ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 168 ตัวประหลาด!
ตอนที่ 168 ตัวประหลาด!
มีเรื่องราวแบบนี้เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของช่างตีเหล็กฝีมือเยี่ยม เขาสร้างกรงเหล็กที่แข็งแรงขึ้นมา จากนั้นได้สร้างตัวล็อกที่แข็งแรงมากขึ้นมาเหมือนกัน
ต่อมาเขาเข้าไปในกรงเหล็กที่ตัวเองสร้างขึ้นแล้วสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของมัน แต่กุญแจที่แขวนอยู่ข้างบนพลันตกลงไป
เขาถูกขังอยู่ข้างใน และเนื่องจากร้านอยู่ในพื้นที่ห่างไกลกิจการจึงไม่ดีนัก ด้วยเหตุนี้ตอนที่คนอื่นมาพบเข้า เขาที่อยู่ในกรงได้กระหายน้ำตายและหิวตายไปแล้ว
บาทหลวงชาวญี่ปุ่นที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็เหมือนช่างตีเหล็กที่ถูกพูดถึงในเรื่องนั้น สร้างกรงเหล็กและตัวล็อกขึ้นมาอย่างประณีต สุดท้ายกลับขังตัวเองแทน
บาทหลวงจบสิ้นความทรมานแตกต่างจากชายหนุ่มที่ถูกไป๋อิงอิงเด็ดคอเมื่อครู่ เขามีระดับสูงกว่า ความสามารถในการแบกรับพลังแข็งแกร่งกว่า
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงพอมีสติอยู่บ้าง ตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นเรียกโจวเจ๋อว่า ‘พ่อ’ ความดีใจนั้น จิตใจที่เบิกบานนั้น ความรู้สึกตื่นเต้นนับหมื่นนับพันเหล่านั้น สามารถเผยอารมณ์รักที่แท้จริง ทำให้คนน้ำตาไหลได้
แต่ตอนที่บาทหลวงชาวญี่ปุ่นคนนี้เรียกเขาว่า ‘โอโต้ซัง’ (คุณพ่อ) กลับมีความกระบิดกระบวน กระดากใจ ละอายใจ กดดัน อยากปฏิเสธแต่ยังเข้าใกล้ เหมือนนางเอกที่ถูกคนเลวแอบใส่ยาปลุกอารมณ์ในละครน้ำเน่าอยู่เล็กน้อย
“โอโต้ซัง!”
หลังจากเรียกจบ บาทหลวงชาวญี่ปุ่นจึงเผยความหวาดกลัวออกมาจากแววตา เรื่องราวเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง และลางสังหรณ์นี้บอกเขาว่า เรื่องราวได้ดำเนินมาถึงจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย
เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ อุปสรรคนานาผ่านพ้นไปแล้ว อย่างน้อยในมุมมองของโจวเจ๋อก็เป็นแบบนี้จริงๆ
เขาอ้าแขนทั้งสองข้างต่อไป แล้วพยักหน้าขานรับเล็กน้อยให้กับคนที่เรียกเขาว่า ‘โอโต้ซัง’
“ว่าไง” เมื่อมีการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้ความรู้สึกวู่วามยิ่งทวีขึ้นอย่างรุนแรง!
บาทหลวงชาวญี่ปุ่นเบิกตาโต เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก
“โอโต้ซัง!”
“ว่าไง”
“โอโต้ซัง!”
“ว่าไง”
“โอโต้ซัง! โอโต้ซัง! โอโต้ซัง!!…”
ครั้งที่หนึ่งยังกระบิดกระบวน ดูฝืนและเจ็บปวดเล็กน้อย ครั้งที่สองเริ่มผ่อนคลายขึ้น อย่างไรก็ดีกว่าครั้งแรก พอถึงครั้งสุดท้าย ทุกอย่างกลับดูคุ้นเคยและสบายมาก คนที่ดิ้นรนเริ่มยอมแพ้ เพราะมันชินชาแล้ว
โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ อย่างช้าๆ ตบมือเรียกบาทหลวงเบาๆ เหมือนกำลังเล่นกับสุนัขคอร์กี้ในบ้าน เรียกมันมาเพื่อให้ตัวเองลูบหัว
บาทหลวงเดินโซเซไปหาโจวเจ๋อ จากนั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วนอนลงไปเลย หนังหน้าของเขาเริ่มชักกระตุกและสั่น จิตใต้สำนึกบอกเขาว่าตัวเองจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ความรู้สึกคุ้นเคยและวู่วามที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจกลับทำลายสติของเขาโดยตรง
“เด็กดี ไม่ดิ้นนะ” โจวเจ๋อพูดกับเขาเบาๆ
บาทหลวงจึงหลับตาช้าๆ เขายอมฟังคำสั่งบ้างแล้ว
‘ฉึก!’ ทว่าโจวเจ๋อกลับไม่ได้แสดงความอ่อนโยนใดๆ ออกมา ใช้เล็บที่แหลมคมทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะของบาทหลวงทันที
ร่างกายของบาทหลวงเริ่มสั่นไม่หยุด แต่ใบหน้าของเขากลับเผยความรู้สึกเพลิดเพลินออกมา
ไม่ว่าจะเป็นฟ้าร้องหรือน้ำค้างล้วนเป็นรางวัลจากกษัตริย์ทั้งสิ้น ประโยคนี้สามารถใช้อธิบายตัวเขาได้อย่างสุดซึ้ง
ไป๋อิงอิงทำไมตอนนี้ถึงเคารพโจวเจ๋อขนาดนั้น อันที่จริงก็มีเหตุผลที่เหมือนกัน ในสังคมของคนทั่วไป สามารถพูดสโลแกนว่า ‘กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพล เป็นกันเพราะชาติกำเนิดหรือ’ แต่ในพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอื่น ลูกน้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เป็นความเคยชินที่อยู่ในสายเลือด ยากที่จะเปลี่ยนแปลง และยากที่จะต่อต้าน
สาวน้อยโลลิเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อเพื่อดูบาทหลวงที่ถูกทรมานอย่างสบายใจ เธอเม้มปากแล้วพูดว่า “ไม่รับเขาเป็นลูกบุญธรรมเหรอ ไม่ว่ายังไงความแตกต่างของเจ้ากับพระเก้าพันปีก็ไม่ต่างกันเท่าไร”
“ลูกชายบุญธรรมคนนี้ ผมรับไม่ไหว” โจวเจ๋อตอบ
ใช่แล้วหากรับบาทหลวงคนนี้กลับไปที่ร้านหนังสือ ถึงแม้จะไม่มองเป็นลูกบุญธรรมก็ยังมองเป็นสัตว์เลี้ยงได้ ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลว ไม่ว่าอย่างไรคนแปลกๆ ที่อยู่ในร้านหนังสือของตัวเองก็มีไม่น้อย มีบาทหลวงเพิ่มเข้ามาอีกคนใช่ว่าจะไม่ได้
แต่โจวเจ๋อไม่ใช่นักสะสมของ และบาทหลวงคนนี้ก็อันตรายเกินไป โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์แบบ ‘พ่อลูก’ จะรักษาไว้ได้นานแค่ไหน และไม่รู้ว่าบาทหลวงคนนี้จะ ‘ฟื้นสติ’ ขึ้นมาได้เมื่อไร
เลี้ยงสุนัขหนึ่งตัวยังพอได้ อย่างน้อยสุนัขก็มีความซื่อสัตย์ แต่เลี้ยงงูพิษไว้หนึ่งตัว หากเล่นแรงเกินไป ตัวเองอาจจะโดนมันกัดวันไหนสักวัน
ร่างกายของบาทหลวงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ควันสีดำที่อยู่ปลายเล็บของโจวเจ๋อแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำลายร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
การทรมานแบบนี้ดำเนินไปประมาณยี่สิบวินาทีกว่าๆ บาทหลวงไม่ขยับ ร่างกายของเขากลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม
โจวเจ๋อดึงเล็บกลับมา แต่ขณะเดียวกันได้ใช้มืออีกข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้า จากนั้นกำฝ่ามืออย่างแน่น
“อ๊าก!” วิญญาณสีดำถูกโจวเจ๋อจับไว้ นั่นคือใบหน้าของบาทหลวง ที่บิดเบี้ยวดิ้นรนและโกรธสุดขีด เพราะเขายากที่จะจินตนาการได้ว่า จุดจบสุดท้ายของตัวเองจะเป็นแบบนี้ ใช้วิธีที่น่าละอายเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ให้อีกฝ่ายฆ่าหักคอตัวเอง
จุดจบแบบนี้ช่างหดหู่ใจเกินไปแล้ว เขาไม่ยอมจริงๆ ไม่ยอมเป็นอย่างมาก เขายังมีวิธีอื่น ยังมีเคล็ดลับอื่น ถึงแม้จะอยู่ในเหตุการณ์ที่คับขัน แต่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสหลบหนี
“อิงอิง” โจวเจ๋อเรียก
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
“ไปหาน้ำมันแล้วเผาศพนี้ให้ผมที”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
โจวเจ๋อหยิบเงินกระดาษปึกเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วจุดไฟแช็ก มันสามารถรับประกันได้ว่าร่องรอยที่ตัวเองเผาศพอยู่ในชุมชนแห่งนี้จะไม่มีคนนอกเข้ามาดู และไม่มีใครจงใจบุกเข้ามา
เงินกระดาษสามารถนำมาแลกเงินได้ แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากได้เช่นกัน การทำแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ผิดแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก และมันก็ราบรื่นมาตลอด
วิญญาณของบาทหลวงยังดิ้นอยู่ในฝ่ามือของโจวเจ๋อ หลังจากดิ้นไปสักพักหนึ่งเขาจึงเริ่มขอร้อง คนแบบนี้ถึงแม้จะตายไปแล้ว วิญญาณของเขาก็แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
โจวเจ๋อไม่สนใจเขาแต่ยังเก็บเขาไว้ ไป๋อิงอิงหาน้ำมันมาแล้ววางลงบนพื้น จากนั้นจึงเดินออกไปเงียบๆ
ไม่นานนักไป๋อิงอิงก็เดินกลับมา เธอแบกเตาปิ้งย่างตัวหนึ่งเดินเข้ามา แล้ววางเตาปิ้งย่างไว้ข้างๆ
โจวเจ๋อตกตะลึง สาวน้อยโลลิก็ตกตะลึง โจวเจ๋อชี้ไปที่เตาปิ้งย่างแล้วถามว่า “นี่คืออะไร”
ไป๋อิงอิงงงเล็กน้อย เงยหน้าถามโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ จะย่างเขาไม่ใช่เหรอเจ้าคะ”
“คุณชอบกินอันนี้เหรอ” โจวเจ๋อชี้ไปที่ศพของบาทหลวงที่อยู่ข้างๆ
ไป๋อิงอิงส่ายหน้า “เถ้าแก่ ท่านพูดว่าจะเอาอัฐิของเขามาคลุกข้าวไม่ใช่เหรอ”
ขณะที่พูดไป๋อิงอิงหยิบถุงหนึ่งออกมาจากด้านข้าง “ข้าได้เตรียมข้าวมาแล้วด้วย”
“…” โจวเจ๋อ
สาวน้อยโลลิหัวเราะลั่นอยู่ข้างๆ โจวเจ๋ออยากจะลูบศีรษะของไป๋อิงอิงจริงๆ แล้วถามเธออย่างอ่อนโยนว่าจงใจใช่ไหม
แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะไป๋อิงอิงเป็นคนประเภทที่อาจจะเอา ‘คำเปรียบเทียบเกินจริง’ ตอนที่เขาโกรธมาคิดจริงจังได้จริง อย่างน้อยคุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาเรื่องนี้มาต่อว่านาง
“ผมยังพูดประโยคที่เหลือไม่จบ” โจวเจ๋อกล่าว
“หา” ไป๋อิงอิง
“ผมจะเอาอัฐิของเขามาคลุกข้าว จากนั้นจะให้อิงอิงของผมกินเป็นอาหารมื้อดึก”
สีหน้าของไป๋อิงอิงมีสีสันขึ้นมาในทันใด
“เผาก่อนเถอะ จากนั้นค่อยเอาอัฐิไปทิ้งให้ห้องน้ำสาธารณะ” โจวเจ๋อไม่แกล้งผีดิบสาวแล้ว
แต่จะโทษโจวเจ๋อที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอัฐิมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะคนทั่วไปไม่สามารถเจอเหตุการณ์ที่อัฐิของตัวเองถูกขโมยแล้วตามหาโจรเพื่อแก้แค้น ดังนั้นจึงต้องจัดการเป็นกรณีพิเศษ ในเมื่อคุณขโมยอัฐิของฉัน อย่างนั้นฉันก็จะเอาอัฐิของคุณมาแก้แค้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ไป๋อิงอิงเริ่มเทน้ำมันลงบนตัวของบาทหลวง วิญญาณของบาทหลวงตอนนี้กระโดดไม่หยุดด้วยความร้อนใจ แต่โจวเจ๋อก็ปล่อยให้เขามองดูอยู่ข้างๆ
“เถ้าแก่ ข้าจะจุดไฟแล้วนะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า ไป๋อิงอิงจุดไฟ แล้วศพของบาทหลวงก็เริ่มถูกเผา ชั่วเวลาหนึ่งมีกลิ่นหอมของเนื้อโชยมา
วิญญาณของบาทหลวงแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา แต่เมื่อเผาไปได้ระยะหนึ่ง ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกแปลกๆ จึงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ไป๋อิงอิงก็อุทานออกมาด้วยความตกใจและสงสัย เพราะนางเห็นศพที่อยู่ในกองไฟลุกนั่งขึ้นอย่างช้าๆ
“เถ้าแก่ เวลาที่ศพถูกเผาจะเป็นแบบนี้เหรอ” ไป๋อิงอิงถามโจวเจ๋อ
ทำไมถึงถามโจวเจ๋อ เพราะโจวเจ๋อเคยมีประสบการณ์มาก่อน อันที่จริงตามหลักการแล้ว เวลาที่ศพถูกเผาจะกระตุกกะทันหันหรือไม่ก็นั่งขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายได้
โจวเจ๋อยังไม่ทันอธิบาย เพราะไม่ช้าก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว ศพไม่ได้แค่ลุกนั่งเท่านั้น แต่เขายังลุกขึ้นยืนด้วย
มาๆ ปากกานี่ให้คุณ แบบนี้จะอธิบายอย่างไรดี
ศพเดินออกมาจากในเปลวไฟ บนตัวของเขายังมีประกายไฟติดอยู่และยังเผาไหม้ต่อไป เสื้อผ้าถูกเผาหมดแล้วผิวของเขาก็น่าสังเวชจนดูไม่ได้
แต่เขายังเดินออกมา เขายังคงหลับตาตลอดเวลา ถึงแม้ทั้งเนื้อหนังใบหน้าจะเป็นหลุมเป็นบ่อไปนานแล้ว แต่ตอนที่เขาเดินออกมาจากกองไฟ เขาได้ลืมตาช้าๆ
เบ้าตาของเขาว่างเปล่า แต่ไม่ช้าก็มีลำแสงสีเขียวสองเส้นปรากฏออกมาพร้อมกับประกายแสงที่ผิดปกติ
ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่ไอ้หมอนี่เดินออกมา โจวเจ๋อเกิดความรู้สึกเข้าใจซึ่งกันและกันกับเขา ราวกับว่าไอ้หมอนี่เป็นตัวเองอีกคนหนึ่ง ไม่มีสิ่งเจือปนและบริสุทธิ์มาก
“เอ่อ…” เขาอ้าปาก แต่พูดไม่ออก
วิญญาณของบาทหลวงที่ถูกกำอยู่ในฝ่ามือของโจวเจ๋อตื่นเต้นมากในตอนนี้ เขาทำสำเร็จแล้ว การวิจัยของเขาประสบผลสำเร็จอย่างจับพลัดจับผลูในเวลานี้!
จากนั้นโจวเจ๋อกลับยกเขาขึ้นมา แล้วปล่อยมือ บาทหลวงตกตะลึง ตัวเองเป็นอิสระแล้วเหรอ
“เอ่อ…” แต่วินาทีต่อมา จู่ๆ ศพก็ขยับตัว อ้าปากโชว์ให้เห็นเขี้ยวสีดำ แล้วกัดวิญญาณของบาทหลวงไปหนึ่งที จากนั้นก็กัดอย่างบ้าคลั่ง
บาทหลวงถูกศพของตัวเองกัดด้วยวิธีการทรมานอย่างเหี้ยมโหดเพื่อให้ดวงวิญญาณแตกสลาย จนกระทั่งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแทบไม่ทัน!
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว ศพจึงเริ่มเงยหน้าขึ้นมองไปที่โจวเจ๋อ ทั้งสองคนจ้องมองกันอยู่แบบนี้ ก่อนที่ศพจะโน้มตัวอย่างเงียบๆ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
…………………………………………………………………………