ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 164 ยี่สิบสี่รอย
ตอนที่ 164 ยี่สิบสี่รอย
โจวเจ๋อหลับตา เขานอนไม่หลับ แต่เขาชอบความรู้สึกเวลานอนบนโซฟาติดริมหน้าต่างให้แดดอาบไล้ร่างตัวเอง
ชาติที่แล้วเขาต้องทำงานตลอดเวลา ทำงานอยู่บนเตียงผ่าตัด ยากที่จะได้พักผ่อน แต่ชาตินี้เขาได้ชดเชยกลับคืนมาแล้ว
ไป๋อิงอิงหลังจากฟังโจวเจ๋ออธิบายแล้วเหมือนจะเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้นิดหน่อยว่า จริงๆแล้วโจวเจ๋อคำนวณเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว
และด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่ถึงไม่ได้เรียกร้องเงินงวดสุดท้ายที่เหลือ ไม่สิ อันที่จริงน่าจะเป็นเพราะเถ้าแก่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีจุดจบที่ไม่ดี ดังนั้นจึงขี้เกียจไปเรียกเงินจากผู้หญิงคนนั้น ถึงอยากได้ก็ไม่ได้อยู่ดี
ไป๋อิงอิงยื่นมือขยุ้มผมของตัวเอง และกระทืบเท้าเดินไปที่เคาน์เตอร์
นักพรตเฒ่ากำลังกินถั่วลิสงกับเจ้าลิง ตัวเองหนึ่งเม็ดเจ้าลิงหนึ่งเม็ด หนึ่งคนหนึ่งลิงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ตอนที่โจวเจ๋ออธิบายให้ไป๋อิงอิงฟังก่อนหน้านั้น นักพรตเฒ่าก็ฟังอยู่ข้างๆ หลังจากฟังจบจึงหัวเราะเดินออกไป
“นักพรตเฒ่า ถามคำถามเจ้าหน่อย เมื่อกี้ที่เถ้าแก่พูด เจ้าฟังเข้าใจไหม” ไป๋อิงอิงยื่นมือผลักไหล่ของนักพรตเฒ่า
“อะไรเหรอ” นักพรตเฒ่าหันมา มองไป๋อิงอิงอย่างแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นพูดว่า “เมื่อกี้เถ้าแก่อธิบายกับเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ข้าเข้าใจไม่หมด” ไป๋อิงอิงสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพ่นอออกมาอย่างแรง
อย่ามองว่านักพรตเฒ่าดูแก่กว่ามาก แต่เขาอายุไม่ถึงครึ่งของไป๋อิงอิงด้วยซ้ำ ทว่าไป๋อิงอิงรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องตัวเองยังมองไม่ทะลุปรุโปร่งเท่าเขา
แต่ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดา ไป๋อิงอิงถึงแม้จะมีอายุสองร้อยปี แต่เวลาส่วนใหญ่ล้วนนอนอยู่ในโลงศพและพูดคุยกับวิญญาณของนายหญิงเท่านั้น ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว นางยังเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อายุสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น
“ความจริงแล้ว เรื่องนี้ง่ายมาก ก็เหมือนกับเจ้าแม่หนี่ว์วาทำไมต้องฆ่านางสนมต๋าจี่ เทพเจ้าไง ดังนั้นก็ต้องรักษาความบริสุทธิ์มีน้ำใจ จะยอมให้มีมลทินติดตัวได้ยังไง ดังนั้น นางสนมต๋าจี่ไม่ว่าจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แท้จริงแล้วเธอถูกกำหนดให้ตายอยู่ดี ถ้าอยากจะทำลายราชวงศ์ซาง หากไม่กำจัดขุนนางที่จงรักภักดีและประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้วจะทำยังไง
ควรทราบว่าในเรื่อง ‘ห้องสิน’ ถึงแม้โจ้วหวังจะไร้ศีลธรรม แต่เทพเจ้าที่คอยช่วยเหลือเขาก็เยอะมาก เจียงจื่อหยาต่อสู้ไม่ราบรื่น ดังนั้นนางสนมต๋าจี่จึงเป็นสหายร่วมรบที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่ในความเป็นจริง เริ่มตั้งแต่ที่ส่งนางสนมต๋าจี่เข้ามา นางสนมต๋าจี่ได้ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตแล้ว ผู้สูงศักดิ์ในสมัยโบราณอีกหลายคนล้วนปฏิบัติกับมีดที่อยู่ในมือของตัวเองแบบนี้ ตอนที่ผู้สูงศักดิ์มีความต้องการ มีดพวกนี้จะช่วยพวกเขากำจัดคนที่ตัวเองไม่อยากเห็น หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ก็หมดประโยชน์ หักมีดให้ขาดสะบั้น แล้วให้คนทั่วแผ่นดินดูว่า ตัวการร้ายถูกข้าจัดการแล้ว ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทิน”
“อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้”
“เถ้าแก่พูดว่าในบ้านพบค่ายกลกับงูแห้งครึ่งตัวไม่ใช่เหรอ นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจัดเอง ตาแก่มีเงินเยอะขนาดนั้น ทำไมสุดท้ายถึงมาอยู่ในบ้านของบรรพบุรุษ การตกแต่งและออกแบบบ้านผ่านมือใครเล่า เห็นกันจะจะว่าตาแก่โดนเอาเปรียบ ถึงแม้เขาจะหาเรื่องใส่ตัว ไม่คู่ควรต่อการเห็นใจ แต่หากว่ากันตามเนื้อผ้า เรื่องนี้มีคนบังคับให้เขาตกลงไปในหลุมพรางทีละก้าว
และงูที่อยู่ในทะเลตัวนั้นต่อให้ไม่มีปัญหา มันอยากจะขึ้นมาบนบกเพื่อแก้แค้นก็ยังยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันเกิดปัญหาแล้ว ดังนั้นต้องมีคนที่เป็นสะพานเชื่อมแน่นอน แล้วใครจะเป็นตัวเชื่อมล่ะ มีเพียงผู้หญิงคนนั้นที่เหมาะสมที่สุด”
“เธอเป็นผู้ช่วยของงูตัวนั้นเหรอ” ไป๋อิงอิงพูดจบก็ส่ายหน้า “ไม่ถูก เถ้าแก่กับงูตัวนั้นได้ทำข้อตกลงกัน ไม่ฆ่าผู้หญิงคนนั้น และงูตัวนั้นตอนแรกก็รับปากแล้ว”
นักพรตเฒ่ามองโจวเจ๋อที่ ‘งีบ’ อยู่แล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่เรื่องของงูเลย เรื่องมันง่ายมาก เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่พอใจตาแก่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนที่สร้างตัวตาแก่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินหรือไม่ หรือไม่ก็อาศัยนามของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทำเรื่องที่ไม่ดี ตาแก่คนนั้นเคยขนของเถื่อนในทะเลไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนนางสนมต๋าจี่ที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่งมา กระทั่งนักพรตผู้ต่ำต้อยอย่างข้ารู้สึกว่าที่ตาแก่คนนั้นเห็นแก่ตัวมากถึงขั้นยอมกัดฟันเสียสละคนในครอบครัวของตัวเองเพื่อนำไปเซ่นไหว้ อาจจะเป็นเพราะโดนผู้หญิงคนนั้นยั่วยุก็เป็นได้
หรือไม่ก็อาจจะมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่พอใจงูตัวนั้น รู้สึกว่าถ้าหากงูตัวนั้นกลายเป็นปีศาจจะมีผลกระทบต่อตัวเอง ดังนั้นจึงจัดฉากขึ้นมา สร้างหลุมพรางให้งูตัวนั้น สุดท้ายงูตัวนั้นยอมแลกทุกอย่างแม้แต่ชีวิตก็ต้องขึ้นมาบนบกเพื่อแก้แค้นให้ได้ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยากให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผู้หญิงคนนั้นก็จำเป็นต้องตาย เธอตายแล้ว เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ยังเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเหมือนเดิม รักษาความสูงศักดิ์และบริสุทธิ์ของตัวเองต่อไป”
“อย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็น่าสงสารจริงๆ” ไป๋อิงอิงพูดพลางถอนหายใจ
“ไม่ว่าจะน่าสงสารหรือไม่น่าสงสาร นี่คือชีวิต เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เจ้าดูสิ เถ้าแก่ยังปลงตกเลย”
โจวเจ๋อลุกขึ้นมาในเวลานี้ เขามองไปที่นักพรตเฒ่ากับไป๋อิงอิงที่กำลังพูดจากระซิบกระซาบกัน แล้วเดินขึ้นไปข้างบน
เมื่อผลักประตูห้องนอน โจวเจ๋อเดินไปริมหน้าต่าง แล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน ตรงกรอบหน้าต่างด้านล่างมีม้วนภาพวาดภาพหนึ่ง นี่เป็นภาพที่วันถัดมาหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น โจวเจ๋อสั่งให้นักพรตเฒ่าไปซื้อกลับมา
นักพรตเฒ่าใช้ความพยายามอย่างสูงกว่าจะหารูปเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีรูปแบบเดียวกันเจอ อย่างไรก็ตามคนที่แขวนไว้ในบ้านยังมีน้อยเกินไป
โจวเจ๋อยื่นมือเปิดภาพวาดออก เขามองภาพวาดอยู่นาน สุดท้ายเขาจึงหยิบไฟแช็กออกมา แล้วจุดที่มุมหนึ่งของภาพวาด จากนั้นวางลงบนกรอบหน้าต่างกันขโมย มองมันถูกไฟเผาเป็นเถ้าถ่านอย่างช้าๆ
“เจ้ากำลังเศร้าอะไร” เสียงของสาวน้อยโลลิดังมาจากข้างหลังโจวเจ๋อ
“ก่อนจะเข้ามา ไม่รู้เหรอว่าต้องเคาะประตู” โจวเจ๋อพูดอย่างไม่พอใจ
‘ปิ้ว!’ ร่างของสาวน้อยโลลิตอนนี้อยู่ข้างนอกประตู จากนั้นเธอจึงเคาะประตู
‘ก๊อกๆๆ…’
“เข้ามา”
‘ปิ้ว!’
ร่างของสาวน้อยโลลิปรากฏตัวในห้องอีกครั้ง
“เจ้าเผารูปภาพของใคร” สาวน้อยโลลิถาม
“คุณไม่ต้องยุ่ง”
“ได้ ข้าไม่ยุ่ง ที่ข้ามาเพราะได้รับข่าวจากผีดิบจอมโง่คนนั้นแล้ว”
“ผมพูดถึงวันพรุ่งนี้”
“แต่คืนนี้เขาจะไปเซี่ยงไฮ้ จากนั้นจะบินไปญี่ปุ่นตอนสี่ทุ่ม” สาวน้อยโลลิพูดเตือน
“เรื่องนี้ ทำไม่คุณไม่แจ้งล่วงหน้า”
“ข้าก็เพิ่งรู้ข่าวที่เขาจองตั๋วเครื่องบินเหมือนกัน” สาวน้อยโลลิทำท่าว่าฉันเร็วที่สุดแล้ว
“อย่างนั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“น่าจะซ่อนตัวอยู่ในสามที่นี้ ก่อนหน้านั้นเขาสลับหมุนเวียนทีละวัน แต่วันนี้ ข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะทำเหมือนเดิมต่อหรือไม่ แต่ข้ารู้สึกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะอยู่หนึ่งในตำแหน่งนี้มากกว่า”
“ทำไม”
“เพราะตอนที่ข้าสะกดรอยตาม พบว่าห้องที่อยู่ตรงจุดนั้น สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศที่แปลกประหลาดบางอย่าง ถึงแม้จะเบาบางไม่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่มีลักษณะเฉพาะตัวเหมือนกับสองสถานที่นั้น ในเมื่อเขาเตรียมตัวจะกลับญี่ปุ่น คิดว่าจะต้องพกของบางอย่างกลับไปด้วย อย่างเช่นผลลัพธ์ที่เขาศึกษาวิจัยสำเร็จ”
สาวน้อยโลลิพูดจบ จึงถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดกับโจวเจ๋อว่า “อย่างไรก็ตาม เจ้าลองตัดสินใจดู”
“เรียกอิงอิงไปด้วย คุณกับผมต้องไปที่นั่นด้วยกัน”
“ได้”
โจวเจ๋อเปลี่ยนมาใส่เสื้อคลุมสีดำก่อนจะเดินลงบันได ขณะเดียวกันก็ตะโกนเรียกไป๋อิงอิง ไป๋อิงอิงรีบตามมาแล้วเข้าไปนั่งในรถทันที และไม่ถามว่าเขาจะไปทำอะไร
หลังจากไป๋อิงอิงเข้ามานั่งในรถแล้ว นางพบว่าสาวน้อยโลลินั่งอยู่ข้างกายตัวเอง สาวน้อยโลลิครั้งนี้มาด้วยร่างวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีกายเนื้อ
“ผีดิบโง่ วันไหนเจ้าโดนขายก็ยังไม่รู้ตัวเลย” สาวน้อยโลลิพูดเยาะเย้ย
“เจ้าอิจฉาข้า”
“ใครจะโง่ถึงขั้นอิจฉาเจ้า”
“เจ้าอิจฉาข้านั่นแหละ”
“ข้าไม่อิจฉาเจ้าเลย!”
“เจ้าอิจฉาข้าอยู่ดี”
สาวน้อยโลลิไม่พูดอีก เธอรู้สึกว่าหากแข่งกันพูดเรื่องนี้ต่อคงจะโง่เกินไป
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพูดกับสาวน้อยโลลิว่า “เอาที่อยู่มาให้ผม”
สาวน้อยโลลิแจ้งที่อยู่ หลังจากโจวเจ๋อจับตำแหน่งแล้วจึงสตาร์ตรถ ขับรถไปไม่นานก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
โจวเจ๋อเดิมทีอยากจะตัดสาย แต่พอเห็นว่าเป็นสวี่ชิงหล่าง เขาจึงรับสายโดยตรง
“ฮัลโหล ฝั่งนายเป็นยังไงบ้าง”
“บ้านของคนแก่ มีทั้งหมดกี่คน”
“นายถามอันนี้ทำไม”
“คุณตอบผมมา”
โจวเจ๋อลองหลับตานึกย้อนกลับไป แล้วเอ่ยว่า “รวมชายชราไปด้วยก็ยี่สิบสี่คน”
…
ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเครือ สวี่ชิงหล่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว เขาก้มหน้ามองดูพื้นกระเบื้อง ในที่สุดหมอก็เดินออกมา ตำรวจก็เดินเข้ามาเหมือนกัน
น่าจะเป็นเพราะเผาเงินกระดาษจึงสามารถหลีกเลี่ยงความยุ่งยากได้หลายอย่าง หมอและตำรวจไม่มีใครถามสวี่ชิงหล่างถึงการตายของผู้หญิงคนนี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ สวี่ชิงหล่างไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยอยู่แล้ว เพราะผู้หญิงคนนี้ก่อนที่จะฆ่าตัวตายได้ทิ้งจดหมายลาตายและถ่ายรูปเซลฟี่ทิ้งไว้ในแอปโซเชียลมีเดีย
การฆ่าตัวตายนี้จึงเป็นเรื่องที่ยืนยันแน่นอนแล้ว
เขามองพยาบาลเข็นรถเข็นเปลนอนออกมา มีผ้าสีขาวคลุมอยู่บนนั้น สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นเดินไปที่หน้ารถเข็นแล้วเอ่ยว่า “ผมอยากดูเธอหน่อยครับ”
พยาบาลทั้งสองสบตากันหนึ่งที เข้าใจผิดคิดว่าสวี่ชิงหล่างเป็นแฟนของผู้หญิงที่กินยาฆ่าตัวตาย จึงลังเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
สวี่ชิงหล่างเปิดผ้าออก มองใบหน้าที่เงียบสงบของผู้หญิง เธอยังสวยเหมือนเดิม
สวี่ชิงหล่างเคยเห็นความเร่าร้อนและโรแมนติกของเธอบนเตียง
แต่ตอนนี้เธอกลับเสียชีวิตแล้ว
จะว่าไปก็ไม่ถึงกับเสียใจ และไม่ได้เศร้าใจมากนัก เพียงแต่รู้สึกหดหู่และทอดถอนใจ
สวี่ชิงหล่างจับข้อมือของผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา มองรอยแผลที่ข้อมือของเธอ เขาใช้นิ้วถูบนนั้นเบาๆ นับรอยแผลทีละเส้น รอยแผลพวกนี้น่าจะเริ่มกรีดทีละเส้นเมื่อสองเดือนที่แล้ว
ดูเหมือนเธอเตรียมตัวมาตลอด และกำลังนับถอยหลังครั้งสุดท้าย
สวี่ชิงหล่างเงยหน้าขึ้น เดินไปที่ริมหน้าต่าง เปิดหน้าต่างออกปล่อยให้ลมพัดเข้ามา
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่น่าเศร้าใจอะไร และไม่คุ้มเลยที่จะสงสารผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนั้น แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก ไม่ว่าเธอเคยทำอะไร เธอทำอะไรกับคนอื่น เธอมีฐานะอย่างไร ฯลฯ
แต่เธอเคยนอนกับฉัน จึงรู้สึกสนิทสนมและรู้สึกดีด้วยโดยสัญชาตญาณ แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว
สวี่ชิงหล่างหยิบบุหรี่ออกมาโดยไม่รู้ตัว พอนึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล จึงเก็บกลับไป
เมื่อครู่เขานับดูแล้ว บนข้อมือของผู้หญิงมียี่สิบสี่รอยแผล
…………………………………………………………………………