ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 155 มีอะไร!
ตอนที่ 155 มีอะไร!
สุดท้ายโจวเจ๋อก็ออกมาจากห้องของชายชรา เขาไม่ได้พูดอะไรเลย และได้แต่แอบเลื่อมใสชายชราอยู่ในใจที่มีดวงเศรษฐีมาตั้งแต่เกิดอย่างแท้จริง อยู่กับวิญญาณที่ตายไปแล้วหลายสิบตน แต่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่ได้รับผลกระทบอะไรยังไม่เท่าไร แม้แต่เรื่องโชคลาภก็ดีมาตลอด ดวงชะตาแบบนี้ อิจฉาไม่ได้จริงๆ
โจวเจ๋อก็ไม่ได้ถามวิญญาณทหารเหล่านั้นว่ายินดีจะลงนรกไหม หรือบางทีการยึดติดของพวกเขาอาจจะเป็นเพราะชายชรายังมีชีวิตอยู่ และชายชราก็ยินดีที่จะจุดธูปถวายเครื่องเซ่นให้พวกเขา บวกกับความสัมพันธ์ของสหายร่วมรบในอดีต ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวที่บ้านของชายชรา ทุกคืนตอนที่ชายชรานอนหลับ ทุกคนก็จะมาดื่มเหล้าพูดคุยกันไม่หยุด
ชีวิตที่สบายและเงียบสงบขนาดนี้ ทั้งยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อคนรอบข้าง ในฐานะยมทูตนั้นสามารถปล่อยพวกเขาได้
คาดว่าคงรอให้ชายชราชีวิตดับสิ้นในวัยชรา และวิญญาณของเขาได้เข้ามาอยู่กับสหายร่วมรบของตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว ถึงตอนนั้นทุกคนคงจะไปลงนรกพร้อมกัน จะได้ไม่เหงาบนเส้นทางสู่นรก
ก็เหมือนกับเดินทางสู้รบไปทั่วทุกสารทิศในอดีต ทุกคนอยู่ด้วยกันก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตลอดเส้นทางนี้ เดินตามธงแดงไปก็พอแล้ว
ถ้าหากโจวเจ๋อฝืนบังคับจะเก็บวิญญาณทหารพวกนี้ ชายชราก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และเกือบจะตัดขาดชีวิตความเป็นอยู่แต่เดิมของชายชราอย่างสิ้นเชิง โจวเจ๋อเป็นห่วงจริงๆ ว่าชายชราอาจจะเป็นอะไรไปเพราะเหตุนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยชายชราก็ได้ช่วยเหลือเขาจากใจจริง ถ้าเขาไปทำร้ายชายชรา ก็คงไม่ดีเท่าไร
แต่เพราะการเข้ามาแทรกของโจวเจ๋อ การชุมนุมในห้องของชายชราในคืนนี้จึงจบเร็วมาก และไม่ได้ยินเสียงอะไรดังมากจากห้องข้างๆ อีก
บางทีวิญญาณทหารพวกนั้นก็คงรู้แก่ใจดีว่า พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้หรือไม่ จริงๆ แล้วล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของโจวเจ๋อเท่านั้น
หลังจากกลับเข้ามาในห้อง หมอหลินช่วยพาโจวเจ๋อไปนอนบนเตียงอีกครั้ง แล้วเธอก็นอนตะแคงข้างมองโจวเจ๋อคืนนี้เกิดเรื่องราวพลิกผันพอสมควร โจวเจ๋อเดิมทีก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว หมอหลินเองก็นอนหลับไม่ค่อยสนิท
โจวเจ๋อยื่นมือจับเส้นผมของเธอแล้วถูไปมาเบาๆ เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกแบบนี้
ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกแบบครอบครัว แบบคนรัก หรือความรับผิดชอบใดๆ ขอเพียงเป็นผู้ชายที่ปกติหน่อยหากมีผู้หญิงสวยนอนอยู่ข้างๆ ถึงแม้คุณจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม ก็ยังรู้สึกมีความสุขอยู่ดี
“ประสบการณ์สองวันที่ผ่านมา เยอะแยะมากมายจริงๆ” หมอหลินเอ่ย
โจวเจ๋อพยักหน้า สำหรับคนธรรมดาคนหนึ่ง ต้องยอมรับว่าสามีของตัวเองถูกยืมศพคืนชีพก็ยากพอแล้วขณะเดียวกันยังต้องเจอเรื่องผีประหลาดอีกเป็นแพ ยังดีที่หมอหลินเป็นคนเข็มแข็งมาก
“ฉันจะมองเห็นสิ่งเหล่านั้นตลอดไหม” หมอหลินถาม
“ไม่ครับ แค่สองวันก็ดีขึ้นแล้ว พอกลับไปแล้วคุณก็ลาหยุดพักผ่อนสักพักหนึ่ง”
หมอหลินพยักหน้า เธอเชื่อฟังเป็นอย่างดีเสมอ
“ช่วงนี้คุณสบายดีไหม”
“สบายดีครับ” โจวเจ๋อตอบ
“งั้นก็ดี”
หมอหลินแอบอิงอยู่ข้างกายโจวเจ๋อ แล้วหลับตาอย่างช้าๆ ดูเหมือนเธอจะนอนหลับแล้ว
โจวเจ๋อยังคงนอนไม่หลับ เขาจึงหยิบสมุดยมทูตสองเล่มนั้นออกมา หนังสือรับรองสองเล่มนี้เริ่มมีสีขาวซีด ทั้งยังมีรอยพับที่ชัดเจนมาก ซึ่งหมายความว่าพวกมันสามารถยอมรับ ‘เจ้านาย’ ได้อีกแค่หนึ่งครั้ง
มีสมุดสองเล่มนี้ เท่ากับมีตำแหน่งงานรอการบรรจุสองตำแหน่งอยู่ในมือ ในโลกมนุษย์ คนที่ได้รับการบรรจุสามารถเดินเชิดหน้าได้เลย ส่วนในยมโลก จริงๆ แล้วเจ้าสองอย่างนี้เป็นที่ต้องการมาก
แต่โจวเจ๋อยังไม่ได้คิดว่าจะใช้สิ่งเหล่านี้อย่างไร เดิมทีเขาอยากจะหาผู้สืบทอดสองคนจากวิญญาณทหารหลายสิบคนนี้ แต่พอคิดดูแล้วดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
ใช่ว่าโจวเจ๋อจะมีระดับความสะอาดทางจิตใจสูงอะไร แต่เป็นเพราะเงื่อนไขของคนที่จะมารับช่วงต่อของยมทูตมีความเข้มงวดมากจริงๆ จำเป็นต้องเป็นวิญญาณที่มีกายเนื้อ
วิญญาณทั่วไปถึงแม้จะจะสามารถสิงร่างได้ แต่ก็ไม่ใช่การ ‘ยืมศพคืนชีพ’ อย่างแท้จริง จึงไม่เข้ากับเงื่อนไข
ดังนั้นคนที่สามารถสืบทอดต่อได้อย่างแท้จริงจึงต้องเป็นคนอย่างตัวเขาเอง ถังซือ รวมทั้งเหลียงชวนที่เป็นผู้หลบหนีออกมาจากนรกเท่านั้น และการใช้งานสมุดเหล่านี้ก็ไม่สามารถถ่ายทอดวิชาหรือพลังอะไรให้คุณได้ ในความเป็นจริงนั้น มันมีผลแค่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น
มันเป็นตัวประดับที่เพิ่มความสวยงามได้ ช่วยทำให้ฐานะของคุณขาวสะอาดขึ้นเท่านั้นเอง
ก็เหมือนกับโจรท้องถิ่นที่หลบหนีเข้าป่าหลังจากมีอำนาจมากก็ได้รับการเกลี้ยกล่อมจากราชสำนักว่าจะให้เป็นข้าราชการ ชาวบ้านคนธรรมดาอย่างคุณไม่สามารถได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และด้วยเหตุนี้ สมุดสองเล่มนี้จริงๆ แล้วจึงเหมือนซี่โครงไก่ ไร้รสชาติแต่จะทิ้งก็เสียดาย
ถ้าจะตามหาคนที่หลบหนีออกมาจากนรกได้เป็นเรื่องที่ยากมาก ถังซือเคยพูดว่า เธอใช้เวลาตามหาในโลกมนุษย์ครึ่งปีถึงได้เจอเหลียงชวน จากนั้นจึงมาเจอโจวเจ๋อ และทุกวันนี้ หากนับรวมจริงๆ แล้วก็มีแค่สามคนเท่านั้น
ปลายเล็บของโจวเจ๋อขูดอยู่บนสมุดยมทูต ทันใดนั้นโจวเจ๋อพบว่าสมุดยมทูตเกิดควันสีฟ้ากระจายออกมากลุ่มหนึ่งภายใต้การกระตุ้นด้วยเล็บของตัวเอง
กลิ่นควันนี้หอมสดชื่นพอสมควร จากนั้นโจวเจ๋อจึงเห็นสมุดเล่มนี้ชำรุดเสียหายมากกว่าก่อนหน้านี้ เขาจึงหยุดทำทันที เพราะมันสิ้นเปลืองจริงๆ สิ้นเปลืองกว่าสูบซิการ์หรูเสียอีก
โจวเจ๋อวางสมุดลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา กะว่าจะทนผ่านคืนนี้ไปให้ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ให้หมอหลินขับรถไปส่งตัวเองกลับร้านหนังสือที่ทงเฉิง เรื่องของนักพรตเฒ่าพวกสวี่ชิงหล่างน่าจะแก้ปัญหาได้แล้ว คาดว่าน่าจะต้องเผาเงินกระดาษอีกกองใหญ่
แต่นักพรตเฒ่าจะกลับมาหรือไม่กลับมาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่สำคัญกว่าคือต้องตามหาเจ้าลิงตัวนั้นให้เจอ และไม่ช้าโจวเจ๋อก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ‘เล็กๆ น้อยๆ’ ที่ดังมาจากข้างกำแพงของลานบ้าน เหมือนมีอะไรบางสิ่งกำลังปีนข้ามกำแพง
เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ปีนข้ามกำแพงเหมือนจะมีเยอะมาก จากนั้นเสียงนี้ก็ปลุกหมอหลินให้ตื่นขึ้น
การนอนหลับของหมอหลินในคืนนี้น่าเป็นห่วง ทุกครั้งที่เพิ่งจะหลับได้สักพักหนึ่งก็ต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
ก็เหมือนกับคนที่มีเนตรหยินหยางที่มักจะมีปัญหายุ่งยากในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่บ้าง ตอนที่คุณสามารถสัมผัสสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากจริงๆ
สภาพของหมอหลินน่าจะเป็นแบบนี้อีกหนึ่งหรือสองวัน รอให้ ‘สนามแม่เหล็ก’ ที่ตัวกระจายออกไปแล้วจึงจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ และยังต้องระวังอย่าให้ตัวเย็น ไม่อย่างนั้นจะไม่สบายได้ง่าย
“ข้างนอกมีเสียง?” หมอหลินถามโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า
หมอหลินคิดว่าก่อนหน้านั้นเป็นเสียง ‘เอะอะ’ ของคนที่อยู่ห้องข้างๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องโทษความมือบอนของโจวเจ๋อเมื่อครู่ ที่ทำให้สมุดยมทูตส่งกลิ่นหอมออกมาแลกกับความเสียหายของสมุด และความหอมประเภทนี้ไม่ได้มีเพียงโจวเจ๋อเท่านั้นที่รู้สึกว่าหอม แต่ยังดึงดูดวิญญาณผีเร่ร่อนที่อยู่บริเวณนี้ให้เข้ามาใกล้ๆ
นี่คือผลงาน โจวเจ๋ออยากจะลุกขึ้น แล้วไปเก็บพัสดุด่วนที่อยู่ข้างนอกจริงๆ
แต่ในเวลานี้ชายชราที่อยู่ในห้องข้างๆ ได้ออกมาอีกแล้ว ดูเหมือนจะไปที่ห้องน้ำนั่น อายุมากแล้ว ท่อน้ำเป็นสนิมง่าย การรั่วไหลจึงพบเห็นได้บ่อย
นี่ทำให้โจวเจ๋อเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นวิญญาณเร่ร่อนมากสุดก็เป็นแค่แมวเล็กๆ สองสามตัวไม่มีพิษสงอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรชายชราก็อายุมากแล้ว ถ้าหากโดนผลกระทบอะไรอาจจะมีผลเสียที่ค่อนข้างรุนแรง
ถ้าหากชายชราอยู่ในห้องตลอด มีสหายร่วมรบกลุ่มนั้นคอยปกป้องดูแลก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้เขากลับเดินออกมา และมีความน่าจะเป็นว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นแน่นอน
วิญญาณทหารกับวิญญาณทั่วไปมีความแตกต่างกันมาก ขอบเขตการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่เยอะเลยจริงๆและยังรักษา ‘วินัย’ ของตัวเองเป็นอย่างมาก ข้อจำกัดของพวกเขาในโลกใบนี้ จริงๆ แล้วเข้มงวดมากกว่าวิญญาณอย่างอื่นมาก
ในความเป็นจริง ในฐานะยมทูตผู้รักษากฎระเบียบ สามารถผ่อนปรนการเร่ร่อนหรือการก่อเรื่องเล็กๆ ของวิญญาณสัมภเวสีทั่วไปได้ แต่ถ้าหากคุณอยากจะร่วมทีมก่อเรื่อง อย่างนั้นต้องขอโทษด้วย ยมทูตไม่ได้กินหญ้า
และก่อนหน้านี้ตอนที่โจวเจ๋อเข้ามาในลานบ้าน ก็สัมผัสไม่ได้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณทหาร จนกระทั่งเข้าไปในห้องของชายชรา ตอนที่ชายชราเปิดผ้าม่านถึงได้เห็นคนนั่งอยู่เต็มห้อง ซึ่งหมายความว่าวิญญาณทหารกลุ่มนี้สามารถเคลื่อนไหวได้จำกัดแค่ในพื้นที่ห้องนี้เท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไร ตัวเองเป็นคนเรียกผีเข้ามาเอง ดังนั้นจะให้ชายชราช่วยออกหน้าแทนตัวเองไม่ได้
“ประคองผมขึ้นมาหน่อยครับ” โจวเจ๋อพูด
หมอหลินประคองโจวเจ๋อลงมาจากเตียง
ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก เหมือนเป็นผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่ง
“ห้องทางซ้ายมีคนเยอะ ท่าทางดุทั้งนั้น” ผู้หญิงเอ่ย
“ใช่ แต่พวกเขาออกมาไม่ได้ ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่” ผีผู้ชายพูด
“ในห้องทางขวาเหมือนกับพวกเรา เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ดูเหมือนผู้ชายจะบาดเจ็บ” ผู้หญิงพูดอีก
หมอหลินก็ได้ยินบทสนทนาเช่นกัน จึงมองโจวเจ๋อด้วยความกังวล
โจวเจ๋อกลับไม่กังวลอะไร เขาอยากจะให้อีกฝ่ายพุ่งมาหาตัวเองจริงๆ จะได้ประหยัดเวลาให้ตัวเองไม่ต้องวิ่งออกไป
“ไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวกว่าคนทั้งหมดที่อยู่ในห้องด้านซ้าย เขาทำให้ผมรู้สึกหนังศีรษะชา อย่าไปหาเรื่องเขา”
หมอหลินมองโจวเจ๋ออย่างแปลกใจอยู่บ้าง โจวเจ๋อเงยหน้าเล็กน้อย ให้ความร่วมมือกับผู้ชายและผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าแฟนของตัวเอง นี่คือผีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เต๊ะท่าทำเป็นอวดเก่ง
“ทางซ้ายไปไม่ได้ ทางขวาก็ไปไม่ได้ อย่างนั้นกลิ่นหอมนั่นลอยมาจากทางไหนกันแน่ มีแต่ชายแก่ที่อยู่ตรงห้องน้ำอย่างเดียวแล้ว บางทีอาจเป็นเขา” ผู้หญิงพูดพึมพำ
“ต้องไปเสี่ยงโชคที่เขาแล้ว เรือนสี่ประสานแห่งนี้ อัปมงคลเกินไป แรงกว่าหลุมศพตรงนั้นของพวกเราเสียอีก”
ผีผู้ชายกับผีผู้หญิงสองตนนั้นเหมือนจะมีความคิดตรงกัน คิดจะลงมือกับชายชรา
จริงๆ แล้วโจวเจ๋อประเมินความสามารถในการดึงดูดผีของกลิ่นหอมนี้ต่ำเกินไป ผีผู้ชายกับผีผู้หญิงคู่นี้เห็นได้ชัดว่ากลายเป็นวิญญาณร้ายมาหลายปีแล้ว จนใกล้จะเป็นปีศาจแล้ว
มีคำกล่าวว่าภูตผีปีศาจ นี่ไม่ใช่คำบรรยายเฉยๆ เท่านั้น ความจริงแล้วเป็นคำชนิดหนึ่ง ตัวตนใดๆ ก็ตามเมื่อฝึกมาถึงระดับหนึ่งสามารถกลายเป็นปีศาจได้
ชายชราดื่มเหล้าจึงมึนเล็กน้อย ใช้มือจับท่อน้ำของตัวเองแต่จับเท่าไรก็ไม่โดน รำคาญใจมาก
ผีผู้ชายกับผีผู้หญิงสองตนนั้นพุ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที ซึ่งเป็นตอนที่หมอหลินประคองโจวเจ๋อออกมาจากห้องเพื่อเข้าไปแก้ปัญหานี้ จากนั้นจึงได้ยินเสียงของผู้ชายกับผู้หญิงทั้งสองร้องออกมาอย่างหวาดกลัว
“มีผี!”
“มีผี มีผี!”
จากนั้นผู้ชายกับผู้หญิงคู่นั้นจึงรีบพุ่งออกจากกำแพงเรือนสี่ประสานอย่างรวดเร็วภายใต้การจ้องมองของโจวเจ๋อวิ่งหนีอุตลุดเลยทีเดียว
หมอหลินแทบไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งรู้สึกกลัวเล็กน้อย พูดพึมพำว่า “เอ่อคุณตาคนนั้น ก็เป็นผีเหรอ”
ผีตนหนึ่ง เดินให้เห็นตัวเป็นๆ อยู่บนถนน แล้วยังพาเธอกับโจวเจ๋อกลับมาที่บ้าน กินข้าว เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนตัวเอง
โจวเจ๋อส่ายหน้า แล้วพูดแก้ให้ถูกต้อง “พวกเขาไม่ได้พูดว่ามีผี (กุ่ย) แต่พูดว่ามีกุ้ย ที่มาจากคำว่ากุ้ยเหริน (ผู้อุปถัมภ์)”
มีผู้อุปถัมภ์อยู่ ภูตผีล้วนหลบไป
…………………………………………………………………………