชายตัวอ้วนเดินเข้ามาถามว่า “ชานมเสร็จหรือยังครับ”
“ถ้าทำเสร็จแล้วฉันจะยกไปให้พวกคุณ” ไป๋อิงอิงตอบ
“ไม่เป็นไร ผมรอได้ ถึงยังไงผมก็ลอกการบ้านเสร็จแล้ว”
นักเรียนชายตัวอ้วนเล่นโทรศัพท์ จากนั้นหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน หันหลังให้เพื่อนนักเรียนที่อยู่ไกลๆ แล้วจุดบุหรี่
ไม่นานนัก่ชานมของสวี่ชิงหล่างก็เตรียมเสร็จแล้ว ซีลปิดฝาเรียงกันทีละแก้ว
นักเรียนชายตัวอ้วนหยิบชานมก่อนหนึ่งแก้ว แล้วหยิบหลอดอันหนึ่ง จากนั้นก็หยิบชานมอีกสองสามแก้วเดินไปที่ข้างๆ เพื่อนนักเรียนของตัวเอง ส่วนชานมที่เหลือถูกไป๋อิงอิงถือถาดออกไปเสิร์ฟ
ผ่านไปพักหนึ่ง โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปดูนักเรียนที่อยู่แถวนั้น ทำให้พวกนักเรียนที่กำลังลอกการบ้านไม่ค่อยสะดวกใจ อย่างไรก็ตามการลอกการบ้านไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจนัก
แต่โจวเจ๋อมองเห็นคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น นั่นก็คือนักเรียนหญิงที่แต่งตัวเรียบง่ายแต่หน้าตาสะสวย เธอไม่ได้ลอกการบ้าน แต่ทำด้วยตัวเอง จากนั้นเธอก็นำส่วนที่ทำเสร็จแล้วแบ่งให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นลอก
นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ในกลุ่มนักเรียนเกเรจะมีเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งคอยเป็นเสาหลักอยู่
“น้ำแข็งละลายแล้ว รีบดื่มเถอะ” นักเรียนชายตัวอ้วนพูดกับนักเรียนหญิงที่เรียนเก่งคนนั้น ขณะเดียวกันก็เลื่อนชานมไปตรงหน้าเธอ
นักเรียนหญิงส่ายหน้า เพื่อบอกว่าตัวเองไม่อยากดื่ม แล้วพูดว่า “ครั้งหน้าอย่ามาที่นี่อีก มันแพงเกินไป”
“ไม่แพงๆ ฉันมีเงินค่าขนมเยอะ” นักเรียนชายตัวอ้วนพูดอย่างเท่ “เธอดื่มหน่อยสิ ชานมร้านนี้รสชาติดีมากนะ ทำอย่างพิถีพิถัน ตอนที่ฉันมาครั้งที่แล้ว ก็ขายแพงมาก”
พอได้ยินประโยคนี้ โจวเจ๋ออยากจะบอกนักเรียนชายตัวอ้วนทันทีว่า ชานมที่ร้านหนังสือของตัวเองขายนั้น สวี่ชิงหล่างเอาชานมสำเร็จรูปยี่ห้อเซียงเพียวเพียวมาชงทั้งหมด เหล่าสวี่ตั้งแต่เริ่มดูแลตัวเองนับวันก็ขี้เกียจมากขึ้น
นักเรียนหญิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะวางปากกาลง ยื่นมือรับชานมมา
แต่โจวเจ๋อเดินเข้าไปพอดี ชนแขนเธอเล็กน้อย ชานมจึงร่วงลงพื้นกระฉอกออกมา
“อ้าว ขอโทษด้วย ผมจะเปลี่ยนแก้วใหม่ให้พวกคุณ” โจวเจ๋อโน้มตัว ยื่นมือเก็บชานมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
นักเรียนชายตัวอ้วนเงยหน้าขึงตามองโจวเจ๋อ “คุณทำอะไรเนี่ย มาเดินไปเดินมาอยู่แถวนี้ทำไม!”
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธเลย แค่ชานมแก้วเดียวเอง” นักเรียนที่อยู่ข้างๆ พูดโน้มน้าว
โจวเจ๋อไม่สนใจนักเรียนตัวอ้วน หยิบชานมกลับไปที่เคาน์เตอร์ แล้วพูดกับสวี่ชิงหล่างว่า “ชงใหม่อีกหนึ่งซอง”
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า โจวเจ๋อเดินออกมายืนอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ แล้วสูบบุหรี่
เวลานี้ไป๋อิงอิงนั่งเล่นเกมอยู่ที่เคาน์เตอร์พอดี เมื่อเห็นโจวเจ๋อนำชานมแก้วนั้นมาวางที่เคาน์เตอร์ นางจึงดื่มเลย เพราะมันแค่ตกลงไปบนพื้น ยังไม่มีใครดื่ม และไม่สกปรก
นางไม่จำเป็นต้องกินอาหาร แต่บางครั้งต้องเพิ่มความชุ่มชื้นบ้าง หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป นักเรียนกลุ่มนั้นลอกการบ้านเสร็จก็เริ่มแยกย้าย สุดท้ายเหลือเพียงนักเรียนชายตัวอ้วนกับนักเรียนหญิงที่เรียนเก่งคนนั้น นักเรียนชายตัวอ้วนพูดเอาใจว่า “ฉันจะนั่งแท็กซี่ส่งเธอกลับบ้านดีไหม”
“ไม่ต้อง ฉันนั่งรถเมล์กลับได้”
นักเรียนชายตัวอ้วนถอนหายใจ ลุกขึ้นแล้วไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
“ทั้งหมดเก้าร้อยหยวน” สวี่ชิงหล่างนับตามจำนวนคน เพราะค่าใช้จ่ายขั้นต่ำสุดคือหนึ่งร้อยหยวน
“อาลีเพย์”
“ได้”
นักเรียนชายตัวอ้วนจ่ายเงิน ตอนที่เขาหมุนตัวจะเดินออกไป เห็นโจวเจ๋อกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอก จึงแค่นเสียงฮึ เห็นได้ชัดว่านักเรียนชายตัวอ้วนคนนี้ไม่พอใจโจวเจ๋อมาก
โจวเจ๋อยิ้มให้เขาเล็กน้อย จากนั้นตอนที่นักเรียนชายตัวอ้วนเดินผ่านโจวเจ๋อ ก็เกิดเสียงดัง ‘เพียะ!’ โจวเจ๋อตบหน้าของนักเรียนชายตัวอ้วนหนึ่งที
จากนั้นร่างเงาของคนคนหนึ่งก็ถูกดึงออกมาจากตัวของเขา นักเรียนชายตัวอ้วนถูกตบยืนงงอยู่กับที่ เขารู้สึกมึนเล็กน้อย เหมือนไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเพิ่งโดนตบหน้า
เขามองโจวเจ๋ออย่างงุนงง แล้วพูดว่า “ผมเป็นอะไรครับ”
“คุณเดินชนประตู รีบกลับไปเถอะ”
“ครับ ขอบคุณเถ้าแก่”
นักเรียนชายตัวอ้วนพยักหน้ายิ้มให้โจวเจ๋อเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินออกจากร้านหนังสือ
ในร้านหนังสือ เหลือเพียงผู้ชายตัวเล็กเตี้ยคนหนึ่ง เขาคุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
“ทรงผมไม่เลว” สวี่ชิงหล่างเอามือยันเคาน์เตอร์แล้วพูด
ใช่แล้ว ทรงผมของผู้ชายตัวเล็กเตี้ยคนนี้ไม่เลวจริงๆ คนอื่นทำทรงผมทรงโมฮอว์กก็นับว่านอกกระแสพอแล้ว แต่ของเขาโอเวอร์ยิ่งกว่า เพราะมีมีดเล่มหนึ่งเสียบอยู่บนศีรษะของเขา
…………………………………………………………………………