ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 160 โกรธ!
ตอนที่ 160 โกรธ!
“นี่ น้องสาว อาชีพเสริมของเถ้าแก่ของพวกเธอ เป็นนักพรตหรือว่าพระกันแน่”
ตรงระเบียง ผู้หญิงหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วสูบอย่างเงียบๆ เธอจะไม่สูบบุหรี่เวลาอยู่ในกล้องวงจรปิด เพราะจะต้องรักษาภาพลักษณ์ความเป็นกุลสตรีของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ อยากอาศัยบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
“คุณพูดผิดแล้ว เปิดร้านหนังสือเป็นอาชีพเสริมต่างหาก” ไป๋อิงอิงตอบ
“อ้อ น่าสนุกดี”
ผู้หญิงยื่นมือออกมาช่วยจัดมวยผมให้ไป๋อิงอิง แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เขาล้างสมองเธอหรือไง เธอถึงได้เคารพเขาขนาดนั้น”
ไป๋อิงอิงมองผู้หญิงด้วยสายตาที่ใช้มองคนปัญญาอ่อน
ผู้หญิงส่ายหน้า เธอไม่เชื่อ แต่ในเมื่อเป็นคนที่หวังเคอแนะนำ เธอจึงยอมทุ่มเงินสองสามล้านหยวนเพื่อลองทดสอบ
ชายชราขดตัวอยู่หน้าประตู มองภรรยาของตัวเองกับไป๋อิงอิง แล้วโบกมือเรียก
“เข้ามา รีบเข้ามา พวกเขามาแล้ว พวกเขาจะมาแล้ว จะมาจริงๆ แล้ว!”
ผู้หญิงไม่สนใจสามีของตัวเอง สูบบุหรี่ของตัวเองต่อ
ไป๋อิงอิงยิ่งไม่สนใจเขา เธอเป็นห่วงเถ้าแก่ที่อยู่ข้างล่าง ว่าจะเป็นอะไรหรือไม่
เถ้าแก่เพิ่งจะแอบใช้เคล็ดวิชาเมื่อไม่นาน ตอนนี้ร่างกายย่ำแย่มาก และยิ่งอยู่ในช่วงยังใช้พลังไม่ได้ ค่าของความเสี่ยงจึงเพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุนี้เป็นธรรมดา
‘ปัง!’ ประตูที่ห้องรับแขกถูกเปิดออก โจวเจ๋อที่เหงื่อเย็นท่วมตัวกลิ้งออกมาจากข้างใน เขาตัวเปียกชุ่มไปทั้งตัวเหมือนอาบเหงื่อมา
‘ฮู้ๆ…ฮู้ๆ…’ โจวเจ๋อนอนอยู่บนพื้นพยายามใช้แรงหายใจ ตอนนี้อากาศสำหรับเขาแล้วมีค่าเป็นอย่างยิ่ง ล้ำค่ามากกว่าสิ่งใด
“เถ้าแก่!” ไป๋อิงอิงที่อยู่ตรงระเบียงตะโกนเรียกอย่างร้อนใจอยู่บ้าง
โจวเจ๋อคลานขึ้นมาอย่างโซเซ เก็บไม้เท้าที่ตกอยู่ข้างกาย แล้วโบกมือไปข้างบน เพื่อบอกให้ไป๋อิงอิงอย่าลงมาจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที โจวเจ๋อกลิ้งออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้โจวเจ๋อใช้เวลาห้านาทีเต็มกว่าจะคลานขึ้นมา แล้วจับไม้เท้าลุกขึ้นเดินเข้าไปอีกครั้ง โจวเจ๋อตัวโอนเอนไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน
“เถ้าแก่…” ไป๋อิงอิงตะโกนเรียกอีกครั้ง
“อย่าลงมา ปกป้องพวกเขาให้ดี ผมไม่เชื่อว่า มังกรแกร่งจะสู้งูเจ้าถิ่นไม่ได้!” โจวเจ๋อเดินเข้าไปข้างในต่อ
ผู้หญิงพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเอ่ยว่า “แสดงได้สมจริงมาก”
เห็นได้ชัดว่า เธอรู้สึกว่าโจวเจ๋อกำลังแสดงละครอยู่ เหมือนกับนักพรตที่ใช้วิชาไม่ผิดเพี้ยน และไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อให้ผู้ชมมีความสุขจากนั้นก็ทำกำไร
“เอ่อ…” ผู้หญิงพูดไม่ออกแล้ว เพราะมือของไป๋อิงอิงบีบคอของเธอโดยตรง
สองเท้าของเธออยู่ห่างจากพื้น สาวน้อยชั้นมัธยมปลายคนนี้ใช้แค่มือเดียว ก็สามารถยกตัวเธอขึ้นมาได้อย่างสบาย
“นี่ไม่ใช่การแสดง” ไป๋อิงอิงพูดอย่างจริงจัง “ถ้าหากเถ้าแก่ของฉันเป็นอะไรไป วางใจได้ ฉันจะโกรธคุณแน่นอน”
“เขา…ตัวของเขา…ทำเพื่อ…ทำเพื่อเงิน…” ผู้หญิงโต้กลับอย่างยากลำบาก
“คุณเป็นผู้หญิง คุณไม่รู้เหตุผลอย่างหนึ่งเหรอ” ไป๋อิงอิงย้อนถาม
“อะ…ไร…”
“นั่นก็คืออย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง”
…
โจวเจ๋อเข้าไปในห้องรับแขกอีกครั้ง เวลานี้ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยน้ำเสียส่วนใหญ่ ข้างในล้วนเต็มไปด้วยของเหลว แต่คนยี่สิบกว่าคนนั้นก็ยังพ่นน้ำออกมาไม่หยุด
เหมือนกับว่าไม่มีวันหมดสิ้น ปริมาณเยอะจริงๆ
และงูทะเลตัวนั้นที่ถูกโจวเจ๋อระเบิดหัวไปแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นงูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่ง ตัวหนาและใหญ่มากเลื้อยไปมาอยู่ข้างในไม่หยุด ให้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อลองมองภาพนี้อย่างละเอียด ตัวของงูเหลือมยักษ์ตัวนี้ก็เละพอสมควร มีหลายจุดที่ไม่มีเกล็ดแล้ว เห็นได้ชัดว่าระหว่างที่ต่อสู้กับโจวเจ๋อแต่ละครั้ง มันก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน
“ฟ่อๆๆ…” อนาคอนดาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
โจวเจ๋อเงยหน้า กัดฟัน เหยียดสองมือออกไป ปลายเล็บปรากฏคราบเลือดขึ้นมาอีกครั้ง ชัดเจนว่าถึงจุดวิกฤตของเขาอีกแล้ว
ร่างกายของเขาเนื่องจากเสียพลังไปเยอะตอนที่อยู่เมืองเหยียนเฉิง ตอนนี้จึงอ่อนแอมากจริงๆ
ถ้าหากตัวเขามีพลังครบสมบูรณ์ โจวเจ๋อคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีสภาพดูไม่ได้แบบนี้
งูทะเลตัวนี้ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่ก็เป็นแค่งูตัวหนึ่งเท่านั้น ถ้าสู้เดี่ยวละก็ เขายังไม่ถึงกับขลาดกลัว
จริงๆ แล้วที่โจวเจ๋อเป็นห่วงก็คือถ้าหากบนโลกนี้มีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจริงๆ การเลือกของเขาครั้งนี้จะทำให้อีกฝ่ายโกรธหรือไม่
แน่นอนว่า อีกฝ่ายจริงๆ แล้วก็ไม่ให้โอกาสเขาได้เลือกหรอก
โจวเจ๋ออยากจะยอมรับว่ากลัว อยากจะถอย ถ้าไม่ต้องสู้ก็จะไม่สู้ หางเสืออย่าไปลูบก็จะดี แต่ท่าทีของอีกฝ่ายรุนแรงหยาบกระด้างเกินไป ไม่ยอมให้เขาลงจากเวทีเลยด้วยซ้ำ
เถ้าแก่โจวรักเงิน และรักการทำผลงาน แต่รักชีวิตมากกว่า
“ฟ่อๆ…”
ร่างกายของงูเหลือมยักษ์โจมตีไปที่ตัวของโจวเจ๋ออีกครั้ง โจวเจ๋อล้มลงไปที่พื้นทั้งตัว หน้าซีดขาว แต่เล็บของโจวเจ๋อกลับทิ่มเข้าไปในร่างกายของงูเหลือมยักษ์อย่างราบรื่น จับวงแหวนสีแดงออกมา แล้วบดละเอียดในพริบตา!
จากนั้นงูเหลือมยักษ์กับโจวเจ๋อก็นอนลงไปบนพื้นพร้อมกัน จ้องมองตาของกันและกัน
งูเหลือมยักษ์อยากจะขดตัวลุกขึ้นมาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ โจวเจ๋อก็อยากลุกขึ้นเช่นกัน แต่ขยับไม่ไหว
หนึ่งคนหนึ่งงู ตาใหญ่จ้องตาเล็ก ไม่ยอมแพ้ให้กัน สู้เอาเป็นเอาตาย
“แกไม่เหนื่อยเหรอ!” โจวเจ๋อถาม
งูเหลือมยักษ์ไม่ตอบ เพียงจ้องมองโจวเจ๋อตาเขม็ง
“เทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่งแกมาจริงๆ เหรอ” โจวเจ๋อถามต่อ
งูเหลือมยักษ์ไม่ตอบเหมือนเดิม
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ กับคนยังพอจะพูดกันได้ แต่กับสัตว์ตัวหนึ่ง จะคุยกันอย่างไร ดูเหมือนมันจะอ่านความคิดของโจวเจ๋อออก งูเหลือมยักษ์ตัวนี้เงยหน้าขึ้นทันที สายตาจ้องมองโจวเจ๋อด้วยความโกรธ
เหอะ เหมือนกับเจ้าลิงเปี๊ยบ สามารถอ่านความคิดของคนได้เหรอ
‘ฟึ่บ!’ งูเหลือมยักษ์เริ่มสั่น ชั่วเวลาหนึ่ง ร่างกายของมันเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ร่างกายที่แตกสลายของมัน กลับมีงูตัวเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือหลายตัวพุ่งออกมา
เจ้าพวกนี้เริ่มพุ่งเข้ามาหาโจวเจ๋อ
“ออกไป!”
โจวเจ๋อสองมือยันพื้น ฝืนเงยหน้าขึ้น จากนั้นใช้เล็บทั้งสิบนิ้วแทงเข้าไปที่พื้นโดยตรง เค้นอากาศสีดำออกมาเป็นสายล้อมเป็นวงลมเพื่อปกป้องตัวเอง งูเล็กที่อยู่โดยรอบเมื่อสัมผัสกับอากาศสีดำก็สลายไป
การประจันหน้ากันของหนึ่งคนหนึ่งงูเหมือนจะยังดำเนินต่อไป ทั้งสองฝ่ายสู้กันสุดฤทธิ์แล้ว แต่ยังคงฝืนต่อ
และในเวลานี้ คนยี่สิบกว่าคนที่เป็น ‘ก๊อกน้ำ’ ก่อนหน้านั้นก็เริ่มหุบปาก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มลุกขึ้นอย่างช้าๆ พวกเขาไม่ได้เดินไปหาโจวเจ๋อ และไม่ได้เดินไปหาอนาคอนดา แต่เดินเรียงแถวเหมือนเด็กนักเรียนชั้นประถมที่เลิกเรียนตอนเย็นไปที่บันได พวกเขาจะขึ้นไปข้างบน!
โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการมาถึงของตัวเองได้กระตุ้นการเคลื่อนไหวของพวกเขา หรือว่าเป็นเพราะตัวเองมาได้จังหวะมากกว่า
“ฟ่อๆๆ…”
งูตัวเล็กใจกล้าที่ไม่กลัวตายตัวหนึ่งสามารถทะลุอากาศสีดำของโจวเจ๋อเข้ามาได้ มันขดตัวจากนั้นก็กระโดดขึ้นมา แล้วมุดเข้าไปที่หูของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อรู้สึกได้ว่ามีอะไรลื่นๆ อยู่ตรงหูของตัวเอง เจ้าสิ่งนั้นกำลังพยายามมุดเข้าไปข้างใน
แต่ยังมีงูตัวเล็กอีกมากที่อยู่โดยรอบ โจวเจ๋อไม่กล้ายกมือของตัวเองขึ้นมาจากพื้น ไม่อย่างนั้นตัวเองจะต้องสัมผัสกับความรู้สึกของ ‘รังงู’ เป็นแน่ ได้ยินว่ากษัตริย์ที่โหดเหี้ยมในสมัยโบราณชอบเล่นแบบนี้ จับคนที่ได้รับโทษโยนเข้าไปในรังงู
แต่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนที่ส่งมาจากหูยิ่งชัดเจนมากขึ้น ถ้าหากไม่ยับยั้งละก็ สวรรค์ก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมุดเข้าไปถึงที่ไหน
ทงเฉิงมีประเพณีงานวัด โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะจัดกลุ่มให้ทุกคนไปเที่ยวงานวัด และตอนนั้นในงานวัดมีเต็นท์หนึ่ง ขายบัตรสองหยวนต่อหนึ่งใบ ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่มีมุ้งกันยุงครอบ มีงูตัวเล็กหลายตัวอยู่ข้างกายผู้หญิง
ผู้หญิงโชว์การแสดงให้คนที่ซื้อบัตรเข้ามา นั่นก็คือจับงูตัวเล็กหนึ่งตัวแล้วยัดเข้าไปในจมูกของตัวเอง จากนั้นงูตัวเล็กก็ค่อยๆ เลื้อยออกมาจากปากของเธอช้าๆ
ตอนนั้นในฐานะคนดู รู้สึกแปลกใจมาก แต่โจวเจ๋อก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องสัมผัสสักครั้ง
ทว่าตอนนี้โจวเจ๋อก็ไม่มีวิธีอื่น เขาไม่ได้พกสมุดหยินหยางติดตัวมาด้วย เพราะเจ้าสิ่งนั้นเมื่อเจอคนตายก็จะสั่นไม่หยุดจนทำให้คนเสียสมาธิ
อ้อใช่ เขายังมีแหวนสัมฤทธิ์วงหนึ่ง แต่แหวนวงนั้นใช้ทำอะไรกันแน่โจวเจ๋อก็ไม่แน่ใจ แหวนอยู่กับตัวของเขา แต่ถ้าหากตัวเขาใส่เข้าไปแล้วมันทำให้ตัวเขาต้องตาย แบบนั้นจะไปร้องไห้กับใครได้
เขาสูดลมหายใจลึกๆ สูดเข้าไปลึกๆ ไม่หยุด
สิ่งที่ลื่นไหลอยู่ในหูยังดันเข้าไปข้างในไม่หยุด คันมากจนแทบจะทนไม่ไหว
โจวเจ๋อจึงเอียงหน้า แล้วใช้ไหล่กับแขนกดหูของตัวเอง หวังว่าเจ้าสิ่งนั้นจะออกมา
ตอนนี้โจวเจ๋อฉุกคิดได้ว่า กระเป๋าด้านซ้ายมือของตัวเองเหมือนจะมีสมุดยมทูตสองเล่ม ต้องเดิมพันแล้ว!
โจวเจ๋อยกสองมือขึ้นมาจากพื้น แล้วหยิบสมุดยมทูตเล่มหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว อาศัยจังหวะตอนที่งูตัวเล็กที่อยู่รอบๆ ยังไม่ได้กรูกันเข้ามา โจวเจ๋อใช้เล็บที่มีคราบเลือดติดขูดไปที่สมุดยมทูตอย่างแรง สมุดยมทูตมีควันสีเขียวลอยขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นสมุดยมทูตเล่มนี้ก็เริ่มแตกออก เริ่มพังอย่างเห็นได้ชัด
แต่ควันสีเขียวยังคงลอยอยู่ เหมือนกับฟืนที่ถูกจุดไฟอย่างไรอย่างนั้น
‘ฟึ่บ!’ โจวเจ๋อโยนสมุดยมทูตออกไปข้างนอก
งูตัวเล็กจำนวนมากทิ้งโจวเจ๋อในพริบตา แล้วพุ่งไปที่สมุดยมทูตที่อยู่ข้างนอกทันที
ดูเหมือนจะเป็นเพราะอนาคอนดาตัวนั้นแยกร่างเยอะเกินไป ทำให้ความฉลาดของแต่ละตัวถูกเฉลี่ย โจวเจ๋อรู้สึกว่าเมื่อครู่ตัวเองเหมือนกำลังเล่นจานร่อนกับสุนัขก็ไม่ปาน
ครอบครัวนั้นที่เพิ่งจะขึ้นไปข้างบนก็พุ่งลงมาเหมือนคนบ้า วิ่งเข้าไปในฝูงงูที่อยู่ข้างนอก เห็นได้ชัดว่าตอนที่สมุดยมทูตกำลังเผาไหม้ส่งกลิ่นหอมแปลกประหลาดออกมา สำหรับผีนั้น มีเสน่ห์ดึงดูดที่แข็งแกร่งจริงๆ!
แต่โจวเจ๋อก็ไม่ได้ผ่อนคลายหรือพักหายใจทันที เขายื่นมือไปจับภาพวาดรูปนั้น แล้วใช้เล็บกรีดออกอย่างไม่ลังเลเสียง ‘แควก’ ดังกังวาน ภาพวาดฉีกขาด พวกงูตัวเล็กที่อยู่ทั้งในบ้านและนอกบ้านเริ่มระเหยไปอย่างช้าๆ คนทั้งครอบครัวก็เริ่มละลายช้าๆ เช่นกัน
‘ปัง!’ ลมหยินพัดมาพักหนึ่ง ประตูห้องรับแขกถูกปิด ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง
‘ฮู้ๆ…ฮู้ๆ…’ โจวเจ๋อคุกเข่าลงกับพื้น เหนื่อยจริงๆ เขาเหนื่อยล้าไปหมดทั้งตัว แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร เถ้าแก่โจวรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกดีกับตัวเองเป็นอย่างมาก
‘ปัง!’
‘ปัง!’
ข้างนอกเหมือนมีลมพัดอีกแล้ว สายลมพัดวงกบประตูกระทบกันไม่หยุด ตอนแรกโจวเจ๋อคิดว่าไม่มีอะไร แต่ไม่ช้าโจวเจ๋อก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว พื้นยังคงสั่นและเอียงอย่างต่อเนื่อง
โจวเจ๋อพยายามใช้แรงฮึดสุดท้ายยันกำแพงลุกขึ้นมา เดินโซเซไปที่ข้างประตู เหยียดแขนผลักประตูห้องรับแขกออก ด้านนอกกลับมีทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาปรากฏออกมา!
…………………………………………………………………………