ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 162 ข้ากลัวจริงๆ!
ตอนที่ 162 ข้ากลัวจริงๆ!
โจวเจ๋อเห็นแล้วตกใจจริงๆ การจัดอย่างหรูหราแบบนี้มันอลังการเกินไป
แม้แต่ในผลงานละคร เหล่านักพรตก็จัดของเซ่นไหว้ไม่อลังการแบบนี้ การกราบไหว้ในวัดทั่วไปมีผลไม้นิดหน่อยและหัวหมูอีกหนึ่งหัวก็ถือว่ามีฐานะไม่เลวแล้ว
แต่ที่นี่ เป็นการเซ่นไหว้ด้วยคนเป็น คนเป็นยี่สิบกว่าคน ครอบครัวนี้ถูกจับมาขังไว้ที่นี่ให้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อกราบไหว้เทพเจ้าแห่งท้องทะเล!
โจวเจ๋อเจอเรื่องแปลกพิสดารมาเยอะ นรกก็เคยไป ทั้งสองภพชาติ ทั้งคนและผีก็เจอมาไม่น้อย หากจะพูดตามหลักการแล้ว เรื่องที่สามารถทำให้เขาตกใจได้มีไม่เยอะเลยจริงๆ
แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้โจวเจ๋อสติหลุดลอยไปชั่วขณะ
ควรทราบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คนแก่ผมขาวผิวหนังเหี่ยวย่นเท่านั้น ยังมีเด็กเล็กด้วย คนพวกนี้เดิมทีควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง เดิมทีควรจะสร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้ตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนกลับถูกขังไว้ที่นี่ กระทั่งพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนปลา ได้แต่กระแทกไปทางโน้นทีไปทางนี้ทีอยู่ในกรงตามกระแสคลื่น
ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังถูกขังอยู่!
คนที่จัดพิธีเซ่นไหว้และจัดวางแบบนี้ ราวกับกลัวว่าของเซ่นไหว้ที่ตัวเองจัดเตรียมอย่างประณีตจะหลุดออกไป ทำให้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลไม่สบายใจและกินไม่อิ่ม มีความใส่ใจถึงขั้นนี้เชียว
‘อึกๆ…’ ร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้เวลาที่กลั้นหายใจได้ค่อนข้างสั้น โจวเจ๋อยื่นมือยกข้อมือของไป๋อิงอิงที่โอบเอวของตัวเองอยู่ เพื่อบอกให้เธอพาเขาขึ้นไปหายใจ
ทว่าไป๋อิงอิงกลับไม่สนใจ เหมือนไม่มีความรู้สึก โจวเจ๋อจึงหยิกมือของนาง แต่นางยังคงนิ่งไม่ขยับเหมือนเดิม
โจวเจ๋อจับแขนของเธอ เธอยังคงไม่รู้ตัวเหมือนเดิม โจวเจ๋อหันไปแล้วจ้องเธอ เขาพบว่าไป๋อิงอิงกำลังหลับตาอยู่!ข้ามองไม่เห็น ข้ามองอะไรไม่เห็นเลย
เล็บที่นิ้วชี้ข้างขวาของโจวเจ๋องอกออกมา ไป๋อิงอิงสั่นไปทั้งตัว แล้วจึงกอดโจวเจ๋อลอยขึ้นไปข้างบน
‘ฮู้ๆ..ฮู้ๆ…ฮู้ๆ…’
หลังจากเปลี่ยนอากาศหายใจแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก เขาไม่ได้ถือสาความคิดเมื่อครู่ของไป๋อิงอิง พูดตามตรงว่า “ขึ้นข้างบนเถอะ”
“ได้เลย เถ้าแก่!”
ไป๋อิงอิงก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ จากนั้นนางก็เหมือนหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ตัวเล็ก มือขวาโอบเอวของโจวเจ๋อแล้วอุ้มโจวเจ๋อขึ้นมาเหมือนตุ๊กตาผ้า จากนั้นใช้มืออีกข้างหนึ่งจับเรือ แล้วปีนขึ้นไปได้อย่างสบายและสวยงาม
โจวเจ๋อนั่งบนเก้าอี้ก่อน พยายามปรับลมหายใจและรอให้น้ำสะเด็ดจากเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเสื้อผ้าจะหนักเกินไป เวลาสวมใส่จะกินแรง
“เถ้าแก่ เมื่อครู่ข้างล่างเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“คุณไม่รู้เหรอ”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง”
“นายหญิงของคุณเมื่อก่อนก็แอบเป็นชู้กับบัณฑิตหลังจากนั้นก็ถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ…”
“มีคนเอาคนเป็นมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล” โจวเจ๋อพูด
“ใช้เป็นของเซ่นไหว้บูชาเหรอ” ไป๋อิงอิงตกใจมาก ถึงแม้จะเป็นผีดิบ แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้โหดเหี้ยมเกินไป และน่าสังเวชเกินไปแล้ว
“อย่างนั้นตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น พวกเราอยู่ที่นี่ และกรงเหล็กที่อยู่ข้างล่างก็มีแต่ศพทั้งนั้น ต้องการจะทำอะไรกันแน่”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมมีลางสังหรณ์ว่า เรื่องนี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับชายชราและผู้หญิงคนนั้น อย่างน้อยที่สุด ชายชราคนนั้นต้องมีส่วนร่วมแน่นอน”
ทำไมชายชราต้องมีส่วนร่วมแน่นอน สุนัขจิ้งจอกคนนั้นล่ะอาจจะเป็นข้อยกเว้นอย่างนั้นเหรอ
ไป๋อิงอิงคิดแบบนี้ในใจ
และในเวลานี้ลมก็ก่อตัวขึ้น ลมพัดแรงมาก ผิวทะเลที่เงียบสงบแต่เดิมเกิดคลื่นทันที ทำให้เรือสำราญลำนี้ส่ายไปมาไม่หยุด เหมือนจะคว่ำได้ทุกเมื่อ
โจวเจ๋อนั่งบนเก้าอี้ต่อ พูดตามจริง ตอนนี้เขารู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน ถ้าหากตอนนี้ตัวเขาเป็นผู้พิพากษา ไม่แน่เขาอาจจะมีสิทธิ์เจรจากับอีกฝ่าย แต่ตัวเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย
แน่นอนว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลตามความคิดโบราณ แท้จริงแล้วดีหรือไม่ดีกันแน่
เขาได้รับของเซ่นไหว้แล้ว ได้มอบสิ่งตอบแทนตามความเหมาะสมของผู้เซ่นไหว้แล้ว หรือว่าการกระทำเช่นนี้ของผู้เซ่นไหว้ทำให้เขารู้สึกถึงความโกรธและถูกเหยียดหยาม ดังนั้นจึงมาลงโทษเขาโดยเฉพาะเหรอ
เมื่ออยู่ในระดับแบบเขา ความคิดตามประเพณีที่เกี่ยวกับความถูก ผิด ดี ชั่ว ยากที่จะยับยั้งพฤติกรรมของเขาแล้วใช่ไหม
‘ครืนนน…’ น้ำทะเลซัดสาดเข้ามา ทำให้เรือสำราญลำนี้ยิ่งโอนเอนมากขึ้น ไป๋อิงอิงสองเท้ายืนนิ่ง มือหนึ่งจับไหล่ของโจวเจ๋อไว้ เพื่อช่วยให้เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างมั่นคง
“เถ้าแก่ เรือลำนี้กำลังจะล่มแล้ว”
“ผมรู้”
โจวเจ๋อประคองตัวกับแขนของไป๋อิงอิงพยายามฝืนลุกขึ้นมา ตอนที่สายตาของเขามองไปข้างหน้า กลับพบว่าเบื้องหน้าเหมือนจะมีพื้นดิน ไม่สิ หากจะพูดให้ถูก น่าจะเป็นเกาะแห่งหนึ่ง เป็นเกาะที่มีพื้นที่ไม่น้อย
‘ซู่’ เสียงเครื่องกลเสียดสีแสบแก้วหู เรือลำนี้ในที่สุดก็ทนรับไม่ไหวแล้ว พลิกล่มไปทั้งลำ ไป๋อิงอิงมือไวตาไว จับโจวเจ๋อแล้วกระโดดลงไปในทะเลก่อนที่เรือสำราญจะล่ม
ดังนั้นสามารถพูดได้ว่า โจวเจ๋อโชคดีมาก หลายคนก่อนที่จะจมน้ำตาย พวกเขาก็หวังว่าจะมีคนเหมือนไป๋อิงอิงอยู่ข้างกาย
ไป๋อิงอิงพยายามว่ายน้ำและพยายามให้ศีรษะของโจวเจ๋ออยู่เหนือน้ำเพื่อรับอากาศที่บริสุทธิ์ โจวเจ๋อเหมือนลูกจิงโจ้น้อยที่อยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่จิงโจ้ ได้รับการปกป้องอย่างทะนุถนอม
เขาได้แต่เงยหน้าขึ้น แล้วหายใจพร้อมกับพ่นน้ำที่กระเซ็นเข้าปากและจมูกของตัวเองออกไป พลางมอง…ท้องฟ้า
ในที่สุดไป๋อิงอิงก็ถึงฝั่ง โจวเจ๋อนอนอยู่บนหาดทราย หายใจอย่างหนักหน่วง
“เถ้าแก่ ทางนั้นยังมีคนนอนอยู่ตรงนั้น” ไป๋อิงอิงพลันยื่นมือชี้ไปบนชายหาดทางนั้นแล้วพูด
โจวเจ๋อหันตัวไป และแล้วก็มีชายหนุ่มนอนอยู่ตรงนั้นจริงๆ เขาใส่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ถ้าหากจะพูดว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเหมือนปลาเค็มตัวหนึ่ง เช่นนั้นคนคนนั้นก็เป็นปลาเค็มที่ถูกย่างแล้ว
“ข้าจะไปฆ่าเขา” ไป๋อิงอิงพูดไปตามนโยบายขจัดสิ่งที่อันตรายทุกอย่าง
โจวเจ๋อยื่นมือกดไป๋อิงอิงไว้ แล้วส่ายหน้าพูดในขณะเดียวกัน “คุณไม่รู้สึกเหรอ ไอ้หมอนั่นหน้าตาคุ้นๆ”
“คุ้นหน้าเหรอ” ไป๋อิงอิงพยายามมองเต็มที่ ในที่สุดดูเหมือนเธอจะนึกอะไรออก จึงเอ่ยว่า “เขากับชายชราคนนั้นมีหน้าตาคล้ายกันมาก ลูกชายของชายชราคนนั้นเหรอ อ้อไม่ บางทีอาจจะเป็นหลานชาย”
“ไม่เหมือน ไม่น่าจะใช่” โจวเจ๋อพูดปฏิเสธ
เวลานี้ในน้ำทะเล มีงูเหลือมตัวหนึ่งกำลังเลื้อยออกมา งูเหลือมตัวนี้ โจวเจ๋อรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง เหมือนกับตัวที่ตัวเองฆ่าก่อนหน้านี้ แต่งูตัวนั้นตอนนี้ดูแล้วตัวเล็กมาก เกล็ดตามตัวก็ยังไม่หนาขนาดนั้น
งูค่อยๆ เลื้อยเข้ามาอยู่บนตัวของชายหนุ่มคนนั้น บนตัวของมันไม่ความหิวหรือแรงอาฆาตใดๆ และมันเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นโจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างกายตัวเองอย่างสิ้นเชิง มันจ้องมองเพียงคนที่อยู่ด้านล่างตัวเองเท่านั้น
“เถ้าแก่ งูตัวนี้ใกล้จะเป็นปีศาจแล้ว” ไป๋อิงอิงพลันเอ่ย
“ผมพอจะมองออก”
งูเหลือมตัวนี้ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนที่มีความฉลาด มีความคล้ายเจ้าลิงตอนที่เจอกับโจวเจ๋อครั้งแรก
งูเหลือมอ้าปาก ไม่ได้กัดชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่กัดที่ตัวของตัวเอง กัดตัวเองให้มีแผลออกมา จากนั้นตัวของงูก็เลื้อยไปบนตัวของชายหนุ่มคนนั้น แล้วเอาปากแผลที่ตัวเองกัดจ่อเข้าไปในปากของชายหนุ่ม
ตอนแรกเลือดของงูเหลือมค่อยๆ ไหลเข้าปากของชายหนุ่มอย่างช้าๆ ไม่นานนัก ชายหนุ่มเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้น เริ่มดูดกลืนเลือดของงู สีหน้าของเขาเริ่มฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ
ในที่สุดชายหนุ่มก็ปล่อยมือ พ่นลมหายใจยาวออกมา จากนั้นเขาจึงลืมตา ทันทีที่มองเห็นงูเหลือมตัวนี้ ชายหนุ่มตกใจตัวสั่นระริกไปทั้งตัว
งูเหลือมไม่ได้อยู่ต่อ มันเลื้อยจากหาดทรายกลับเข้าไปในทะเล เหลือเพียงรอยเลือดที่ติดอยู่บนพื้น
หลังจากรอให้งูเหลือมเลื้อยลงทะเลออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มจึงคลานขึ้นมาแล้วมองไปทางงูเหลือมเอาศีรษะโขกพื้นติดต่อกันพร้อมกับท่องอะไรอยู่ จากนั้นเขายื่นมือเก็บเกล็ดงูชิ้นหนึ่งที่เหลืออยู่บนพื้นขึ้นมา
“เขากำลังตะโกนอะไร” ไป๋อิงอิงถาม เพราะภาษาท้องถิ่นของชายหนุ่มฟังยาก ไป๋อิงอิงฟังไม่ค่อยชัดเจน
“เขากำลังขอบคุณเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ช่วยชีวิตของตัวเอง” โจวเจ๋อตอบ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในป่าที่อยู่บนเกาะ แล้วจึงหายไป
“อย่างนั้นปัญหาก็มาแล้ว เถ้าแก่ พวกเราจะออกไปยังไง” ไป๋อิงอิงเอียงศีรษะถาม จากนั้นเธอเหมือนจะนึกอะไรออกในทันใด จึงถามว่า “ข้ารู้สึกว่าพวกเราอยู่ที่นี่เหมือนโรบินสัน ครูโซก็ไม่เลวนะเจ้าคะ”
ในร้านหนังสือมีหนังสือ ‘โรบินสัน ครูโซ’ ไป๋อิงอิงเคยอ่านยามว่าง
โจวเจ๋อรู้สึกว่าสาวใช้ของตัวเองช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติเท่าไร ดูละครเกาหลีจนรู้สึกโก๊ะๆ นิดหน่อย
และในเวลานี้เรือสำราญที่เพิ่งจมลงไปได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
“ว้าว เถ้าแก่ เรือกลับมาแล้ว”
“ผมเห็นแล้ว”
เรือลำนั้นลอยกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีคนอยู่บนเรือ และยังมีคนอีกมากมาย
คนชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ถูกคนใช้เข็นลงจากเรือ คนรับใช้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้ผ้าบางๆ ปิดบังใบหน้า แต่ดูจากบุคลิกท่าทางแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีความคุ้นหน้าคุ้นตา
“หน้าอกหย่อนยานเล็กน้อย ก้นก็หนา ขาก็ใหญ่ เถ้าแก่ ท่านลองนึกย้อนดูว่าเหมือนใครบางคนหรือเปล่า”
ผู้หญิงคนนั้น เป็นภรรยาของชายชราคนนั้น
คนมากมายลงมาจากเรือ คนชรานั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น และยังแขวนขวดน้ำเกลือใบหนึ่งไว้ เห็นได้ชัดว่าคนชราเหลือเวลาไม่มากแล้ว
และในตอนนี้เอง สายตาของโจวเจ๋อจ้องนิ่งในชั่วพริบตา เขาเห็นบาทหลวงคนหนึ่งเดินลงมาจากเรือ เป็นบาทหลวงชาวเอเชีย ใช่แล้ว ไม่ผิดหรอก ไอ้หมอนี่คือคนที่ขโมยอัฐิของเขาไป!
เพียงแต่บาทหลวงคนนี้ตอนนี้ดูหนุ่ม ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน หน้ากลมสดใส ท่าทางเหมือนไม่มีพิษมีภัยกับใคร
เขาเดินอยู่ข้างคนชรา คนชรายื่นมือสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นถอยไป จากนั้นผู้หญิงคนนั้นจึงเดินออกไป เดินออกไปไกลมาก มีคำพูดบางอย่างที่ไม่สะดวกให้เธอรู้ เธอเองก็รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี
คนชราเหมือนกำลังพูดอะไรกับบาทหลวง และบาทหลวงก็พยักหน้าอยู่ข้างๆ จากนั้นคนชราก็หยิบเกล็ดสีดำเกล็ดหนึ่งออกมาจากหน้าอกของตัวเอง บาทหลวงมองเกล็ดอันนั้น แล้วก้มหน้าเหมือนกำลังกระซิบอะไรข้างหูของคนชรา
คนชราได้ยินดังนั้นจึงแสดงสีหน้าตกใจออกมาก่อน จากนั้นก็เป็นสีหน้าดิ้นรน เขาเหมือนกำลังลังเล กำลังสับสนสุดท้ายคนชราก็มองมาที่ตัวเองที่ยังแขวนน้ำเกลืออยู่ แล้วมองไปที่ผู้หญิงสวยคนนั้นที่ยืนอยู่ไกลๆ
นิ้วมือของเขาออกแรงกำเกล็ดแน่น จนเส้นเลือดปูดขึ้นมา จากนั้นจึงกัดฟันด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม ขณะเดียวกันก็พยักหน้า บาทหลวงที่อยู่ข้างกายโน้มตัวเล็กน้อย
“เถ้าแก่ พวกเขาพูดกันเสียงเบามาก ข้าฟังไม่ได้ยิน”
ไป๋อิงอิงรู้สึกจนใจเล็กน้อย นางพยายามเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าคนชรากับบาทหลวงพูดอะไรกัน แต่นางเดินไปไกลแค่ไหน ระยะห่างระหว่างนางกับสองคนนั้นก็เหมือนจะไกลกันมากขึ้น
โจวเจ๋อโบกมือ เอ่ยว่า “ไม่ต้องฟัง”
“อย่างนั้นพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง” ไป๋อิงอิงไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง
“ออกไปได้อยู่แล้ว” โจวเจ๋อยิ้ม “อันที่จริง ไม่มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเลยด้วยซ้ำ”
ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจ แต่โจวเจ๋อเข้าใจ ใช่แล้ว ไม่มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
“อะไรนะ”
“ไม่มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเล มีแค่งูตัวหนึ่งที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล”
โจวเจ๋อเงยหน้า มองไปยังท้องฟ้าแล้วตะโกนว่า “แกสู้ฉันไม่ได้ แกถูกฉันทำให้บาดเจ็บ ภาพลวงตานี้ก็อยู่ไม่นานหรอกใช่ไหม โดยเฉพาะหลังจากที่ฉันรู้ว่าแกไม่ใช่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล อานุภาพของภาพลวงตาของแกยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แกคิดว่าแกยังมีโอกาสฆ่าฉันให้ตายเหรอ”
“ฟ่อๆๆ…” งูตัวหนึ่งโผล่ออกมาอย่างช้าๆ จากในหาดทรายที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ ภาพลวงตาที่อยู่โดยรอบเริ่มแตกสลาย โจวเจ๋อตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนพื้นของห้องรับแขก ส่วนไป๋อิงอิงก็ยืนอยู่ข้างโจวเจ๋อ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
“ข้าไม่ได้คิดที่ฆ่าเจ้าเพราะสิ่งนี้…” งูที่ถูกโจวเจ๋อใช้เล็บจิกจนบาดเจ็บหนักตอนนี้ได้พูดภาษาคนออกมา เพียงแต่เสียงของเขามีความแหลมอยู่บ้าง
“จุ๊ๆ” โจวเจ๋อยื่นมือตบศีรษะของงูเบาๆ จากนั้นจึงเงยหน้าแล้วพูดอย่างจนใจว่า “จริงๆ แล้วตอนแรกแกก็อยากจะฆ่าฉันโดยตรง แต่แกคิดไม่ถึงว่าฉันจะสู้แกได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนวิธีมาใช้ทางอ้อม”
ไม้แข็งใช้ไม่ได้ มันจึงใช้ไม้อ่อน
“เขาสมควรตาย…” งูเหลือมพูด
“ที่บ้านของฉันเลี้ยงลิงไว้ตัวหนึ่ง พวกแกน่าจะใช้ภาษาเดียวกัน แต่สภาพของแกตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็ต้องดับสลายแล้ว น่าเสียดายจริงๆ”
“เขาสมควรตาย…” งูเหลือมเหมือนจะพูดเป็นแค่ประโยคนี้
โจวเจ๋อจริงๆ แล้วก็นึกถึงเจ้าลิงพอดี นึกถึงตอนที่ตัวเองต่อสู้กับเจ้าลิงในโรงพยาบาล รวมทั้งผลสรุปสุดท้าย รวมไปถึงจิตสำนึกของตัวเองที่ ‘ถูกกิน’ ในตอนนั้น
ตัวเลือกที่เหมือนกัน แต่ครั้งนี้โจวเจ๋อเลือกแตกต่างออกไป เขายกมือขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้หญิงคนนั้นไม่สมควรตาย”
งูเหลือมลังเลพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตกลง จากนั้นโจวเจ๋อจึงวางมือลง แล้วมองไปทางอื่น
งูเหลือมพยักหน้าให้โจวเจ๋อ แล้วถูไถบนแขนของโจวเจ๋อเพื่อส่งสัญญาณ จากนั้นมันจึงเลื้อยร่างกายที่น่าสังเวชของตัวเองขึ้นไปบนบันได
ไป๋อิงอิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร มองโจวเจ๋อแล้วถามว่า “เถ้าแก่ งูตัวนั้นช่วยเขาไม่ใช่เหรอ ตอนแรกมันช่วยเขา ทำไมตอนนี้มันจะไปฆ่าเขาล่ะเจ้าคะ”
“ง่ายมาก หกสิบปีก่อนหน้านั้น งูตัวนี้เริ่มมีความตื่นรู้ เพื่อสร้างบุญกุศล ดังนั้นมันจึงเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยชายหนุ่มใกล้ตายที่ถูกพัดมาเกยตื้นบนชายหาด ชายหนุ่มรอดชีวิต จากนั้นก็เจริญรุ่งเรือง หาเงินได้มากมาย กลายเป็นคนมีฐานะและร่ำรวย จากนั้นชายหนุ่มกลายเป็นชายชราที่ป่วยใกล้ตาย แต่ชายชราไม่อยากตาย เขามีเงินเยอะมาก เขายังอยากเพลิดเพลินกับชีวิตของตัวเองต่อ
สำหรับคนอื่นแล้ว นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้วถ้าอยากมีชีวิตต่อนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ชายชราไม่เหมือนกัน ตอนที่เขายังหนุ่มเคยเจอ ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ เขาจึงนับถืองูที่เคยช่วยชีวิตเขาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ดังนั้นชายชราจึงอยากจะใช้วิธีนี้ต่ออายุตัวเอง เขารู้สึกว่าเมื่อหกสิบปีก่อน เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเคยช่วยชีวิตตัวเองหนึ่งครั้ง เช่นนั้นหกสิบปีให้หลัง เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็น่าจะช่วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงไปหาหมอไสยศาสตร์…”
เมื่อพูดถึงบาทหลวงชาวญี่ปุ่น สายตาของโจวเจ๋อยิ่งมีความอาฆาตมากขึ้น
ไอ้หมอนั่น ครั้งนี้รอให้ตัวเองฟื้นฟูกำลังกลับมาก่อน จะต้องฆ่าเขาให้ได้ ไม่ว่าเมื่อไรตอนไหนก็ต้องฆ่าเขาให้ได้!
“บาทหลวงคนนั้น มอบวิชาการบูชาเซ่นไหว้ให้กับเขา นั่นก็คือเอาชีวิตของญาติพี่น้องของตัวเองมาต่อชะตาชีวิตของตัวเอง”
“อ๋า…” ไป๋อิงอิงร้องตกใจ “ดังนั้นครอบครัวที่จมน้ำตายบนเรือสำราญเมื่อห้าปีก่อน”
“คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถูกชายชราคนนั้นจับไปเซ่นไหว้โดยเฉพาะ เขาเอาภรรยาของตัวเอง ลูกชาย ลูกสาวหลานชาย หลานสาว เหลนชาย เหลนสาว และคนอื่นๆ ไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้เพื่อต่อชะตาชีวิตของตัวเองทั้งหมด”
“หลังจากนั้นล่ะ”
“เขาทำสำเร็จแล้ว เพราะในมือของเขามีเกล็ดอันหนึ่ง และวิธีของบาทหลวงคนนั้นใช่ว่าจะไม่มีมูลความจริงดังนั้นเขาจึงทำสำเร็จ คุณไม่เห็นเหรอ ชายชราเมื่อห้าปีก่อนนั่งบนรถเข็นจะตดออกมาตอนไหนก็ได้ แต่หลังจากนั้นห้าปีกลับเดินเองได้ กระทั่งยังสามารถใช้ชีวิตเหมือนสามีภรรยาทั่วไปได้ตลอดเวลา เขาทำสำเร็จแล้ว สำเร็จจริงๆ”
“อย่างนั้นก็หมายความว่างูเหลือมตัวนี้กับชายชราคนนั้นได้ทำสัญญาตกลงกัน” ไป๋อิงอิงถาม “อย่างนั้นทำไมงูเหลือมตัวนี้ถึงมาฆ่าเขาหลังจากห้าปีให้หลัง”
โจวเจ๋อส่ายหน้า “ตกลงสัญญาไม่สำเร็จ งูเหลือมถูกเอาเปรียบ ถูกชายชราคนนั้นเอาเปรียบหนักมาก มันเดิมทีบำเพ็ญเพียรใกล้จะถึงวาระแล้ว เดินบนเส้นทางปกติ แต่เป็นเพราะชายชราเอาเกล็ดของมันไปเซ่นไหว้ ทำให้มันถูกจับเข้ามาอยู่ในเส้นทางของเทพชั่วร้ายที่สร้างหายนะให้แก่มนุษย์ ความพยายามร้อยปีก่อนหน้านั้นเป็นอันล้มเหลว
ก็เหมือนกับการดื่มนมพิษ งูเหลือมกำลังกลิ้งไปมาอยู่ในน้ำนมนี้อย่างงุนงง กระทั่งงูเหลือมตัวนั้นตอนแรกอาจจะมีปัญหาเพราะเหตุนี้ จึงใช้เวลาห้าปีถึงสามารถแก้ไขได้บางส่วน จากนั้นจึงยอมแลกทุกอย่าง พยายามให้ตัวเองสู้อย่างไม่คิดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็ต้องขึ้นมาบนบกเพื่อแก้แค้นชายชราให้ได้! ตอนแรกมันช่วยชีวิตเขา แต่เขากลับทำร้ายมัน”
ไป๋อิงอิงพยักหน้าเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง “ดังนั้น จึงไม่มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างสิ้นเชิง”
“ผมไม่แน่ใจ”
“อย่างนั้นเถ้าแก่ปล่อยมันไปครั้งนี้เพื่อให้มันขึ้นไปแก้แค้นเหรอ” ไป๋อิงอิงถาม
ความหมายแฝงก็คือ คราวที่แล้วกับเจ้าลิง ท่านไม่ได้ทำแบบนี้
“ผมเจ็บหนักมาก สู้มันไม่ไหว ผมไม่อยากเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยง” โจวเจ๋ออธิบาย
ไป๋อิงอิงบุ้ยปาก ยื่นมือชี้มาที่ตัวเอง ความหมายก็คือ งูที่ถูกท่านตีจนเกือบแย่ ข้าสามารถจัดการได้
“คุณเป็นเด็กสาว แม้แต่แมลงสาบกับหนูยังกลัว จะสู้มันได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ”
ไป๋อิงอิงได้ยินดังนั้น จึงเข้าใจทันที นางกำหมัดทั้งสองข้างแล้วจับหน้าอกของตัวเอง แล้วพูดเสียงสั่นว่า “ฮือๆๆจริงด้วย ข้ากลัวจังเลย”
…………………………………………………….