ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 157 เถ้าแก่โจว
ตอนที่ 157 เถ้าแก่โจว
ตอนนี้สวี่ชิงหล่างรู้สึกชาที่หนังศีรษะ เขาเคยเห็นผีมาไม่น้อย สำหรับผีเขากลับไม่กลัว แต่ผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ตรงหน้า และยังเป็นคนที่เพิ่งจะผ่านการเริงรมย์กับเขาไปเมื่อครู่นี้ กลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ผู้หญิงเหลือบตามองเขาหนึ่งที เห็นท่าทางตื่นตระหนกของเขา เธอยิ่งรู้สึกสนุกเข้าไปอีก จึงยื่นมือแตะคางของเขาเบาๆ
“น่ารักจริงๆ เหมือนกับนกกระทาน้อยที่ต้องการความรัก”
นิ้วมือของผู้หญิงเย็นอยู่บ้าง สวี่ชิงหล่างตัวสั่นระริก รีบใส่เสื้อผ้าลงจากเตียงโดยไม่กล้ามองผู้หญิงแม้แต่นิดเดียวเงินถูกทิ้งไว้บนเตียง เขาไม่เก็บเงิน แต่เปิดประตูแล้ววิ่งออกไปเลย
เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วที่ตื่นมาพบเงินสามพันหยวนวางอยู่บนตู้ข้างเตียง สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเหมือนจะล้มเหลวกว่าครั้งที่แล้ว
เขางุนงง หลังจากออกมาจากโรงแรม เขาจึงนั่งอยู่บนขอบฟุตบาท แล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน
ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาทางประสาทเหรอ แต่ถ้าไม่มองข้อมือที่มีรอยแผลเต็มไปหมด เธอก็สวยมากจริงๆ ดูเหมือนว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีสิ่งใดที่สวยสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง สวรรค์มักจะคุ้นชินกับการสร้างสิ่งที่สวยงามให้มาพร้อมกับข้อบกพร่องเสมอ ราวกับว่านี่คือสุนทรียภาพที่เหมาะสมกับสวรรค์
สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงที่สวยมากยอมเป็นคู่นอนกับคุณและยังให้เงินคุณ แถมมีเทคนิคเรื่องบนเตียงสูงแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
จริงๆ แล้ว ก่อนหน้านั้นสวี่ชิงหล่างก็เคยมีความคิดเหล่านี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เป็นความสุขแค่ชั่วยามที่ไม่ต้องกังวล ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตของตัวเอง มากพอที่จะทำให้ตัวเองลดการป้องกันตัว ยินดีที่จะถลำตัวเข้าไปด้วยความสมัครใจ
สวี่ชิงหล่างยื่นมือจับผมด้วยความเจ็บปวดอยู่บ้าง
เวลานี้รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งปรากฏอยู่ข้างหลังสวี่ชิงหล่าง สวี่ชิงหล่างหันไปแล้วจึงเห็นผู้หญิงคนนี้
ผู้หญิงยังสูบบุหรี่อยู่ ข้อมือถูกปิดด้วยแขนเสื้อ มองไม่เห็นความผิดปกติอะไร เธอโน้มตัวมองสวี่ชิงหล่าง หน้าอกที่เว้าลึกจนยากที่จะคาดเดานั่น มากพอที่จะทำให้ลูกตาของผู้ชายส่วนใหญ่ลุ่มหลงยากที่จะถอนตัว
“น้องชาย ตกใจพี่สาวเหรอ”
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า ไม่มองเธอ แล้วสูบบุหรี่ของตัวเองต่อ
“อย่างนั้นฉันกลับแล้วนะ คราวหน้าอารมณ์ไม่ดีก็นัดอีกนะ อ้อใช่ นี่คือเงินของคุณ”
ผู้หญิงหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า
“ผมไม่ต้องการ ผมไม่ได้ขาดเงิน”
ผู้หญิงตกตะลึงเล็กน้อย ราวกับเห็นเด็กดื้อคนหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “บังเอิญจริง ฉันก็ไม่ขาดเงิน”
‘พึ่บ!’
ผู้หญิงเอาเงินสองสามหมื่นหยวนที่อยู่ในมือโยนขึ้นกลางอากาศทันที เงินเริ่มลอยไปมา ดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปมามากมาย จากนั้นเธอก็นั่งรถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆ แล้วขับออกไป
สวี่ชิงหล่างนั่งอยู่ท่ามกลางเงินที่ลอยไปมา นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากหนึ่งในภาพยนตร์ ‘คนตัดคน’ ที่ตัวเองดูตอนวัยเด็ก โยนเงินอย่างนี้เช่นกัน จากนั้นพี่โจวเหวินฟะกับผู้หญิงก็เริงระบำอยู่ท่ามกลางเงินที่ร่วงลงมาเหมือนสายฝน
สวี่ชิงหล่างสูดจมูกแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น เขาเดินออกไปสองสามก้าว จากนั้นก็หยุดเดิน หันกลับมามองเงินที่กองอยู่บนพื้น เหอะ ฉันขาดเงินเหรอ เขาหันกลับไปแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
คราวนี้คนสัญจรไปมาสองสามคนเห็นสวี่ชิงหล่างเดินออกไปแล้ว จึงขยับเข้าไปใกล้เพื่อเก็บเงินเมื่อรู้ตัว
สวี่ชิงหล่างหยุดเดินอีกครั้ง แล้วรีบเดินกลับมาที่เดิม “ฉันไม่ขาดเงิน แต่หมอนั่นต้องการ ถ้าหากเขารู้ว่าฉันไม่ยอมก้มเก็บเงินเพื่อรักษาหน้าตาละก็ คงจะต้องด่าฉันแน่นอน!”
…
‘ฮัดเช้ย!’ ภายในร้านหนังสือ เถ้าแก่โจวที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามดึกจามเสียงดังมาก
“เถ้าแก่ ท่านเป็นหวัดเหรอ” ไป๋อิงอิงถามอย่างใส่ใจ
“อืม น่าจะมีใครคิดถึงเขาหรือเปล่า” นักพรตเฒ่าลองนับนิ้วคำนวณ “เหอะๆๆ น่าจะใช่”
“พื้นสกปรกเล็กน้อย ต้องถูอีกรอบ” โจวเจ๋อพูดช้าๆ
นักพรตเฒ่าหน้าคว่ำทันที จากนั้นก็ไปหยิบไม้ถูพื้นด้วยความขมขื่นแล้วเริ่มทำความสะอาด
ตอนนี้มีรถพอร์เชอคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ ผู้หญิงแต่งตัวดูดีคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอมีอายุประมาณสามสิบกว่า แสดงความสุภาพและสง่างามออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ว้าว สวยจัง สวยบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว” ไป๋อิงอิงอุทานออกมา
นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เพราะผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ เป็นประเภทที่ยิ่งมองก็ยิ่งมีเสน่ห์
“ยังไม่ได้เช็ดน้ำค้างบนดอกบัวเลย” โจวเจ๋อหัวเราะ
ใบหน้าของผู้หญิงมีความอ่อนเยาว์ ดวงตาสดใส ความรู้สึกสดชื่นมีพลังแผ่กระจายออกมาจากตัวของเธอเหมือนกับแผ่นดินที่เพิ่งได้รับความชุ่มชื้นจากสายฝนฤดูใบไม้ผลิ สดชื่นมีชีวิตชีวา
“ใครเป็นเถ้าแก่คะ” ผู้หญิงมองไปรอบๆ แล้วถาม
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ใครเป็นเถ้าแก่ สาวน้อยวัยมัธยมปลายที่กำลังถือถ้วยกาแฟอยู่ข้างๆ คนนี้คือเถ้าแก่ หรือว่าชายชราที่กำลังใช้ไม้ถูกพื้นถูพื้นอยู่จะเป็นเถ้าแก่ ในร้านมีอยู่สามคน ใครเป็นเถ้าแก่ คุณตาบอดเหรอ
โจวเจ๋อเบะปาก ไม่สนใจเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็คือคนเป็น ไม่ใช่ผีเสียหน่อย
ผลปรากฏว่าไม่มีใครสนใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ
ไป๋อิงอิงเก็บกวาดเคาน์เตอร์ นักพรตเฒ่าถูพื้นต่อไป โจวเจ๋อนอนพักอยู่บนโซฟาต่อ
“ฉันมีธุระมาหาเถ้าแก่ของพวกคุณ หวังเคอแนะนำฉันมาค่ะ” พอพูดถึงหวังเคอ โจวเจ๋อจึงค่อยๆ นั่งตัวตรง
ผู้หญิงมองไปทางโจวเจ๋อ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามโจวเจ๋อ แล้วพูดโดยตรง
“สามีของฉันช่วงนี้มีปัญหาทางจิต มักจะรู้สึกว่าตัวเองเจอผีตลอด ฉันเชิญหมอหวังไปดูอาการแล้ว หมอหวังแนะนำฉันให้มาหาคุณที่นี่ค่ะ เขาบอกว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้”
โจวเจ๋อไม่ตอบผู้หญิงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเตรียมตัวจะด่าหวังเคอสักหน่อย ตอนแรกพูดกันดิบดีว่าจะไม่หาเรื่องมาให้เขา ผลสรุปกลับหาเรื่องยุ่งมาให้เขาจนได้ สัญญาคราวก่อนไร้ประโยชน์เหรอ
สำหรับการช่วยเหลือและเป็นห่วงเพื่อน ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน อย่างไรก็ตามโจวเจ๋อไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหลยเฟิงที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เขายังไม่ทันโทรศัพท์ ก็ถูกผู้หญิงโยนบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งมาที่โต๊ะน้ำชาแล้ว
“ในบัตรนี้มีเงินหนึ่งล้าน รหัสคือศูนย์ศูนย์สามศูนย์ศูนย์สาม”
ขั้นตอนการโทรไปถามเอาผิดกับหวังของโจวเจ๋อถูกตัดบท โจวเจ๋อรู้สึกโกรธมาก ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังโทรศัพท์อยู่
คุณโยนบัตรเอทีเอ็มมาบนโต๊ะน้ำชา แล้วพูดว่าในนี้มีเงินหนึ่งล้านแถมบอกรหัสด้วยหมายความว่าอย่างไร
คุณไม่รู้เหรอว่าสาวใช้ของฉันแค่เอาสมบัติที่ฝังไว้กับศพออกมาชิ้นหนึ่งก็ได้หลายแสนแล้ว
คุณไม่รู้เหรอว่านักพรตเฒ่าที่ถูพื้นของฉันแค่ไลฟ์สดขายเงินกระดาษสองสามนาทีก็มีรายได้เต็มกระเป๋า
คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อครัวของฉันมีห้องชุดมากกว่ายี่สิบห้อง
โจวเจ๋อวางโทรศัพท์ลง ยื่นมือไปหยิบบัตร เฮ้อ ตัวเองเป็นคนดีเกินไปแล้ว ให้ความสำคัญกับมิตรภาพฉันเพื่อนมากเกินไป เรื่องของเพื่อน ตัวเองก็ต้องช่วยสิ
“นี่เป็นเงินมัดจำ” ผู้หญิงพูดเสริม
มือของโจวเจ๋อสั่นเล็กน้อย เฮ้อ แผลยังไม่หายดี ร่างกายจึงอ่อนแอเล็กน้อย มือที่หยิบบัตรใบเล็กๆ จึงเริ่มสั่น
“อิงอิง แขกมา ทำไมไม่เอากาแฟมาเสิร์ฟ” โจวเจ๋อตะโกนไปที่เคาน์เตอร์อย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“มาแล้วเจ้าค่ะ!”
ไป๋อิงอิงยกกาแฟเข้ามา ผู้หญิงมองโจวเจ๋ออย่างเงียบๆ เธอชอบความรู้สึกที่ใช้เงินเพื่อให้คนอื่นยอมจำนนเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นบนเตียง หรือลงจากเตียง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เงินที่อยู่ในมือของเธอล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น
“ลองเล่าสถานการณ์ของคุณมา สามีของคุณอายุเท่าไร” โจวเจ๋อถาม
“เขาปีนี้เก้าสิบสาม” ผู้หญิงตอบ
โจวเจ๋อมองผู้หญิงมากกว่าครั้งด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
“ใช่ ฉันสนใจเงินและทรัพย์สินของเขาถึงได้ตกลงอยู่กินกับเขา จากนั้นฉันก็พูดกับเขาว่าพวกเราคือรักแท้ ตาเฒ่าจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง เลยเชื่อค่ะ” ผู้หญิงยังคงพูดอย่างเงียบสงบ
“ขอบคุณการเปิดเผยอย่างจริงใจของคุณ”
“ถึงฉันไม่เปิดเผย คุณก็จะคิดไปทางนั้นอยู่ดี” ผู้หญิงยกถ้วยกาแฟขึ้นมาแล้วดื่มหนึ่งที พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ได้ใส่น้ำตาล”
“ผมไม่ชอบใส่น้ำตาลครับ” โจวเจ๋อพูด
ผู้หญิงวางถ้วยกาแฟลง “อย่างไรก็ตาม คุณมีเวลาเมื่อไร ก็สามารถไปดูสามีของฉันที่บ้านของฉันได้ ช่วงนี้เขากลัวผีมาก รบกวนการใช้ชีวิตปกติระหว่างสามีภรรยาเป็นอย่างมาก”
‘พรวด…’
โจวเจ๋อสำลักกาแฟ
ไป๋อิงอิงหยิบกระดาษทิชชูเช็ดปากให้เถ้าแก่อย่างใส่ใจ จากนั้นจึงถอยออกไป
“ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ ผมรู้สึกว่าคุณน่าจะอยากให้เขาตายถึงจะถูก”
“ค่ะ เดิมทีเขาใกล้ตายแล้ว นอนอยู่บนเตียงแทบจะไม่ลงจากเตียงเลย แต่ตอนที่เขาเริ่มพูดว่าเห็นผี สติของเขาเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน” ผู้หญิงพูดต่อด้วยความกลัดกลุ้ม
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคิดว่าเขาคงยังไม่ตายชั่วคราว ที่ฉันพูดคือ ตายแบบธรรมชาติ”
“ผมเข้าใจครับ จากนั้นล่ะ คุณต้องการจ้างผมเพราะอะไร”
“แก้ไขสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ฉันไม่สนว่าเขาเป็นเพราะแก่สติเลอะเลือนหรือว่ามีผีตามรังควานเขา ฉันอยากให้เขากลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็นอนอยู่บนเตียงรอความตายอย่างเงียบๆ อยู่แบบนั้น”
“โอเค ผมเห็นด้วย ผมจะพยายามรักษาอาการป่วยของสามีของคุณครับ”
ผู้หญิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“แอ๊บจริงๆ”
“อ้อใช่ สามีของคุณเคยพูดไหมว่าผีที่อยู่กับเขาเป็นใคร ผมหมายถึง ผีที่ตามรังควานเขา มีฐานะเป็นอะไร เขารู้จักหรือเปล่า”
“ภรรยาคนก่อนของเขา ลูกชายของเขา ลูกสาวของเขา หลานชายของเขา หลานสาวของเขา รวมทั้งเหลนชายและเหลนสาวของเขา”
ผู้หญิงแบมือนับนิ้ว “เยอะมากจริงๆ”
“ขอโทษนะครับ พวกเขาไม่อยู่แล้วเหรอ”
“เมื่อห้าปีก่อน พวกเขาทั้งครอบครัวไปจัดงานเลี้ยงบนเรือสำราญ จากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุ เรือสำราญจมน้ำ บนเรือไม่มีใครรอดสักคน ทั้งครอบครัวยกเว้นเขาคนเดียวที่วันนั้นคุยธุรกิจอยู่บนฝั่ง นอกนั้นตายหมด”
“อ้อ” โจวเจ๋อฟังแล้วจึงพยักหน้า
ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ชายชราคนนั้นอาจจะถูกวิญญาณตามรังควาน หรือไม่ก็มีปัญหาจากแรงกดดันจนกระทบจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง
“แล้วคุณกับเขาแต่งงานกันนานหรือยังครับ”
“ห้าปีแล้วค่ะ” ผู้หญิงยังคงตอบอย่างเงียบสงบ
โจวเจ๋อไม่ได้ถามต่อ แต่กลับลองชั่งน้ำหนักบัตรที่อยู่ในมือ นี่คือบ่อโคลน ไม่สิ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นบ่ออุจจาระ หากตัวเองเดินเข้าไป รังแต่จะทำให้ตัวเองสกปรก อย่างน้อยก็จะทำให้ตัวเองได้กลิ่นเหม็น
“เงินมัดจำหนึ่งล้าน หลังจากเสร็จงานแล้วจะให้ห้าล้าน” ผู้หญิงมองโจวเจ๋อ และใช้นิ้วมือที่เนียนนุ่มสัมผัสหลังมือของโจวเจ๋อเบาๆ
ไป๋อิงอิงยิ้มมุมปากมองอยู่ข้างๆ อายุมากแล้ว ยังคิดจะอ่อยผู้ชายอีก!
อิงอิงกลับไม่เคยคิดว่า เรื่องอายุ หากเอาอายุของคนอื่นในร้านหนังสือรวมทั้งนักพรตเฒ่ามารวมกัน ยังไม่มีใครอายุมากเท่านางสักคน
“บวกเพิ่มคุณกับฉันนอนด้วยกันสามครั้ง” ผู้หญิงพูดเสริม
ไป๋อิงอิงมีสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
แรด!
ร่าน!
โจวเจ๋อขยับมือของผู้หญิงคนนั้นออกด้วยสีหน้านิ่ง แล้วเอ่ยว่า “ยกเลิกเงื่อนไขสุดท้าย แล้วเปลี่ยนเป็นแปดล้านดีไหมครับ”
…………………………………………………………………………